[爆卦]ธรรมคุณ 6 ภาษาอังกฤษ是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇ธรรมคุณ 6 ภาษาอังกฤษ鄉民發文沒有被收入到精華區:在ธรรมคุณ 6 ภาษาอังกฤษ這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 ธรรมคุณ產品中有13篇Facebook貼文,粉絲數超過282萬的網紅Capt.Benz,也在其Facebook貼文中提到, ทำยังไง? เมื่อรู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาดมาเยอะ บาปกรรมเยอะ จนไม่น่าให้อภัย 😞 แม้จะกลับตัวตั้งใจเป็นคนที่ดีขึ้นแล้ว แต่ความชั่วหยาบที่เคยทำมากก็กลับมาหล...

ธรรมคุณ 在 Arunee Chumjinda Instagram 的最讚貼文

2021-09-03 17:23:21

💛วันนี้เป็นแรม ๑ ค่ำ เดือนแปด (๘) ปีฉลู ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม ๒๕๖๔ เป็นวันเข้าพรรษา ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลทั้งปวงที่ข้าพเจ้าได้ถวายพุ่มเทีย...

ธรรมคุณ 在 nong_arunosha Instagram 的精選貼文

2021-08-02 08:29:49

✨🙏🙏🙏✨ขอเชิญลูกศิษย์ ลูกหลาน คุณยายจ๋ารวมพลังร่วม สวดมนต์มอบเป็นธรรมโอสถ แด่ คุณยายจ๋า พร้อมกันในวันพระ พฤหัสที่ 17 มิถุนายน 2564 เวลา 18:00 น (เวลาไท...

ธรรมคุณ 在 Nophasit Pep Thiengtham6395 Instagram 的最讚貼文

2020-07-02 17:24:05

อ่านให้หมดมีเคล็ดแก้วิธี ตอนแรกว่าจะไม่ทำล่ะ (แค่นี้กูก็หาเวลานอนไม่ค่อยจะได้แล้วอีด๊อกกกก..) แต่ก็ต้องมานั่งเขียนประกาศบอกพวกเมิงกันอีก เพราะมาถามหล...

  • ธรรมคุณ 在 Capt.Benz Facebook 的最讚貼文

    2020-10-13 12:55:22
    有 30,867 人按讚

    ทำยังไง?
    เมื่อรู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาดมาเยอะ
    บาปกรรมเยอะ จนไม่น่าให้อภัย 😞

    แม้จะกลับตัวตั้งใจเป็นคนที่ดีขึ้นแล้ว
    แต่ความชั่วหยาบที่เคยทำมากก็กลับมาหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำอีก

    คนรอบตัวก็ยังคงพูดถึงความผิดพลาดนี้ให้เรารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่บ่อยครั้ง
    จนบางครั้งท้อแท้หมดกำลังใจ
    หมดใจที่จะทำความดี เป็นคนดี เป็นคนใหม่
    เพราะรู้สึกว่ามันยากเย็นเหลือเกิน

    .

    ก่อนอื่น
    พึงเข้าใจกฎของธรรมชาติ

    ธรรม หรือ ธรรมะ แปลว่า things
    คือสิ่งที่เกิดขึ้นของมันอย่างนั้น

    ธรรมที่เกิดขึ้นเอง เรียกว่า ธรรมชาติ
    ธรรมที่เกิดขึ้นจากการให้ค่า เรียกว่า ธรรมคุณ

    มนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
    แต่ความรัก โกรธ เกลียด กำหนดฐานะ ชนชั้น ความสำคัญ ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเป็นธรรมคุณ

    .

    ธรรมในส่วนของ ‘ธรรมคุณ’ นั้น ก็ยังมีอีก 2 ส่วน

    ส่วนแรกคือ โลกธรรม
    หรือธรรมแบบโลกๆ
    ได้ลาภ เสื่อมลาภ
    ได้ยศ เสื่อมยศ (ยศ หมายถึง อำนาจ, แม้อำนาจในที่ทำงาน ในครอบครัว ในระหว่างคู่ครอง ก็ถือเป็นอำนาจ)
    นินทา สรรเสริญ
    สุข ทุกข์
    มี 8 ตัว 4 คู่ ทั้งฝ่าย possitive และ negative

    ขึ้นชื่อว่า โลก
    ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้

    .

