#ข้าวผัดรถไฟ เที่ยวไปทิพย์ไปก่อนช่วงนี้ ทำแล้วคิดถึงบรรยากาศบนโบกี้รถไฟสุดๆ ทำข้าวผัดกินไปก่อนละกัน

วัตถุดิบ
1.เนื้อหมู 1 ถ้วย
2.ไข่ไก่ 3 ฟอง
3.คะน้า (ตามใจชอบ)
4.ข้าว 1 ถ้วย
5.ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
6.ซอสฝาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
7.พริกไทย 2 ช้อนชา
8.เกลือ 1 ช้อนชา
9.ต้นหอม (ตามใจชอบ)
10.หอมใหญ่ (ตามใจชอบ)
11. มะเขือเทศ ครึ่งลูก

วิธีทำ
1.ตั้งกระทะใส่น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นผัดหมูให้สุก จากนั้นใส่ไข่ลงไปค่อยๆยีไข่ให้แตก ผัดให้เข้ากัน
2.ใส่ข้าวลงผัดให้เข้ากัน ใส่คะน้าคลุกให้เข้ากัน
3.ปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรม ซอสฝาเขียว พริกไทย เกลือ ผัดให้เข้ากัน (ถ้ารู้สึกว่าสียังไม่สวย แนะนำให้ใส่ซีอิ๊วดำสักเล็กน้อย)
4.ใส่ต้นหอม หอมใหญ่ มะเขือเทศ คลุกให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ
#eatguidecooking

ทำไมในสมัยก่อน มนุษย์เราถึงไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กลางทะเลได้เป็นเวลานาน

ในยุคแห่งการค้นหาแผ่นดินใหม่เมื่อราวๆ 500 ปีที่แล้ว (Age of Discovery) ไม่ว่าจะเป็น วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) นักเดินเรือชาวโปรตุเกสที่สามารถนำเรืออ้อมแหลมกู๊ดโฮปจนผ่านมาถึงมหาสมุทรอินเดียได้เป็นครั้งแรก หรือจะเป็นเฟอร์ดินานด์ แมคเจลแลน (Ferdinand Magellan) ที่พากองเรือวนรอบโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก และไม่ว่าจะครั้งใดๆก็ตาม หรือไม่ว่านักเดินเรือคนนั้นจะเก่งแค่ไหน ลูกเรือของพวกเขาเกินครึ่งหนึ่งของที่ออกจากบ้านมาในตอนต้นกลับไปไม่ถึงบ้านของพวกเราในตอนจบ โดยการเดินทางแต่ละครั้งของพวกเขาล้วนกินเวลาหลายปี เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น ลูกเรือก็ค่อยๆเสียชีวิตลงโดยที่ไม่มีใครทราบว่าเพราะอะไร โดยที่สาเหตุที่จบชีวิตพวกเขาลงก่อนวัยอันควรนั้น ไม่ใช่ จากการถูกฆ่า ติดเชื้อโรค หรือ ไม่มีอาการกินจนตาย

แต่เป็นเพราะว่าพวกเขา "ขาดวิตามินซี" จนตาย

เรื่องราวของวิตามินซีดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าตื่นเต้นอะไรสำหรับในโลกยุคปัจจุบันอีกต่อไป เพราะรู้สึกว่ามันหาได้ง่ายและก็มีอยู่ทุกที่ แต่กลับเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตจนพรากชีวิตคนเรือไปมากกว่า 2 ล้านคนในช่วงยุคแห่งการค้นหาผืนแผ่นดินใหม่ทั่วโลก (ค.ศ. 1500 - ค.ศ. 1800)

แล้วการขาดวิตามินซี มันทำให้เราตายได้เลยเหรอ คำถามที่ไม่น่าจะเกิดในคนยุคนี้ แต่เป็นคำถามที่คนยุคก่อนยังหาคำตอบไม่ได้

วิตามินซี (Vitamin C) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า Ascorbic acid เป็นสารที่สำคัญในร่างกาย เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง โดยกรดแอสคอร์บิกจะไปอยู่ในกระบวนการต่างๆ ของร่างกายจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนขึ้นมา ซึ่งคอลลาเจนถือว่าเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกายที่มีความสำคัญในทุกๆส่วน ไล่มาตั้งแต่ หลอดเลือด กล้ามเนื้อ ผิวหนัง เส้นเอ็น กระดูก หรืออื่นๆ อีกมากมาย

การขาดวิตามินซี จะทำให้ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์คอลลาเจนขึ้นมาได้ (วัถตุดิบต้นทางคือกรดอะมิโนไลซีนและโพรลีนจะถูกนำไปสร้างเป็นคอลลาเจนผ่านเอนไซม์ Hydroxylase ที่มีวิตามินซีเป็นโคแฟคเตอร์ที่สำคัญ) เมื่อมีแต่วัตถุดิบแต่ไม่มีคนปรุงอาหาร ก็เช่นเดียวกันคือร่างกายก็สร้างคอลลาเจนไม่ได้นั่นเอง

