[爆卦]Keycaps是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇Keycaps鄉民發文沒有被收入到精華區:在Keycaps這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 keycaps產品中有62篇Facebook貼文,粉絲數超過2,561的網紅Poyja Lifestyle,也在其Facebook貼文中提到, Keycaps ภาษาไทย ลาย Super Mario อันนี้ตอบโจทย์คนที่พิมพ์สัมผัสไม่ได้อย่างปอยมากๆค่า😍❤️ แถมน่ารักมากๆด้วยยย🥰 เอามาใช้คู่กับ keyboard Anne Pro2 ที่เปลี...

 同時也有55部Youtube影片,追蹤數超過11萬的網紅rarapon/ららぽん,也在其Youtube影片中提到,かわいいなぁ <もくじ> 0:00 暇だなぁ 0:39 キーキャップを作りたい 2:56 使う材料 4:22 テストで作ってみた 5:51 作り方 7:56 いっぱい作ってみた 9:49 作ったもの紹介 12:17 まとめ。 ■参考動画 【子猫ちゃんの】激カワぷにぷに肉球キーキャップDIY/C...

  • keycaps 在 Poyja Lifestyle Facebook 的最佳貼文

    2021-09-25 21:16:05
    有 7 人按讚

    Keycaps ภาษาไทย ลาย Super Mario อันนี้ตอบโจทย์คนที่พิมพ์สัมผัสไม่ได้อย่างปอยมากๆค่า😍❤️ แถมน่ารักมากๆด้วยยย🥰
    เอามาใช้คู่กับ keyboard Anne Pro2 ที่เปลี่ยนเป็นเคสไม้แล้วยิ่งดูเข้ากันมากๆเลยค่ะ💓
    อันนี้แนะนำเลย สำหรับคนที่อยากได้ keycap ไทย ลายน่ารักๆ😍💕
    พิกัดปอยสั่งจาก shopee นะคะ^^
    -Keycaps ไทย ลายมาริโอ้▶️ https://shp.ee/qg3ma5m
    -คีย์บอร์ด ANNE PRO 2▶️ https://shp.ee/bqwesmf
    -เคสไม้ สําหรับ Anne Pro2▶️ https://shp.ee/7x6z36r
    -ที่ดึงคีย์แคป รูปอุ้งเท้าแมว รูปหัวใจมีปีก▶️ https://shp.ee/f5ubapj

  • keycaps 在 Facebook 的最讚貼文

    2021-09-21 00:14:50
    有 249 人按讚

    คีย์บอร์ด RK860/RK100 Mechanical Bluetooth Keyboard ปุ่มครบ ๆ ที่เชื่อมต่อ BT ได้ 3 อุปกรณ์, มี USB C และ ต่อแบบ Wireless แถมปุ่มแบบ Hot Swap เปลี่ยนปุ่มเมื่อเสียเป็นบางปุ่ม หรือเปลี่ยนลักษณะปุ่มได้ ที่ลองซื้อมาแบบ Red Switch แล้วใช้งานชินแล้วทำให้เข้าใจว่าเป็นคีย์บอร์ดสายซิ่งพิมพ์เร็วนี่เอง (เนื้อหานี้ก็พิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดตัวนี้เช่นกัน)...

    ช่วง 9.9 ผมสั่งคีย์บอร์ดตัวนี้ส่งมาจากจีน สาเหตุก็คือ เดือนก่อนซื้อแบบ Mechanical Blue Switch มาใช้แล้วชอบ ตอบโจทย์ความพิมพ์สนุกมาก ๆ ก็เลยอยากลองแบบ Red Switch บ้างว่าเป็นอย่างไร แต่ก่อนจะไปเรื่องนั้นมาลองดูประสบการณ์หลังจากใช้งานมา 5 วันจนชิน แบบยังไม่ปรับแต่งก่อนครับ...

    ตัว RK100 เป็นคีย์บอร์ดแบบ สายปุ่มเยอะ มีทั้งแถวบนที่เป็น Esc F1 - F12 และ ปุ่มฝั่ง Numpad ที่มีปุ่มตัวเลขไว้คีย์ได้สะดวก เรียกว่าถ้าคนที่ชอบปุ่มเยอะ แต่อยากให้มันมีขนาดเล็กกว่าแบบ Full Size หน่อย ก็คงมาเป็นแบบนี้แหละครับ...

