[爆卦]ไม่เจตนา ภาษาอังกฤษ是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇ไม่เจตนา ภาษาอังกฤษ鄉民發文沒有被收入到精華區:在ไม่เจตนา ภาษาอังกฤษ這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 ไม่เจตนา產品中有3篇Facebook貼文,粉絲數超過64萬的網紅Money Coach,也在其Facebook貼文中提到, DAY7: ความทรงจำทางการเงินในวัยเด็ก ... สมัยเรียนอยู่ชั้น ป.4 จำได้ว่าตัวผมเองเคยอยากได้นาฬิกาอยู่เรือนหนึ่ง มันเป็นนาฬิกาเรือนสีเงิน หน้าปัดเป็นรูปสี...

 同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過36萬的網紅Club gig,也在其Youtube影片中提到,ปรึกษาปัญหาความรักฟรี หรือพูดคุยกับผม เชิญที่ไลน์ https://line.me/R/ti/p/%40clubgig CG โค้ชกิ๊ก อนิศ โอสถานุเคราะห์...

ไม่เจตนา 在 Krit Jenpanichkarn Instagram 的最讚貼文

2020-05-13 14:57:36

สิ่งใดที่ล่วงเกิน สิ่งใดที่ผิดพลาด สิ่งใดที่ผมได้ทำไปทั้งเจตนา ไม่เจตนา กฤตขออภัยทุกท่าน และขอบคุณทุกคนที่สนับสนุน และหวังดีตลอดมา อะไรที่บกพร่อง อะไ...

ไม่เจตนา 在 sornram_theappitak Instagram 的最佳解答

2020-05-10 16:52:38

🙏ผมได้นำปัจจัยที่ได้จากการแสดง Concert มาถวายแด่ พระมหาชาญยุทธ วีรยุโธที่ วัดพุทธนานาชาติ ขออนุโมทนาบุญที่ได้กระทำถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ...

  • ไม่เจตนา 在 Money Coach Facebook 的最讚貼文

    2021-01-08 08:30:00
    有 7,268 人按讚

    DAY7: ความทรงจำทางการเงินในวัยเด็ก ...

    สมัยเรียนอยู่ชั้น ป.4 จำได้ว่าตัวผมเองเคยอยากได้นาฬิกาอยู่เรือนหนึ่ง มันเป็นนาฬิกาเรือนสีเงิน หน้าปัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่ละมุมมีรอยตัดเล็กๆดูเก๋ สายเป็นหนังสีดำ สวยสะดุดตาถูกใจกว่านาฬิกาเรือนไหนๆในตู้โชว์

    ทุกครั้งตอนเดินกลับจากโรงเรียน ผมจะต้องเดินเฉียดเข้าไปใกล้ร้านนาฬิกา และหยุดดูนาฬิกาเรือนนี้ทุกครั้ง เพื่อคอยตรวจสอบว่า มีใครซื้อนาฬิกาเรือนนี้ไปหรือยัง เมื่อเห็นว่ายังไม่มีใครซื้อ ก็จะหยุดยืนดูมันอยู่สักพัก แล้วก็ค่อยกลับบ้าน

    อาจเป็นเพราะเพิ่งดูนาฬิกาเป็น และเริ่มรู้ว่านาฬิกาสำคัญกับการดำรงชีวิตอย่างไร จึงสนใจและอยากมีนาฬิกาเป็นของตัวเองสักเรือน แต่ก็ทำได้แค่ดู เพราะไม่มีสตางค์ ยิ่งเมื่อเทียบราคากันแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าเรือนที่ผมอยากได้นั้นมีราคาสูงกว่าเรือนอื่นๆ

    350 บาท ในยุค 30 กว่าปีที่แล้ว เรียกได้ว่า “ราคาไม่เบา” เลยทีเดียว

    แต่ก็นะ! ด้วยความอยากได้ ผมจึงพยายามรวบรวมความกล้าเข้าไปขอให้ป๊าซื้อนาฬิกาเรือนดังกล่าวให้ แม้จะรู้ว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ที่จะโดนด่า

    “ยังหาเงินเองไม่ได้ จะใช้ของแพงแบบน้ันไปทำไม”
    (อันนี้เป็นคำตอบของป๊าที่ผมเดาเอาไว้ก่อนลองขอดู)

