我完全唔介意冇人睇我打嘅呢一篇文字，但係我懇求每一位用人生嘅114分鐘去睇Netflix嘅一套2019年嘅documentary The Great Hack 。 . The Great Hack主要講科技公司點樣喺冇徵詢過用家同意嘅情況下，利用用家嘅data去左右全球大選嘅結果。而紀錄片就針對講Facebook 同英國顧問公司Cambridge Analytica，點樣有組織有預謀咁去影響投票意向未定嘅選民，喺美國總統大選投Trump。佢哋當中用到嘅技術係好高深，但個重點唔係喺普通人難以理解嘅技術又或者最終投票結果，而係在於呢啲科技公司點樣侵犯我哋每個人嘅data right。 . Facebook 將幾千萬美國人嘅behavioural data（包括並不限於帖文、對話內容、朋友圈子、所liked嘅專頁/留言/相片、地理位置、教育水平等）賣俾第三方公司而唔先徵詢用家同意，令佢哋投Trump？呢一樣嘢絕對唔係新聞。之前都有人講過，喺whatsapp同朋友提過想買啲咩後，會喺Facebook/Instagram睇到相關號廣告。呢一樣就係我呢幾個月一直講緊嘅 Surveillance Capitalism、網絡安全中，好多人忽略我哋每日俾緊幾多個人資料呢啲公司。 . 曾經喺Cambridge Analytica擔任重要職位嘅whistleblower Brittany Kaiser，直直接接咁喺歐盟議會講，呢一種透過盜用個人資料去影響一個人嘅行為或思想係「武器級別嘅溝通策略」 (weapon-grade communication tactics)。而家地球上最值錢嘅資產唔係石油，而係data，而盜用我哋 personal data嘅表表者Google同Facebook，每年係靠賣我哋資料去賺幾十億甚至幾百億美金。 . 佢哋唔係只買俾公司令到佢哋容易啲落廣告咁簡單，The Great Hack就提到俄羅斯用咗同一個伎倆，喺美國 Facebook利用睇唔出嘅廣告挑起白人對黑人嘅仇恨（甚至宣揚納粹主義），從而達到更大嘅政治目的。咁，我哋每一位香港人會唔會又已經俾人target咗呢？ . 喺用Whatsapp、Facebook甚至所有連上互聯網嘅科技之前，諗一諗，所留落嚟嘅data & metadata會對你、對香港、對呢個世界有咩影響。Data rights are human rights. . “There’s no way to live off the grid. So you have to understand how your data is affecting your life. Our dignity as humans is at stake “ (David Caroll) . #香港人 #thegreathack #ownyourdata #surveillance #cybersecurity #datarightsarehumanrights ref: Shoshana Zuboff, David Caroll

【#沈旭暉隨緣家書 🇹🇹】Do So：大數據操控的「千里達白票運動」，與…… 香港區議會選舉塵埃落定，早前有網民發起的「白票運動」並未成為潮流，最終以泛黃陣營的壓倒性大勝告終。正如日前講述，提出投白票的網民有其理論基礎，意見應被尊重，不應簡單以「鬼」視之；但假如有其他勢力刻意操作議題，卻是另一回事。在區選前夕，我們的網絡大數據分析顯示，在連登等討論區，鼓吹投白票的帖子總數，忽然升得不乎尋常地高，和以往日子數量、其他網絡平台出現率、最終投票結果等相比，都不成比例（例如那些最激進的Tg群組，都一律反對白票）。 以上觀察，令人想到2010年，加勒比海的英聯邦國家千里達大選，這案例因為被選入Netflix紀錄片《The Great Hack》，而成為大數據政治經典。千里達和多巴哥本來以加勒比海非裔人為主，他們是非洲黑奴後裔與拉丁美洲原住民結合而生；但英國殖民期間，大舉引入來自南亞次大陸的勞工，到了後者歸化入籍，印裔反客為主，成了千里達一個足以和非裔平起平坐的重要族群。千里達獨立後，選舉圍繞兩大族群運作，變成了身份認同政治。 2010年大選前夕，千里達網上忽然興起了一個名叫「Do So」的運動。運動由一名八十歲老人交叉雙手，拒絕現任總理進入家園拉票的故事得到啟發，網民紛紛表示對官僚主義不滿，繼而出現了一個論述，就是選舉不過是既得利益者的小圈子遊戲，投票只會加強了對這個不公義制度的認受，所以應該拒絕投票或投白票，以示不滿。運動以交叉雙手為政治語言，成為青年反抗文化的一部份，出現了Do So塗鴉、Do So手勢、Do So舞步等。假如Do So真的令多了選民拒絕投票，理應對兩大族群都有影響；但因為印裔家庭觀念較重，投票往往是一家人集體參與，只要Do So大行其道，印裔政黨就是贏家。最終選舉結果，印裔政黨憑藉關鍵選區的搖擺票獲勝，成為新一屆執政黨。 根據《The Great Heck》，Do So不是一個自然出現的網絡文化，背後策劃的，正視後來因為特朗普競選美國總統、英國脫歐聲名大噪的大數據公司：Cambridge Analytica。這紀錄片揭露，千里達的印裔政黨聘請了Cambridge Analytica，而因為千里達缺乏有效的私隱條例，很容易可以鎖定非裔年青人這目標群組，對其進行密集植入式廣告宣傳「拒絕投票」，令本來很小眾另類的運動，慢慢變成主流。當選的印裔總理否認指控，表示一切不知情，至今在當地政壇依然莫衷一是，但起碼有印裔組織承認為了選戰，確曾接觸Cambridge Analytica。 說了這麼多，並非要說明區選前夕的「白票運動」，一定受到外力干預。但假如從事大數據分析的朋友察覺異動，確有責任提出數字，讓網民自行研判，這才能一方面避免把提出意見的網民盲目否定，另一方面避免有心人有機可乘操作選舉。我們在選舉前夕分享了相關數據，希望盡一己責任，即如是觀。 明報，咫尺地球，2019年11月27日 #trinidadandtobago #poll #election #cambridgeanalytica #thegreathack #hk #白票 #選舉

