[爆卦]Rowena ff14是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇Rowena ff14鄉民發文沒有被收入到精華區:在Rowena ff14這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 rowena產品中有68篇Facebook貼文,粉絲數超過27萬的網紅อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์,也在其Facebook貼文中提到, ตามดูรายงานข่าวต่างประเทศ โดยเฉพาะในทางยุโรป จะมีการออกมาเตือนกันเยอะ ถึงเรื่อง "ปัญหาสุขภาพจิต สุขภาพกาย" ของเด็ก ที่ถูกผลกระทบจากการล็อคดาวน์-เรียนอ...

 同時也有135部Youtube影片,追蹤數超過3,820的網紅小林奇生,也在其Youtube影片中提到,好康小優惠✨點進這個連結進入Ana Luisa選購可享有八折❤️ https://shop.analuisa.com/sum21-xiaolin ---------------------------- 這次很開心收到Ana Luisa他們家的飾品 官網上琳瑯滿目真的有夠難挑選! 最後我挑了三個...

  • rowena 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳解答

    2021-09-23 09:01:03
    有 208 人按讚

    ตามดูรายงานข่าวต่างประเทศ โดยเฉพาะในทางยุโรป จะมีการออกมาเตือนกันเยอะ ถึงเรื่อง "ปัญหาสุขภาพจิต สุขภาพกาย" ของเด็ก ที่ถูกผลกระทบจากการล็อคดาวน์-เรียนออนไลน์ เพราะโรคโควิด-19

    เช่น ตัวอย่างจากรายงานข่าวของ DW News นี้ (https://youtu.be/zRyiBoDDhaQ) ซึ่งพูดถึงปัญหาที่พบว่า เด็กมีอาการเป็นโรคซึมเศร้า และมีอารมณ์รุนแรงเพิ่มขึ้น รวมทั้งปัญหาโรคอ้วน และปัญหาสุขภาพกายอื่นๆ ... โดยสรุปในข่าวไว้ว่า หลังจากเปิดเรียนครั้งนี้ เราไม่ควรจะกลับไปปิดโรงเรียนอีกต่อไปแล้ว

    แต่ไทยเรา ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเลย ไม่เห็นมีองค์กรไหนๆ ของ ก.สาธารณสุข ออกมาให้เตือนเรื่องนี้ (ใครเจอ ก็บอกด้วยนะ)

    เลยขอเอาข้อมูลจากประเทศฟิลิปปินส์ ที่น่าจะใกล้เคียงกับเรา มาให้อ่านกันนะครับ
    -----
    (รายงานข่าว)

    "ฟิลิปปินส์เตือนนักเรียนเสี่ยงปัญหาสุขภาพจิตหากยังยืดเยื้อไม่ยอมเปิดโรงเรียน"

    องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานทางด้านการศึกษาในฟิลิปปินส์ออกโรงเร่งให้รัฐบาลจัดสรรมาตรการและแนวทางเพื่อเปิดทางให้โรงเรียนสามารถกลับมาทำการเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติอีกครั้ง พร้อมเตือนว่า หากยังยื้อเวลาเปิดโรงเรียน และปล่อยให้นักเรียนส่วนใหญ่เรียนออนไลน์หรือเรียนทางไกลต่อไป จะทำให้นักเรียนตกอยู่ในภาวะเครียดและกดดันจนมีปัญหาสุขภาพจิตตามมาภายหลัง

    คำเตือนข้างต้นมีขึ้น หลังกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ออกมาระบุว่า สถานการณ์ของเด็กนักเรียนในฟิลิปปินส์กำลังสุ่มเสี่ยงเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มมากขึ้น เพราะทั้งเด็กและผู้ปกครองต่างเหนื่อยล้ากับการเรียนออนไลน์ หลังต้องปิดโรงเรียนติดต่อกันนานร่วม 18 เดือนแล้ว และยังเป็น 1 ใน 5 ของประเทศทั้งหมดทั่วโลกที่ยังคงปิดโรงเรียนนับตั้งแต่พบการระบาดของไวรัสโควิด-19

    แม้จะเข้าใจว่ามาตรการล็อกดาวน์และจำกัดการเดินทางอย่างเข้มงวดเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตของคนในสังคม กระนั้น ในฐานะคุณแม่ที่ต้องดูแลลูก 6 คน ในหมู่บ้านชานกรุงมะนิลา โดรินา มอนซานโต (Dorina Monsanto) ยอมรับว่าการเรียนทางไกลไม่อาจแก้ปัญหาการศึกษาของเด็กๆ ที่ไม่อาจไปโรงเรียนได้