    แต่เมื่อความต้องการมันสุมมันรุมเร้า ผมจึงตัดสินใจเสี่ยงเอ่ยปาก โดยชักแม่น้ำทั้งห้ามาเป็นเหตุผล ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะต่างกับเด็กสมัยนี้เวลาอยากได้สมาร์ทโฟนสักเครื่อง

    “เอาสิ ……” เฮ้ย! คำตอบของป๊า ทำให้ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

    “แต่ …. (ว่าแล้ว) ต้องทำงานช่วยที่ร้าน 2 วัน เสาร์–อาทิตย์นี้ ตั้งแต่เปิดจนปิดร้าน ถ้าทำได้ คืนวันอาทิตย์เราจะไปซื้อนาฬิกากัน“

    ความโลภเป็นเหตุ ไม่เจตนา ผมตกปากรับคำแบบไม่คิดเจรจาต่อรองใดๆ

    บ้านของผมเป็นร้านขายอะไหล่รถยนต์ย่านคลองจั่น บางกะปิ เปิดขายของตั้งแต่ 08.00 – 20.00 น. มีลูกค้ามากมายทั้งขาจร ขาประจำ รวมถึงอู่ซ่อมรถในละแวกใกล้เคียง ร้านเราเป็นที่รู้จัก เพราะชื่อเสียงของป๊าเป็นที่ยอมรับนับถือ โดยเฉพาะเรื่องของความใจกว้าง และความซื่อสัตย์ (อันนี้คนอื่นบอก ไม่ได้อวยป๊าตัวเอง)

    เมื่อถึงวันเสาร์ ป๊าปลุกผมตั้งแต่ 7 โมงเช้า (ปกติวันหยุด ผมตื่น 10 โมงให้ตายสิ!) ป๊าให้ผมช่วยลำเลียงน้ำมันไปจัดวางหน้าร้าน เด็ก ป.4 อายุ 10 ขวบ ยกน้ำมันข้างละ 1 แกลลอน เรียงจนหมด 10 ลัง ที่เจ๋งมากคือป๊าไม่ช่วยยกเลยสักแกลลอนเดียว คอยแต่ชี้นิ้วอย่างเดียว

    หลังจากนั้น ก็ให้ผมปีนขึ้นไปทำความสะอาดหยักไย่ที่เกาะราวสายพาน กวาดร้าน และจัดของให้เข้าที่เข้าทาง จนร้านพร้อมเปิด แล้วก็คอยสแตนบายเป็นเด็กคอยวิ่งหยิบของบ้าง เฝ้าร้านเวลาป๊ากับแม่ขึ้นไปหยิบของชั้นบนบ้าง เป็นอย่างนี้อยู่ตลอดทั้งวัน

    ป๊าบอกว่า กว่าจะขายของได้เงินมันเหนื่อย ถ้าใครมาเอาเปรียบขโมยของเราไป เราจะเสียหายไปถึงต้นทุน ดังนั้นจึงสั่งให้ผมนั่งเฝ้าร้านไว้

    “ค้าขายต้องไม่เอาเปรียบลูกค้า และในขณะเดียวกัน ก็อย่าให้ถูกเอาเปรียบ ทุกอย่างต้องแลกเปลี่ยนอย่างตรงไปตรงมา” ป๊าสอน

    ตลอดทั้งวัน ผมทำงานโดยไม่ปริปากบ่น แว๊บหนึ่งที่ผมคิดขึ้นมาได้ ขณะที่ว่ิงไปวิ่งมาในร้านก็คือ “เรียนหนังสือสบายกว่าแยะเลย“

    สิ้นวันผมเหนื่อยมาก หลังอาบน้ำ ผมสลบหลับเป็นตายโดยไม่รู้ตัว

    วันถัดมา ป๊าสอนให้ผมอ่านโค้ดราคาสินค้า เนื่องจากร้านอะไหล่แบบเรา จะไม่ติดราคาสินค้าประเจิดประเจ้อ แต่จะใช้โค้ดเป็นตัวบอกทั้งต้นทุน และราคาขาย

    “Aพจ Aชจ” หมายถึง ต้นทุน 160 บาท ราคาขาย 180 บาท ถ้าจะลดให้ลูกค้า ก็อย่าทะลึ่งลดเกินต้นทุน

    วันอาทิตย์เป็นวันที่ลูกค้าไม่ได้เยอะมาก ผมก็เลยรู้สึกดีที่ว่าง แต่พอว่างนานไป ก็เริ่มสงสัยว่า แล้วร้านจะเอาเงินมาจากไหน ร้านเปิด 08.00 น. ลูกค้าคนแรกเข้าร้านเราตอน 10.00 โมง