    ส่วนที่สองคือ สัจธรรม
    ธรรมที่เป็นความจริงแท้
    เป็นจริงของมันเช่นนั้น
    พ้นจากลาภ พ้นจากยศ พ้นจากสรรเสริญ พ้นจากสุข และคู่ของมัน

    สัจธรรมนี้ ไม่มีอะไรหักล้างได้ และไม่ว่าใครก็ต้องเจอ
    เช่นกฎไตรลักษณ์
    สามลักษณะของทุกสรรพสิ่ง

    มีเกิดขึ้น มีตั้งอยู่ชั่วคราว และมีสูญสลายหายไป

    ที่ว่าทุกสรรพสิ่งนั้น มันเป็นทุกสรรพสิ่งจริงๆ
    แม้ความดี ความชั่ว
    ก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วคราว และสูญสลายหายไปในที่สุด

    จะทรงอยู่ได้ก็แต่เฉพาะตอนระลึกนึกถึง
    ซึ่งเมื่อไปทำกิจอย่างอื่น ก็หลงลืมไปตามธรรมดา

    .

    ไม่มีใครทำบุญ ให้ทานแล้ว ค้างอยู่อย่างนั้น
    ทุกคนต้องเปลี่ยนอิริยาบท ไปทำกิจการงานอื่นต่อไป
    ความดีนั้นจะกลับมาอีกครั้งได้ ก็เฉพาะแต่ในความทรงจำ

    ฉันใดก็ฉันนั้น
    ไม่มีใครทำบาป แล้วก็ค้างการกระทำอยู่แบบนั้น
    ล้วนต้องเปลี่ยนอิริยาบทไป
    บาปจะกลับมารบกวนอีกครั้ง ต่อเมื่อถูกทำให้ระลึกถึง
    หรือเจ้าตัวระลึกถึงเอง

    .

    สำหรับผู้ที่ระลึกได้ถึงบาปแล้วทุกข์

    โปรดจำไว้ว่า นี่คือผลของมัน
    ยอมรับเสีย แล้วตั้งสติ

    ธรรมดาของชีวิต
    ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาด
    และไม่มีใครสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขความผิดพลาดได้

    แต่จงรู้ว่าจิตที่ก่อความผิดพลาด ณ ขณะนั้น
    เป็นคนละจิตกับ ณ ขณะที่ระลึกถึงความผิดพลาดได้ในขณะนี้

    จิตตอนทำชั่ว ชั่วทั้งก้อน

    แต่จิตตอนระลึกถึงความชั่วได้
    เป็นจิตที่ละอายต่อบาป
    มันไม่ได้ชั่วทั้งก้อน

    มันคือจิตส่วนหนึ่ง
    ความไม่สบายใจต่อความชั่วส่วนหนึ่ง (ภาษาพระเรียก “หิริโอตตัปปะ”)
    และความรู้ตัวทั่วพร้อมอีกส่วนหนึ่ง (สติสัมปชัญญะ)

    อย่างน้อย จิตขณะนี้ประกอบด้วยคุณธรรม

    .

    การทำความดีในพระพุทธศาสนา
    มี 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ ทาน ศีล ภาวนา

    ทาน คือ การให้ การสละ
    ศีล คือ การประพฤติในร่องรอยของความปกติ ไม่เบียดเบียน
    ส่วน ภาวนา คือ การชำระจิตใจให้ผ่องใส ทำจิตใจให้สูงขึ้น

    ในทาน ศีล ภาวนา
    “การภาวนา” เป็นบุญที่สูงสุด
    เพราะเมื่อใจสูง ศีลก็มั่นคง ทานก็งดงาม

    .

    การก่อร่างสร้างความผิดพลาดในอดีตอาจเป็นความชั่ว
    แต่เมื่อใดที่ได้ระลึกและพิจารณาอย่างแยบคายจนเห็นธรรมอันเป็นสัจจะแล้ว
    เช่นนี้ จัดเป็นการภาวนา

    .

