[爆卦]ในขณะที่ ภาษาอังกฤษ是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇ในขณะที่ ภาษาอังกฤษ鄉民發文沒有被收入到精華區:在ในขณะที่ ภาษาอังกฤษ這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 ในขณะที่產品中有1163篇Facebook貼文,粉絲數超過178萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Facebook貼文中提到, รู้จัก AUKUS ของสหรัฐ และการโต้กลับด้วย CPTPP ของจีน /โดย ลงทุนแมน เรื่อง AUKUS เป็นประเด็นใหม่ที่คนทั้งโลกจับตา สนธิสัญญา AUKUS เป็นข้อตกลงที่สหรัฐฯ ...

 同時也有113部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅CarDebuts,也在其Youtube影片中提到,เปิดผลประกอบการทางการเงิน Nissan ประเทศไทย ไขข้อสงสัย Nissan Navara 2021 นิสสัน นาวาร่า รุ่นปรับโฉมใหม่ ทำไมขายไม่ดี และกำลังเดินเข้าสู่วิกฤติ? อย่าง...

  • ในขณะที่ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文

    2021-09-29 20:00:09
    有 611 人按讚

    รู้จัก AUKUS ของสหรัฐ และการโต้กลับด้วย CPTPP ของจีน /โดย ลงทุนแมน
    เรื่อง AUKUS เป็นประเด็นใหม่ที่คนทั้งโลกจับตา
    สนธิสัญญา AUKUS เป็นข้อตกลงที่สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร จะสนับสนุนการสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ให้แก่ออสเตรเลีย

    คำว่า AUKUS ย่อมาจาก
    Australia (AU)
    United Kingdom (UK)
    United States (US)

    แต่รู้ไหมว่าสนธิสัญญา AUKUS ยังเกี่ยวข้องกับจีน และอาจทำให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคทะเลจีนใต้ระหว่าง สหรัฐฯ กับ จีน มากขึ้น
    เรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
    ╔═══════════╗
    Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
    ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
    แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
    Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร อ้างว่า การทำสัญญา AUKUS กับออสเตรเลีย เพราะอยากให้มีความปลอดภัยและสันติภาพ เพิ่มขึ้นในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

    แต่หลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย มองว่า สนธิสัญญานี้จะทำลายความสงบสุขในเอเชียมากกว่า เพราะอย่างที่รู้กันคือ สนธิสัญญานี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพออสเตรเลีย

    การที่ออสเตรเลียได้เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ในครั้งนี้ ออสเตรเลียจะกลายเป็นประเทศที่ 7 ของโลก ที่มีเทคโนโลยีดังกล่าว

    เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงเป็นเพราะเหตุผลเบื้องหลังคือ สหรัฐฯ ต้องการคานอำนาจและท้าทายอิทธิพลของจีน ในเขตทะเลจีนใต้

    แล้วสำหรับจีน มีมุมมองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ?

    จีนกล่าวหลังจากทราบเรื่องดังกล่าวว่า สหรัฐฯ นั้นใจแคบ และไร้ความรับผิดชอบ ที่อาจนำพาให้ประเทศอื่นเข้าสู่ยุคสงครามเย็น

    และที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ หลังจากการแถลงข่าวเรื่อง AUKUS ได้ 1 วัน รัฐบาลจีนเลยเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรี CPTPP ในทันที

    แล้ว CPTPP คืออะไร ?

    CPTPP คือ ข้อตกลงสำหรับประเทศที่อยู่ใกล้เคียงกับมหาสมุทรแปซิฟิก ในประเด็นเรื่อง การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา มาตรฐานแรงงาน และกฎหมายสิ่งแวดล้อม

    จริง ๆ แล้ว CPTPP เกิดจากโมเดลของ TPP ที่สหรัฐฯ ออกแบบมา เพื่อกีดกันทางการค้ากับจีนโดยเฉพาะ ดังนั้นหลายคนคิดว่าจีนอาจไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนด CPTPP ได้เพราะติดเกณฑ์หลายเรื่องในข้อตกลง

    แต่การที่จีนยอมเข้าร่วมข้อตกลง CPTPP นี้ นอกจากจีนจะทำการโต้กลับเรื่อง AUKUS แล้ว จีนคงเห็นอะไรบางอย่างที่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้

    โดยก่อนหน้านี้ ในสมัยที่ดอนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี สหรัฐฯ ได้ออกจากข้อตกลง TPP มาแล้ว ซึ่งการออกจากข้อตกลง TPP ในครั้งนั้นทำให้ขนาดเศรษฐกิจของประเทศทั้งหมดที่อยู่ในข้อตกลง ได้ลดลงจาก 27% ของ GDP โลก มาอยู่ที่ 15%

    แต่การเข้ามาของจีนในครั้งนี้ จะทำให้ CPTPP มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 30% ของ GDP โลก และมีประชากรรวมเป็น 1,900 ล้านคน หรือ 25% ของประชากรโลกเลยทีเดียว

    แต่เรื่องนี้คงต้องติดตามกันอีกยาว ว่าจีนจะเข้าร่วม CPTPP ได้หรือไม่
    เพราะตอนนี้หลายประเทศที่อยู่ใน CPTPP ก็ยังคงทำตัวไม่ถูก เนื่องจากในข้อตกลงนี้มีแต่ประเทศที่เป็นมหามิตรของสหรัฐฯ เช่น ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และแคนาดา ในขณะที่ จีนนั้นอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับสหรัฐฯ อย่างชัดเจน

    ซึ่งน่าติดตามว่า พันธมิตรของสหรัฐฯ ในข้อตกลง CPTPP จะคิดเห็นอย่างไร ?

