雖然這篇กินนร หมายถึง鄉民發文沒有被收入到精華區:在กินนร หมายถึง這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 กินนร產品中有7篇Facebook貼文,粉絲數超過53萬的網紅1jakkawal,也在其Facebook貼文中提到, ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน เดินขึ้นพระปรางค์ ให้ภรรยานำหน้า ไม่ได้เพราะกลัวหรือเกรงใจนะ แต่เพราะความความสูงชัน กลัวพลาดตกลงมา อยู่ด้านหลังคอยประคองไ...
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過109萬的網紅Bearry Channel,也在其Youtube影片中提到,#BearryChannel #BearryThai #แบร์รี่เล่าเรื่องวรรณคดี **รูปประกอบบางรูปไม่เกี่ยวของกับเนื้อหา เป็นเพียงการนำเสนอเพื่อให้ท่านผู้ชมจินตนาการตามได้อย่างชั...
「กินนร」的推薦目錄
กินนร 在 Kanok Ratwongsakul Instagram 的最佳貼文
2020-04-28 12:36:07
LINEกนก " ตำนานพญาครุฑ " . ในป่าหิมพานต์ที่มีสัตว์เปี่ยมอิทธิฤทธิ์มากมาย เช่น ราชสีห์ คชสีห์ (ตัวเป็นสิงห์ ศีรษะเป็นช้าง) กินรี กินนร .. แต่..มีสัตว์ก...
กินนร 在 ภาษาไทยครูลิลลี่ Instagram 的精選貼文
2020-05-14 05:31:16
คลิปภาษาไทยนี้ มีตัวอย่างเพิ่มคือ กุมาร กุมารี ยักษา ยักษี กินนร กินรี บุตร บุตรี ทาสา ทาสี ฯลฯ...
กินนร 在 ภาษาไทยครูลิลลี่ Instagram 的最佳貼文
2020-05-14 07:41:28
พี่ดาวคือกิงกะหร่า ฟ้อนกิงกะหร่า เป็นศิลปะการแสดงของชาวไทยใหญ่ คำว่า “กิงกะหร่า” เป็นคำ ๆ เดียวกับคำว่า กินนร หมายถึง อมนุษย์ในนิยายซึ่งพจนานุกรมฉบับร...
-
กินนร 在 Bearry Channel Youtube 的最佳解答
2016-01-20 08:31:18#BearryChannel #BearryThai #แบร์รี่เล่าเรื่องวรรณคดี
**รูปประกอบบางรูปไม่เกี่ยวของกับเนื้อหา เป็นเพียงการนำเสนอเพื่อให้ท่านผู้ชมจินตนาการตามได้อย่างชัดเจนขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม**
จากคลิปที่แล้วเราได้กล่าวไว้ว่าป่าหิมพานต์นั้น เต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิด ซึ่งล้วนแปลกประหลาดต่างจากสัตว์ที่มนุษย์ทั่วไปรู้จัก เป็นสัตว์หลายอย่างผสมกันแล้วตั้งชื่อขึ้นมาใหม่ สัตว์เหล่านี้เกิดจากจินตนาการของจิตรกรไทยโบราณที่ได้สรรค์สร้างภาพจากเอกสารเก่าต่าง ๆ ดังนั้นคลิปนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสัตว์หิมพานต์ชนิดอื่นๆกันต่อ มีสัตว์ชนิดไหนบ้าง มารับชมไปพร้อมๆกันเลยค่ะ
ที่มาของข้อมูล http://goo.gl/wi8xnm
https://goo.gl/a6vr4W
https://goo.gl/4QGpv3
https://goo.gl/ahGBqR
https://goo.gl/3jGZhz
http://goo.gl/RCG1IR
เพลงประกอบ พม่ากลองยาว ระนาดเอก
ติดตามคลิปสนุกอีกมากมายที่ Bearry Family : https://goo.gl/qW5Tcn
ติดตามข่าวสารของเราได้ที่ Facebook Page : https://goo.gl/MZ3rsb
ติดตามคลิปน่าสนใจอื่นๆได้ที่ Bearry Channel https://goo.gl/HysOmh
กินนร 在 1jakkawal Facebook 的最佳貼文
ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน เดินขึ้นพระปรางค์ ให้ภรรยานำหน้า ไม่ได้เพราะกลัวหรือเกรงใจนะ แต่เพราะความความสูงชัน กลัวพลาดตกลงมา อยู่ด้านหลังคอยประคองไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ☺️
พระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือเรียกสั้น ๆ ว่า พระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นพระปรางค์สถาปัตยกรรมไทย ขนาดใหญ่ ประกอบด้วย
ปรางค์ประธานและปรางค์รองอีก 4 ปรางค์ ตั้งอยู่ที่ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ตัวพระปรางค์ปัจจุบันนี้มิใช่พระปรางค์เดิม ที่สร้างขึ้นราวสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่มีความสูงเพียง 16 เมตร โดยปรางค์ปัจจุบันนี้ถูกสร้างขึ้นแทน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในปี พ.ศ. 2363 แต่ก็ได้แค่รื้อพระปรางค์องค์เดิม และขุดดินวางราก ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ได้ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินการสร้างต่อ โดยพระองค์เสด็จมาวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2385 จนแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2394 ใช้เวลารวมกว่า 9 ปี
พระปรางค์วัดอรุณฯ ได้รับการบูรณะเสมอมา จนกระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทำการบูรณะพระปรางค์ครั้งใหญ่ ซึ่งก็คือแบบที่เห็นในปัจจุบัน องค์พระปรางก่ออิฐถือปูน
ประดับด้วยชิ้นเปลือกหอย กระเบื้องเคลือบ จานชามเบญจรงค์สีต่าง เป็นลายดอกไม้ ใบไม้ และลายอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน เป็นจำนวนมหาศาลนอกจากนี้ยังมีการประดับตกแต่งด้วย กินนร กินรี ยักษ์ เทวดา และพญาครุฑ ส่วนยอดบนสุดของพระปรางค์ติดตั้งยอดนภศูล
พระปรางค์วัดอรุณฯ มีความสูงจากฐานถึงยอด 81.85 เมตร ทำให้กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในกรุงเทพมาอย่างช้านาน รวมถึงเป็นพระปรางค์ที่สูงที่สุดในประเทศไทยและของโลกอีกด้วย
พระปรางค์วัดอรุณยังเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ทั้งการเป็นภาพตราสัญลักษณ์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบสถานที่ทางพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงที่สุด จากทัวร์โอเปียอีกด้วย
กินนร 在 Kanok Ratwongsakul Fan Page Facebook 的最讚貼文
LINEกนก " ตำนานพญาครุฑ "
.
ในป่าหิมพานต์ที่มีสัตว์เปี่ยมอิทธิฤทธิ์มากมาย เช่น ราชสีห์ คชสีห์ (ตัวเป็นสิงห์ ศีรษะเป็นช้าง) กินรี กินนร .. แต่..มีสัตว์กึ่งเทพอยู่ 2 องค์
.
หนึ่ง เป็นเจ้าแห่งบาดาล คือ พญานาค อีกหนึ่ง เป็นเจ้าแห่งเวหา มีวิมานทิพย์อยู่ที่เชิงเขาไกรลาส คือ "พญาครุฑ"
.
ทั้งสองพญานี้เป็นพี่น้องต่างมารดา แต่มีพ่อคนเดียวกัน ไม่ถูกกันมาตั้งแต่รุ่นแม่ มาถึงรุ่นลูก
.
ตั้งแต่แรกเกิดนั้น พญาครุฑมีกายเปล่งรัศมี สว่างไสว ส่อให้รู้ว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการ มีพลังอำนาจเทียบเท่า พระผู้เป็นเจ้า
.
ครั้งหนึ่ง พญาครุฑเคยลองฤทธิ์กับองค์ "พระนารายณ์" มหาเทพหนึ่งในสามของทางศาสนาพราหมณ์ การรบครั้งนั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั้งสามโลก
.