    ฉะนั้น เมื่อความผิดพลาดย้อนกลับมาทำร้ายเรา
    จงพิจารณาให้เห็นตามนี้

    และมองให้เห็นคุณธรรมความดีของตัวเองในขณะปัจจุบัน
    มองให้เห็นปัญญาของตัวเอง
    ว่าเราสามารถระลึกผิดชอบชั่วดีได้

    แม้ระลึกไม่ได้ในอดีต
    แต่ระลึกได้ในปัจจุบัน

    เช่นนี้ ก็น่าชื่นชมเพียงพอ

    .

    อดีตของเราอาจไม่น่าให้อภัย
    แต่ถ้าจิตปัจจุบันสามารถให้อภัยตัวเองได้
    ระลึกถึงความผิดความชั่วของตัวเองในอดีตได้
    และมั่นคงที่จะไม่กลับไปทำผิดทำชั่วอีก

    นี่แหล่ะ “ความรู้ตัว”

    ซึ่งเท่านี้ ก็เพียงพอ

    .

    .

    เมื่อพลั้งพลาด ในศีลเข้า อย่าเศร้าหมอง
    จงตรึกตรอง ด้วยจิต คิดแก้ไข
    ไม่ประมาท พลาดพลั้ง ครั้งต่อไป
    เริ่มต้นใหม่ ให้จิตแผ้ว แคล้วมลทิน

    แม้ทานพร่อง ศีลพร่อง ไม่ผ่องใส
    จงทำใจ หนักแน่น ดังแผ่นหิน
    จงตามดู รู้เห็น เป็นอาจิณ
    เพียรให้สิ้น ละบาป เรื่องหยาบคาย

    หิริโอต ตัปปะ มากำกับ
    คอยสำทับ ไม่ให้จิต คิดเสียหาย
    ไม่พลั้งพลาด ผิดซ้ำ ทำวุ่นวาย
    จบตามสไตล์ “ความรัก ก็เช่นกัน” 😘

    .

    #ผู้กองเบนซ์

    ปล. ปล่อยวางอดีต ประณีตปัจจุบัน ไม่หวาดหวั่นอนาคต 🙂

  • ธรรมคุณ 在 Capt.Benz Facebook 的最佳貼文

    2020-07-11 21:00:00
    有 31,101 人按讚

    Ep.84 - “เบื้องหลังความงมงาย”
    .

    จริง ๆ แล้ว งมงาย กับ ศรัทธา

    มันแยกกันชัดเจนอยู่แล้ว

    แยกกันด้วยปัญญา

    .

    ความเชื่ออะไรก็แล้วแต่

    ประกอบด้วยปัญญา

    อันนั้นคือศรัทธา

    แต่ความเชื่ออะไรก็แล้วแต่

    ที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา

    อันนั้นคือการงมงาย

    .

    การมีสิ่งนั้นสิ่งนี้จะทำให้ชีวิตดี

    ไม่เชื่อ ไม่มองทะลุลงไปว่า

    ปัญญาหรือว่าจิตวิทยาเบื้องหลัง

    ภายใต้สิ่งนั้นมันคืออะไร

    อย่างนี้งมงายแน่นอน

    .

    ห้อยพระ ถ้าห้อยพระ

    แล้วเห็นพระพุทธเจ้าในพระ

    เห็นคุณงามความดีของท่าน

    เห็นธรรมะ เห็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    พระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เชื่อด้วยศรัทธา

    .

    แต่ถ้าหากว่า เห็นพระปุ๊บแล้วแบบ

    “โอ้โห...อันนี้ขลัง”

    เหมือนแบบหลวงพ่อจะออกมาช่วย

    หรือว่า ใส่แล้วเหนียว

    .

    บางคนขับรถไป ใส่พระดัง ๆ

    ไปรถตกข้างทาง

    เจ็บมา มาด่าพระอีก

    “โห่...หลวงพ่อทำไมไม่ช่วย?”

    หลวงพ่อถาม

    “แล้วขับเท่าไหร่ล่ะ?”

    “ขับ 200”

    “โอ้โห...โดดลงตั้งแต่ 120 แล้ว”

    .

    ก้อนหิน ก้อนทราย มันจะไปช่วยอะไร

    มันเป็นไปไม่ได้

    สิ่งที่จะช่วย คือสติสัมปชัญญะ

    .