    ประเทศสมาชิกใน CPTPP ที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย มองว่าการเข้ามาใน CPTPP ของจีนเป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคแปซิฟิกมากขึ้น

    สำหรับญี่ปุ่นยังมีกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้กับจีน และนอกจากนั้นญี่ปุ่นเคยเจรจาเรื่อง CPTPP กับไต้หวันไว้ว่าจะยอมรับเข้าเป็นสมาชิก

    ดังนั้นไต้หวันย่อมกังวลว่า ถ้าจีนได้เข้าร่วม CPTPP ไต้หวันจะถูกกีดกันในการเป็นสมาชิกของ CPTPP ในอนาคต

    สำหรับออสเตรเลียเอง ก็ยังมีข้อพิพาทกับจีนเช่นกัน
    โดยจีนได้เพิ่มอัตราการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากออสเตรเลีย ซึ่งมีเจตนาเพื่อโต้กลับออสเตรเลีย หลังจากที่ออสเตรเลียเรียกร้องให้จีนออกมารับผิดชอบว่าเป็นต้นเหตุของโรคระบาดโควิด

    อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย อาจไม่มีอำนาจมากพอที่จะห้ามจีนเข้า CPTPP ได้
    แต่ทั้ง 2 ประเทศก็คงใช้วิธีเน้นย้ำว่า จีนต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ CPTPP ให้ได้

    ที่น่าสนใจก็คือ พันธมิตรของสหรัฐฯ ที่ยังไม่ได้อยู่ใน CPTPP อย่างสหราชอาณาจักร ก็ต้องการเข้าร่วม CPTPP เพื่อขายสินค้าเกษตรกับประเทศอื่นเพิ่มมากขึ้น หลังไม่มีข้อผูกมัดกับสหภาพยุโรปแล้ว

    คำถามต่อไปก็คือ จีนจะปฏิบัติตามเกณฑ์ของ CPTPP ได้หรือไม่

    โดยในข้อตกลง CPTPP จะเน้นเรื่องความเป็นเสรี และรัฐบาลต้องไม่ไปอุดหนุนรัฐวิสาหกิจเพื่อบิดเบือนตลาด

    ซึ่งเรื่องนี้สอดคล้องกับรัฐบาลจีนเองที่มีแผนจะลดเงินสนับสนุนแก่รัฐวิสาหกิจ และดึงเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อผลักดันให้บริษัททำกำไรและดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

    นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังได้ประกาศเข้าร่วมพันธกรณีข้อตกลงปารีส และยุติโครงการสร้างโรงงานถ่านหินในต่างประเทศ เพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศและแก้ปัญหาโลกร้อน

    ดังนั้น กฎเกณฑ์ในการเข้าร่วม CPTPP ในประเด็นเรื่องรัฐวิสาหกิจ และกฎหมายสิ่งแวดล้อม ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับจีน

    อย่างไรก็ตาม จีนยืนยันว่าการเข้าร่วม CPTPP ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องสนธิสัญญา AUKUS เพราะจีนต้องการความร่วมมือทางเศรษฐกิจ มากกว่าจะผลักดันให้เกิดสงครามเหมือนสหรัฐฯ

    แล้วสหรัฐฯ มีท่าทีอย่างไร หลังจีนต้องการเข้าร่วม CPTPP ?

    การร่วมมือของสหรัฐฯ ทางการทหาร ผ่านสนธิสัญญา AUKUS อาจไม่พอที่จะหยุดอำนาจของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เพราะสหรัฐฯ ยังขาดบทบาทการเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในเอเชีย

    ซึ่งนักธุรกิจ และสมาชิกในสภาคองเกรส ต้องการให้สหรัฐฯ กลับเข้ามาเป็นสมาชิก CPTPP ก่อนประเทศจีน เพื่อลดกำแพงภาษี และรองรับการเป็นสมาชิกของไต้หวันก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

    แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจจะไม่เข้าร่วม CPTPP ในทันที จนกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจภายในประเทศ หรือนโยบาย “Build Back Better” จะสำเร็จเสียก่อน

    ซึ่งนโยบายนี้ กีดกันทางการค้าและเทคโนโลยีกับจีนในทางอ้อม ด้วยการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศและใช้สินค้าที่ผลิตโดยคนอเมริกัน

    ซึ่งดูเหมือนว่า สงครามการค้า หรือ สงครามเทคโนโลยี ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ตั้งแต่สมัยทรัมป์ ยังคงดำเนินต่อ เพียงแค่อยู่ในรูปแบบที่เปลี่ยนไป

