雖然這篇fenway font鄉民發文沒有被收入到精華區:在fenway font這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 fenway產品中有66篇Facebook貼文,粉絲數超過178萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Facebook貼文中提到, กรณีศึกษา LeBron James นักบาสที่ทำธุรกิจ ระหว่างเล่นบาส /โดย ลงทุนแมน “LeBron James” ถูกยกย่องให้เป็นตำนานบาสเกตบอล NBA แม้ว่าปัจจุบันเขาก็ยังคงลงสนา...
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過1,140的網紅Kaity & Adrian,也在其Youtube影片中提到,Adrian and Kaity of Vigilante Fitness Couple Races at the Spartan Race Fenway Park Sprint in Boston for their trifecta ( and double trifecta on sunday...
fenway 在 Anne Yo Wang Instagram 的最讚貼文
2021-09-10 22:33:50
My first time MLB ⚾️ #fenway #redsocks #mlb...
fenway 在 Mike Yuen 袁竣鋒 #MikeYuen Instagram 的精選貼文
2021-05-26 23:59:40
《波士頓的一人之境》 開頭幾日其實我並沒有很適應,於是我一個人用腳在不停波士頓逛了幾天,以下就是我對波士頓市中心的一些感覺: Pic 1 : 上個post同大家講過我講得最多嘅英文係「唔好意思,可唔可以幫我影張相?」但係好多時候你想搵個人幫你影相都唔係想像中咁容易,幸好還可以用iPhone遙控A65...
-
fenway 在 Kaity & Adrian Youtube 的最佳解答
2016-11-19 00:32:33Adrian and Kaity of Vigilante Fitness Couple Races at the Spartan Race Fenway Park Sprint in Boston for their trifecta ( and double trifecta on sunday). First time running apart from each other in the elite heats as they usually compete in the competitive heat!
-
fenway 在 小熱唱 Youtube 的最讚貼文
2014-08-14 23:51:13Public Garden真的就如同油畫般的美麗
羅賓威廉斯在此拍攝電影 心靈捕手 的板凳
如今也充滿著大家悼念他去世的花束與照片
趁著還在波士頓
今天早起去帶大家一起去附近走走
還有之前去Fenway看紅襪隊比賽
以及我常去的飲料店Infusion
彥之
背景音樂:
張震嶽- 再見 (covered by me)
彥之's《小熱唱時間》
歡迎加入小熱唱時間FB粉絲專頁
https://www.facebook.com/littlesongtime
fenway 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
กรณีศึกษา LeBron James นักบาสที่ทำธุรกิจ ระหว่างเล่นบาส /โดย ลงทุนแมน
“LeBron James” ถูกยกย่องให้เป็นตำนานบาสเกตบอล NBA
แม้ว่าปัจจุบันเขาก็ยังคงลงสนามแข่งขันอยู่
ซึ่งนอกจากในด้านกีฬาแล้ว รู้หรือไม่ว่าเขายังเป็นเจ้าของและได้เข้าไปลงทุนในอีกหลายธุรกิจ
รวม ๆ กันแล้ว มีมูลค่าระดับหมื่นล้านบาท
แต่กว่าที่เขาจะประสบความสำเร็จทั้งด้านการแข่งขันกีฬาและธุรกิจ
ในวัยเด็ก LeBron James ก็เรียกได้ว่ามีต้นทุนติดลบตั้งแต่เกิด
แล้วเขาเปลี่ยนต้นทุนติดลบให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
LeBron James เกิดในปี ค.ศ. 1984 ที่เมืองเอกรอน รัฐโอไฮโอ
เขาเกิดในขณะที่แม่ของเขามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น
ส่วนพ่อของเขาก็ติดคุกและไม่เคยได้พบหน้ากันตั้งแต่เด็ก
นอกจากปัญหาของพ่อแม่แล้ว ชีวิตในวัยเด็กของเขาถือว่ามีต้นทุนที่ติดลบกว่าเด็กคนอื่น ๆ อย่างมาก
เริ่มตั้งแต่เมืองที่เขาเกิด..