    สัมผัสแรกของการแกะกล่องมาใช้พบว่า ตัวคีย์บอร์ดมันมีน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก ส่วนนึงน่าจะเพราะแบตเตอรี่ที่ใส่มา 3,750 mAh ซึ่งถึอว่าเยอะพอใช้งานเป็นอาทิตย์ได้แม้จะเปิดไฟบนคีย์บอร์ดด้วยก็ตาม และส่วนที่ดีคือน้ำหนักที่มากคือการเกาะโต๊ะไม่เคลื่อนเมื่อโดนชนโดยบังเอิญ นอกจากนี้ในกล่องยังมีสาย USB C to A สำหรับต่อกับคอมฯ และคีมหนีบที่หนีบได้ทั้ง Keycaps และตัวสวิตซ์คีย์บอร์ด...

    ระบบไฟของคีย์บอร์ดตัวนี้ เป็นไฟสีขาว ปรับรูปแบบอนิเมชั่นของไฟได้หลายแบบ และปรับความเร็วของอนิเมชั่นได้ รวมถึงปิดไฟได้ด้วยถ้าไม่ได้ต้องการใช้งาน จากบนคีย์บอร์ดเลย ซึ่งเท่าที่ลองดูในห้องที่เปิดไฟก็รู้สึกว่าต้องปิดไฟ หรือเอามือบังนิดนึงแสงถึงจะออกมาให้เห็นชัดขึ้น...

    ตัวปุ่มลองแกะออกมาดู สามารถใช้คีมที่ให้มาหนีบได้เลยทั้ง Keycaps ที่เป็นฝาปุ่มกด และตัวสวิตซ์คีย์บอร์ด เพื่อเปลี่ยนสวิตซ์แบบที่ต้องการได้ หรือเปลี่ยนแทนปุ่มที่เสียก็ได้เช่นกัน...

    ผมเลือกสวิตซ์ปุ่มมาแบบ Red Switch ซึ่ง สาเหตุที่เลือกก็คือตอนใช้ Blue Switch มีเสียงดัง ก็เลยลอง Red Switch บ้าง เพราะมันเป็นแบบเสียงเบา ซึ่งพอลองเอามาพิมพ์ก็พบว่า เสียงต่างกันมาก จากที่เคยพิมพ์ดังต๊อกแต๊ก ๆ กลายเป็น แกร่ก ๆ เบา ๆ เท่านั้นเอง (เบาหูไปเยอะเลย) และขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าแรงที่ใช้กดมันน้อยลง ทำให้ช่วงที่ใช้งานแรก ๆ รู้สึกว่ากดง่ายจนลั่นปุ่มไปหน่อยเวลาลงนิ้ว (ความรู้สึกคือไม่เฟิร์มต้องลงจังหวะแน่น ๆ เหมือนฝั่ง Blue Switch) แรก ๆ พิมพ์ไปก็รู้สึกว่ามันเร็วไปไหม...

    แต่หลังจากใช้มา 5 วันต่อเนื่อง จนชินพบว่า ถ้าสายที่ชอบพิมพ์เร็ว พิมพ์สัมผัสแม่นยำ กดคำเรียงตัวอักษรเป็นคอมโบ มันตอบโจทย์มาก ๆ หลาย ๆ คำที่พิมพ์คล่อง ๆ พิมพ์เร็วกว่าแบบ Blue Switch มากมาย คือจังหวะลงนิ้วมันจะต่อเนื่องกันได้เร็วมากกว่า เพราะต้องรับแรงกดที่น้อยกว่า ทำเวลาพิมพ์ได้เร็ว แต่ถ้าพิมพ์สำผัสไม่แม่น มือไปก่อนก็จะเผลอกดตัวอักษรที่พลาดได้ไวเช่นกัน (พอพิมพ์เร็ว ๆ เป็นประโยคยาว ๆ ต่อเนื่องได้จะสนุกกับปุ่มลักษณะนี้)...