    และสำหรับประเทศที่เหลือบนโลกใบนี้ ก็ยังต้องปรับตัวให้อยู่กับ 2 ขั้วทางการเมือง ที่ไม่น่าจะมีวันมาบรรจบกันได้อย่าง สหรัฐฯ และจีน ไปอีกนานเป็นทศวรรษ..
    ╔═══════════╗
    Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
    ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
    แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
    Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ติดตามลงทุนแมนได้ที่
    Website - longtunman.com
    Blockdit - blockdit.com/longtunman
    Facebook - facebook.com/longtunman
    Twitter - twitter.com/longtunman
    Instagram - instagram.com/longtunman
    Line - page.line.me/longtunman
    YouTube - youtube.com/longtunman
    Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
    Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
    Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
    References:
    -https://www.reuters.com/world/china/china-officially-applies-join-cptpp-trade-pact-2021-09-16/
    -https://apnews.com/article/united-nations-general-assembly-joe-biden-6dd0382e93987500d714f9fa497602af
    -https://www.bbc.com/news/world-asia-china-58647481
    -https://www.posttoday.com/world/663460
    -https://www.prachachat.net/economy/news-765984
    -https://www.cnbc.com/2021/09/27/analysts-on-chinas-bid-to-join-cptpp-strategic-competition-with-us.html
    -https://www.bbc.com/news/explainers-55858490
    -https://www.globaltimes.cn/page/202109/1234584.shtml
    -https://www.reuters.com/article/uk-davos-meeting-trade-truss-idUSKBN29Y14U
    -https://www.cnbc.com/2021/01/11/control-risks-on-biden-administration-rejoining-tpp-trade-deal.html
    -https://www.piie.com/blogs/trade-and-investment-policy-watch/chinas-cptpp-bid-puts-biden-spot
    -https://www.economist.com/leaders/2021/09/25/america-is-at-last-getting-serious-about-countering-china-in-asia
    -https://www.economist.com/leaders/2021/09/25/america-is-at-last-getting-serious-about-countering-china-in-asia

  • ในขณะที่ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答

    2021-09-27 20:00:18
    有 3,070 人按讚

    เศรษฐีรวยสุดในเอเชีย มีน้องชาย เป็นบุคคลล้มละลาย ได้อย่างไร ? /โดย ลงทุนแมน
    หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Mukesh Ambani เจ้าของ Reliance Industries กลุ่มธุรกิจที่ใหญ่สุดในอินเดียและเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเอเชีย มีน้องชายชื่อ Anil Ambani

    สำหรับน้องชายของมหาเศรษฐีคนนี้ ก็เป็นเจ้าของธุรกิจที่แยกตัวออกมาจาก Reliance Industries ของพี่ชาย มีชื่อบริษัทว่า Reliance ADA Group

    ในปี 2008 Mukesh Ambani มีทรัพย์สิน 1.4 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 5 ของโลก
    ในขณะที่ Anil Ambani ตามมาติด ๆ ด้วยทรัพย์สิน 1.37 ล้านล้านบาท และรวยเป็นอันดับ 6 ของโลก

    โดยในปีนั้น เศรษฐี 4 อันดับแรกของโลก ได้แก่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (อเมริกัน), คาร์ลอส สลิม (เม็กซิโก),
    บิลล์ เกตส์ (อเมริกัน) และลักษมี นิวาส มิตตัล (อินเดีย)

    หลังจากผ่านไป 13 ปี Mukesh Ambani มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านล้านบาท
    กลายมาเป็นมหาเศรษฐีรวยสุดในอินเดียและเอเชีย และรวยเป็นอันดับ 10 ของโลก

    แต่ในปี 2019 Ambani คนน้องกลับมีทรัพย์สิน เพียง 5.6 หมื่นล้านบาท
    จนล่าสุด มีหลายคนกล่าวว่าความมั่งคั่งตอนนี้ของ Ambani คนน้อง ลดลงจนเกือบเป็นศูนย์
    แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับน้องชาย ของคนที่รวยสุดในเอเชีย ?
    ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
    ╔═══════════╗
    Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
    ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
    แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
    Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ย้อนกลับไปในปี 1948 หรือเมื่อ 73 ปีก่อน ชายชาวอินเดียวัย 16 ปี
    ที่ชื่อ Dhirubhai Ambani ได้ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านเกิดไปทำงานที่ประเทศเยเมน

    ผ่านไป 10 ปี Dhirubhai กลับมาที่อินเดียพร้อมกับเงินเก็บ เพื่อมาเริ่มสร้างธุรกิจเอง

    Dhirubhai เริ่มจากการนำเข้าเส้นใยสังเคราะห์และส่งออกเครื่องเทศ ก่อนจะเริ่มทำธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งก็เติบโตอย่างรวดเร็ว จน Dhirubhai ได้ขยายกิจการไปในอุตสาหกรรมอื่น และเปลี่ยนมาใช้ชื่อบริษัทว่า “Reliance Industries” ในปี 1973

    Reliance Industries สามารถ IPO ได้ในปี 1977 ซึ่งหุ้นของบริษัทก็มีชาวอินเดียสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดเคยจัดประชุมผู้ถือหุ้นที่สเตเดียม

    ตั้งแต่ที่กิจการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว Dhirubhai ก็เริ่มให้ลูกชายทั้ง 2 คนของเขา เข้ามาช่วยบริหารงานที่บริษัท

    Mukesh Ambani ลูกชายคนโต เป็นประธาน
    Anil Ambani ลูกชายคนรอง เป็นกรรมการผู้จัดการ

    แต่แล้วในปี 2002 Dhirubhai ได้เสียชีวิตลงและได้ทิ้งกิจการ Reliance Industries ไว้กับลูกชายทั้ง 2 คน

    Dhirubhai ที่จากโลกนี้ไปไม่ได้ทำพินัยกรรมและข้อตกลงแบ่งกิจการให้กับลูกแต่ละคนไว้ ซึ่งเขาก็คงไม่คิดว่า จะเกิดปัญหาตามมา

    โดยปัญหาที่ว่านั้นเริ่มเกิดขึ้นเพราะลูกชายทั้ง 2 คน ที่เริ่มเข้าทำงานและมีบทบาทในบริษัทมาพร้อม ๆ กัน
    กลับตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเป็นเจ้าของและใครจะดูแลและรับผิดชอบบริษัทไหนบ้าง