    พระพุทธเจ้าบอกแล้ว

    ชัดเจน ธรรมะ ที่มีอุปการะคุณมาก

    สองสิ่ง สติ กับ สัมปชัญญะ

    .

    ถ้ามีสติ มีสัมปชัญญะ

    จะขับรถเร็วมั้ย?

    .

    ไม่ใช่ห้อยพระแล้วแบบว่า

    ซิ่งเหมือนเดิม

    มันก็มีโอกาสเกิด

    ความเสี่ยงอยู่แล้ว

    .

    แต่ถ้าห้อยพระปุ๊บ เห็นพระแล้วใจเย็นลง

    เห็นพระปุ๊บ ใครจะรีบ จะแข่ง

    จะเบิ้ลใส่ เออ..ปล่อยมัน

    แล้วก็ขับไป แค่นั้น

    .

    มันจะเกิดอะไรขึ้น

    เว้นแต่ว่า ขับช้าแล้ว

    แต่ยังมีคนข้ามเลนมาชน

    อันนั้นเป็นเรื่องกฎของกรรม

    ก้าวล่วงไม่ได้

    .

    เวลาเจออะไร

    ที่เป็นโซนงมงายเนี่ย

    ลองคิดสิ

    จิตวิทยาเบื้องหลังมัน

    คืออะไร?

    .

    บางคนเนี่ย ไปหาอาจารย์ แนะนำ

    ทำยังไงให้ผัวรักผัวหลง

    อาจารย์ โห…

    เสก เป่า สารพัดเลยนะ

    .

    แล้วพอเสร็จเรียบร้อย

    เสร็จพิธีปุ๊บ

    อาจารย์บอกว่า ห้าม 3 อย่าง

    อย่างแรก ห้ามด่าผัว อย่างที่สอง

    ให้นวดผัวก่อนนอน

    อย่างที่สาม กราบเท้าผัวก่อนนอน

    .

    โอ้โห…

    กลับไปทำตามปุ๊บ ผัวรัก ผัวหลง

    มันรักหลงตรงไหน

    มันรัก ตรงที่ไม่ด่าเขา

    นวดเขา กราบเขานั่นแหละ

    .

    มันไม่ได้รักตรงที่ไปโดนหมอ

    เอาเทียนจิ้ม

    แค่นี้คิดไม่ได้

    .

    ต้องดูให้เห็นจิตวิทยาเบื้องหลัง

    มันคืออะไร จิตวิทยาทั่วไปเลย

    กลับบ้านไป ด่าผัว เขาก็เกลียดสิ

    .

    กลับบ้านไปแบบ ดี ยิ้ม

    ผัวที่ไหนจะมาด่า

    นอกจากผัวมิจฉาทิฏฐิสุด ๆ

    มันแค่นี้

    .

    เอาปัญญาไปใส่ แล้วดูว่า มันเป็นยังไง

    บางคน บางครั้ง บางที

    อาจจะให้สายสิญจน์ไป

    เขาให้เพื่ออะไร เขาให้เพื่อเป็นเครื่องระลึกว่า

    ครั้งนึงเนี่ย ฉันเคยมาแก้ปัญหาชีวิต

    เรื่องนี้นะ

    .

    แล้วครูบาอาจารย์ฉันเนี่ย ได้ให้สติ

    ให้สัมปชัญญะอะไรบางอย่างมา

    กลับบ้านไป

    ฉันจะต้องมีสติมากขึ้น

    ตรงนี้ต่างหาก

    .

    ที่เป็นจุดที่แก้ไขชีวิตคุณ

    ไม่ใช่สายสิญจน์

    ไม่ใช่หิน ไม่ใช่พระ

    .

    เราใส่สิ่งเหล่านี้

    เราเชื่อในสิ่งเหล่านี้

    เชื่อด้วยปัญญา

    แล้วมันจะเป็นศรัทธา

    ไม่ใช่ความงมงาย

    *****************************************

    ถ้างมงาย มันคือ อวิชชา

    อะ แปลว่า ไม่

    วิชชา คือ ความรู้

    ความรู้ทำให้เกิดปัญญา

    .