    จุดเด่นอีกอย่างนึงที่ชอบมากของคีย์บอร์ดฝั่ง RK ที่พัฒนาจากรุ่นก่อน ๆ ในตัวนี้ก็คือ มันสามารถสลับการใช้งานระหว่าง Windows และ Mac ได้ แต่ต้องกดสลับเอง ข้อดีคือตรงปุ่ม Command, Option และ Control มันจะกดได้ถูกตำแหน่งของมัน (ใน Mac จะตั้งค่าตรงนี้สลับได้ถ้าไม่มีตัวสลับ) ทำให้ใช้งานกับ iPad ที่ไม่สามารถตั้งค่าให้ปุ่มสลับได้ราบรื่นเหมือนกับบน Mac ได้เลย...

    พูดถึงจุดที่ดีไปเยอะหลายอย่างแล้ว มาลองดูจุดสังเกตกันบ้าง...

    คีย์บอร์ดตัวนี้เป็นการเอาปุ่มแบบ Full Size มาย่อรวมให้กระชับพื้นที่มากขึ้น ผลก็คือเวลาที่ผมเลือกกดตัวอักษรแล้วจะมากดลูกศรล่างขวามือเพื่อควบคุมทิศทางมันจะวืดไปโดนปุ่มตัวเลข Numpad บ่อยมากในวันแรก ๆ ที่ใช้ (เพราะมันเป็นคีย์บอร์ดสายซิ่ง เวลาพิมพ์ตัวอักษรความเร็วมือมันจะไปไวมากจนเลื่อนมากดลูกศรหรือ Numpad พลาดง่าย)...

    ก็เลยแก้ปัญหาโดยการ เอาปุ่ม Keycaps ที่มีความสูงต่างกัน มาใส่ตรงตัวปุ่มลูกศรขึ้นลงซ้ายขวา, ปุ่ม Enter และปุ่มที่มักจะเผลอกดเลยให้สูงขึ้นแทน ผลทำให้เวลาเลื่อนมือไปสัมผัสปุ่มนอกเลย์เอาท์ตัวอ้กษรสามารถคลำผ่านเวลาเลื่อนมือขวาไปสัมผัสได้ง่ายขึ้นนั่นเอง...

    อีกส่วนที่รู้สึกก็คือ ขนาดของมันมีความกว้างและสูงที่เยอะกว่า ตัวรุ่น 61 หรือ 68 ปุ่มพอสมควร (ก็ปุ่มมันเยอะขึ้น) ทำให้รู้สึกว่าเวลาวางบนโต๊ะแล้วมีความกินพื้นที่ ดูโต๊ะแน่นขึ้นมาหน่อยนึงเลย...

    ในเรื่องของ Keycaps ที่เปลี่ยน สาเหตุก็คือ ผมถนัดปุ่มคีย์บอร์ดแบบ ปุ่มต่ำมาก่อน ทำให้เวลาพิมพ์ก้าวนิ้วไม่ชอบยกนิ้วสูงมาก และคีย์บอร์ดแบบ Mechanical มันเปลี่ยนตัว Keycaps ได้ ซึ่ง Keycaps แบบที่ลดความสูงไปได้ นั่นก็คือ Keycaps แบบ XDA Profile (มีรูปประกอบเท่ียบความสูงอยู่) ซึ่งปุ่มทุกปุ่มจะมีความสูงเสมอกันและต่ำกว่าแบบปกติที่มากับตัวคีย์บอร์ด ทำให้พิมพ์ถนัดขึ้น และการวางมือและความคุ้นเคยเหมือนกับการใช้คีย์บอร์ดฝั่ง Blue Switch ที่เปลี่ยน Keycaps แบบเดียวกันไปก่อนหน้า...

    ถ้าให้สรุปสำหรับคีย์บอร์ดตัวนี้ ก็คงเป็นเรื่องการที่มีปุ่มที่เพิ่มมากขึ้น เหมาะกับคนที่ยังต้องกดสลับภาษาด้วยปุ่ม Grave Accent ( ` ) , ยังคงต้องใช้ปุ่ม F1 - F12 อยู่ และยังต้องใช้ปุ่มตัวเลขฝั่ง Numpad ก็ยังสามารถใช้ได้เหมือนเดิม โดยขนาดเล็กลงกว่าแบบ Full Size 104 Keys แบบมาตรฐาน...