    ลูกค้าคนดังกล่าวต้องการหัวเทียน ป๊าหยิบหัวเทียนส่งให้ผมแสดงฝีมือคิดราคา ทันทีที่ผมบอกราคาขาย ป๊ายิ้มดูภูมิใจ แต่ผมรู้สึกเศร้าใจ เพราะสองชั่วโมงที่รอคอยลูกค้าคนแรก เรามีกำไรจากหัวเทียน 1 หัว เพียง 20 บาท

    แล้วบรรยากาศอันแสนเงียบเหงาในวันอาทิตย์ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ลูกค้าเข้ามาที่ร้านแบบนับคนได้ ป๊าบอกว่าวันอาทิตย์เป็นวันเที่ยวของครอบครัวส่วนใหญ่ เลยอาจมีลูกค้าน้อยไปสักนิด แต่ก็มาเรื่อยๆ

    ทุกครั้งที่ว่าง ป๊าจะเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในร้าน รวมไปถึงวิธีการเอาใจใส่ลูกค้าในแบบของป๊าให้ฟัง ป๊าบอกว่า คนค้าขายต้องรู้ใจลูกค้า ถ้าชนะใจลูกค้า เข้าใจลูกค้า ขายอะไรก็ขายได้

    ตกเย็นป๊าพาผมเดินข้ามถนนไปที่ร้านนาฬิกา จำได้ว่าวันนั้นผมยืนมองนาฬิกาที่ชอบอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจบอกให้ป๊าซื้อนาฬิกาลายการ์ตูนอีกเรือนหนึ่ง

    “ใช่อันนี้เหรอ ที่อยากได้” ป๊าถามพลางมองหน้าผม ผมนิ่ง ก่อนจะส่ายหัว “แล้วทำไม ไม่ซื้อของที่เราอยากได้” ป๊าถาม

    “มันแพง” ผมตอบ

    สองวันเต็มของการทำงาน มันทำให้ผมเห็นคุณค่าของเงิน (นาฬิกาแพงขนาดนั้น ต้องขายหัวเทียนถึง 18 หัวถึงจะซื้อได้) เห็นคุณค่าของการทำงานหนัก และที่สำคัญที่สุด เห็นความรักของป๊าที่สอนให้บทเรียนทางการเงินให้ผมอย่างอดทน

    สุดท้ายวันนั้น ป๊าซื้อนาฬิการาคา 350 บาทที่ผมอยากได้ให้ มันเป็นนาฬิกาเรือนแรกในชีวิต เป็นของขวัญอันทรงคุณค่า เพราะมันแลกมาด้วยการทำงาน ผมดีใจมาก เห่อสุดๆ จนต้องใส่มันนอนด้วย

    ป๊าบอกว่า “คนเราทำงานหนัก ก็ต้องใช้จ่ายให้เป็น มันไม่เกี่ยวว่าแพงหรือถูก ถ้ามันดีกว่า คุ้มกว่า ใช้ได้นานกว่า การซื้อของแพง ก็ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย“

    ทุกวันนี้ผมก็ยังใช้ชีวิตแบบที่ป๊าสอน ผมไม่เคยใช้ชีวิตแบบจำกัดจำเขี่ย ถ้าสิ่งใดที่จำเป็นและผมต้องการมัน ผมจะแลกมันด้วยการทำงานหนัก และส่ิงของใดที่จำเป็น ผมจะเลือกสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดกับเงินที่จ่ายไป

    เมื่อนึกย้อนกลับไปยังบทเรียนในวันนั้น ผมจะรู้สึกภูมิใจเล็กๆ กับตัวเองเสมอ และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงป๊า ครูการเงินคนแรกในชีวิต ที่สอนการเงินให้ผมด้วยความรัก จนทำให้ผมมีภูมิคุ้มกันทางการเงินติดตัวมาจนปัจจุบัน

    แม้วันนี้ป๊าจะไม่อยู่แล้ว (ป๊าเสียไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว) แต่บทเรียนทางการเงินอันทรงคุณค่าบทเรียนนี้ และบทเรียนอื่นๆ ที่ป๊าพูดป๊าสอนยังคงอยู่ และจะถูกส่งต่อไปยังลูกๆของผมด้วยความรัก เหมือนอย่างที่ป๊าส่งมอบมันให้กับผม