ในการสำรวจจัดอันดับเมืองที่น่าหดหู่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา
เอกรอน คลีฟแลนด์ และอีกหลายเมืองในรัฐโอไฮโอ มักจะติดอันดับต้น ๆ อยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนัก ปัญหาคอร์รัปชัน ไปจนกระทั่งความล้มเหลวทางการกีฬา
ที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ในกีฬาประเภทใดได้เลยมายาวนานกว่า 50 ปี
ชีวิตในวัยเด็กของเขาก็ถือว่าน่าหดหู่ไม่แพ้กัน
ด้วยความที่แม่ของเขาต้องเปลี่ยนงานอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าเช่าบ้าน
ทำให้ทั้งแม่และตัวเขาเองในวัย 3 ขวบไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ต้องคอยอาศัยโซฟาในบ้านของคนรู้จักเป็นที่หลับนอนยาวนานกว่า 6 ปี
ซึ่งก็มีอยู่หลายบ้านด้วยกันที่เขาเคยย้ายเข้าไปอยู่ โดยในปี ค.ศ. 1993 เขาเคยย้ายที่อยู่ 5 ครั้งใน 3 เดือน
ในขณะที่ James เองสมัยเรียนอยู่เกรด 4 ก็เคยขาดเรียนกว่าร้อยวันจากปัญหาสภาพจิตใจและเรื่องรอบตัว
ถึงแม้จะเกิดมาด้วยต้นทุนที่ติดลบ แถมยังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม แต่ความพิเศษหนึ่งที่ติดตัวเขามาด้วยนั่นคือร่างกายที่พิเศษกว่าใคร
ในปี ค.ศ. 1993 James ในวัย 9 ขวบ มีส่วนสูงเกือบเท่ากับแม่ของเขาคือ 165 เซนติเมตร วิ่งเร็วและแข็งแรงถึงขั้นที่เรียกได้ว่าผิดปกติจากเด็กทั่วไป และในตอนนั้นเองที่เขาได้รู้จักกับ Bruce Kelker โค้ชอเมริกันฟุตบอลที่กำลังจะตั้งทีมขึ้นมาแข่งในระดับประถม
ซึ่ง Kelker ได้ดึงตัว James เข้าทีมและอาสารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างของเขาและได้ชวนสองแม่ลูกมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับเขา
ในปีแรกที่ James ลงแข่ง เขาทำทัชดาวน์ไปถึง 17 ครั้งภายใน 6 เกมที่ลงแข่งขัน ความสามารถและร่างกายของเขาโดดเด่นถึงขนาดที่ว่าโค้ชของทีมตรงข้ามต้องขอดูสูติบัตรเพราะสงสัยว่า James อาจจะโกงอายุเพื่อลงมาเข้าแข่งขัน
ต่อมา James และแม่ของเขามีความจำเป็นต้องย้ายบ้านอีกครั้งและตัวเขาได้ย้ายไปอยู่กับเพื่อนของโค้ช Kelker ที่ได้กลายมาเป็นโค้ชสอนบาสเกตบอลคนแรกของเขาชื่อ “Frankie Walker”
James จึงได้เรียนรู้การเล่นบาสเกตบอล และด้วยวินัยที่ยอดเยี่ยม บวกกับความตั้งใจในการฝึกซ้อม ฝีมือการเล่นบาสเกตบอลของ James ก็ได้พัฒนาแบบก้าวกระโดด
ต่อมา ฝีมือและชื่อเสียงของ James เริ่มมีมากขึ้นและโด่งดังไปไกลระดับประเทศ ถึงขนาดที่ว่า ESPN สื่อกีฬายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาต้องถ่ายทอดสดการแข่งขันระหว่างทีมของเขาและ Oak Hill Academy ซึ่งเป็นทีมเต็งแชมป์ระดับประเทศ