    ถ้าพูดถึงเรื่องความคล่องหลังจากที่ลองมา 3 วันก่อน อาจจะรู้สึกว่าแบบ Blue Switch จะพิมพ์ได้เฟิร์มกว่า แต่หลังจากที่ลองจนพิมพ์ได้คล่องก็พบว่า แบบ Red Switch ก็พิมพ์ข้อความรวบคำได้่รวดเร็วและลื่นไหลกว่าเช่นกัน ดังนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนแล้วล่ะครับ ว่าชอบแบบไหน แต่ที่แน่ ๆ เรื่องความเงียบของการพิมพ์สัมผัสแบบเร็ว ๆ นั้นตอบโจทย์แน่ ๆ และยังคงความเด้งของปุ่มที่ทำให้พิมพ์สนุกด้วย...

    Mechanical Gaming Keyboard Royal Kludge RK860/RK100 แบบ Hotswap เปลี่ยนปุ่มได้ ผมสั่งมาจาก Shopee ร้าน sxztech > https://shp.ee/uifkfe7

    คีย์บอร์ดเลือกสีขาวและดำได้ รวมถึงสวิตซ์ก็เลือกได้ทั้งแบบ Blue Switch, Brown Switch และ Red Switch เช่นกัน...
    > https://shp.ee/gax7hn7 (1,733.- เท่ากันทุกแบบ)...

    ส่วน Keycaps แบบ XDA Profile ครั้งนี้ ผมลองเปลี่ยนร้านให้ถูกลงกว่าร้านเดิม > https://shp.ee/z9s37st (572.-) มาเป็นอีกร้าน ก็ส่งจากจีนมาถึงไทยไวพอ ๆ กับคีย์บอร์ดครับ...
    > https://shp.ee/sjm9n2j (499.-)

    *Disclosure: เนื้อหานี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานใด ๆ ...

  • keycaps 在 Facebook 的最讚貼文

    2021-09-17 22:49:16
    有 772 人按讚

    ความรู้สึกของคนที่ได้ลองใช้ Keyboard แบบ Mechanical Switch มา 1 เดือน.. หลังจากที่เคยใช้คีย์บอร์ดสไตล์แบบโน๊ตบุ๊คมาตลอดเกือบ 8 ปี...

    เมื่อเดือนที่แล้วผมลองสั่งคีย์บอร์ดแบบ Mechanical มาใช้ เพราะราคาค่อนข้างดี และพอลองใช้แล้วก็โอเค หลังจากที่ก่อนหน้านี้ใช้คีย์บอร์ดแบบปุ่มยาง หรือกลไกแบบปีกผีเสื้อที่มีบนโน๊ตบุ๊คมา...

    ส่วนนึงที่แทบไม่อยากลองเลย เพราะเรื่องของราคา คีย์บอร์ดแบบ Mechanical นั้นมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคีย์บอร์ดในท้องตลาด และอีกอย่างที่เป็นเรื่องที่ไปลองแล้วไม่ค่อยชอบทุกทีเวลามีโอกาสไปลองตามร้านคอมฯ ก็คือ ความสูงของปุ่มที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อคนที่ใช้คีย์บอร์ดแบบแป้นต่ำเอาซะเลยครับ...

    สำหรับคนที่พิมพ์แบบสำผัส (มองที่จอ ไม่ได้มองแป้นพิมพ์) ความถนัดในการพิมพ์และการวางนิ้วถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เพราะนิ้วจะต้องก้าวไปตามตำแหน่งของตัวหนังสือต่าง ๆ บนแป้นพิมพ์ได้โดยอัตโนมัติ โดยไม่มีสะดุดหรือก้าวไปแล้วไม่สามารถประกอบเป็นคำที่ตั้งใจไว้ได้

    พอเปิดใจลองทีไรเวลาก้าวนิ้วพิมพ์ก็พบว่ามันก้าวนิ้วสูงมาก ยิ่งไปเจอบางรุ่นสมัยยังไม่มีความรู้เรื่องของชนิดปุ่ม เวลาก้าวนิ้วไม่พ้นปุ่มจะรู้สึกพิมพ์แล้วหงุดหงิดมาก...

