#ตื่นมาบอกบุญกันจ้า
ข้าพเจ้า น.ส อมลวรรณ ศิริกิตติรัตน์(เอ็มมี่แม็กซิม) และครอบครัว
ขอกราบอนุโมทนาสาธุ ทุกกองบุญกองกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำ หรือที่ท่านทั้...
#ตื่นมาบอกบุญกันจ้า
ข้าพเจ้า น.ส อมลวรรณ ศิริกิตติรัตน์(เอ็มมี่แม็กซิม) และครอบครัว
ขอกราบอนุโมทนาสาธุ ทุกกองบุญกองกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำ หรือที่ท่านทั้งหลายได้ทำไว้
ขออำนาจคุณพระบารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระอรหันต์ทุกพระองค์
ขออนิสงส์ผลบุญนี้โมทนาอุทิศให้กับ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติ พร้อมด้วยพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทุกๆดวงแก้ว
องค์สมเด็จโต พรหมรังสี หลวงปู่ทวด โพธิสัตโต
หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดบ้านแหลม
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
หลวงพ่อครูบาศรีวิชัย หลวงพ่อเกษม เขมโก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
หลวงพ่อพระครูวิทิตธรรมคุณ ปุญญวังโส
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเทวดาที่ปกปักรักษาในตัวขอข้าพเจ้าและครอบครัวมีพ่อแม่ พี่น้อง ลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหายบรรพบุรุษ ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ผู้มีพระคุณ ผู้เกื้อหนุน
พระพรหมทุกทิศ เทวดาทุกๆพระองค์ พระอินทร์
ท่านปู่ท่านย่า พญายมราช พญามัจจุราช ท้าวจตุโลกบาลทั้ง4 ตั้งแต่16ชั้นฟ้า15ชั้นดิน พญานาคราช พญางู นายนิรบาล นายสมุหบัญชี พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระราหู เจ้าปู่เจ้าย่า เจ้าบ้านเจ้าเรือน ทั้งหมดทั้งม้วน
พระแม่คงคาทั้ง5 พระแม่ธรณี เจ้าที่เจ้าทาง ทั้งหลาย คนธรรพ์ ครุฑ พญานาค
เหล่ากัลยาณมิตรและบริวารตลอดจนถึงศัตรูหมู่มาร สรรพสัตว์โลกเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย
หากข้าพเจ้าเคยได้ร่วมเวรร่วมกรรมกับใครไว้ร่วม ทั้งที่ได้พูดจากดูถูก ดุด่าว่ากล่าว ล่วงเกิน ล้อเลียนต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้เหยียบย่ำเอาของในวัดหยิบยืมเงินของผู้อื่นไปจะด้วยเจนตานาก็ดีไม่เจนตนาก็ ทั้งต่อหน้าและหลับหลัง และได้สัจจะอธิฐานสาบานต่อพระบรมฐาตุเจดีย์และประธานในวัดวาอารามต่างๆทุกหนทุกแห่งไว้
ข้าพเจ้าขอถอนคำสาบานคำอธิฐาน คำสาบแช่งทุกภพชาติ
ข้าพเจ้าๆอโหสิกรรมแก่ท่าน ต่างฝ่ายต่างเป็นอโหสิกรรมต่อกัน อย่าได้จองเวรซึ่งกันและกัน
ร่วมภพร่วมชาติทั้งหมดทั้งสิ้น ทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ ไม่มีสิ้นสุดไม่มีประมาณ จงมีส่วนร่วมในกองบุญนี้ขอให้ข้าพเจ้าทำอะไรไม่ติดไม่ขัดไม่ข้องไม่ค้าง ขอจงลุล่วงพ้นทุกข์ตามองค์พุทธพระอรหันต์และ
ขอให้เจ้ากรรมนายเวร และคู่กรรมคู่เวรทั้งหลาย จงโมทนากุศลผลบุญนี้จงอโหสิกรรมซึ่งกันและกันด้วย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปตราบเข้าสู่นิพพาน