โดยการถ่ายทอดสดครั้งนี้ นับเป็นการถ่ายทอดเกมบาสเกตบอลระดับมัธยมเป็นครั้งแรกของ ESPN ในรอบ 13 ปี และ James ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะเขาเป็นตัวหลักที่พาทีมเอาชนะทีมเต็งแชมป์ท่ามกลางสายตาของชาวอเมริกันทั่วประเทศ
และแล้ว ช่วงเวลาที่เขาได้กอบโกยเงินจำนวนมหาศาลก็มาถึง
ในปี ค.ศ. 2002 James ในวัย 18 ปีเป็นที่สนใจของสื่อทั่วประเทศ ทั้งดารา นักบาสเกตบอลชื่อดัง หรือแม้แต่ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้ากีฬา Nike อย่าง Phil Knight ก็ยังต้องมาดูเขาแข่งที่ข้างสนาม
ในตอนนั้นมีแบรนด์รองเท้ายักษ์ใหญ่ 3 แบรนด์รอที่จะเซ็นสัญญากับเด็กหนุ่มวัย 18 ปีคนนี้ ก่อนที่เขาจะถึงคิวเข้าคัดเลือกสู่ NBA ในปี ค.ศ. 2003 โดยมีทั้ง Adidas Reebok และ Nike ที่เข้าคิวรอเจรจากับ James
ซึ่ง James ก็เรียกได้ว่ามีดีเอ็นเอของความเป็นนักธุรกิจอยู่ในสายเลือดเลยทีเดียว เพราะเขาจะใส่ชุดกีฬาของ Adidas ทุกครั้งที่ไปออกงานของ Nike และจะเลือกใส่ชุดของ Nike ทุกครั้งที่ไปงานของ Adidas ส่งผลให้ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเขาจะเลือกเซ็นสัญญากับแบรนด์ไหน
ซึ่งวิธีการนี้เองก็ทำให้แต่ละแบรนด์ต่างทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อเจรจากับ James
Adidas เสนอสัญญามูลค่า 1,800 ล้านบาท
Nike เสนอสัญญามูลค่า 2,700 ล้านบาท
Reebok เสนอสัญญามูลค่า 3,450 ล้านบาท พร้อมจ่ายเป็นเช็คเงินสดทันที 300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม James ต้องการเลือก Nike ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะต้องการเดินตามรอยนักบาสเกตบอลระดับตำนานอย่าง Michael Jordan ที่ได้สร้างธุรกิจแบรนด์ชุดกีฬาเป็นของตัวเองขึ้นมาร่วมกับ Nike
นั่นจึงทำให้ในปี ค.ศ. 2003 เขาตัดสินใจเซ็นสัญญากับ Nike ซึ่งสัญญาดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่าซูเปอร์สตาร์คนดังอย่าง Kobe Bryant ที่ได้สัญญาจาก Nike เสียอีก โดยในปีนั้นมีนักกีฬาเพียง 3 คนทั่วโลก ที่มีรายได้จากสปอนเซอร์มากกว่าเขา
สุดท้ายแล้วการเลือก Nike ในครั้งนั้น ก็นำไปสู่การต่อสัญญาสปอนเซอร์มูลค่ามหาศาลที่คาดการณ์กันว่าสูงถึง 30,000 ล้านบาท ในปี ค.ศ. 2015 ซึ่งนับเป็นสัญญาตลอดชีพสัญญาแรกของ Nike ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา
นอกจาก Nike แล้ว หลากหลายแบรนด์ระดับโลกต่างก็ต้องการเซ็นสัญญากับ James อย่างเช่น McDonald’s, Coca-Cola หรือแม้แต่ Intel บริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์..
แล้วอะไรกัน ที่ทำให้ James ต่างจากนักกีฬาส่วนใหญ่ ?