    สุดท้ายแล้ว ในช่วงปี 2004 ถึง 2005 ผู้เป็นแม่ต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหา
    โดยการจ้างบุคคลที่ 3 ให้เข้ามาจัดการเรื่องการแยกบริษัทออกจากกันไปเลย

    Mukesh Ambani คนพี่ได้ธุรกิจหลักคือปิโตรเลียม ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการขยายกิจการในส่วนนี้มาตั้งแต่แรก และยังได้ธุรกิจอื่น ๆ อย่างเช่นปิโตรเคมี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจยุคเก่า โดยกลุ่มบริษัทของ Mukesh ใช้ชื่อว่า Reliance Industries

    Anil Ambani คนน้องได้ธุรกิจหลักคือ Reliance Communications ธุรกิจโทรคมนาคมที่เพิ่งเริ่มกิจการได้ไม่นาน แต่ก็กลายเป็นบริษัทเทเลคอมที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอินเดีย ซึ่งแม้ว่า Mukesh จะมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่ต้น แต่ Anil ก็อยากได้ธุรกิจนี้เช่นกัน

    นอกจากธุรกิจเทเลคอมแล้ว กิจการอื่นที่ Anil Ambani ได้รับไปดูแลอีกก็อย่างเช่น ธุรกิจพลังงาน และบริการทางการเงิน ซึ่งส่วนมากจะเป็นธุรกิจยุคใหม่ โดยกลุ่มธุรกิจของ Anil Ambani ใช้ชื่อว่า “Reliance ADA Group”

    หลังจากจบเรื่องการแบ่งธุรกิจแล้ว แต่ละคนก็เริ่มต่อยอดธุรกิจตามเส้นทางของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น

    Mukesh Ambani เริ่มทำธุรกิจค้าปลีกในปี 2006 จน Reliance Retail กลายมาเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่สุดในอินเดีย

    ในขณะที่ Anil Ambani ก็ได้ต่อยอดทำธุรกิจบันเทิง อย่างเช่นในปี 2005 ได้ซื้อบริษัท Adlabs Films ที่เป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์ Big Cinemas ซึ่งกลายมาเป็นโรงภาพยนตร์ที่มีสาขามากสุดในอินเดียในอีก 3 ปีถัดมา

    ในปี 2008 Reliance Entertainment ของ Anil Ambani ก็ได้เซ็นสัญญากับบริษัทผลิตภาพยนตร์ DreamWorks ของผู้กำกับ Steven Spielberg ซึ่งได้ร่วมผลิตภาพยนตร์ที่ได้รางวัลมากมาย อย่างเช่น The Help และ Lincoln

    และปีเดียวกันนี้ Anil Ambani ก็ได้นำบริษัทพลังงานอย่าง Reliance Power จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าการระดมทุนที่สูงเป็นประวัติการณ์ในขณะนั้น

    ผ่านไป 6 ปีหลังจากการเสียชีวิตของ Dhirubhai
    ดูเหมือนว่าลูกชายของเขาทั้งคู่ก็ต่อยอดกิจการไปได้อย่างสวยงาม
    จนทำให้ในปี 2008 Mukesh มีทรัพย์สิน 1.4 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 5 ของโลก และ Anil มีทรัพย์สิน 1.37 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 6 ของโลก

    แต่หลังจากนั้น เส้นทางความมั่งคั่งของพี่น้องคู่นี้ กลับเริ่มมีทิศทางที่สวนทางกัน
    คนพี่รวยขึ้น ส่วนคนน้องความมั่งคั่งหายไปเกือบหมด

    แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ?

    เรื่องทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นมาจากเงินที่บริษัท Reliance Power ของ Anil Ambani ได้มาจากการ IPO มีแผนจะใช้สร้างโรงไฟฟ้าที่ส่วนใหญ่จะผลิตจากก๊าซ

    โดยก๊าซที่ Reliance Power ใช้ ก็มาจากบริษัทก๊าซธรรมชาติในเครือ Reliance Industries ของ Mukesh นั่นเอง

    ซึ่งในตอนที่แยกบริษัทกัน สองพี่น้องก็ได้เซ็นสัญญาว่าบริษัทก๊าซของ Mukesh Ambani จะขายก๊าซให้โรงไฟฟ้าของน้องชายที่ราคาหนึ่ง

    แต่ในวันที่โรงไฟฟ้าสร้างใกล้จะเสร็จและถึงเวลาที่พี่ชายจะขายก๊าซให้กับน้อง ราคาก๊าซในตลาดโลกกลับเพิ่มสูงขึ้นไปเกือบเท่าตัว

    Anil Ambani จึงต้องการซื้อก๊าซในราคาที่ตกลงกัน เพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้น
    แต่ทาง Mukesh Ambani ไม่สามารถขายก๊าซตามราคาที่ตกลงกันไว้ได้เพราะบริษัทของเขาจะขาดทุน

    แต่แทนที่จะเจรจาตกลงกัน Anil Ambani กลับเลือกที่จะยื่นฟ้องบริษัทพี่ชายในปี 2010 เพื่อให้ซื้อก๊าซได้ในราคาเดิมที่เคยตกลงกัน

    แต่ศาลก็ได้มีคำสั่งให้ Anil Ambani ซื้อก๊าซในราคาใกล้เคียงกับราคาตลาดโลก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายราคาก๊าซของประเทศ

    สุดท้ายแล้ว Anil Ambani ที่ต้องแบกรับต้นทุนก๊าซเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จึงไม่สามารถจัดหาก๊าซเพื่อไปใช้ผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าที่สร้างรอไว้แล้วได้