    เหตุผลประการแรกสุดก็คือ มอนซานโตไม่มีอุปกรณ์อย่างสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตให้ลูกๆ ทุกคน นั่นหมายความว่าเจ้าตัวต้องแบ่งปันสมาร์ตโฟนใช้กับลูกสาวคนโตวัย 15 ปี และลูกสาวคนรองวัย 12 ปี แต่ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ดี เพราะบ่อยครั้งลูกสาวทั้งสองจำเป็นต้องใช้สมาร์ตโฟนในเวลาเดียวกัน โดยยังไม่นับเรื่องของสถานที่ที่ไม่เหมาะกับการเรียน เพราะบ้านที่อาศัยอยู่ไม่มีพื้นที่ส่วนตัว เนื่องจากเป็นบ้านที่แชร์กันอยู่กับเหล่าเครือญาติอีก 8 ชีวิต ซึ่งรวมถึงเด็กเล็กอายุเพียง 2 ขวบ ที่ชอบส่งเสียงดังตามประสาเด็ก

    ยิ่งไปกว่านั้น สมาร์ตโฟนที่มีเพียงเครื่องเดียวในบ้านก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณแม่ในการทำงาน ดังนั้น เมื่อมอนซานโตออกไปทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ก็หมายความว่าลูกๆ จะไม่สามารถเข้าเรียนออนไลน์ตามตารางที่กำหนดของโรงเรียนได้ และที่สำคัญ ต่อให้วันที่ลูกเรียนแล้วมอนซานโตสามารถทำงานจากบ้านได้ การเรียนของลูกๆ ก็ยังมีปัญหา เนื่องจากสัญญาณอินเทอร์เน็ตต่ำ เพราะต้องแบ่งปันสัญญาณกับเพื่อนบ้านซึ่งจำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ตเช่นกัน

    สิ่งที่คุณแม่อย่างมอนซานโตกังวลมากที่สุดก็คือ การที่ลูกสาวคนโตซึ่งกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะได้เรียนหนังสือในระดับอุดมศึกษาจะหมดใจและหมดไฟกับการเรียน ทั้งนี้สิ่งที่ลูกๆ ต้องการในขณะนี้ก็คือ คุณครู และการเรียนหนังสือในชั้นเรียนซึ่งจะช่วยให้เข้าใจเนื้อหาบทเรียนได้ดีขึ้น โดยมอนซานโตยอมรับว่า สิ่งที่ลูกๆ เรียนเป็นสิ่งที่ตนไม่เคยเรียน ดังนั้นจึงไม่สามารถช่วยลูกๆ เรียนหนังสือได้

    ทั้งนี้ กว่า 1 ปีที่ต้องเรียนออนไลน์ ผลการเรียนของลูกสาวคนโตของเธอถดถอยอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็พยายามเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอ และพยายามทบทวนบทเรียนด้วยตนเองเท่าที่เวลาและความสามารถของเด็กคนหนึ่งจะเอื้ออำนวย

    สถานการณ์ของลูกๆ ของมอนซานโตเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างของสิ่งที่เด็กฟิลิปปินส์อีกหลายหมื่นหลายแสนคนกำลังประสบ โดยเฉพาะเด็กจากครอบครอบรายได้ปานกลางค่อนไปทางยากจน ที่กำลังเผชิญปัญหาและได้รับผลกระทบทางการศึกษาจากการระบาดของโควิด-19

    ทั้งนี้ กลุ่มองค์การที่ทำงานเพื่อเด็กในฟิลิปปินส์เตือนว่า ยิ่งปิดโรงเรียนนานเท่าไร ผลเสียที่เกิดขึ้นจะไม่จำกัดอยู่แค่การศึกษาเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงปัญหาสุขภาพกาย สุขภาพจิต และความมั่นคงปลอดภัยของตัวเด็กนักเรียนเองด้วย

    การสำรวจเบื้องต้นพบว่า มีนักเรียนฟิลิปปินส์อย่างน้อย 1.1 ล้านคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนในปีการศึกษาล่าสุดที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โรงเรียนทั่วประเทศต้องปิดให้บริการและใช้การเรียนออนไลน์หรือการเรียนทางไกลแทน โดยองค์กรการกุศลส่วนหนึ่งระบุว่า เด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษากำลังตกอยู่ในความเสี่ยงก่อนตกเป็นเหยื่อของการถูกล่วงละเมิดในรูปแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงการถูกบีบบังคับให้แต่งงาน

    ข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมฟิลิปปินส์พบว่า ปีที่ผ่านมา แค่เพียงช่วง 2-3 เดือนแรกที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ก็มีรายงานการล่วงละเมิดทางเพศในเด็กบนโลกออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 264%

    โรเวนา เลกัสปี (Rowena Legaspi) ผู้อำนวยการบริหารศูนย์การพัฒนาและสิทธิทางกฎหมายเพื่อเด็ก (Children’s Legal Rights and Development Center) กล่าวว่า ถ้าไม่มีมาตรการเชิงรุกที่เข้ามาจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เกรงว่าเด็กหลายคนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาจะไม่สามารถกลับมาเรียนที่โรงเรียนได้อีกตลอดไป ซึ่งถือเป็นสูญเสียที่ไม่เพียงกระทบต่อชีวิตและครอบครัวของเด็กเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความสูญเสียในระดับสังคมด้วย

    นอกจากไม่สามารถไปโรงเรียนได้แล้ว เด็กวัยเรียนชาวฟิลิปปินส์ในบางพื้นที่ อย่าง กรุงมะนิลา ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้กฎระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวดอย่างหนัก ซึ่งหมายรวมถึงการห้ามออกนอกบ้านมาวิ่งเล่นที่สวนสาธารณะหรือสนามเด็กเล่น และการดำรงชีวิตของเด็กมีแนวโน้มเผชิญกับกฎที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้ามีแนวโน้มกลับมาทวีความรุนแรงอีกระลอก

    บรรดานักเคลื่อนไหวเปิดเผยว่า กฎระเบียบดังกล่าวมีการบังคับใช้อย่างเข้มงวดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่ม barangay tanods ซึ่งเป็นหน่วยเฝ้าระวังหมู่บ้าน ทำให้ที่ผ่านมามีรายงานการจับกุมตัวเด็กที่อยู่นอกบ้าน หรือละเมิดกฎมากมาย และหลายครั้งการจับกุมดังกล่าวมีการสั่งลงโทษหรือทำให้เด็กอับอายเกินกว่าเหตุ และเด็กที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่คือเด็กไร้บ้านหรือเด็กด้อยโอกาสที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากออกมาเตร็ดเตร่นอกบ้านเพื่อหางานทำ

    ขณะเดียวกัน เชียนา เบส (Shiena Base) จากเอดูโค ฟิลิปปินส์ (Educo Philippines) องค์กรเอ็นจีโอด้านสิทธิเด็กกล่าวว่า สถานการณ์ของเด็กที่มีบ้านอยู่อาศัยก็เลวร้ายไม่ต่างกัน เพราะการถูกจำกัดบริเวณเป็นเวลาติดต่อกันกว่า 18 เดือนทำให้เด็กตกอยู่ในสภาวะเครียดจัดได้ง่าย จนส่งผลต่อปัญหาสุขภาพจิตตามมาในภายหลัง

    ทั้งนี้ เบสแนะนำให้รัฐบาลผ่อนผันและทยอยเปิดโรงเรียนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกล ที่เด็กส่วนใหญ่ขาดแคลนอุปกรณ์และไม่สามารถเข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตเพื่อเรียนหนังสือออนไลน์ได้สะดวก

    ด้านรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้เริ่มตอบสนองต่อเรียกร้องที่เกิดขึ้นแล้ว เห็นได้จากการจัดทำโครงการนำร่องเปิดโรงเรียน 120 แห่งในพื้นที่ซึ่งมีอัตราการระบาดของเชื้อโควิด-19 ต่ำ

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายฝ่ายกังวลมากที่สุดก็คือ แม้จะสามารถกลับมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนได้ แต่ก็ยังไม่มีหลักประกันใดๆ รับรองได้ว่า เด็กฟิลิปปินส์รุ่นนี้ทุกคนจะสามารถสำเร็จการศึกษาได้ตามความตั้งใจของตนได้

    จาก https://www.eef.or.th/news-childrens-mental-health-suffers-as-schools-remain-shut/

  • rowena 在 Facebook 的最讚貼文

    2021-09-19 15:34:20
    有 123 人按讚

    多謝品牌IIJIN送上中秋禮物, 仲有一副IIJIN限量版精美撲克牌😻
    謝謝好友Rowena貼心安排😘
    #iijin #iijinhk #iijinpoker

  • rowena 在 Wen The Travel Begins Facebook 的最讚貼文

    2021-09-07 10:08:24
    有 58 人按讚

    如果來波特蘭玩,非常推薦花至少兩天時間,租車到附近的哥倫比亞河谷區走走,看看Mt Hood雪山、超級高的Multnomah Falls瀑布,以及著名的馬蹄灣公路等等,短短的車程就能享受到與市區截然不同的景色!

    這裡分享我們兩天的行程給大家:

    #DAY1
    市區出發 👉🏼 早午餐: HK Cafe 👉🏼 Jonsrud Viewpoint 👉🏼 Trillium Lake 👉🏼 Lavender Valley 👉🏼 The Gorge White House 👉🏼Rowena Crest Viewpoint 👉🏼 晚餐: Double Mountain Brewery

    住宿: Holiday Inn Express & Suites Hood River

    #DAY2
    早午餐: Egg River Café 👉🏼 Mount Hood Railroad 👉🏼 Horsetail Falls 👉🏼 Multnomah Falls 👉🏼 Vista House 👉🏼 Chanticleer Point 👉🏼 回波特蘭市區

    有興趣看各景點詳細介紹歡迎點進文章:
    https://www.wenthetravelbegins.com/mt-hood/

    #波特蘭近郊

    ‼️平時IG會發限時動態,有即時景點美食介紹,有興趣的可以關注‼️
    https://www.instagram.com/wen_the_travel_begins/

你可能也想看看

搜尋相關網站