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากนักกีฬาชื่อดังคนอื่น ๆ
ก็คือ James เป็นนักกีฬาที่ชื่นชอบในด้านธุรกิจและการลงทุน
ยกตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ. 2006 หูฟังยี่ห้อ Beats by Dre ได้ถือกำเนิดขึ้น
และผู้ก่อตั้งอย่าง Dr. Dre แรปเปอร์ชื่อดังต้องการร่วมมือกับ James ในการโปรโมตสินค้า
แทนที่ James จะรับเป็นสปอนเซอร์ให้กับบริษัท แต่สิ่งที่ James ทำก็คือเขาได้ยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมในการขอเป็นหุ้นส่วนในบริษัทเข้าไปด้วย
โดยหลังจากได้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนกัน James ก็ได้เอาตัวเองเป็นช่องทางการตลาด
ซึ่งในช่วงกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีน เขาได้แจกหูฟังให้กับเพื่อนร่วมทีมชาติทุกคนที่ร่วมแข่ง
ทำให้ปรากฏภาพนักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกาทั้ง 15 คน ที่ไม่ว่าจะอยู่ในหมู่บ้านนักกีฬา ตอนซ้อม หรือสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง ก็จะมีหูฟัง Beats by Dre คล้องคออยู่เสมอ
จุดนี้เองที่ทำให้หูฟังแบรนด์ Beats by Dre กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกและเมื่อบริษัทถูกซื้อโดย Apple ในปี ค.ศ. 2014 ทำให้ James ได้รับส่วนแบ่งจากการขายกิจการดังกล่าวไปกว่า 900 ล้านบาท
อีกการลงทุนที่น่าสนใจคือ การลงทุนในร้านพิซซาแบรนด์ Blaze Pizza ในปี ค.ศ. 2012
ด้วยเงินลงทุน 30 ล้านบาทในขณะที่ร้านยังมีเพียงแค่ 1 สาขาเท่านั้น
โดยเขาเลือกที่จะไม่ต่อสัญญามูลค่า 450 ล้านบาทกับ McDonald’s
เพื่อที่จะได้นำภาพลักษณ์ของตัวเขาเองมาใช้ในการโปรโมตร้านพิซซาที่เขาลงทุน
ในปี ค.ศ. 2017 Forbes ได้จัดให้ Blaze Pizza คือเชนร้านอาหารที่เติบโตเร็วที่สุดที่เคยมีมา โดยปัจจุบัน Blaze Pizza มีจำนวนสาขากว่า 336 สาขา และมูลค่าเงินลงทุน 30 ล้านบาทของ James ได้เพิ่มกลายเป็น 1,200 ล้านบาทในปัจจุบัน คิดผลตอบแทนเป็น 40 เด้ง ภายใน 5 ปี
และการลงทุนที่สร้างชื่อให้กับ James มากที่สุดก็คือการลงทุนในทีมฟุตบอลลิเวอร์พูล
ในปี ค.ศ. 2011 เป็นช่วงที่ทีมลิเวอร์พูลไม่ได้มีผลงานที่ดีนัก ในขณะที่เจ้าของทีมอย่าง Fenway Sports Group (FSG) บริษัทที่เป็นเจ้าของทีมกีฬาจำนวนมาก ซึ่งก็ต้องการใช้ชื่อของ James ในการโปรโมตแบรนด์และดึงดูดลูกค้าเข้าบริษัท
James จึงยื่นข้อแลกเปลี่ยนนอกเหนือจากค่าตัวแล้ว เขายังต้องการหุ้น 2% ในทีมลิเวอร์พูลอีกด้วย
หลังจากข้อตกลงกับ FSG เสร็จสิ้น James ได้เยี่ยมชมการแข่งขันของลิเวอร์พูลและเขายังได้มอบหูฟัง Beats by Dre รุ่นพิเศษให้กับนักฟุตบอลในทีมอีกด้วย
จากดีลดังกล่าวทำให้หลังจากที่ลิเวอร์พูลได้เป็นแชมป์ในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ก็ทำให้มูลค่าของทีมลิเวอร์พูลในปี ค.ศ. 2019 เพิ่มขึ้นมหาศาล และหุ้น 2% ของเขา ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 2,100 ล้านบาท