และขอให้เปิดทางสว่างในชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม ขอให้ข้าพเจ้าจงเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน การเงินอยู่เย็นเป็นสุข ขอให้มีโชค มีลาภ มีชื่อเสียง มีเงิน มีทอง
ให้ร่ำรวยๆๆเป็นมหาเศษรฐี ทำมาค้าขึ้น
โรคภัยทั้งหลายในตัวอย่ามาเบียดเบียนให้หายจากโรค มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง แคล้วคลาดภัยอันตรายทั้งปวง เทอญ 🙏🙏🙏🙏🙏
คนธรรพ์ 在 โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ Facebook 的最佳解答
การบวงสรวง ทำบุญทักษิณานุปทาน อุทิศแด่เทพยดา ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา เปิดสติปัญญา พระบางรูป ที่มีอคติ อวิชา จะได้เข้าใจกันโดยถ้วนหน้าในความจริง แห่งศรัทธา ในคุณความดี บุญ แห่งเทพยดา ทั้งหลาย อ่านศึกษา บ้างครับ
ลักษณ์ ราชสีห์
ปล.ใครที่เคยติดตามร่วมพิธี จะรู้เข้าใจ ว่า อาจารย์ บำเพ็ญกุกศล ทักษิณานุปทาน ถวายเเด่เทพยดา บวงสรวง ให้เทพดามาเป็นสหาย ในกุศล อนุโมทนา และ ให้เทวานุภาพ ตามสมควรแก่โบราณ คัมภีร์โองการ ครูบาอาจารย์ ไม่มี ไปอ้อนวอนร้องขอ และไม่เคย รับจัดพิธี ด้วยการว่าจ้างจากใครใดๆ ชัดเจนครับ จะค้นคว้าเพิ่มเติม ตามนี้เลยครับ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
[232] โภคอาทิยะ หรือ โภคาทิยะ 5 (ประโยชน์ที่ควรถือเอาจากโภคทรัพย์ หรือ เหตุผลที่อริยสาวกควรยึดถือ ในการที่จะมีหรือครอบครองโภคทรัพย์ — uses of possessions; benefits one should get from wealth; reasons for earning and having wealth)
อริยสาวกแสวงหาโภคทรัพย์มาได้ ด้วยน้ำพักน้ำแรงความขยันหมั่นเพียรของตน และโดยทางสุจริตชอบธรรมแล้ว
1. เลี้ยงตัว มารดาบิดา บุตรภรรยา และคนในปกครองทั้งหลายให้เป็นสุข (to make oneself, one’s parents, children, wife, servants and workmen happy and live in comfort)
2. บำรุงมิตรสหายและผู้ร่วมกิจการงานให้เป็นสุข (to share this happiness and comfort with one’s friends)
3. ใช้ป้องกันภยันตราย (to make oneself secure against all misfortunes)
4. ทำพลี 5 อย่าง (to make the fivefold offering)
ก. ญาติพลี สงเคราะห์ญาติ (to relatives, by giving help to them)
ข. อติถิพลี ต้อนรับแขก (to guests, by receiving them)
ค. ปุพพเปตพลี ทำบุญอุทิศให้ผู้ล่วงลับ (to the departed, by dedicating merit to them)
ง. ราชพลี บำรุงราชการด้วยการเสียภาษีอากรเป็นต้น (to the king, i.e., to the government, by paying taxes and duties and so on)
จ. เทวตาพลี ถวายเทวดา* คือ สักการะบำรุงหรือทำบุญอุทิศสิ่งที่เคารพบูชา ตามความเชื่อถือ (to the deities, i.e., those beings who are worshipped according to one’s faith)
* ในจูฬนิทเทส ท่านอธิบายความหมายของ “เทวดา” ไว้ว่า ได้แก่สิ่งที่นับถือเป็นทักขิไณย์ของตนๆ