    ใครที่คุณพ่อคุณแม่ยังอยู่ด้วย ดูแลท่านให้อยู่ดีมีความสุขนะครับ

    โค้ชหนุ่ม
    07-01-2021

    ปล. เห็นว่าพรุ่งนี้วันเด็กแห่งชาติ เลยหยิบเรื่องในวัยเด็กมาเล่าให้ฟังกันครับ ใครมีเรื่องการเงินในวัยเด็ก ก็หยิบมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะครับ

  • ไม่เจตนา 在 ครูเงาะ รสสุคนธ์ กองเกตุ Facebook 的最佳解答

    2020-08-27 14:10:49
    有 6,737 人按讚

    อยากให้ได้อ่านค่ะ เป็นอีกมุมที่น่าลองฟัง ส่วนตัวครูอะไรที่สุดโต่งไปไม่มีทางดี ตีแบบใช้อารมณ์หรือไม่ตีเลยอาจจะไม่ใช่คำตอบ ส่วนตัวครูก็เคยโดนตีนะครั้งสองครั้งก็ไม่ได้รู้สึกเป็นปมอะไรเพราะเราผิดจริง แม่ทำโทษให้เดินไปหยิบไม้เรียวเองแถมให้เลือกเองด้วยว่าเอากี่ที55 นักเรียนครูอีกคนโดนพ่อตีที่มือเค้าบอกว่าเสียใจและไม่ทำผิดอีกเลย บางคนไม่เคยโดนตีเลยแต่โดนทำโทษแบบเคร่งครัดก็พบว่าโตมาก็เป็นคนดีในสังคมได้ ทุกอย่างมันมีบริบทของมันแต่ประเด็นขอบคุณหมอก็น่าคิด