เมื่อคอลลาเจนไม่พอในร่างกาย อวัยวะที่ต้องใช้คอลลาเจนในการคงรูปร่างก็จะสูญเสียคุณสมบัตินั้นไป ทำให้เกิดการแตก หัก หลุดของอวัยวะนั้นๆ เช่น หลอดเลือดก็จะแตกได้ง่ายขึ้น การสร้างกระดูกก็จะมีปัญหาแตกหักได้ง่ายขึ้น ฟันก็จะไม่แข็งแรงเหงือกอ่อนแอ เลือดออกตามไรฟัน แผลเกิดแล้วหายได้ยาก ผิวแห้ง และสุดท้ายอวัยวะภายในก็จะล้มเหลวในที่สุด

อาการขาดวิตามินซีจนเกิดโรคแล้วเสียชีวิตในที่สุดมีชื่อที่เรียกว่า “Scurvy” หรือภาษาไทยว่า “ลักปิดลักเปิด” โรคนี้บันทึกอาการและประวัติทางการแพทย์มายาวนานหลายพันปี แต่กว่าที่มนุษย์จะมาทราบสาเหตุจริงๆก็ปาเข้าไปปี ค.ศ.1747 ที่นายแพทย์ James Lind แพทย์ประจำเรือ HMS Salisbury ของราชนาวีอังกฤษ ค้นพบจากงานวิจัยของตนเองว่า การให้ลูกเรือได้รับ “ส้ม” และ “มะนาว” ในเวลานั้นสามารถทำให้อาการลักปิดลักเปิดที่เริ่มเกิดในลูกเรือของเรานั้นดีขึ้นและหายไปได้ ก่อนที่ความรู้นั้นจะถูกพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน

และนี่ก็คือเรื่องราวส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ที่อยู่ท่ามกลางท้องทะเลนั่นเองครับ

สุดท้ายขอฝากเกร็ดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับวิตามินซี

ปัจจุบันการขาดวิตามินซีเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก เนื่องจากวิตามินซีนั้นพบได้ทั่วไปในผักทั่วไปเช่น บลอคโคลี คะน้า หรือพวกกลุ่มผลไม้เปรี้ยวๆเช่น ส้ม มะนาว เบอรี่ต่างๆ และปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันขั้นต่ำก็ไม่มากเพียงราวๆ 65-90 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ โดย 65-90 มิลลิกรัม/วัน นั้นเทียบเท่ากับส้มโดยประมาณ 2 ลูกนั่นเองครับ และกว่าที่เราจะมีอาการขาดวิตามินซีเราต้องไม่ได้รับวิตามินซีใดๆเลยอย่างน้อย 4 สัปดาห์ขึ้นไปซึ่งไม่น่าพบได้ในยุคปัจจุบันอีกแล้ว แต่ขอเสริมอีกนิดนึงว่าเรื่องของวิตามินซีนั้นปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และมีการนำไปใช้ในแง่ของการป้องกันโรคอีกมากมายที่ไม่ได้พูดกันแค่ปริมาณขั้นต่ำที่ต้องทานเพื่อป้องกันโรคลักปิดลักเปิดอีกต่อไปแล้วครับ

ต้มจับฉ่ายสูตรเด็ด
https://youtu.be/O98j9J38Noo
หมูสามชั้น 4 ขีด
ซุปก้อน 1 ก้อน
กระเทียมจีนสับ 3 กลีบ
หัวไชเท้า 3 หัว
เห็ดหอม 4 ดอก
คึ่นช่าย 1 กำ
คะน้า 1 กำ
กวางตุ้ง 5 ต้น
กะหล่ำปลี 1 หัว ผ่า 4
น้ำมัน 3-4 ชต
ซีอิ๊วหวาน 1/2 ชต
เกลือ ปลายช้อน
น้ำมันหอย 2 ชต
ซีอิ๊วขาว 2 ชต
ซอสฝาเขียว 2 ชต
น้ำเปล่าเติมให้ทั่วผักและหมูขึ้นมา 1 นิ้ว

ส่วนผสม สำหรับการเตรียมกุ้งสด
- กุ้งขาว 1.5 กิโลกรัม (แบ่งทำ 3 เมนู)
- โซดา 1 ขวด
- แป้งมันสำปะหลัง ครึ่งถ้วย
- เกลือ ครึ่งถ้วย

การเตรียมกุ้ง
ล้างกุ้ง ตัดหัวกุ้ง แกะเปลือก เหลือไว้ข้อสุดท้าย ผ่าหลังเอาขี้กุ้งออก ใส่ชามพักไว้
จากนั้น คลุกเกลือ และล้างออก จากนั้นคลุกแป้งมัน แช่น้ำโซดา 20 นาที ในตู้เย็น
เสร็จแล้วล้างแป้งมันออกให้สะอาด พักกุ้งไว้ในตู้เย็น

ส่วนผสม กุ้งแช่น้ำปลา
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเย็น 3 ช้อนโต๊ะ
กุ้งที่แช่น้ำโซดาแล้ว 12 ตัว