รบกันไปเท่าใด..ไม่รู้แพ้รู้ชนะกัน จนในที่สุดพระนารายณ์และพญาครุฑจึงตกลงกันว่า ขอให้เสมอกัน ในการรบระหว่างกัน
.
พระนารายณ์อนุญาตให้พญาครุฑสามารถอยู่เหนือเศียรตนได้ ยามประทับอยู่กับที่ แต่เมื่อไหร่ที่พระนารายณ์จะเสด็จไปที่ต่างๆ .. พญาครุฑก็นอบน้อม ยินยอมให้พระนารายณ์สามารถใช้ตนเป็นพาหนะได้เช่นกัน
.
ฉะนั้น การที่พระนารายณ์ ทรงครุฑไปในสถานที่ต่างๆ ไม่ได้หมายถึง พระนารายณ์เหนือกว่า หรือครุฑอ่อนด้อยกว่า และที่เรียกว่า พระนารายณ์ทรงสุบรรณ นั้น มาจาก..
.
"พระอินทร์" เคยลองฤทธิ์กับพญาครุฑ ใช้วัชระ (สายฟ้า เป็นอาวุธประจำกายของพระอินทร์ ) ฟาดพญาครุฑ แต่องค์พญาครุฑเป็นกายสิทธิ์ หาได้เป็นอันตรายไม่
.
พระอินทร์พยายามอยู่หลายทางก็ไม่สามารถทำอันตรายแก่องค์ครุฑได้ จนพระอินทร์มีความเคารพในอานุภาพของพญาครุฑว่า มีฤทธิ์เดชเทียบเท่าพระผู้เป็นเจ้าจริง
.
ในที่สุดพญาครุฑจึงได้สลัดขนตนเองออกมาหนึ่งเส้น มอบให้แก่พระอินทร์เพื่อเป็นเกียรติด้วยเช่นกัน
.
ครุฑจึงมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า "สุบรรณ" ซึ่งหมายถึง "ขนวิเศษ"
.
ด้วยพลังอานุภาพของพญาครุฑ ซึ่งแม้แต่องค์เทพยังมิอาจเอาชนะ นับประสาอะไรกับพญานาค จะต่อกรสู้ได้
.
พญาครุฑจึงโฉบลงมายังมหาสมุทร จิกกินมันเปลวเหล่าพญานาคจนตาย ฝ่ายพญานาคนั้นแม้จะพยายามต่อสู้ แต่ก็ไม่อาจสู้ไหว จะเลื้อยหนีไปหลบภัยยังสะดือทะเล แต่ก็ถูกครุฑใช้ปีกโบกสะบัดจนน้ำลดแห้ง แหวกเป็นทางถึงตัวพญานาคอยู่ดี
.
พญานาคหาทางแก้ โดยการกลืนหินใหญ่ลงท้องเพื่อถ่วงตัวให้หนัก ครุฑตนใดไม่รู้อุบาย เวลาโฉบลงมาจับพญานาค ก็ถูกหินที่นาคกลืนลงไปถ่วงน้ำหนัก จนบินขึ้นไม่ไหว และจมน้ำตาย
.
แต่ภายหลัง เมื่อครุฑรู้อุบายนี้ ก็จะจิกจับนาคทางหางก่อน ปล่อยให้หัวนาคห้อยลง นาคก็สำรอกหินก้อนใหญ่ออกมา ครุฑจึงจับนาคได้โดยสะดวก
.
เป็นที่มาของ “ครุฑยุดนาค” หรือ “ครุฑจับนาค”
.
ห้ามพลาดเด็ดขาด !! LINEกนก อาทิตย์ที่ 25 สิงหาคมนี้ "ตำนานพญาครุฑ"
.
พร้อมร่วมสนุก หาผู้โชคดี 20 ท่าน เข้ารับชม "พิพิธภัณฑ์ครุฑ"
ธนาคารธนชาต @บางปู จังหวัดสมุทรปราการ แบบพิเศษก่อนใคร
.