(เย เยสํ ทกฺขิเณยฺยา, เต เตสํ เทวตา -- พวกไหนนับถือสิ่งใดเป็นทักขิไณย์ สิ่งนั้นก็เป็นเทวดาของพวกนั้น) และแสดงตัวอย่างไว้ตามความเชื่อถือของคนสมัยพุทธกาล ประมวลได้เป็น 5 ประเภท คือ
1. นักบวช นักพรต (ascetics) เช่น อาชีวกเป็นเทวดาของสาวกอาชีวก นิครณถ์ ชฎิล ปริพาชก ดาบส ก็เป็นเทวดาของสาวกนิครนต์เป็นต้นเหล่านั้นตามลำดับ
2. สัตว์เลี้ยง (domestic animals) เช่น ช้างเป็นเทวดาของพวกประพฤติพรตบูชาช้าง ม้า โค ไก่ กา เป็นต้น ก็เป็นเทวดาของพวกถือพรตบูชาสัตว์นั้นๆ ตามลำดับ
3. ธรรมชาติ (physical forces and elements) เช่น ไฟเป็นเทวดาของพวกประพฤติพรตบูชาไฟ แก้ว มณี ทิศ พระจันทร์ พระอาทิตย์ เป็นเทวดาของผู้ถือพรตบูชาสิ่งนั้นๆ ตามลำดับ
4. เทพชั้นต่ำ (lower gods) เช่น นาคเป็นเทวดาของพวกประพฤติพรตบูชานาค ครุฑ ยักษ์ คนธรรพ์ เป็นเทวดาของผู้ถือพรตบูชานาคเป็นต้นเหล่านั้นตามลำดับ (พระภูมิจัดเข้าในข้อนี้)
5. เทพชั้นสูง (high gods) เช่น พระพรหม เป็นเทวดาของพวกประพฤติพรตบูชาพระพรหม พระอินทร์ เป็นเทวดาของผู้ถือพรตบูชาพระอินทร์ เป็นต้น
สำหรับชนที่ยังมีความเชื่อถือในสิ่งเหล่านี้ พระพุทธศาสนาสอนเปลี่ยนแปลงเพียงให้เลิกเซ่นสรวงสังเวยเอาชีวิตบูชายัญ หันมาบูชายัญชนิดใหม่ คือบริจาคทานและบำเพ็ญกุศลกรรมต่างๆ อุทิศไปให้แทน คือมุ่งที่วิธีการอันจะให้สำเร็จประโยชน์ก่อน ส่วนการเปลี่ยนแปลงความเชื่อถือเป็นเรื่องของการแก้ไขทางสติปัญญา ซึ่งประณีตขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง โดยเฉพาะนักบวชในประเภทที่ 1 แม้สาวกใดจะเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนาโดยสมบูรณ์ พระพุทธเจ้าก็ทรงแนะนำให้อุปถัมภ์บำรุงนักบวชนั้นต่อไปตามเดิม
คนธรรพ์ 在 Danai Chanchaochai Facebook 的最佳貼文
คำอธิษฐานบารมี แผ่เมตตา กรวดน้ำ
ข้าพเจ้าทั้งหลาย......(เอ่ยชื่อ-นามสกุล) ขอตั้งจิตอธิษฐาน น้อมถวายบุญกุศล บุญบารมี ที่ได้สร้างสมตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบัน
น้อมถวายแด่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
พระธรรม พระมหาโพธิสัตว์เจ้าทุกๆพระองค์ พระอรหันต์เจ้า พระอริยะเจ้า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช แห่งสยามประเทศทุกๆพระองค์ พระสงฆ์ คุณบิดามารดา ทุกภพทุกชาติ คุณครูบาอาจารย์ทุกพระองค์ทุกท่าน ทั้งที่มีธาตุขันธ์ และไม่มีธาตุขันธ์ ทุกภพทุกชาติ บรมครูปู่ฤๅษี ทุกองค์ทุกท่าน
มหาพรหม มหาเทพ มหาเทวี พรหม เทพ เทวี ท้าวจตุมหาราชทั้ง 4 พญายมราช และเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากล จนถึงภวัคคะพรหม พระสยามเทวาธิราช
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พ่อขุนผาเมือง พ่อขุนเม็งรายมหาราช พระแม่จามเทวีศรีหริภุญไชย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า แห่งสยามประเทศทุกๆพระองค์
พระหลักเมือง พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าพ่อเจตคุปต์ เจ้าพ่อหอกลอง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้พิทักษ์รักษาผืนแผ่นดินไทย วีรชนคนกล้า ผู้กอบกู้เอกราชชาติไทย และบรรพชนชาวไทยทุกยุคสมัย ผู้ทรงคุณงามความดีทุกๆท่าน