    ถ้าไม่ใส่ปัญญาลงไป ไม่มีความรู้

    สิ่งที่เชื่อก็เป็นสิ่งงมงาย

    เป็นเหตุเป็นผล ต่อเนื่อง สืบทอดกันตลอด

    คนโบราณบอกว่า อย่าตัดเล็บตอนกลางคืน

    เพราะอะไร?

    สมัยก่อนไม่มีกรรไกรตัดเล็บ ต้องตะไบ

    แล้วถ้ากลางคืน มันมืด

    มองไม่เห็นถนัด

    ต่อให้จุดเทียนก็เถอะ

    มองเห็นไม่ถนัด

    ตะไบ ๆ ไป

    กินเนื้อทำไง?

    เจ็บ!

    .

    เด็ก ๆ ทำไมต้องไว้จุก?

    เด็กต้องไว้จุก เพราะมีเหา

    โตมาแล้วเชื้อเหาหมดไป

    ค่อยโกนจุกทิ้ง

    .

    เวลาได้ยิน

    เสียงอะไรแปลก ๆ ตอนกลางคืน

    อย่าร้องทัก เดี๋ยวมีลมเพลมพัด

    เดี๋ยววิญญาณเข้า เดี๋ยวผีเข้า

    สมัยก่อน

    สังคมมันเปิด เกิดมันมีคนมาทำร้ายเรา

    แล้วเราเปิดเผยที่ตั้ง คนก็ทำร้ายเราได้ง่ายขึ้น

    .

    ทำไมต้องห้ามตอนกลางคืนล่ะ

    ไม่ห้ามตอนกลางวันล่ะ

    เพราะอะไร?

    เพราะกลางคืนคนมันลอบเข้ามา

    คนมันเดิน ย่อง ๆ เข้ามา

    แต่กลางวัน เดินเข้ามาก็เห็นตัวแล้ว

    .

    ห้ามคนท้องนั่งตรงบันได

    ก็คนท้องมีความเสี่ยงมั้ย?

    ถ้านั่งตรงบันได

    ลุก นั่ง ลำบากมั้ย?

    มีโอกาสตกบันไดมั้ย?

    เออ…

    แล้วจะไปนั่งทำไมตรงบันได

    คนธรรมดายังไม่นั่งบันไดเลย

    มันขวางทาง

    แล้วคนท้องจะไปนั่งทำไม?

    .

    ไปเหยียบธรณีประตู

    ธรณีประตูมันเป็นไม้

    แล้วไม้สมัยโบราณ
    คนไทยเอามาสร้างบ้าน ต่อให้เป็นไม้เนื้อแกร่ง

    เนื้อแข็งขนาดไหนก็แล้วแต่

    สีไปเรื่อย ๆ สีไปเรื่อย ๆ

    มันยุบ

    .

    ห้ามเหยียบธรณีประตู

    เพราะอะไร?

    เขาบอกมีเทวดารักษา

    โอเค…

    ถ้าเชื่อเทวดา ให้เกียรติประตู

    ได้

    ไม่มีใครว่า

    เป็นสิ่งดีด้วยซ้ำ

    .

    แต่ที่เขาห้ามเหยียบธรณีประตู

    เพราะอะไร?

    มันสึก

    เคยเห็น ธรณีประตูตามวัด

    โบราณ ๆ ยุบเป็นรอยตีนเลย

    มันน่ามองที่ไหน ไม้มันไม่ได้คงรูปไง

    ไม้มันไปตามแรงกด

    ถูกปะ?

    .

    เออ…แค่นั้น

    ห้ามเล่นซ่อนแอบตอนกลางคืน

    เพราะอะไร?

    เพราะคนที่เป็นคนหา

    มันหายาก

    .

    กลางวันก็มองหายากอยู่แล้ว

    กลางคืน ห้ามเล่น

    ‘กูหายาก’

    แค่นั้น

    .