เวลา 20.10 น. ทางเนชั่นทีวี 22
NationTV 22
รายการLineกนก
ข่าวข้น คนเนชั่น
กินนร 在 Roundfinger Facebook 的最佳貼文
ที่มาของพระตรีมูรติ ยักษ์ นาค กินรี ฯลฯ
#ฝากกดไลก์ติดตามเพจนี้กันสักนิดนะครับ
#จะนำหนังสือน่าอ่านมาเล่าสู่กันฟังเนืองๆครับ :)
เทวตำนานในอริยวิถี
เอกชัย สถาพรธนพัฒน์: เขียน
สนพ.วิภาษา
---
นี่คือหนึ่งในหนังสือที่อ่านแล้วเพลิดเพลินที่สุดในรอบปีนี้ หนังสือเชื่อมโยงเทวตำนาน งานศิลป์ วรรณกรรม วรรณคดี เกร็ดพุทธประวัติ ภูมิปัญญาตะวันออก ผีสางเทวดา ฯลฯ เข้าด้วยกันชวนให้หฤหรรษ์อย่างยิ่ง
อ่านแล้วจะเห็นการใช้เทวตำนานหรือเทพปกรณัมในการทำความเข้าใจเบื้องลึกในใจมนุษย์ ได้เห็นว่าเรื่องราวเหนือจริงเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นสัญลักษณ์หรืออุปกรณ์ในการสะท้อนสิ่งที่อยู่ภายในใจคน
โครงเรื่องของเทวตำนานมักเป็นการต่อสู้กันระหว่าง 'ดี' กับ 'ชั่ว' อันเป็นทวิภาวะ ซึ่งผสมผเสอยู่ในใจคนทุกคน จิตหนึ่งดวงจึงต้องตื่นรู้ผ่านอุปสรรคต่างๆ เพื่อบรรลุสู่ศานติ เมื่อเห็นมิตินี้ย่อมอ่านเทวตำนานในมุมใหม่ แทนที่จะคิดว่าเป็นจินตนาการไร้เหตุผล กลับกลายเป็นเรื่องราวเพื่อทบทวนสภาวะจิตใจตนเอง
...
หนังสือบอกเล่ารากที่มาของหลายสิ่งในวัฒนธรรมไทยซึ่งสืบต่อมาจากอินเดีย เช่น
+ คำว่า 'ภิกขุ' แปลว่า 'ผู้ขอ' เป็นรากศัพท์ของคำว่า Beggar หรือ 'ขอทาน' ซึ่งนับแต่สมัยก่อนพุทธกาลก็มีเหล่ากษัตริย์และชนชั้นสูงที่เบื่อหน่ายลาภยศแล้วออกบวชเป็นฤาษีมุนีเพื่อแสวงหาโมกษะกันอยู่แล้ว กิจที่พวกท่านทำคือภิกขาจาร หรือขอข้าวจากชางบ้าน เพื่อมุ่งหมายทำลายอัตตาตัวตน
+ จักร เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รูปจักรจึงถูกนำไปใช้เป็นสัญลักษณ์ของการประกาศพระธรรมคำสอนเพื่อหลุดพ้นจากทะเลทุกข์ ที่มาของจักรมาจากอานุภาพแห่งกงล้อขอรถม้าศึกที่ชาวอารยันรุกไล่ยึดครองที่ทำกินของชนพื้นเมืองในลุ่มน้ำสินธุ จนก่อเกิดวัฒนธรรมพระเวท และระบบวรรณะขึ้นในชมพูทวีป
มาถึงตรงนี้ก็ขอเล่าเรื่องนี้จากเล่มนี้ต่อเลยแล้วกัน
...
