วันมาฆบูชามิใช่เป็นแค่วันที่พระสงฆ์ชุมนุมโดยมิได้นัดหมาย1250รูปหรือบุดด้าให้โอวาทปาติโมกข์เท่านั้น แต่เป็นวันที่พระสงฆ์ผู้ซึ่งเป็นมือขวาของบุดด้า พระส...
วันมาฆบูชามิใช่เป็นแค่วันที่พระสงฆ์ชุมนุมโดยมิได้นัดหมาย1250รูปหรือบุดด้าให้โอวาทปาติโมกข์เท่านั้น แต่เป็นวันที่พระสงฆ์ผู้ซึ่งเป็นมือขวาของบุดด้า พระสารีบุตร ได้สำเร็จพระอรหันต์ในวันนี้และได้รับการแต่งตั้งเป็นอัครสาวกฝ่ายขวาด้วยค่ะ ที่น่าสนใจคือการบรรลุธรรมของพระสารีบุตร การบรรลุธรรมพระแต่ละรูปไม่เหมือนกันนะคะ อย่างพระอานนท์เพียรเกินไปพอคลายความตึงสำเร็จเลย ส่วนพระสารีบุตรผู้ได้ชื่อว่ามีปัญญามากรองจากบุดด้าท่านสำเร็จช้ากว่าพระโมคคัลลานะเนื่องจากปัญญาเยอะมาดูกันว่าธรรมข้อไหนทำให้ท่านสำเร็จ ในวันนั้นหลานของพระสารีบุตรมาเฝ้าบุดด้า ท่านก็นั่งปรนนิบัติอยู่ข้างๆ หลานบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับข้า ข้าไม่ชอบมันหมดเลย บุดด้าบอกว่า อืมม ถ้ารู้สึกไม่ชอบ ความเห็นแบบนั้นก็ไม่ควรกับท่านนะ ท่านต้องไม่ชอบใจความเห็นแบบนั้นด้วย เข้าใจไหมคะ? หลานบอกว่าไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้น บุดด้าเลยบอกว่าถ้าไม่ชอบอะไรเลยก็ควรไม่ชอบที่ตัวเองคิดแบบนั้นด้วย การที่ยังคิดอยู่แสดงว่ายังชอบนะ
เหมือนเวลาเราเศร้าแล้วก็ยังไม่หยุดเศร้าอ่ะค่ะใจเราติด ใจเราชอบอยู่ในความเศร้าแล้วก็บ่นว่าไม่ชอบมัน คือถ้าไม่ชอบจริงๆก็ต้องออกจากอารมณ์นั้นมา ความหมายคำว่าชอบของบุดด้าจะล้ำลึกค่ะ. ท่านสอนต่อว่าทิฐิ(ความเห็นผิด)มี3อย่าง
1.ทุกสิ่งไม่ควรกับเรา ไม่ชอบสักอย่าง 2.ทุกสิ่งควรกับเรา เราชอบหมดเลย 3.บางสิ่งสมควร เราชอบ บางสิ่งไม่ควร เราไม่ชอบ ท่านก็ชี้ให้เห็นเป็นโทษโดยการเทศน์ เรื่องเวทนาที่มีอยู่3แบบ 1.สุขเวทนา คือมีแต่ความสุข ช่วงนั้นจะไม่ได้เวทนาอีกสองแบบ 2.ทุกขเวทนา มีแต่ทุกข์ก็จะไม่ได้เวทนาอีกสองแบบ 3.