ไม่มีความดีงามใดบังเกิดขึ้นในสงคราม ไม่ว่าผู้แพ้ผู้ชนะ ผู้ใหญ่หรือผู้น้อย สงความมีแต่ความพลัดพราก เสื่อมโทรม ทุกขเวทนา .... เราท่านต่างรู้ เหตุใดมนุษย์ถึงปรารถนาสงคราม....

วันมาฆบูชามิใช่เป็นแค่วันที่พระสงฆ์ชุมนุมโดยมิได้นัดหมาย1250รูปหรือบุดด้าให้โอวาทปาติโมกข์เท่านั้น แต่เป็นวันที่พระสงฆ์ผู้ซึ่งเป็นมือขวาของบุดด้า พระสารีบุตร ได้สำเร็จพระอรหันต์ในวันนี้และได้รับการแต่งตั้งเป็นอัครสาวกฝ่ายขวาด้วยค่ะ ที่น่าสนใจคือการบรรลุธรรมของพระสารีบุตร การบรรลุธรรมพระแต่ละรูปไม่เหมือนกันนะคะ อย่างพระอานนท์เพียรเกินไปพอคลายความตึงสำเร็จเลย ส่วนพระสารีบุตรผู้ได้ชื่อว่ามีปัญญามากรองจากบุดด้าท่านสำเร็จช้ากว่าพระโมคคัลลานะเนื่องจากปัญญาเยอะมาดูกันว่าธรรมข้อไหนทำให้ท่านสำเร็จ ในวันนั้นหลานของพระสารีบุตรมาเฝ้าบุดด้า ท่านก็นั่งปรนนิบัติอยู่ข้างๆ หลานบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับข้า ข้าไม่ชอบมันหมดเลย บุดด้าบอกว่า อืมม ถ้ารู้สึกไม่ชอบ ความเห็นแบบนั้นก็ไม่ควรกับท่านนะ ท่านต้องไม่ชอบใจความเห็นแบบนั้นด้วย เข้าใจไหมคะ? หลานบอกว่าไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้น บุดด้าเลยบอกว่าถ้าไม่ชอบอะไรเลยก็ควรไม่ชอบที่ตัวเองคิดแบบนั้นด้วย การที่ยังคิดอยู่แสดงว่ายังชอบนะ เหมือนเวลาเราเศร้าแล้วก็ยังไม่หยุดเศร้าอ่ะค่ะใจเราติด ใจเราชอบอยู่ในความเศร้าแล้วก็บ่นว่าไม่ชอบมัน คือถ้าไม่ชอบจริงๆก็ต้องออกจากอารมณ์นั้นมา ความหมายคำว่าชอบของบุดด้าจะล้ำลึกค่ะ. ท่านสอนต่อว่าทิฐิ(ความเห็นผิด)มี3อย่าง 1.ทุกสิ่งไม่ควรกับเรา ไม่ชอบสักอย่าง 2.ทุกสิ่งควรกับเรา เราชอบหมดเลย 3.บางสิ่งสมควร เราชอบ บางสิ่งไม่ควร เราไม่ชอบ ท่านก็ชี้ให้เห็นเป็นโทษโดยการเทศน์ เรื่องเวทนาที่มีอยู่3แบบ 1.สุขเวทนา คือมีแต่ความสุข ช่วงนั้นจะไม่ได้เวทนาอีกสองแบบ 2.ทุกขเวทนา มีแต่ทุกข์ก็จะไม่ได้เวทนาอีกสองแบบ 3.อทุกขมสุขเวทนาคือเฉยๆไม่ทุกข์ไม่สุขก็จะไม่ได้รับเวทนาที่เหลือเช่นกัน สามอารมณ์นี้มันก็หนีไม่พ้นกฏไตรลักษณ์คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป ไม่มีใครทุกข์ทั้งปีไม่มีใครดีทั้งชาติ ไม่มีใครเฉยๆนิ่งได้ตลอดไปทุกอย่างมีความเสื่อม เมื่อความเสื่อมเกิดความพึงพอใจในอารมณ์นั้นก็สั่นคลอนแล้วชีวิตมันจะถึงความสงบที่แท้ทรูได้อย่างไรถ้าเรายังยึดติดกับอารมณ์ทั้งหลาย พระสารีบุตรฟังไปก็เกิดความเบื่อหน่ายเวทนาทั้งสามนี้ เมื่อเบื่อถึงขีดสุดจิตมันก็คลาย เมื่อคลายมันก็หลุด (หลุดจริงๆจะไม่เสียดายไม่ใช่หลุดแบบสะกดจิตหลอกตัวเองอันนั้นไม่นับ55เราเป็นกันบ่อยนิ) เมื่อหลุดก็รู้ว่าหลุดพ้นจากกิเลส รู้ว่าสิ้นความเกิด ได้ทำสิ่งที่ควรกระทำแล้ว ผู้มีจิตแบบนี้ย่อมไม่มานั่งเถียงกับใคร ท่านสำเร็จพระอรหันต์หลังฟังพระสูตรนี้จบ หลานของท่านก็สำเร็จพระโสดาบันไปพร้อมกัน ขอให้พระธรรมของพระพุทธเจ้าจงอยู่ไปอีกนานเท่านานช่างมีประโยชน์ดีต่อใจต่อคนโง่อย่างเราจริงๆ happy มาฆบูชาค่ะ