    คนหานี่แหละตัวดี

    ตัวที่บอกเลยว่า ห้ามเล่นซ่อนแอบตอนกลางคืน

    ไม่ใช่ผีลักซ่อน ผีลักอะไรหรอก

    กูหามึงไม่เจอ…

    #ผู้กองเบนซ์

    ปล. เชื่อด้วยปัญญา แล้วมันจะเป็นศรัทธา ไม่ใช่ความงมงาย
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    *ติดต่องานวิทยากร,อบรมสัมมนา,สนับสนุนช่อง โทร 094-449-9464 (คุณจี้)

    ช่องยูทูป : ผู้กองเบนซ์ - Capt.Benz
    blockdit : ผู้กองเบนซ์ - Capt.Benz
    IG : capt.benz
    Line OA : @ captbenz
    twitter : @ captbenz

  • ธรรมคุณ 在 Capt.Benz Facebook 的最讚貼文

    2020-06-17 21:00:01
    有 22,751 人按讚

    Ep.74 - Ego is your "enemy"

    .

    ปัจจัตตัง

    มีลักษณะเป็นแสงสว่าง

    อีโก้ หรือ อัตตา

    มีลักษณะเป็นก้อน

    เข้าใจคำนี้มั้ย?

    .

    ถ้าเราต้องการแสง

    เราต้องขยับก้อนหินที่ปากถ้ำ

    ก้อนหินที่เรียกว่าอีโก้ออกก่อน

    ความแตกต่างกันระหว่างปัจจัตตัง

    .

    ปัจจัตตังคือ มันเป็นความรู้

    มันเป็นสภาวะของการรู้

    พอเรารู้ปุ๊บ มันเกิดแสงสว่าง

    มันเกิด ปิ๊ง!!!

    .

    แต่อีโก้ไม่ใช่

    อีโก้มีลักษณะเป็นก้อน

    มีลักษณะถ่วงไว้

    มีลักษณะดึงไว้

    เข้าใจภาพนี้ปะ

    .

    แต่ในขณะเดียวกัน อีโก้ก็มีประโยชน์

    เราเข็นอีโก้ มาบังหน้าถ้ำไว้ ป้องกันภัย

    .

    แน่นอน ego is the enemy

    อีโก้คือศัตรูของเรา

    ในขณะเดียวกัน

    บางครั้งบางที

    อีโก้ก็เป็นตัวปกป้องเรา

    .

    เราต้องการอะไร ต้องการอยู่ในถ้ำต่อไป

    หรือต้องการแสงสว่าง

    ถ้าต้องการแสงสว่าง

    ก็ต้องปัจจัตตังดูมั้ยล่ะ

    .

    จริงครับคนประสบความสำเร็จอีโก้น้อย

    คนที่ประสบความสำเร็จ เริ่มต้น

    ระดับต้น ๆ เนี่ย อีโก้จะเยอะ

    .

    เพราะว่าจริง ๆ แล้ว

    มันสำเร็จอยู่ในแค่ ขั้นของโลกขั้นของกาย อีโก้จะเยอะมาก

    แต่ถ้าใครสำเร็จทางธรรมเนี่ยอีโก้จะน้อยมาก

    .

    ตามความเข้าใจทางธรรม

    เพราะเรายิ่งศึกษาธรรมะ เราจะยิ่งรู้ว่า

    ร่างกายเรา ไม่มีอะไรเลยนี่หว่า มันก็แค่นั้น

    มันก็เกิดขึ้นไป ตามสภาวะของมันอะไรแบบนั้น

    .

    ธรรมะมีสองรูปแบบ

    แบบแรกคือธรรมะ ที่เป็นธรรมชาติ

    มันก็เกิดของมันอย่างนั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป

    เป็นอย่างนั้นของมันแหละ

    ต้องศึกษาให้เข้าใจสิ่งนี้

    .

    อีกสิ่งหนึ่ง ก็คือธรรมคุณ

    ธรรมคุณคือสิ่งที่เราต้องปฏิบัติเพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ

    มันมีอยู่ 2 ลักษณะธรรมะ

    ธรรมคุณก็คือ value ที่เป็นธรรม

    value ที่ทำให้เกิดการเห็นธรรม

    .

    การปฏิบัติให้เข้าถึงธรรม ไม่ใช่การพอกพูน

    เป็นลักษณะปฏิบัติเพื่อที่จะปลดปลง

    มันปลดปลงอะไร มันปลดปลง

    สิ่งที่เป็นเปลือก ปลดปลงสิ่งที่เป็นกิเลส

    ปลดปลงสิ่งที่เป็นตัณหา

    ปลดปลงสิ่งที่เหนี่ยวรั้งเราไว้

    เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย

    ไม่เหมือนกัน

    .