นอกจากการลงทุนทั้งหมดที่กล่าวมานั้น
พอร์ตการลงทุนของ James ก็ยังมีอีกมากมาย เช่น
- บริษัท Ladder ซึ่งเขาได้ร่วมมือกับ Arnold Schwarzenegger เพื่อร่วมกันสร้างแบรนด์อาหารเสริมคุณภาพสูงสำหรับนักกีฬา และกิจการดังกล่าวก็ได้ถูกซื้อไปโดย Openfit แบรนด์ฟิตเนสชื่อดัง
- บริษัท SpringHill Entertainment บริษัทผลิตภาพยนตร์ สารคดี และรายการโทรทัศน์หลากหลายรายการ และได้รับการประเมินมูลค่าบริษัทกว่า 22,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า James ถือหุ้นกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัท
- บริษัท Uninterrupted แพลตฟอร์มสื่อทางด้านกีฬา ที่เชื่อมต่อบรรดานักกีฬาชื่อดังกับแฟนคลับผ่านรายการต่าง ๆ มากมายซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก
ปัจจุบัน Forbes ระบุว่า James มีทรัพย์สินราว 25,500 ล้านบาท ซึ่งทำให้ชีวิตของเขานั้นถือได้ว่าประสบความสำเร็จทั้งในด้านกีฬาและธุรกิจเลยทีเดียว
ก็เป็นที่น่าติดตามว่าในอนาคตอาชีพนักกีฬาของ LeBron James จะเป็นอย่างไร
หรือเขาจะเริ่มวางมือจากสนามบาสเกตบอล แล้วเข้าสู่สนามธุรกิจเต็มตัวเมื่อไร
เพราะอีกหนึ่งความฝันของเขาก็คือ “การได้เป็นเจ้าของทีมใน NBA”
ซึ่งด้วยกฎปัจจุบันของ NBA ทำให้เขาที่มีสถานะเป็นนักกีฬายังไม่สามารถเป็นเจ้าของทีมใด ๆ ได้
เรื่องทั้งหมดนี้ของ LeBron James สะท้อนให้เห็นว่าต้นทุนทางชีวิตของเรา
อาจจะมีผลมากกับช่วงชีวิตในวัยเด็กก็จริง แต่หลังจากนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับตัวเราเองมากกว่า
เหมือนกับ James ชีวิตในวัยเด็ก เรียกได้ว่าติดลบ
แต่พอเขาโตขึ้น เขาก็ได้นำความพิเศษทางร่างกายที่ได้รับมา
รวมเข้ากับความมุ่งมั่นตั้งใจฝึกซ้อม จนก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาระดับโลก และมีส่วนช่วยต่อยอดให้เขาเป็นนักธุรกิจระดับโลกด้วย นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.youtube.com/watch?v=0Qrey_QLSr8
-https://www.espn.com/nba/story/_/id/9825052/how-lebron-james-life-changed-fourth-grade-espn-magazine
-https://tonesanddefinition.com/2018/12/03/the-chosen-one-1-lebron-james/
-https://www.forbes.com/video/6269489945001/heres-how-lebron-james-could-become-a-billionaire-/?sh=2fdd29996486
-https://www.forbes.com/sites/kurtbadenhausen/2017/07/11/lebron-james-backed-blaze-pizza-is-fastest-growing-restaurant-chain-ever/?sh=649f2a5752b2
-https://www.marketwatch.com/story/when-lebron-james-chose-nike-in-2003-he-gave-up-28-million-it-could-end-up-making-him-1-billion-2019-08-29
-https://www.essentiallysports.com/nba-basketball-newsfrom-blaze-pizza-to-liverpool-f-c-the-top-5-businesses-lebron-james-owns/
fenway 在 เกมละกู Facebook 的精選貼文