คนหนึ่งจะเข้าโลกเสมือน VS อีกคนหนึ่งจะไปนอกโลก รู้หรือไม่: เมื่อปีที่แล้ว Elon Musk เคยเข้าร่วมแคมเปญลบเฟซบุ๊ก โดย สั่งให้ SpaceX และ Tesla ลบเพจเฟซบุ๊ก โดย 2 คนนี้เริ่มไม่ชอบกันตั้งแต่ปี 2016.. ความฝันของ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก คือ อยากให้คนทั่วโลกเข้าถึงอินเตอร์เน็ตมากขึ้นอีก เขาจึงอยากปล่อยดาวเทียมขึ้นไปบนอวกาศ เพื่อส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตมาให้พื้นที่ห่างไกลในแอฟริกา แต่ปรากฏว่าจรวดที่นำส่งขึ้นไปเกิดระเบิด และทำให้ดาวเทียม AMOS-6 ของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์กระเบิดตามไปด้วย และจรวดนี้ไม่ใช่ของใครที่ไหน เป็นของ SpaceX ตอนนั้นมาร์ค โพสในเฟซบุ๊คส่วนตัวเป็นนัยที่ตีความได้ว่าเป็นความผิดของ SpaceX และความบาดหมางของ 2 คนนี้ ก็เกิดขึ้นอีกครั้งในปีต่อมา.. ในปี 2017 มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ได้ live facebook โชว์การทำอาหารในสวนหลังบ้านของตัวเอง ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไร ดูชิลๆ เป็นการถ่ายตัวเอง ฉากหลังมีเตาอบอาหารอยู่ มีควันเต็มไปหมด แต่ไฮไลท์อยู่ที่ ช่วงตอบคำถามจากคนที่ดู live มีคนถาม Mark Zuckerberg ว่า "เขาได้ดูสัมภาษณ์ของ Elon Musk ซึ่งพูดถึงความน่ากลัวของ AI คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?" Elon Musk พูดถึงความน่ากลัวของ AI ตลอดเวลาว่าถ้ามนุษย์ก้าวตามไม่ทัน จะมีความเป็นไปได้ที่จะถูก AI ควบคุม มาร์คตอบว่าเขาคิดในแง่บวกกับเรื่อง AI มากๆ AI จะช่วยคนได้อีกมาก เช่น รถขับด้วยตัวเองจะช่วยลดอุบัติเหตุไปได้มาก เขาไม่เข้าใจคนที่กล่าวถึงเรื่องนี้ในแง่ลบ "คนที่มองแต่แง่ลบ และกลัวไปหมด ผมว่าคนพวกนั้นไม่มีความรับผิดชอบ" ประเด็นนี้จึงทำให้ Elon Musk สวนกลับใน twitter ว่า "I've talked to Mark about this. His understanding of the subject is limited." แปลภาษาชาวบ้านคือ เขาด่าว่า "มาร์คไม่รู้เรื่องนี้ดีพอ" และข่าวเรื่องเฟซบุ๊คปล่อยให้มีข้อมูลรั่วให้ Cambridge Analytica ใช้ในทางไม่ดีถึง 50 ล้านบัญชี Elon Musk จึงได้ที เห็นด้วยกับแคมเปญ "ลบเฟซบุ๊ค" ของนาย Brian Acton จริงๆ แล้วทั้ง นายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก และ อีลอน มัสค์ ก็น่าจะเป็นคนที่อัจฉริยะทั้งคู่ คนหนึ่งเก่งเรื่องการเชื่อมต่อคนบนโลกเสมือน ส่วนอีกคนหนึ่งเก่งเรื่องการส่งจรวดไปนอกโลก ลงทุนแมนก็ไม่รู้ว่า คนไหนจะเป็นคนที่ฉลาดสุดบนโลกนี้ แต่ที่รู้คือ ทั้งคู่ไม่น่าจะสามารถอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้อีกต่อไป.. #infographic #ลงทุนแมน #elonmusk #markzuckerberg #facebook #spacex