    การที่เราศึกษาธรรมะ ศึกษาธรรมคุณ

    เราต้องปฏิบัติธรรมคุณ

    เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ

    .

    ธรรมคุณ เป็นเหมือนหลักสูตร

    เพื่อให้เราไปถึงจุด ที่เรียกว่าธรรมชาติ

    ศึกษาตัวเองครับ ตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า

    มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?

    มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?

    .

    ตั้งคำถามให้ตัวเองเยอะ ๆ

    ว่าสิ่งที่มัน สะสมอยู่ในจิต

    อยู่ในใจของเราเนี่ย

    มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?

    แล้วหาความจริงจากมันให้ได้

    .

    เช่นฉันเป็นคนเก่ง

    ลองถามสิว่า มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?

    ฉันเก่งจริง ๆ เหรอ?

    ฉันเก่งเรื่องอะไร?

    “อ๋อ..ฉันเก่งเรื่องนี้ ๆ ๆ ๆ”

    “มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?”

    “แล้วเรื่องนั้นล่ะ”

    “อ๋อฉันไม่เก่ง”

    “อ้าว..แล้วตกลงเธอเก่งไหม?”

    “ก็เก่งเป็นบางเรื่อง”

    .

    มันต้องยอมรับก่อนว่า เราไม่ได้ใหญ่โตอะไร

    เราเป็นแค่ผงธุลีผงนึง ในจักรวาล

    เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย

    อย่าไป อะไรมันมากนักเลย

    .

    โลกไม่ได้หมุนรอบเรา เราต่างหาก ที่หมุนไปกับโลก

    แล้วโลกเนี่ย ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่

    โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์

    แล้วดวงอาทิตย์

    ก็ไปหมุนรอบ super sun อีกรอบนึง

    .

    โห...เรานี่ตัวเล็ก นิดเดียว

    ทำไมถึงต้องมีอีโก้อะ?

    ใช่ปะ?

    .

    เนี่ย ที่พูดอธิบายเรื่องอีโก้เนี่ย

    เป็นปัจจัตตัง ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน

    .

    ย้ำอีกครั้ง ปัจจัตตัง

    มีลักษณะเป็นแสง

    แต่ว่าอัตตา อีโก้

    มีลักษณะเป็นก้อน เป็นก้อนสะสม

    เป็นนิ่วของชีวิต

    เยี่ยวแรง ๆ แล้วก็เดี๋ยวก็จะออกเอง

    .

    Standard มีลักษณะเป็นระดับน้ำ

    สิ่งใดก็แล้วแต่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา

    ถ้ามันเกินระดับ หรือจมระดับ

    .

    อันนี้เราต้องมา นั่งคิดแล้ว

    ว่าเราจะรับไว้ หรือจะปฏิเสธ

    คือ รักษามาตรฐานไว้

    ไม่ใช่รักษาอีโก้

    .

    โอ้...แน่นอนดิ

    เราจะรู้ มาตรฐานตัวเองได้ยังไง

    ถ้าเราไม่ตั้งมาตฐานตัวเอง

    เราก็ต้อง set มันขึ้นมา

    ก็เรื่องธรรมดา

    ไม่เห็นต้องถามเลย

    .

    คุณไม่รู้เหรอ

    ว่าคุณอยากได้อะไร

    คุณอยากได้อะไร?

    .

    มาตรฐานก็คือ เป้าหมาย

    ชีวิตคุณต้องการเป้าหมายอะไร

    อะไรที่มันเข้ามา แล้วมันไม่สนับสนุนเป้าหมาย

    อันนั้นคือ ไม่ตรงมาตรฐานมึง

    ไม่ต้องรับเข้ามา

    แค่นั้นเอง

    #ผู้กองเบนซ์

    ปล. ใช้ Ego ให้เป็น

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    *ติดต่องานวิทยากร,อบรมสัมมนา,สนับสนุนช่อง โทร 094-449-9464 (คุณจี้)

    ช่องยูทูป : ผู้กองเบนซ์ - Capt.Benz
    blockdit : ผู้กองเบนซ์ - Capt.Benz
    IG : capt.benz
    Line OA : @ captbenz
    twitter : @ captbenz