    แน่นอนว่าความสูงของปุ่มบนคีย์บอร์ดนั้นค่อนข้างที่จะต่างกันพอสมควรครับ แต่ภายหลังก็รู้ว่า ชนิดของปุ่มที่อยู่บนสวิตซ์คีย์บอร์ดนั้นสามารถเปลี่ยนได้ ซึ่งคีย์บอร์ดแบบ Mechnical มันรองรับตรงนี้ เราสามารถที่จะหาปุ่มที่มีความสูงรองลงมาหน่อยอย่าง XDA Profile มาเพื่อลดความสูงและทำให้ระดับของปุ่มบนคีย์บอร์ดเท่ากันทุกปุ่ม...

    ตัวแรกที่ผมได้ใช้ คือคีย์บอร์ดแบบ Blue Switch ความสูงคีย์แบบ OEM เดิม ๆ ใช้เวลาลองประมาณครึ่งวันโดยการนั่งพิมพ์ทุกสิ่งที่คิดในหัวออกมาด้วยคีย์บอร์ด จนเริ่มชินแล้วก็พบว่า มันสนุกมาก ๆ ในการพิมพ์ข้อความต่าง ๆ ลงไป (แม้แรก ๆ จะไม่คุ้นอย่างมากก็คือเรื่องเสียงต๊อกแต๊ก ๆ ที่ดังอยู่ตลอดเวลา) แต่ทุกครั้งที่กดแป้นพิมพ์ลงไป มันจะรู้สึกถึงความแม่นยำของการลงนิ้วจนสุด เพื่อให้เกิดตัวอักษรแต่ละตัวขึ้นบนหน้าจอ ทำให้ความมั่นใจในการพิมพ์เพิ่มขึ้น และอีกส่วนพอแป้นคีย์บอร์ดมันมีการลงไปสุดแล้ว มีแรงกระแทกเด้งกลับมาเวลาพิมพ์ตัวเดิมซ้ำอีก จะทำให้รู้สึกว่า เราต้องการพิมพ์ตัวนั้นซ้ำจริง ๆ ไม่ได้ลั่นกดปุ่มไปเอง...

    พอหลังจากใช้งานวันแรก ก็ใช้งานมาตลอดทุกวัน และก็สนุกกับการพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดแบบนี้มาก (และเริ่มชินกับเสียงของคีย์บอร์ดที่นั่งพิมพ์ในห้องไม่ได้รบกวนใคร เพราะอยู่ที่บ้านคนเดียวอยู่แล้ว) เวลาจะพิมพ์อะไรก็รู้สึกว่า ถ้าได้พิมพ์บนคีย์บอร์ดแบบนี้มันถนัดกว่าจริง ๆ ...

    อีกส่วนที่ผมชอบคีย์บอร์ดที่แยกมาจากจอ แม้จะใช้โน๊ตบุ๊ค ก็คือ การวางจอให้ได้ระดับสายตาที่สูงขึ้นได้ โดยที่มือที่วางคีย์บอร์ดไม่ต้องยกสูงขึ้นตามไปด้วย สามารถที่จะดึงคีย์บอร์ด มาอยู่ใกล้ ๆ ตัวให้พิมพ์ถนัด และดันโน๊ตบุ๊คไปวางไกลตัวหน่อยได้ (ผมเป็นคนสายตาสั้น ไม่ได้ดันไปเพราะมองไม่เห็นต้องมองไกล ๆ แบบคนสายตายาว) แต่ มันสามารถทำให้มองเห็นทั้งจอได้มากกว่าเดิม จากเดิมที่ปกติ ต้องก้มคอเล็กน้อยเพื่อมองจอโน๊ตบุ๊คขณะพิมพ์ และอยู่ใกล้จอจนโฟกัสได้แค่พื้นที่ที่พิมพ์ตรงกลาง ก็กลายเป็นสามาถยกจอโน๊ตบุ๊คให้สูง โดยใช้ Stand วางโน๊ตบุ๊คได้สบายไม่ต้องสนความเอียงของคีย์บอร์ดที่อยู่บนโน๊ตบุ๊ค...