    Reliance Power จึงกลายเป็นบริษัทที่มีหนี้มหาศาล จนต้องขายทรัพย์สินและกิจการบางส่วนออกไป เพื่อเอามาใช้หนี้ ซึ่งรวมถึงกิจการโรงภาพยนตร์ Big Cinemas ที่ซื้อมาเมื่อปี 2008 ด้วย

    แต่ความผิดพลาดทางธุรกิจของ Anil Ambani ยังไม่ได้จบลงแค่นี้ เพราะเรื่องราวที่ร้ายแรงกว่านั้น เกิดขึ้นกับธุรกิจโทรคมนาคมอย่าง Reliance Communications (RCom)

    ในปี 2002 ซึ่งเป็นช่วงที่ RCom เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ RCom เลือกใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่เรียกว่า CDMA ซึ่งใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ขณะที่บริษัทคู่แข่งอย่างเช่น Airtel เลือกใช้เทคโนโลยีที่ชื่อ GSM

    แม้เทคโนโลยีทั้ง 2 แบบจะใช้ได้ดีกับ 2G และ 3G เหมือนกัน แต่ปัญหาก็คือ CDMA ที่ RCom เลือกใช้ ไม่สามารถรองรับ 4G และ 5G ได้แบบ GSM ที่เหล่าคู่แข่งเลือกใช้

    นั่นจึงทำให้ช่วงเวลาที่ทั่วโลกเปลี่ยนผ่านจาก 3G มาเป็น 4G อย่างรวดเร็ว RCom เลยตามคนอื่นไม่ทัน จน RCom กลายเป็นบริษัทที่เริ่มมีหนี้มากขึ้น

    และจุดพลิกผันครั้งใหญ่ของ RCom รวมไปถึงทั้งอุตสาหกรรมเทเลคอมของอินเดีย ก็เกิดขึ้นในปี 2016

    เมื่อ Mukesh Ambani ได้ก่อตั้งบริษัทย่อยของ Reliance Industries ในชื่อ “Jio” ซึ่งเป็นบริษัท
    ที่เน้นบริการด้านเทคโนโลยี รวมถึงการให้บริการโทรคมนาคมแบบเดียวกับ RCom ด้วย

    ด้วยชื่อเสียงของ Reliance Industries ก็ทำให้ Jio มีจำนวนผู้ใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กำไรของบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดอย่าง Airtel ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้อีก 2 บริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดรองลงมาอย่าง Vodafone และ Idea ต้องควบรวมกิจการกัน

    ในเวลาต่อมาบริษัท Jio ของ Mukesh Ambani ก็กลายมาเป็นบริษัทเทเลคอมที่ใหญ่สุดในอินเดีย ส่วน RCom ของ Anil ที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ก็หายไปจากการแข่งขันในตลาดเทเลคอม จนทำให้บริษัทขาดทุนและกลายเป็นหนี้มหาศาล

    RCom ต้องยอมขายสินทรัพย์ของกิจการบางส่วนให้กับ Jio เพื่อลดหนี้
    แต่นั่นก็ยังไม่ช่วยให้สถานการณ์ของ RCom ดีขึ้น

    ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 RCom ได้ทำข้อตกลงกับ Ericsson โดยจ้างให้ Ericsson มาเป็นผู้บริหารเครือข่ายในบริเวณทางเหนือและตะวันตกของอินเดีย แต่ผลจากการขาดทุนต่อเนื่องก็ทำให้ RCom ไม่มีเงินจ่ายให้ Ericsson ตั้งแต่ปี 2016

    RCom ติดหนี้ Ericsson 2.46 พันล้านบาท ซึ่ง RCom ก็ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตามกำหนด และขอเลื่อนเวลาการจ่ายหนี้ออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้ว RCom จ่ายหนี้ได้เพียง 528 ล้านบาท นำไปสู่การถูกฟ้องร้องในเวลาต่อมา

    ศาลสูงสุดจึงมีคำตัดสินว่า ถ้าภายใน 1 เดือน RCom ยังจ่ายหนี้ให้ Ericsson ไม่ได้ Anil จะต้องถูกจำคุก 3 เดือน

    สุดท้ายแล้วพี่ชายของ Anil Ambani อย่าง Mukesh ก็เข้ามาช่วย
    โดยการจ่ายหนี้ที่เหลือ มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทให้
    ในขณะที่ บริษัท RCom ก็ต้องยื่นล้มละลาย

    แต่เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้น เพราะ RCom ยังมีหนี้ก้อนใหญ่อีกก้อน ที่กู้ยืมมาจาก 3 ธนาคารขนาดใหญ่ของจีน ทั้ง ICBC, China Development Bank และ EXIM Bank of China เป็นมูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท

    ทั้ง 3 ธนาคารจึงยื่นฟ้อง RCom และ Anil Ambani..