พญานาค พญาครุฑ คนธรรพ์ นาคี นาคา ยักษี ยักษา พระภูมิเจ้าที่ เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทุกๆพระองค์ ที่กล่าวถึงก็ดี ไม่ได้กล่าวถึงก็ดี ทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ แสนโกฐิจักรวาล อนันตจักรวาล
และขอแผ่กุศลผลบุญ ให้ญาติมิตรบริวาร ทุกภพทุกชาติ เจ้ากรรมนายเวร เจ้าเกณฑ์ชะตา และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่มีประมาณ กายกรรม 3 วจีกรรม 4 มโนกรรม 3 และกรรมทั้งหลายทั้งปวง ที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้ประพฤติผิดพลาดไป ด้วยกาย วาจา ใจ ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ที่ได้ล่วงเกิน ต่อทุกพระองค์ทุกท่าน และเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งหลายทั้งปวง ข้าพเจ้าขอขมากรรม ขอโปรดเมตตากรุณา อโหสิกรรม อภัยกรรม ให้แก่ข้าพเจ้า และขอโปรดเมตตากรุณา เปิดทางสว่าง ทั้งทางโลกและทางธรรม ให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ
เดชะกุศลผลบุญ ที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้กระทำตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันวันนี้ จงเป็นพลังบุญบารมี พลังบุญญานุภาพ เป็นพลังอำนาจ บันดาลให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย พ้นจากความทุกข์ และบันดาลให้ประชาชนชาวไทย ผู้มีความจงรักภักดี ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผู้มีจิตอันเป็นกุศล จงร่มเย็นเป็นสุข ชนะซึ่งหมู่มารทั้งปวง แคล้วคลาดปลอดภัย จากภยันตรายทั้งปวง
ขอให้ชาวไทยมีความสุขสามัคคี ชาติไทยเจริญก้าวหน้า พัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นเอกราชตลอดกาล และบังเกิดความสุขสวัสดิ์ พิพัฒน์มงคล สมบูรณ์พูนผลทุกประการ พร้อมทั้งบันดาลให้ตัวข้าพเจ้า บิดามารดา ลูกหลาน ญาติมิตรทั้งปวง จงมีความสุขกายสบายใจ สุขภาพพลานามัย สมบูรณ์แข็งแรง มีความมั่นคงในหน้าที่ การงานและการเงิน ได้พบเจอ ผู้ที่เคยมีบุญบารมีสัมพันธ์ ตั้งแต่หนหลัง เพื่อร่วมกันสร้างคุณงามความดี เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้อย่างสำเร็จ ได้พบเจอญาติมิตร บริวารที่ดี มีเมตตาจิตต่อกัน
หากข้าพเจ้า ปรารถนาในการทำความดี หรือสร้างบุญกุศลสิ่งใด ขอให้สำเร็จผลเป็นอัศจรรย์ ขอให้ชนะซึ่งอุปสรรค และหมู่มารทั้งปวง ขอให้มีอาการครบ 32 มีสุคติภูมิเป็นที่ไป ไม่ตกสู่ทุคติภูมิ บรรลุซึ่งญาณอันเลิศทั้งปวง ขอให้พบดวงแก้วพระรัตนตรัย มีดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งในสัจธรรม แห่งการดับทุกข์ ตัดภพตัดชาติ ขอให้ได้เกิดในพระพุทธศาสนา มีปัญญาบารมี ศรัทธาบารมี วิริยะบารมี ขอให้ถึงพร้อม ด้วยโภคทรัพย์สมบัติ มนุษย์สมบัติสวรรค์สมบัติ ทิพยสมบัติ อริยะสมบัติ และนิพพานสมบัติ ด้วยประการทั้งปวงเทอญ .