ส่วนผสม น้ำจิ้มซีฟู้ด
- กระเทียมจีน ½ ถ้วย
- พริกขี้หนูสวน 1 ถ้วย
- รากผักชี 4-5 ราก
- มะนาว 1 ถ้วย
- น้ำเชื่อม 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ กุ้งแช่น้ำปลา
ล้างกุ้งให้สะอาด จากนั้นนำกุ้งที่ล้างเเล้วมาใส่ชาม จากนั้นนำนำ้ปลา เเละน้ำเย็น มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน พักไว้ในตู้เย็นประมาณ 10 นาที

ทำน้ำจิ้มซีฟู้ดด้วยการ ปั่น กระเทียมกับน้ำปลาก่อนเพื่อไม่ให้น้ำจิ้มสีเข้มตามสีของน้ำปลา จากนั้นใส่ รากผักชี มะนาว เกลือ น้ำเชื่อม ปั่นรวมกัน ชิมรสให้ได้ เผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน หรือตามชอบ โรยหน้าน้ำจิ้มด้วยผักชี เป็นอันเสร็จเรียบร้อย นำกุ้งที่พักไว้มาจัดในจาน โดยวางเรียงมะระจีน คะน้า สะระแหน่ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด

ส่วนผสม กุ้งแช่น้ำปลา วาซาบิ
- กุ้งที่ผ่าหลังแล้ว 12 ตัว
- น้ำจิ้มซีฟู้ด
- วาซาบิ 1-2 ช้อนโต๊ะ
ผักเคียงตามชอบ

วิธีทำกุ้งวาซาบิ
น้ำจิ้มซีฟู้ดที่เตรียมไว้ผสมกับวาซาบิคลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
จากนั้นเตรียมกุ้ง จัดใส่ถ้วยเป็นคำ ใส่มะระจีน คะน้า ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดวาซาบิ แต่งด้วยใบสะระแหน่ เป็นอันเสร็จเมนูกุ้งวาซาบิ

ส่วนผสม กุ้งปลาร้า
- กุ้งที่เตรียมไว้แล้ว 12 ตัว
- กระเทียมจีน 4-5 กลีบ
- มะนาว 4 ลูก หั่นเต๋า
- น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
- พริกแห้ง 15 เม็ด
- ปลาร้า 3 ช้อนโต๊ะ
- พริกแดง 15 เม็ด
- พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- ผงชูรส ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้
- ผักเคียงตามชอบ

วิธีทำ
เตรียมครกสำหรับโขลก กระเทียม พริกเเดง พริกแห้ง โขลกพอแตกๆ ไม่ต้องละเอียด ตักใส่ชามผสม ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา น้ำปลาร้าขวด คนให้น้ำตาลละลายดี ใส่กุ้งที่เตรียมไว้มาใส่ลงในชามผสม คลุกคล้าให้เข้ากัน ตามด้วยพริกป่น หอมแดงซอย มะนาวสดหั่นเต๋า คนให้เข้ากัน ปรุงรสตามต้องการ แล้วโรยด้วยใบสะระเเหน่ เสิร์ฟพร้อมผักเคียงตามชอบ

ผัดมาม่าไวไว ทำให้อร่อยไม่ยาก เส้นสวยนุ่มไม่เละ หมูนุ่มกำลังดี ใครก็ทำได้

ส่วนผสม
เส้นไวไว 2 ซอง
หมูบด 150 กรัม
คะน้า 3 ต้น
กะหล่ำปลี ¼ หัว
ผักชี 2 ต้น
ไข่ไก่ 2 ฟอง
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล ½ ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรสฝาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำ ½ ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมันสำหรับผัด

สูตรและวิธีทำอาหารเมนูอื่นๆของโจ๊ก
https://www.youtube.com/channel/UCTM6yfzcmOja00PUx25Igpw
-----------------------------------------------------
แบ่งปันเมนูและพูดคุยกับโจ๊กที่
https://www.facebook.com/tomjokefoodtv
-----------------------------------------------------
เว็บไซต์รวบรวมสูตรอาหารของโจ๊ก
https://www.tomjokefoodtv.com/
-----------------------------------------------------
ติดต่องาน
e-mail : tomjokework@gmail.com
-----------------------------------------------------
#ทำอาหาร #สูตรอาหาร #ครัวง่ายๆของนายต้มโจ๊ก

Tawanchaay Farm -Japan
สวนผักแม่บ้านไทย ในญี่ปุ่น วันนี้พามาเก็บคะน้าฮ่องกง ส่งลูกค้าชาวไทย ในญี่ปุ่น คะน้าช่วงนี้ก้านใบลำต้นงามไม่รสชาติผักจะอร่อยหวานกรอบ ทำกับข้างได้หลากหลายเมนูค่ะ

ไร่ตะวันฉาย ญี่ปุ่น สวนผักสะไภ้ญี่ปุ่น ในประเทศญี่ปุ่น
Tawanchaay Farm-Japan

ติดตามเพจ : https://www.facebook.com/102502281722603/posts/104481781524653/?d=n
Instagram: https://www.instagram.com/p/CH_uL1UlwEM/?igshid=vzrhuam0gxbd
Facebook : https://www.facebook.com/100046683420422/posts/205884214311025/?d=n

ขอบคุณสำหรับการติดตามชม และคอมเมนท์ทุกท่านนะคะ