    ช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่ง Anil ได้พูดระหว่างพิจารณาคดีออนไลน์กับศาลของประเทศอังกฤษว่า เขาไม่มีเงินใช้หนี้ เพราะความมั่งคั่งของเขาตอนนี้ใกล้จะเป็นศูนย์แล้ว.. ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเขาจะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้

    จากความขัดแย้งเพื่อแย่งกิจการกันเองในครอบครัว บวกกับการบริหารธุรกิจที่ผิดพลาด การทุ่มเงินลงทุนขนาดใหญ่แต่ได้ผลลัพธ์แย่กว่าที่คาด ทำให้บริษัทก่อหนี้ก้อนโต

    ทั้งหมดนี้ก็ได้ส่งผลไปยังทรัพย์สินของผู้ที่เคยรวยติดอันดับ 6 ของโลกอย่าง Anil Ambani ได้หายไปเกือบหมด ในขณะที่พี่ชายที่เติบโตมาพร้อมกัน กลับเดินสวนทางกัน เพราะประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นเศรษฐี ที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย นั่นเอง

    ถ้าใครเชื่อว่าชีวิตของเราถูกกำหนดมาแล้วตั้งแต่เกิด
    เกิดมาในครอบครัวที่รวย ก็ย่อมมีแรงส่งให้พวกเขารวยขึ้น
    ซึ่งมันก็เป็นจริงในหลายกรณี
    แต่ในบางกรณี มันก็อาจเป็นตรงกันข้าม
    ซึ่งอย่างน้อย มันก็เกิดขึ้นแล้วกับ Anil Ambani น้องชายของ มหาเศรษฐี ที่รวยสุดในเอเชีย นั่นเอง..
    ╔═══════════╗
    Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
    ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
    แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
    Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ติดตามลงทุนแมนได้ที่
    Website - longtunman.com
    Blockdit - blockdit.com/longtunman
    Facebook - ลงทุนแมน
    Twitter - twitter.com/longtunman
    Instagram - instagram.com/longtunman
    Line - page.line.me/longtunman
    YouTube - youtube.com/longtunman
    Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
    Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
    Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
    References:
    -https://www.businessinsider.in/thelife/personalities/news/anil-ambanis-journey-from-42-billion-net-worth-to-claiming-poverty/articleshow/74028627.cms
    -https://www.scmp.com/magazines/style/celebrity/article/3093874/mukesh-vs-anil-why-did-one-ambani-brother-go-bankrupt
    -https://economictimes.indiatimes.com/industry/telecom/telecom-news/from-glory-to-dust-an-ambani-brands-journey-to-bankruptcy/articleshow/67837769.cms?from=mdr
    -https://www.businesstoday.in/latest/economy-politics/story/anil-ambani-road-to-bankruptcy-how-the-brother-of-indias-richest-man-lost-his-way-271119-2020-08-25
    -https://www.moneycontrol.com/news/business/a-timeline-of-reliance-communications-versus-ericsson-case-3661261.html
    -https://youtu.be/dBH0E20kc30
    -https://www.forbes.com/forbes/2008/0324/080.html?sh=3e185f910f2e
    -https://en.wikipedia.org/wiki/Reliance_Industries
    -https://en.wikipedia.org/wiki/Reliance_Group

  • ในขณะที่ 在 เกมถูกบอกด้วย v.2 Facebook 的最讚貼文

    2021-09-27 17:29:38
    有 2,007 人按讚

    [News] โหมด Multiplayer ของ The Last of Us 2 จะเปิดตัว "เมื่อไหร่ก็ตามที่มันพร้อมจริงๆ"
    .
    ทาง Naughty Dog ได้มีการอัปเดตคร่าวๆ เกี่ยวกับโหมด Multiplayer ของ The Last of Us 2 ที่แฟนๆ รอคอยกันมานาน ในวัน The Last of Us ซึ่งเป็นการฉลองของประจำปีของชุมชนชาวเกม The Last of Us ที่จัดติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี
    .
    ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสตูดิโอเคยประกาศว่า ในตอนที่ The Last of Us Part 2 จะวางจำหน่าย จะไม่มี Factions หรือโหมด Multiplayer ของเกมนี้ให้เล่น และด้วยความทะเยอทะยานของทีมงาน ทำให้โปรเจ็กต์ดังกล่าวได้ถูกนำมาพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นเกม Multiplayer แบบ Standalone ของตัวเองไปแล้ว
    .
    และเป็นเวลามานานกว่า 14 เดือน หลังจากที่ The Last of Us Part 2 วางจำหน่าย แต่ดูเหมือนว่าทาง Naughty Dog เองจะรู้ดีว่า โปรเจ็กต์นี้ ต้องใช้เวลาทั้งหมดเท่าที่จำเป็น ก่อนที่จะเปิดตัวสู่สาธารณชน
    .
    "ขอพูดสั้นๆ นะ พวกเราได้เห็นความคิดเห็นต่างๆ รวมไปถึงเสียงเรียกร้องสำหรับโหมด Multiplayer และรอลุ้นอัปเดตเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ สำหรับตอนนี้ พวกเราจะบอกว่า พวกเรารักในสิ่งที่ทีมงานกำลังพัฒนาอยู่มากๆ และอยากจะให้เวลาแก่พวกเขาในการสร้างโปรเจ็กต์ที่ทะเยอทะยานนี้ พวกเราจะเปิดเผยเกี่ยวกับมันมากขึ้นเมื่อมันพร้อม! สุดท้ายนี้ พวกเรากำลังยุ่งอยู่กับการเพิ่มทีมงานภายในสตูดิโอ นับตั้งแต่ The Last of Us Part II วางจำหน่าย และในตอนนี้ก็กำลังรับสมัครทีมงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับโหมด Multiplayer อย่างเต็มอัตรา (นี่บอกใบ้แล้วนะเนี่ย) ดังนั้น ถ้าคุณหรือใครก็ตามที่คุณรู้จัก มีคุณสมบัติตรงกับในหน้าประกาศรับสมัครงานของเรา ก็ติดต่อมาได้เลย!"
    Naughty Dog กล่าวบนหน้าเว็บไซต์จัดหาทีมงานของทางสตูดิโอ
    .
    ในขณะที่ก่อนหน้านี้ เคยมีนักขุดข้อมูลพบแผนที่ขนาดใหญ่ภายใน The Last of Us Part II ที่ทำให้แฟนๆ จำนวนมากคิดว่า อาจจะเป็นแผนที่สำหรับโหมด Battle Royale ตามสมัยนิยม ในขณะที่ Wccftech มองว่า นั่นอาจจะเป็นแผนที่สำหรับโหมดเกมแบบ DayZ ที่ดูจะเหมาะสมกับจักรวาลของ The Last of Us มากกว่า แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ยังไม่เคยได้รับการยืนยันใดๆ จากทาง Sony หรือ Naughy Dog มาก่อน
    .
    Source: https://wccftech.com/the-last-of-us-multiplayer-game-will-be-revealed-when-its-ready-says-naughty-dog/
    -------------------------------
    🦈 PingBooster VPN ลดค่า Ping ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการ Lag ของเกม สมัครสมาชิกพร้อมโค้ด Sheapgamer ลด 15% => http://bit.ly/2wAh1Y5
    -------------------------------
    จ่าย 400 บาท รับ Steam คีย์ Tropico 3 - 4 - 5 - 6 พร้อม DLC ครบ ดูที่นี่ - https://bit.ly/3u0EeQo