    เลี้ยงลูกให้เป็นทรพี (โดยไม่เจตนา)
    .
    โดย ศ นพ วิทยา นาควัชระ
    .
    เรื่องที่จะเล่านี้เป็นเรื่องจริง
    .
    ตั้งใจจะยกให้ดูเป็นตัวอย่าง ไม่อยากจะโทษใคร เพราะตัวละครแต่ละคนในเรื่องก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ถือว่าเป็นกรณีศึกษา และเป็นตัวอย่างประกอบก็แล้วกัน
    .
    😧 ตัวอย่างที่ 1 พ่อมีการศึกษาจบปริญญาเอก แม่จบปริญญาโท ทั้งพ่อและแม่มีการงานทำดีมาก การเงินก็ดี แต่ก็ทำงานหนักทั้งคู่
    .
    ทั้งสามีภรรยามีลูกชาย 2 คน คนโตอายุ 14 ปี คนเล็กอายุ 9 ปี
    .
    ลูกทั้งคู่ แลดูน่ารักตลอดมา การเรียนไม่เก่ง แต่การสังคมเก่ง พูดเก่ง กีฬาเก่ง กำลังเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อมากแห่งหนึ่ง
    .
    พ่อแม่เริ่มปวดหัวที่ลูกไม่เชื่อฟังคำสั่งสอน ลูกคนโตเริ่มก้าวร้าว พ่อแม่ว่าอะไรก็เถียง หรือไม่สนใจ
    ครั้งล่าสุดนี้ ลูกฃายพูดจายอกย้อนพ่อ เถียงพ่อ จนพ่อทนไม่ได้ เอามือไปตีลูกชายเข้า 1 ที
    ลูกชายลุกขึ้นเตะพ่อ 1 ที แล้วผลักพ่อกระเด็น แถมเดินหนีออกจากบ้านไป
    .
    พ่อมาเล่าให้ผมฟังด้วยหัวใจปวดร้าว
    .
    ผมถามว่าแล้วทำอย่างไรต่อ
    .
    เขาบอกว่า ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่เคยลงโทษลูกมาก่อนเลย เพราะคิดว่าจะเลี้ยงลูกด้วยการไม่ลงโทษเลย
    ครั้นโตแล้วจึงเห็นว่าลูกทำผิดเรื่อยๆ ไม่อยู่ในโอวาท ถ้าจะลงโทษตอนนี้ ลูกก็ไม่ยอมรับ แถมสู้ และหนีไปเฉยๆ จะสู้กับลูกก็สู้ไม่ได้ อายเขาด้วย เขาถามผมว่า
    .
    ทำไงดี……หมอครับ?
    .
    😧 ตัวอย่างที่ 2 พ่อเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แม่เป็นหมอ ก็ทำงานหนักทั้งคู่ ลูกชายคนโตอายุ 13 ปี ไม่เชื่อฟังพ่อแม่
    .
    ครั้งล่าสุดนี้ แม่เผลอไปเอ็ดลูกเข้ามากๆ ลูกชายเลยเอาไม้ตีหัวแม่แตก และหนีออกจากบ้านไป
    .
    พ่อแม่ก็ไม่รู้จะทำอะไร ทั้งคู่ไม่เคยลงโทษลูก
    .
    แม่โทรศัพท์มาหาและบอกว่า ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง กลัวเขาจะหาว่าเป็นลูกทรพี
    .
    เธอถามผมว่า….
    .
    หมอ….ทำไงดี?…..อยากฆ่าตัวตายอยู่แล้ว !!!
    .
    😕 จากทั้งสองกรณีนี้ แสดงให้เห็นว่าเด็กเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ไม่ได้สร้างวินัยให้แก่เด็กตั้งแต่เล็กๆ
    เด็กจึงเติบโตขึ้นมา มีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง สังคมดี พูดเก่ง กีฬาเก่ง อาจจะเรียนเก่งด้วยก็ได้ แต่ขาดวินัยกับตัวเอง
    .
    ไม่มีการยอมรับกติกาของสังคม ของครอบครัว ของพ่อแม่ ซึ่งถ้าเติบโตต่อไปก็จะไม่ยอมรับกติกาของสถาบันการศึกษา ของที่ทำงาน และแม้แต่กฏหมายบ้านเมือง
    .
    เรียกว่าเติบโตต่อไป ทำงานก็ยาก อยู่ก็ยาก มีครอบครัวก็ยาก มีลูกก็ยาก…..ยากไปหมดทุกอย่าง แม้แต่อยู่คนเดียวก็ยาก เผลอๆก็ทำผิดกฏหมายบ่อยๆโดยอ้างว่า…..ไม่เจตนา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
    .
    ก็เป็นเพราะพ่อแม่ไม่ลงโทษ เมื่อเด็กทำผิดตั้งแต่เล็กๆ
    .
    และไม่ชมเชย หรือให้รางวัลเมื่อเขาทำความดี
    .
    ผมจำได้แม่นว่า เมื่อ 10 กว่าปีมาแล้ว มีการเชื่อกันมากเรื่องการเลี้ยงลูกโดยไม่มีการลงโทษทางกาย ซึ่งก็คือการตีลูกนั่นเอง พวกมีความรู้ระดับปริญญาโทขึ้นไป ครูบาอาจารย์ แพทย์ เชื่อถือกันมากและเลี้ยงลูกโดยไม่ลงโทษโดยการตีเลย แต่จะบอกให้เด็กคิดเอง ให้เด็กมีอิสระในการแสดงออก ซึ่งแลดูก็น่ารักดีหรอกในตอนเด็กๆ