อนุโมทนาสาธุ
มูลนิธิธรรมดี
Credit ภาพ Nenbutsushu Sanpouzan Muryojuji “The Royal Grand Hall of Buddhism”
วันที่ 8 เมษายน 2563
คนธรรพ์ 在 Roundfinger Facebook 的最佳解答
ที่มาของพระตรีมูรติ ยักษ์ นาค กินรี ฯลฯ
#ฝากกดไลก์ติดตามเพจนี้กันสักนิดนะครับ
#จะนำหนังสือน่าอ่านมาเล่าสู่กันฟังเนืองๆครับ :)
เทวตำนานในอริยวิถี
เอกชัย สถาพรธนพัฒน์: เขียน
สนพ.วิภาษา
---
นี่คือหนึ่งในหนังสือที่อ่านแล้วเพลิดเพลินที่สุดในรอบปีนี้ หนังสือเชื่อมโยงเทวตำนาน งานศิลป์ วรรณกรรม วรรณคดี เกร็ดพุทธประวัติ ภูมิปัญญาตะวันออก ผีสางเทวดา ฯลฯ เข้าด้วยกันชวนให้หฤหรรษ์อย่างยิ่ง
อ่านแล้วจะเห็นการใช้เทวตำนานหรือเทพปกรณัมในการทำความเข้าใจเบื้องลึกในใจมนุษย์ ได้เห็นว่าเรื่องราวเหนือจริงเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นสัญลักษณ์หรืออุปกรณ์ในการสะท้อนสิ่งที่อยู่ภายในใจคน
โครงเรื่องของเทวตำนานมักเป็นการต่อสู้กันระหว่าง 'ดี' กับ 'ชั่ว' อันเป็นทวิภาวะ ซึ่งผสมผเสอยู่ในใจคนทุกคน จิตหนึ่งดวงจึงต้องตื่นรู้ผ่านอุปสรรคต่างๆ เพื่อบรรลุสู่ศานติ เมื่อเห็นมิตินี้ย่อมอ่านเทวตำนานในมุมใหม่ แทนที่จะคิดว่าเป็นจินตนาการไร้เหตุผล กลับกลายเป็นเรื่องราวเพื่อทบทวนสภาวะจิตใจตนเอง
...
หนังสือบอกเล่ารากที่มาของหลายสิ่งในวัฒนธรรมไทยซึ่งสืบต่อมาจากอินเดีย เช่น
+ คำว่า 'ภิกขุ' แปลว่า 'ผู้ขอ' เป็นรากศัพท์ของคำว่า Beggar หรือ 'ขอทาน' ซึ่งนับแต่สมัยก่อนพุทธกาลก็มีเหล่ากษัตริย์และชนชั้นสูงที่เบื่อหน่ายลาภยศแล้วออกบวชเป็นฤาษีมุนีเพื่อแสวงหาโมกษะกันอยู่แล้ว กิจที่พวกท่านทำคือภิกขาจาร หรือขอข้าวจากชางบ้าน เพื่อมุ่งหมายทำลายอัตตาตัวตน
+ จักร เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รูปจักรจึงถูกนำไปใช้เป็นสัญลักษณ์ของการประกาศพระธรรมคำสอนเพื่อหลุดพ้นจากทะเลทุกข์ ที่มาของจักรมาจากอานุภาพแห่งกงล้อขอรถม้าศึกที่ชาวอารยันรุกไล่ยึดครองที่ทำกินของชนพื้นเมืองในลุ่มน้ำสินธุ จนก่อเกิดวัฒนธรรมพระเวท และระบบวรรณะขึ้นในชมพูทวีป
มาถึงตรงนี้ก็ขอเล่าเรื่องนี้จากเล่มนี้ต่อเลยแล้วกัน
...