    การนั่งพิงเก้าอี้ที่มีพนักพิง ก็สามาถพิงแนบเก้าอี้ได้ตามไปด้วย ทำให้นั่งได้ถูกสุขลักษณะมากขึ้น ไม่ต้องนั่งตัวตรงก้มมาข้างหน้าหน่อยเหมือนอย่างเคย ข้อดีคือทำให้ไม่ปวดหลังเวลานั่งพิมพ์หน้าคอมนาน ๆ นั่นเอง...

    พอหลังจากใช้คีย์บอร์ดแบบ Blue Switch ไปได้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ เมื่อ 9.9 ผมก็สั่งคีย์บอร์ด Mechanical แบบ Red Switch มาลองบ้าง ส่วนนึงก็เพราะราคาที่พอรับได้ และอยากรู้ว่ามันจะเงียบกว่าคีย์บอร์ดแบบ Blue Switch หรือเปล่า???

    สรุปสั้น ๆ หลังจากใช้งานมา 2 วัน เต็ม ๆ ก็คือ มันเงียบกว่ามาก ๆ ชนิดที่ถ้าใครที่เคยใช้คีย์บอร์ดคอมแบบปุ่มยาง ไม่ว่าจะแป้นสูงหรือแป้นต่ำ แล้วพิมพ์เร็ว ๆ เสียงที่ได้ก็จะเป็นแบบนั้นเลยครับ จากเดิมที่เคยพิมพ์แล้วมีเสียงต๊อกแต๊ก ๆ ตลอดเวลา (โดยเฉพาะเสียงเคาะ แป้นหลัก ASDFJKL; ปุ่ม Enter และ Spacebar ที่จะดังกว่าปุ่มอื่น ๆ จากแรงกระแทก) เสียงเหล่านั้นหายไปหมดเลย...

    ซึ่งเอาจริง ๆ มันก็ตอบโจทย์ที่เคยคิดไว้เลยว่า ถ้าพิมพ์แล้วไม่ต้องมีเสียงดัง แต่ได้ลักษณะปุ่มที่มีคุณภาพแบบ Mechanical Keyboard ก็คงจะดี แต่ขณะเดียวกัน สิ่งที่ตามมาก็คือ พอกดแล้วไม่มีเสียงตอบรับ และกดแล้วปุ่มไม่ได้ต้านสู้มือมากเท่าแบบ Blue Switch ก็ทำให้ความมั่นใจในการพิมพ์ลดลงไปพอสมควรเหมือนกัน...

    กลายเป็นต้องใช้สมาธิในการมองให้ชัวร์อีกทีว่า ปุ่มที่พิมพ์ลงไปนั้นขึ้นบนจอจริง ๆ หรือยัง เพราะทุกปุ่มที่กดลงไป มันแทบจะไม่มีเสียงตอบรับจากแป้นพิมพ์ที่อยู่ตรงหน้าเลย...

    ซึ่งถ้าคนที่เคยใข้คีย์บอร์ดแบบปุ่มยางมาก่อนแล้วไม่อยากเปลี่ยนความรู้สึกมาก ผมมองว่าคีย์บอร์ดแบบ Mechanical Red Switch น่าะจะเป็นทางเลือกที่ดี และถ้าซื้อไปใช้ที่ทำงานที่มีคนในห้องรวมกันไม่อยากให้มีเสียงรบกวนตัว Mechanical Red Switch น่าจะตอบโจทย์ตรงนี้มาก ๆ ...

    พอมาถีงจุดนี้หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่า แล้วถ้าพิมพ์คีย์บอร์ดแบบ Mechanical Switch จนติดไปแล้ว มาพิมพ์คีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คเหมือนเดิมจะทำให้รู้สึกพิมพ์ไม่ถนัดไหม ผมเองก็คิดเช่นกัน ดังนั้นตั้งแต่ต้นย่อหน้ามา ก็เลยเป็นการพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดบน MacBook ตามปกติครับ ผลก็คือ มันยังพิมพ์สัมผัสได้เหมือนเดิม เพียงแต่ว่า การก้าวนิ้วนั้น เหมือนมีแรงมากขึ้นในการก้าว มีจังหวะของการเคาะลงไปที่มีช่วงยกและกดชัดเจนมากขึ้น (เหมือนนิ้วมีแรงกดกระแทกมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง) ทำให้สามารถพิมพ์ได้แม่นยำเหมือนเดิมแม้ความสูงของแป้นพิมพ์จะลดลงมาก ๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการพิมพ์แต่อย่างไร (แต่มีอุปสรรคต่อการมอง เพราะต้องกลับมามองจอที่อยู่ระดับต่ำลงอีกแล้ว)...