** แอนฟิลด์ เตรียมปรับโฉมด้วยงบประมาณ 60 ล้านปอนด์ **
- การต่อเติมอัฒจันทร์ แอนฟิลด์ โร้ด อีก 7,000 ที่นั่ง อันจะทำให้มีความจุทะลุหลัก 61,000 ที่นั่งตามเป้าหมาย โดยได้รับไฟเขียวจากสภาเมืองลิเวอร์พูลเรียบร้อยแล้ว
- โครงการดังกล่าวได้รับการคาดหมายว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงฤดูร้อนปี 2023 โดย แอนดี้ ฮิวจ์ส กรรมการผู้จัดการสโมสรลิเวอร์พูลเผยว่า
"นี่คือหลักไมล์ขนาดใหญ่ในการเดินทางของเราเพื่อที่จะนำพาแฟนบอลเข้ามายังแอนฟิลด์ให้ได้มากๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก"
"เราชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้วว่าการขยับขยายครั้งนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานศักยภาพของเราในการจัดการกับการวางแผนภูมิทัศน์ที่มีความซับซ้อนโดยประสบความสำเร็จ; ศักยภาพของเราในการที่จะได้รับความร่วมมือจากประชาชนและชุมชนในท้องถิ่น; และศักยภาพของเราในการทำให้มั่นใจได้ว่าโครงการนี้ใช้การได้ในแง่การเงิน"
"ในปีที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลยอย่างมากๆ เช่นนี้ เรากำลังแสวงหาความแน่นอนเพื่อที่จะเจริญก้าวหน้าไปพร้อมกับโครงการนี้ และยังคงมีอีกหลายก้าวย่างด้วยกันที่เราต้องการเพื่อที่จะก้าวเดินหน้าต่อไปให้ถึง ณ จุดนั้น"
- ในฐานะส่วนหนึ่งของแผนงาน "หงส์แดง" ยังได้รับอนุญาตให้ดำเนินการจัดคอนเสิร์ตและกิจกรรมสำคัญๆ ต่างๆ ได้ถึงปีละหกรายการด้วยกัน อาทิ อเมริกัน และแกลิก ฟุตบอล เป็นต้น ตลอดช่วงระยะเวลาห้าปี ณ สนามแห่งนี้
- แผนการปรับปรุงสนามครั้งสำคัญดังกล่าวจะถือเป็นหนที่สองแล้วสำหรับ แอนฟิลด์ นับตั้งแต่ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (Fenway Sports Group) หรือ เอฟเอสจี (FSG) บริษัทกีฬาสัญชาติอเมริกันของ จอห์น เฮนรี่ นักธุรกิจและนักลงทุนคนดัง ก้าวเข้ามาครอบครองกิจการสโมสรเมื่อเดือนตุลาคม 2010
- การปรับโฉมครั้งแรกภายใต้การบริหารงานของ เอฟเอสจี เสร็จสิ้นลงในเดือนกันยายน 2016 ซึ่งเป็นการเพิ่มพูนความจุของอัฒจันทร์หลักหรือ เมน สแตนด์ ขึ้นไปเป็น 8,500 ที่นั่ง สิริรวมแล้วทั่วทั้งสนามมีความจุขยับขึ้นไปเป็น 54,074 ที่นั่ง โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้นราวๆ 100 ล้านปอนด์ เลยทีเดียว
การเพิ่มเติมความจุให้พุ่งทะยานขึ้นไปทะลุหลัก 61,000 ที่นั่ง ยังจะส่งผลทำให้ แอนฟิลด์ กลายเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สามในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี โดยจะตามหลังแค่เพียง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม ของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ที่มีความจุ 75,653 และ 62,062 ที่นั่งตามลำดับเท่านั้น
ลิเวอร์พูลกำลังจะทดสอบการใช้งานที่นั่งราวเป็นการชั่วคราวที่สนามแอนฟิลด์ในฤดูกาลหน้าอันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการทบทวนความปลอดภัยในสนามอย่างต่อเนื่อง
ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นประเด็นที่ยากลำบากสำหรับสโมสรในการดำเนินการมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เพราะถือเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนสำหรับครอบครัวของผู้เสียชีวิต 96 คนจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรม ฮิลส์โบโร่ ที่เกิดจากแฟนบอลเบียดเสียดกันบนอัฒจันทร์จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อปี 1989 ในระหว่างการแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่ ลิเวอร์พูล พบกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ได้มีการหารือร่วมกับตัวแทนฝ่ายต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ และได้ส่งหนังสือชี้แจงไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งหมดเรียบร้อยแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา
- การตรวจสอบโดยหน่วยงานด้านความปลอดภัยของสนามกีฬา (Sports Grounds Safety Authority) หรือ เอสจีเอสเอ (SGSA) เน้นย้ำว่าการยืนตลอดเวลาในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลบนอัฒจันทร์ ค็อป (สปิออน ค็อป) และ แอนฟิลด์ โร้ด ชั้นล่าง คือประเด็นที่มีความจำเป็นจะต้องบริหารจัดการเพื่อสร้างความมั่นใจให้จงได้ในแง่ความปลอดภัยสำหรับแฟนบอล
ลิเวอร์พูลวางแผนการบริหารจัดการการยืนชมตลอดเกมลูกหนังมานานหลายปีแล้ว แต่ภายหลังการตรวจสอบของ เอสจีเอสเอ ครั้งล่าสุด ถึงตอนนี้มีการแนะนำให้ติดตั้งราวรักษาความปลอดภัยบนอัฒจันทร์ ค็อป (1,800 ที่นั่ง) และ แอนฟิลด์ โร้ด (6,000 ที่นั่ง) ในชั้นล่างต่อไปได้แล้ว
สโมสรดังแห่งย่าน เมอร์ซี่ย์ไซด์ ได้เน้นย้ำว่า แอนฟิลด์ จะยังคงเป็นสนามฟุตบอลที่มีที่นั่งเต็มสนาม และพื้นที่ทดลองที่นั่งราวเพื่อความปลอดภัยแบบใหม่ (สามารถพับเก้าอี้เพื่อยืนได้) ไม่ใช่พื้นที่ "ยืนอย่างปลอดภัย"
"ความปลอดภัยของกองเชียร์ของเราเมื่อพวกเขาเข้ามายังแอนฟิลด์คือเป้าหมายลำดับแรกของเรา และเรามีพันธกรณีอย่างเต็มที่ที่จะทำงานร่วมกับ เอสจีเอสเอ ในการทดลองที่นั่งแบบใหม่เหล่านี้" ฮิวจ์ส กล่าว
"มันเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะต้องรับฟังเหล่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมกับนำเอาคำแนะนำของพวกเขามาใช้จัดการกับประเด็นความปลอดภัยในจุดนี้"
"เราจะดำเนินการตรวจสอบทบทวนในเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ในเวลา 12 เดือนเมื่อจบฤดูกาลหน้าพอดีนั่นแหละ" ผู้บริหารคนสำคัญของ ลิเวอร์พูล ระบุ
#เกมละกู #LFC #ลิเวอร์พูล #พรีเมียร์ลีก #PremierLeague #พรีเมียร์ลีกอังกฤษ
fenway 在 Facebook 的最佳解答
Grandson of Liverpool great Bill Shankly wanted his grandfather's statue removed from outside Anfield after 'the club betrayed the legendary manager's ethos & values'!
✖✖✖
He is also said to be disappointed with Fenway Sports Group, the club's American owners as well!