ชมพูทวีปแต่เดิมเป็นที่อยู่ของชนเผ่าหลากหลาย ที่โดดเด่นคือชาวดราวิเดียน (ทราวิฑ) ซึ่งอพยพจากอิหร่านเข้ามาอินเดียช่วง 7,000 ปีก่อนพุทธกาล (9,000 กว่าปีนู้น)
ชาวทราวิฑชำนาญเรื่องเกษตรกรรม เป็นผู้ก่อรากฐานอารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ นครฮารัปปา นครโมเฮนโจดาโร อันรุ่งเรืองก็ฝีมือของพวกเขา
ช่วง 3,000 ปีก่อนพุทธกาล ชาวอริยกะ (อารยัน) ชนเผ่าเร่ร่อนเชื้อสายอินโด-ยูโรเปียนซึ่งชำนาญการรบ ก็บุกเข้ามาด้วยธนูและรถศึก (ม้า+ล้อหมุน) ซึ่งเป็นนวัตกรรมล้ำยุคกว่าเจ้าถิ่น ก็ค่อยๆ รุกคืบแย่งชิงที่ทำกินเหนือชาวทราวิฑ
ชาวอารยันเหมาเรียกคนพื้นเมืองว่า 'มิลักขุ' มีความหมายเชิงกดข่มว่า 'พวกคนเศร้าหมอง ผิวดำ อัปลักษณ์ และป่าเถื่อน' ฝั่งอารยันนั้นผิวขาว สูง จมูกโด่ง ตาฟ้า ผมทอง
ชาวทราวิฑส่วนหนึ่งไม่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจ บ้างต่อสู้ บ้างย้ายถิ่นถอยไปทางใต้กลายเป็นต้นกำเนิดของชาวทมิฬ สิงหล และลังกา
พวกที่ยอมแพ้ก็กลายเป็นทาส ก่อเกิดระบบทาสและวรรณะ เกิดศัพท์เหยียดหยามที่ใช้เรียกชนพื้นเมือง เช่น คนธรรพ์ กินนร อัปสร ยักษ์ กุมภัณฑ์ นาค จำพวกนี้ขึ้น (เริ่มสนุกแล้วสิ)
...
อัปสรและคนธรรพ์ จึงไม่ได้มีแค่ในวรรณคดีเท่านั้น แต่เป็นคำเรียกเชิงหมิ่นหยามว่าเป็นพวกคนป่าดงดอยที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ชำนาญเรื่องร้องรำทำเพลง แต่่ด้อยอารยธรรม (ที่ด้อยกว่าคือการรบน่ะนะ) ชาวอารยันจึงทำมาบำเรอเรื่องระบำรำฟ้อนและกามารมณ์
กินนร กินรี เป็นคนธรรพ์พวกหนึ่ง ในวรรณคดีไทยคืออมนุษย์ (ครึ่งคน-ครึ่งนก) แต่ในวรรณกรรมอินเดียบอกว่า หัวเป็นม้าตัวเป็นคน ตามรากศัพท์ 'กิ' หรือ 'กิง' แปลว่า 'อะไร' ส่วน 'นร' (นอ-ระ) แปลว่า 'คน' รวมแล้วเป็น 'คนอัลไล' ก็เหยียดหยามเหมือนกัน ใช้เรียกคนที่มีสันดานชั่วร้าย
ยักษ์ รากษส ใช้เรียกทราวิฑที่ไม่ยอมแพ้ชาวอารยันง่ายๆ ต่อต้าน ทำลายทรัพย์สิน แย่งชิงเสบียง ดุร้ายป่าเถื่อน ภาพลักษณ์ของยักษ์ในวรรณคดีจึงจับคนไปกิน ส่วนกุมภัณฑ์คือพวกเคยต่อต้านแล้วกลับใจมายอมแพ้ ในวรรณคดีจึงเป็นยักษ์ที่คอยรับใช้เทพเจ้า
นาค ใช้เรียกชาวพื้นเมืองที่ดุร้ายป่าเถื่อน (อันนี้เขียนเล่าได้อีกหนึ่งโพสต์ยาวๆ) เดิมคำนี้ออกเสียงว่า 'น็อก' หรือ ng เป็นรากศัพท์ของคำว่า Naked หรือเปลือย เพราะชนพื้นเมืองไม่รู้จักสวมเสื้อผ้า อยู่ลึกลับตามป่าเขา ซุ่มทำร้าย จึงใช้ภาพงูเป็นตัวแทนสัตว์มีพิษที่ซ่อนตัวในที่ลับ นาคในวรรณกรรมอินเดียจะเป็นพญางูซึ่งมีพิษร้าย แต่ยอมสยบเป็นบริวารแก่มหาเทพ
นี่คือการใช้ศัพท์เพื่อปกครอง ใช้วรรณกรรมเพื่อแสดงอำนาจระหว่างผู้มาใหม่ที่มายึดพื้นที่ของชนดั้งเดิม
อ่านถึงตรงนี้ก็จะเริ่มรู้สึกว่า ต้องอ่านรามเกียรติ์สนุกขึ้นอีกเยอะเลย
...