    ดังนั้นในมุมของคนที่พิมพ์คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์แบบสัมผัส ก็บอกได้ว่า การใช้คีย์บอร์ดแบบ Mechanical Switch ก็ทำให้เหมือนได้ออกแรงนิ้วมากขึ้นในการพิมพ์ แต่ขณะเดียวกันก็เหมือนได้ขยับนิ้วมาขึ้น โดยข้อมือยังอยู่ในตำแหน่งเดิม มีการยกมือบ้างเล็กน้อยเพื่อเขยิบไปพิมพ์ส่วนแถวกลาง ๆ ตอนบน...

    ซึ่งก็แนะนำว่า มันทำให้การพิมพ์สนุกขึ้นจริง ๆ จนอยากจะไปลองซื้อแบบ Bronw Switch มาลองอีกตัว ซึ่งไม่ว่าเรื่องเสียงและสัมผัสนั้นว่ากันว่าอยู่กึ่งกลางระหว่าง Blue และ Red Swich อีกที....

    มาถึงตอนนี้ถ้าคนที่เห็นคีย์บอร์ดแบบนี้อาจจะเริ่มงงว่า เอ๊ะแล้วมันมีคีย์บอร์ดแบบ เล็ก ๆ ตั้งแต่ 61 ปุ่ม ไปจนถึงเยอะ ๆ เต็ม ๆ แบบ 134 ปุ่ม แล้วมันจะต่างกันไหม??? หลัก ๆ สำหรับการพิมพ์แบบสัมผัสนั้น ระยะห่างจากแต่ละปุ่มแทบจะไม่ต่างกันเลยสำหรับปุ่มหลักบนคีย์บอร์ด แต่ที่จะต่างกันไปก็คือ ปุ่มแถวบนแถวที่ 5 หรือด้านข้างที่อาจจะมีปุ่มลูกศร รวมไปถึงปุ่ม NumPad ซึ่ง นั่นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ของแต่ละคน ว่าจำเป็นต้องใช้ปุ่มเหล่านั้นไหม ซึ่งการลดจำนวนปุ่มลงให้เหลือเพียงแค่ปุ่มที่จำเป็นต้องใช้ ก็จะช่วยในแง่ของการลดพื้นที่ใช้งานบนโต๊ะ เพราะคีย์บอร์ดจะมีขนาดเล็กลง และมีพื้นที่วางเมาส์และอุปกรณ์ต่าง ๆ มากขึ้น...

    รวม ๆ ก็ประมาณนี้ครับ หลังจากที่รู้จักคีย์บอร์ดแบบนี้ และรู้ว่ามันสามารถเปลี่ยนชนิดปุ่มบนคีย์บอร์ดให้สอดคล้องกับการใช้งานของตัวเองได้ ก็ทำให้พิมพ์ได้สนุกมากขึ้น แถมไม่ต้องก้มคอมองจอที่อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาต่อไปแล้ว...

    สุดท้ายแล้ว บางคนอาจจะมองว่าการเปลี่ยนคีย์บอร์ดเป็นเรื่องที่อาจจะดูไกลตัว แต่หลังจากที่ได้ลองเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการพิมพ์ก็พบว่า เป็นสิ่งที่แก้ปัญหาเรื่องการนั่งพิมพ์หน้าจอทั้งวันแบบผิดท่าได้เป็นอย่างดีเลยครับ...

    คีย์บอร์ด Mechanical Blue Switch 68 Keys ผมสั่งจาก...
    > https://bit.ly/3yM4AGy (1,189.-)

    เปลี่ยน Keycaps ใหม่เป็นสีขาวครีมแบบ XDA Profile สั่งจาก...
    > https://shp.ee/z9s37st (572.-)

    คีย์บอร์ดแบบ Mechanical Red Switch 100ปุ่ม RK860/RK100 สั่งจาก...
    > > https://shp.ee/qf9nexj (1,733.-)

    *Disclosure: เนื้อหานี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานใด ๆ ...

你可能也想看看

搜尋相關網站