อทุกขมสุขเวทนาคือเฉยๆไม่ทุกข์ไม่สุขก็จะไม่ได้รับเวทนาที่เหลือเช่นกัน สามอารมณ์นี้มันก็หนีไม่พ้นกฏไตรลักษณ์คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป ไม่มีใครทุกข์ทั้งปีไม่มีใครดีทั้งชาติ ไม่มีใครเฉยๆนิ่งได้ตลอดไปทุกอย่างมีความเสื่อม เมื่อความเสื่อมเกิดความพึงพอใจในอารมณ์นั้นก็สั่นคลอนแล้วชีวิตมันจะถึงความสงบที่แท้ทรูได้อย่างไรถ้าเรายังยึดติดกับอารมณ์ทั้งหลาย พระสารีบุตรฟังไปก็เกิดความเบื่อหน่ายเวทนาทั้งสามนี้ เมื่อเบื่อถึงขีดสุดจิตมันก็คลาย เมื่อคลายมันก็หลุด (หลุดจริงๆจะไม่เสียดายไม่ใช่หลุดแบบสะกดจิตหลอกตัวเองอันนั้นไม่นับ55เราเป็นกันบ่อยนิ) เมื่อหลุดก็รู้ว่าหลุดพ้นจากกิเลส รู้ว่าสิ้นความเกิด ได้ทำสิ่งที่ควรกระทำแล้ว ผู้มีจิตแบบนี้ย่อมไม่มานั่งเถียงกับใคร ท่านสำเร็จพระอรหันต์หลังฟังพระสูตรนี้จบ หลานของท่านก็สำเร็จพระโสดาบันไปพร้อมกัน
ขอให้พระธรรมของพระพุทธเจ้าจงอยู่ไปอีกนานเท่านานช่างมีประโยชน์ดีต่อใจต่อคนโง่อย่างเราจริงๆ happy มาฆบูชาค่ะ
สุขเวทนา 在 โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ Facebook 的最佳貼文
ในวันที่อยาก มี เป็น ชีวิตไม่ได้มีความสุขจริงๆหรอกครับ
ต่อให้มี ก็มีคนมีมากกว่า แล้วเราจะไม่มองคนมีน้อยกว่า แต่เราจะอยากมีต่อไปเพื่อแข่งกับคนมีมากกว่า จนลืมมองพิจารณาในการมีอยู่ของตัวตนเรา นั้นสำคัญที่สุด ในความจริง
เป็นอะไร อยากสูงยิ่งขึ้นไป ต้องแลกกับอะไร ต่อสู้กับอะไรสารพัด เพราะความอยาก และอาจ"หลง"ในการเป็นอะไร เชื่อว่าเป็นอะไรแล้วต้องได้อะไรนั่นอันตรายมาก สำหรับเรา
ในเส้นทางชีวิต ในวังวนโหร ชีวิตผมประสบพบเจออะไรมามากมาย ทุกๆเรื่องราว ทุกๆระดับ ไม่มีใครที่จะไม่มีความทุกข์ ซึ่งเป็นบทสรุป ในวัยจะ 4 รอบนักษัตร ว่า
"ทุกข์ทั้งนั้น"
ทุกข์ก็เป็น ทุกขเวทนา
สุขก็เป็น สุขเวทนา
มันมีเวทนาในทุกสถาน เราจึงต้องปิดประตู ความอยากมี อยากเป็น เกินความพอเพียงในฐานานุรูปตน ก่อนที่จะพลาดพลั้งไปอยู่ในวังวน แห่ง "ความหลง" อันตราย
เป็นอย่างที่เราเป็น ตื่นรู้ เข้าใจ มีสติ สำรวมระวัง คนที่รู้จักตัวรู้จักตน ดำรงตนด้วยตน ไม่ตกภายใต้ อำนาจ ความหลง และความอยาก ชีวิตจะร่มเย็นเป็นสุข มีเกียรติยศในความเป็นมนุษย์ ด้วยตัวของเรา ชื่นชมยินดี ในสิ่งที่เราเป็น นั่นคือ ชีวิตดำเนินด้วยวิถีธรรม อันมีธรรมปัญญา เป็นหลัก จะไม่มี หลงทางดำเนินในชีวิต ทุกข์ทั้งหลายจะน้อยลง สบายใจ สุขใจเป็นที่สุด
ลักษณ์ เรขานิเทศ