ชาวทราวิฑมีพื้นฐานเป็นสังคมเกษตรกรรม เทพเจ้าของพวกเขาจึงเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ เทวะบนฟ้า เทวะในอากาศ เทวะบนผืนดิน
พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระวรุณ (ฝน) พระอัคนี พระแม่ธรณี พระคงคา เหล่านี้คือเทพเจ้าของชาวทราวิฑ ผูกพันกับการเกษตรและการมีชีวิตรอด มักเปรียบเทียบธรรมชาติเป็นแม่ วิธีบูชาคือนอบน้อมกตัญญู
ฝ่ายอารยันนับถือพระเทพบิดร คือ อินทรา (พระอินทร์) ซึ่งเป็นเทพแห่งสงครามผู้มีชัยต่อการปกป้องและช่วงชิงดินแดนจากศัตรู วิธีบูชาคือบวงสรวงเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
ฝ่ายหนึ่งคือ 'ผู้ให้' อีกฝ่ายคือ 'ผู้แย่งชิง' พอผสมกันก็จะเป็นความเชื่อที่ออกมาในรูป 'ศักติเทวะ' คือพลังชั้วบวกและขั้วลบ เป็นทวิภาวะที่แตกต่างกัน เหล่าทวยเทพจึงมีพระชายาอยู่เคียงข้างตั้งแต่นั้นมา
นี่คือการผสานสองเทพจากสองวัฒนธรรมเข้าด้วยกันโดยไม่ทิ้งเทพของชนพื้นเมืองเดิม
...
พระอินทร์ผู้เคยมีฐานะเป็นเอกเทวะ (ใหญ่สุดผู้เดียว) กลับกลายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มไตรเทวะ อันประกอบด้วยพระอัคนี พระสุริยเทพ และพระอินทร์ ในเวลาต่อมาจึงถูกแทนที่ด้วย 'ตรีมูรติ' คือพระพรหม พระนารายณ์ และพระศิวะ ซึ่งเป็นเทพในคติทางพระเวทยุคใหม่ที่เราคุ้นเคยกัน
ตรีมูรติ คือสัจธรรมทางพลังอำนาจเหนือสรรพสิ่ง ประกอบด้วยผู้สร้าง ผู้รักษา และผู้ทำลาย ซึ่งก็คือธรรมชาติแห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
ฉะนี้แล
...
สนุกมากครับ ขอแนะนำสำหรับคนที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับรากวัฒนธรรมบ้านเราที่สืบเนื่องมาจากอินเดีย และวัฒนธรรมพราหมณ์-พุทธ
อ่านแล้วจะได้เห็นเรื่องราวรอบตัวในแง่มุมใหม่ (ซึ่งเป็นมุมดั้งเดิม) สิ่งที่เคยคิดว่างมงายไร้สาระกลับกลายเป็นสิ่งสอนใจหรือเตือนให้สังเกตใจตนเองได้อย่างดี
อ่านเป็นหนังสือวิชาการก็ได้ เป็นหนังสือธรรมะก็ดี
ไม่ว่าเทพหรือมาร สุดท้ายแล้วก็รบกันอยู่ในใจเรานี้แล
#นิ้วกลมอ่าน
#ว่างๆจะหยิบเล่มนี้มาเล่าอีกครับ