  • ในขณะที่ 在 CarDebuts Youtube 的最佳貼文

    2021-06-13 19:08:58

    เปิดผลประกอบการทางการเงิน Nissan ประเทศไทย ไขข้อสงสัย Nissan Navara 2021 นิสสัน นาวาร่า รุ่นปรับโฉมใหม่ ทำไมขายไม่ดี และกำลังเดินเข้าสู่วิกฤติ?

    อย่างที่เราได้เคยนำเสนอ ในเรื่องสถานการณ์ยอดขายของ Nissan Navara ในเมืองไทย ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ว่าตัวเลขยอดขายล่าสุด ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีเพียง 662 คันเท่านั้น น้อยกว่าอันดับ 1 อย่าง Isuzu D-MAX เกือบ 18 เท่าตัว และเมื่อดูยอดขายสะสมใน 4 เดือนแรกของปี จะพบว่า ยอดขายของ Navara มีเพียง 2,739 คันเท่านั้น คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด ที่ 2.4% ในขณะที่ Isuzu D-MAX มียอดขายสะสมใน 4 เดือนแรกนำโด่ง ที่ 51,947 คัน หรือคิดเป็น 19 เท่า ของยอดขาย Navara ทั้งๆที่ชื่อชั้น และระยะเวลาในการทำตลาดในเมืองไทย ก็ถือว่าไม่ได้แตกต่างกันนัก ที่สำคัญก็คือ Navara เป็นรุ่นรถยนต์ ที่ขายดีเป็นอันดับ 2 ของบริษัท รองจาก Almera เท่านั้น การที่รถยนต์รุ่นสำคัญ และทำตลาดในเมืองไทยมาอย่างยาวนาน อย่าง Navara มียอดขายเพียงน้อยนิด น่าจะสร้างความวิตกกังวลให้กับทาง Nissan ไม่น้อย แต่ที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคน ก็อาจจะสงสัย หรือตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเรามักจะไม่ได้เห็นกิจกรรมทางการตลาด หรือการโฆษณาประชาสัมพันธ์รถยนต์รุ่นนี้ เหมือนกับคู่แข่งรายอื่นๆ ตามที่เราได้เคยกล่าวถึงประเด็นนี้แล้ว ในคลิปก่อนๆ ซึ่งก็มีผู้ชมช่องของเราหลายท่าน มองเห็นปัญหานี้เช่นกัน และวันนี้ เราจะมาเปิดเผยหลักฐานล่าสุด ที่น่าจะช่วยคลายข้อสงสัยว่า ทำไม Nissan จึงไม่ค่อยจะมีกิจกรรมทางการตลาด มากเท่าที่ควรจะเป็น รวมถึงการออกนโยบายใหม่ ที่จะไม่มีการลดราคาสินค้าลง แต่จะใช้การแจกแถมสินค้า หรือบริการอื่นใดทดแทน

    ติดตามช่องของเราทาง Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/CarDebuts-891205251089964
    หรือเว็บไซต์ https://cardebuts.com/

  • ในขณะที่ 在 CarDebuts Youtube 的最佳解答

    2021-06-03 16:35:54

    ยอดขายรถยนต์ รถกระบะปิกอัพ ประเทศออสเตรเลีย เดือนพฤษภาคม 2021 / 2564 Isuzu D-MAX ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 แซง Mitsubishi Triton โดยมี Toyota Hilux Revo และ Ford Ranger เป็นอันดับ 1 และ 2 ในตลาดรถกระบะปิกอัพ

    หอการค้าอุตสาหกรรมยานยนต์ออสเตรเลีย ได้เผยแพร่รายงานยอดขายรถยนต์ประจำเดือนพฤษภาคม ปี 2021 ซึ่งในภาพรวม ถือว่าสถานการณ์ยอดขายดีขึ้น หลังจากที่โดนมรสุมโรคระบาดโควิด 19 โหมกระหน่ำมานานแรมปี ซึ่งยอดขายรวมในเดือนนี้ อยู่ 100,809 คัน เพิ่มขึ้นถึง 68.3% เมื่อเทียบกับเดียวเดือนกันของปีก่อน และเดือนพฤษภาคม เป็นเดือนที่ 2 ในปีนี้ ที่มียอดขายรถยนต์เกิน 1 แสนคัน