ขอเล่าเรื่องพระสารีบุตรต่อนะคะ โพสต์ที่แล้วท่านสำเร็จพระโสดาบันไปแล้วก็ได้ออกจากสำนักเก่าพร้อมกับพระโมคคัลานะมาบวชกับพระพุทธเจ้ามีบริวารตามมาบวชอีก250คน บริวารนั้นได้ฟังธรรมหลังจากบวชก็บรรลุพระอรหันต์ทันที พระโมคคัลานะสำเร็จหลังจากนั้น7วันส่วนพระสารีบุตรสำเร็จช้าสุดหลังจากบวช15วันที่สำเร็จช้าไม่ใช่อะไรความรู้ท่านเยอะกว่าคนอื่นการตรัสรู้ของท่านละเอียดและเพียบพร้อมพระอรหันต์เองยังแบ่งเป็นสี่ประเภทนะคะความอัศจรรย์ก็ต่างกันไปค่ะ รูปที่ส้มโพสต์แม่ชีที่เด็กสุดคือส้มเองเมื่อ10ปีที่แล้วหน้าถ้ำสุกรขาตาเมืองราชคฤห์ถ้ำที่พระสารีบุตรบรรลุธรรมวันนั้นหลานพระสารีบุตรมาเฝ้าพระพุทธเจ้าและพระสารีบุตรนั่งใกล้ๆคอยดูแลหลานก็บ่นว่าไม่ว่าอะไรๆก็ไม่ชอบใจทั้งหมด เดวว่าน่าจะเบื่อชีวิต บุดด้าบอกว่าถ้าอะไรๆก็ไม่น่าชอบใจสำหรับท่าน ท่านควรไม่ชอบใจความคิดอันนี้ของท่านด้วย แล้วท่านก็สอนเรื่องความเห็นผิดทั้ง3 บางพวกคิดว่าทุกอย่างไม่น่าชอบใจทั้งหมด บางพวกคิดว่าบางสิ่งควรแก่เราเราชอบ บางสิ่งไม่ควรเราก็ไม่ชอบ บางพวกคิดว่าของทั้งปวงควรแก่เราเราชอบใจทั้งหมด จากนั้นท่านสอนเรื่องเวทนามี3แบบ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อุทุกขมสุขเวทนาคืออารมณ์เฉยๆ คือเวลาเรามีความสุขก็ไม่ทุกขไม่เฉยๆแต่อารมณ์สุขมันนานไหมล่ะ ดูเอาชีวิตเราวันนี้หัวเราะอีกสองวิร้องไห้ก็มีนะ อารมณ์สุขก็ไม่ยืนนาน อารมณ์เฉยๆบางคนคิดว่าดีออกเฉยๆดูไม่ยึดติด แต่การที่ยินดีกับความเฉยมันก็ยึดติดแล้ว เคยเจอคนไม่ยินดียินร้ายไรไหมคะที่บอกธรรมะเยอะๆเฉยกับทุกอย่างแล้วคอยสอนคอยตำหนิพวกอารมณ์เยอะๆพวกนี้ยึดติดในอารมณ์นิ่งของตัวเองก็ทำให้ไม่ก้าวหน้าในธรรมเหมือนกันสักพักก็ทุกขแต่ไม่ยอมรับว่าตัวเองทุกข์สับสนไปมาสุดท้ายยืนอยู่ที่เดิมเพิ่มเติมคือถอยหลัง 3อารมณ์นี้ไม่มีอะไรที่อยู่กับเรานาน เดือนที่แล้วเราถูกหวยเราฮึกเหิมงวดนี้ไม่ถูกก็เซ็งเราจะเห็นอารมณ์แบบนี้ในfbได้ทุก15วัน แสดงว่าทุกอารมณ์มีเกิดขึ้นแล้วก็มีแต่ความเสื่อมไปสิ้นไป หลานพระสารีบุตรฟังแล้วก็เบื่อหน่ายเวทนาสามประการนี้ พอเบื่อใจก็คลาย คลายมันหลุดไม่ต่างอะไรกับของร้อนที่เรารักมากกำในมือ กำไว้ก็ทุกข์พอปล่อยมันก็หลุด หลุดมันก็สิ้นกิเลสหลานท่านสำเร็จโสดาบัน ส่วนพระสารีบุตรฟังไปด้วยแล้วจิตก็หลุดจากกิเลสหมดความยึดมันถือมั่น สำเร็จพระอรหันต์ด้วยการฟังธรรมในครั้งนั้นและวันนั้นตรงกับวันขึ้น15ค่ำเดือน3 และบุดด้าได้แต่งตั้งท่านเป็นอัครสาวกฝ่ายขวาพระโมคคัลานะเป็นอัครสาวกฝ่ายซ้าย ดังนั้นวันมาฆบูชานอกจากจะเป็นวันที่สาวกรวมกันโดยไม่ได้นัดหมายแล้วอีกวาระหนึ่งคือวันแห่งความสำเร็จของพระสารีบุตร แม่ทัพธรรมของพระพุทธเจ้าด้วยค่ะ