    .
    ในช่วงนั้นๆ ผมเคยถูกเชิญไปบรรยายพิเศษให้สมาคมผู้ปกครองของโรงเรียนสาธิตที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งฟัง และผมก็ถูกถามเรื่องนี้ ซึ่งผมก็ตอบในที่ประชุมเลยว่า ผมไม่เห็นด้วยหรอกที่ไม่มีการลงโทษเด็กทางฝ่ายกายเมื่อทำผิด ถ้าเป็นผม ผมจะตีเด็ก ใช้มือตีก้นเขาจะดีที่สุด ผมถูกหาว่า…..แหมเหี้ยมจัง
    .
    แต่ผมเชื่อว่า การถูกตี หรือการถูกลงโทษทางฝ่ายกายตั้งแต่เด็กๆนั้น เด็กจะตระหนักและรับรู้ถึงบทบาทของการลงโทษได้ดีกว่าและเร็วกว่าการลงโทษทางจิตใจและทางสังคม เพราะเด็กนั้นเล็กเกินไปที่จะเข้าใจ และจะได้ใจด้วย
    .
    ผมยังพูดอีกด้วยว่า……"จำไว้ ถ้าคุณไม่ลงโทษลูกของคุณเมื่อทำผิด สักวันหนึ่งสังคมจะลงโทษลูกของคุณ ซึ่งจะเจ็บยิ่งกว่าที่คุณลงโทษเขาเสียอีก"
    .
    สิบกว่าปีผ่านไป เด็กๆยุคนั้นก็คงเติบโตเป็นวัยรุ่นกันในขณะนี้พอดี
    .
    ปัญหาเรื่องลูกวัยรุ่นนี้ ทำความปวดหัวมาให้กับพ่อแม่มาก มีพ่อแม่นำลูกวัยรุ่นมาปรึกษาผมที่คลินิกมากมาย ท้งที่เจ้าตัวยอมมาหาเอง และจ้างกันมา
    .
    มีวัยรุ่นรายหนึ่งมาจากเยอรมัน พ่อแม่ต้องจ้างให้มาหาผมด้วยการซื้อเสื้อผ้าให้ 30 ชุด ซึ่งหลังจากมาหาพูดคุยกับผมแล้ว เขาบอกว่า ไม่ต้องจ้างก็ได้เพราะมาหาแล้วคุยกับผมได้สนุกดี อยากมาคุยบ่อยๆ
    .
    โดยส่วนตัวผมเองแล้ว ผมสนใจเรื่องของวัยรุ่นและกิจกรรมวัยรุ่นตลอดมาในทุกๆรูปแบบ และต้องเข้าใจหรือตามให้ทันอยู่เสมอๆ
    .
    สมัยที่รับราชการอยู่ในโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ ผมก็เป็นผู้ริเริ่มตั้งแผนกจิตเวชวัยรุ่นขึ้นมาเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพราะมองเห็นความสำคัญของบุคคลในวัยนี้ ที่จะต้องได้รับการดูแล ช่วยเหลือแนะนำหรือแก้ไขโดยจิตแพทย์ หรือบุคลากรที่พร้อมจะเข้าใจจิตใจของพวกเขาโดยแท้จริง และต้องทันสมัย ทันเหตุการณ์ด้วย
    .
    ในอเมริกาก็จะมีแผนกจิตเวชวัยรุ่นนี้อยู่ตามโรงเรียนแพทย์ใหญ่ๆที่ผมเคยได้ไปศึกษามาวัยรุ่นที่มีปัญหาหลายๆราย ก็ช่วยเหลือได้ทั้งในแง่เกเร ไม่เรียนหนังสือ ชอบหนีเที่ยว ติดยา สำส่อนทางเพศ แปรปรวนทางเพศ ก้าวร้าว แยกตัว ขาดความเชื่อมั่นตัวเอง กังวล ฯลฯ
    .
    บางรายก็ช่วยเหลือได้ยากมาก เพราะเขาไม่อยากให้แพทย์ช่วย
    .
    และที่แน่นอนคือ พ่อแม่ต้องให้ความร่วมมือด้วย
    .
    แต่ไม่อยากจะรอให้ถึงขั้นนี้หรอก จะเจ็บด้วยกันทั้ง พ่อ แม่ ลูก
    .
    จงมาตั้งใจอบรมลูกให้มีวินัยตั้งแต่เด็กๆดีกว่าครับ
    .
    จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่า เลี้ยงลูกผิด
    .
    ซึ่งถือว่าเป็นบาปบริสุทธิ์ชนิดหนึ่งก็ได้ หรือ อย่างที่ชาวบ้านเขาเรียกกันว่า เป็นการเลี้ยงลูกให้เป็นทรพีโดยไม่เจตนาก็ได้
    .
    ผมหนาวในหัวใจจังครับ
    .
    นำมาแบ่งปันเพราะชอบ. เผื่อคนที่กำลังจะมีหลาน มีหลาน จะได้สอนลูกให้สอนหลาน.....

  • ไม่เจตนา 在 อาจารย์อดัม Facebook 的最佳解答

    2019-04-21 17:36:12
    有 1,284 人按讚


    อย่าถือสา จองเวรจองกรรม น้อยใจ ไม่ตั้งใจ ไม่เจตนา ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร

  • ไม่เจตนา 在 Club gig Youtube 的最讚貼文

    2020-09-02 01:57:29

    ปรึกษาปัญหาความรักฟรี หรือพูดคุยกับผม เชิญที่ไลน์
    https://line.me/R/ti/p/%40clubgig
    CG โค้ชกิ๊ก อนิศ โอสถานุเคราะห์

你可能也想看看

搜尋相關網站