    สิ่งที่น่าสนใจในเดือนนี้ก็คือ การขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในด้านยอดขายอีกครั้งของ Toyota Hilux ซึ่งในเดือนเมษายน พลาดท่าให้กับ Ford Ranger และตกลงไปเป็นที่ 3 โดยในเดือนนี้ Toyota สามารถจำหน่าย Hilux ไปได้ 4402 คัน ตามมาด้วยอันดับ 2 Ford Ranger ที่ตัวเลขไม่ห่างกันนัก คือ 4254 คัน แต่ที่น่าเซอร์ไพรซ์ก็คือ Isuzu D-MAX ที่เดือนนี้ สามารถก้าวขึ้นมาจากอันดับ 10 ในด้านยอดขายรวมรถยนต์ทุกประเภท มาเป็นอันดับ 4 หรืออันดับ 3 ในประเภทรถกระบะปิกอัพ ซึ่งสามารถเบียดรถกระบะอันดับ 3 ในเดือนก่อน อย่าง Mitsubishi Triton ให้ตกลงไปเป็นอันดับ 4 แทน โดย D-MAX มียอดขายเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ถึง 1000 คัน คืออยู่ที่ 3058 คันในเดือนพฤษภาคมนี้ ทิ้งห่าง TRITON ถึง 700 กว่าคัน แต่ก็ยังตามหลัง 2 เจ้าตลาด ถึง 1,000 กว่าคัน แต่เมื่อมองจากการเติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาแล้ว D-MAX มีการขยายตัวถึง 202.8% ในขณะที่ Toyota Hilux และ Ford Ranger มียอดขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เพียง 24.8% และ 59.7% เท่านั้น นั่นจึงเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับ D-MAX ในตลาดแห่งนี้

    ที่มา: https://www.caradvice.com.au/957832/vfacts-may-2021-toyota-hilux-ford-ranger-and-isuzu-d-max-take-out-the-top-four-drive-record-ute-sales/

    ติดตามช่องของเราทาง Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/CarDebuts-891205251089964
    หรือเว็บไซต์ https://cardebuts.com/

  • ในขณะที่ 在 CarDebuts Youtube 的精選貼文

    2021-05-31 17:26:41

    เมื่อปลายปีก่อน รถกระบะปิกอัพ 2 รุ่น ที่ได้รับการจับตามองจากคนไทยมากที่สุด คงหนีไม่พ้น Nissan Navara รุ่นปรับโฉมใหม่ และ All-New Mazda BT-50 โดยรายแรก อย่าง Nissan Navara นอกจากจะมาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่ทั้งคัน ราวกับว่านี่คือ All-New Navara เจนเนอเรชั่นใหม่ อ็อปชั่นต่างๆที่ให้มา ก็ถือว่าครบครันไม่น้อย นั่นทำให้ Nissan มั่นใจว่า Navara จะกลับมาประกาศความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งเหมือนในอดีต ในขณะที่ Mazda ดูเหมือนว่าจะมั่นใจยิ่งกว่า เพราะเจนเนอเรชั่นล่าสุด ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นเบอร์ 1 ในด้านยอดขายของไทยในปัจจุบัน อย่าง Isuzu D-MAX เรียกว่า ต่างกันก็แค่เพียงรูปโฉมเปลือกนอก ที่สัมผัสกับตัวผู้ใช้งานเท่านั้น แต่โครงสร้าง ขุมพลัง และฟีเจอร์ส่วนใหญ่ ก็คือ D-MAX นั่นเอง

    ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Nissan Navara ทำได้เพียง 662 คัน อยู่ในอันดับ 5 ที่มียอดขายไม่ได้ห่างจากน้องใหม่อย่าง MG Extender เลย ซึ่งทำได้ที่ 474 คัน ซึ่งตัวเลขนี้ MG เองก็ไม่ได้พอใจนัก ส่วนยอดขายสะสมใน 4 เดือนแรกของ Navara มีแค่เพียง 2,739 คันเท่านั้น ซึ่งถ้ายอดขายอยู่ในระดับนี้ต่อไป จะทำให้ยอดขายสะสมทั้งปี 2021 จะมีไม่ถึงหนึ่งหมื่นคันด้วยซ้ำ หรือน้อยกว่ายอดขายเพียงเดือนเดียวของทั้ง Isuzu D-MAX และ Toyota Hilux Revo ทั้งที่รูปโฉม อ็อปชั่น ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ในตลาด ในขณะที่ศูนย์บริการก็มีไม่น้อย และสร้างหลักปักฐานในเมืองไทยมานานหลายสิบปี ถือว่าเป็นแบรนด์รถยนต์เก่าแก่แบรนด์หนึ่งในเมืองไทยก็ว่าได้ หรืออาจจะเป็นเพราะความมั่นใจที่มีต่อแบรนด์ในปัจจุบัน ลดน้อยถอยลงไปทุกที ส่วนหนึ่ง อาจจะเกิดจากการทยอยถอนรถยนต์รุ่นดังในอดีตบางรุ่น ออกจากตลาด เพราะแม้แต่กระบะดัดแปลงอย่าง Nissan Terra ก็ถือว่าอยู่ในอาการร่อแร่ การทำตลาดน้อยรุ่น ย่อมทำให้การกิจกรรมทางการตลาดลดน้อยลงไปด้วย ในขณะที่ Nissan เอง ก็ยังไม่มีรถยนต์รุ่นยอดนิยมในเซกเมนต์ใดๆเลย ทำให้การรับรู้ในเรื่องแบรนด์ จึงค่อยๆหายไปโดยอัตโนมัติ

    ติดตามช่องของเราทาง Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/CarDebuts-891205251089964
    หรือเว็บไซต์ https://cardebuts.com/

你可能也想看看

搜尋相關網站