ชมพูทวีปแต่เดิมเป็นที่อยู่ของชนเผ่าหลากหลาย ที่โดดเด่นคือชาวดราวิเดียน (ทราวิฑ) ซึ่งอพยพจากอิหร่านเข้ามาอินเดียช่วง 7,000 ปีก่อนพุทธกาล (9,000 กว่าปีนู้น)
ชาวทราวิฑชำนาญเรื่องเกษตรกรรม เป็นผู้ก่อรากฐานอารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ นครฮารัปปา นครโมเฮนโจดาโร อันรุ่งเรืองก็ฝีมือของพวกเขา
ช่วง 3,000 ปีก่อนพุทธกาล ชาวอริยกะ (อารยัน) ชนเผ่าเร่ร่อนเชื้อสายอินโด-ยูโรเปียนซึ่งชำนาญการรบ ก็บุกเข้ามาด้วยธนูและรถศึก (ม้า+ล้อหมุน) ซึ่งเป็นนวัตกรรมล้ำยุคกว่าเจ้าถิ่น ก็ค่อยๆ รุกคืบแย่งชิงที่ทำกินเหนือชาวทราวิฑ
ชาวอารยันเหมาเรียกคนพื้นเมืองว่า 'มิลักขุ' มีความหมายเชิงกดข่มว่า 'พวกคนเศร้าหมอง ผิวดำ อัปลักษณ์ และป่าเถื่อน' ฝั่งอารยันนั้นผิวขาว สูง จมูกโด่ง ตาฟ้า ผมทอง
ชาวทราวิฑส่วนหนึ่งไม่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจ บ้างต่อสู้ บ้างย้ายถิ่นถอยไปทางใต้กลายเป็นต้นกำเนิดของชาวทมิฬ สิงหล และลังกา
พวกที่ยอมแพ้ก็กลายเป็นทาส ก่อเกิดระบบทาสและวรรณะ เกิดศัพท์เหยียดหยามที่ใช้เรียกชนพื้นเมือง เช่น คนธรรพ์ กินนร อัปสร ยักษ์ กุมภัณฑ์ นาค จำพวกนี้ขึ้น (เริ่มสนุกแล้วสิ)
...
อัปสรและคนธรรพ์ จึงไม่ได้มีแค่ในวรรณคดีเท่านั้น แต่เป็นคำเรียกเชิงหมิ่นหยามว่าเป็นพวกคนป่าดงดอยที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ชำนาญเรื่องร้องรำทำเพลง แต่่ด้อยอารยธรรม (ที่ด้อยกว่าคือการรบน่ะนะ) ชาวอารยันจึงทำมาบำเรอเรื่องระบำรำฟ้อนและกามารมณ์
กินนร กินรี เป็นคนธรรพ์พวกหนึ่ง ในวรรณคดีไทยคืออมนุษย์ (ครึ่งคน-ครึ่งนก) แต่ในวรรณกรรมอินเดียบอกว่า หัวเป็นม้าตัวเป็นคน ตามรากศัพท์ 'กิ' หรือ 'กิง' แปลว่า 'อะไร' ส่วน 'นร' (นอ-ระ) แปลว่า 'คน' รวมแล้วเป็น 'คนอัลไล' ก็เหยียดหยามเหมือนกัน ใช้เรียกคนที่มีสันดานชั่วร้าย
ยักษ์ รากษส ใช้เรียกทราวิฑที่ไม่ยอมแพ้ชาวอารยันง่ายๆ ต่อต้าน ทำลายทรัพย์สิน แย่งชิงเสบียง ดุร้ายป่าเถื่อน ภาพลักษณ์ของยักษ์ในวรรณคดีจึงจับคนไปกิน ส่วนกุมภัณฑ์คือพวกเคยต่อต้านแล้วกลับใจมายอมแพ้ ในวรรณคดีจึงเป็นยักษ์ที่คอยรับใช้เทพเจ้า
นาค ใช้เรียกชาวพื้นเมืองที่ดุร้ายป่าเถื่อน (อันนี้เขียนเล่าได้อีกหนึ่งโพสต์ยาวๆ) เดิมคำนี้ออกเสียงว่า 'น็อก' หรือ ng เป็นรากศัพท์ของคำว่า Naked หรือเปลือย เพราะชนพื้นเมืองไม่รู้จักสวมเสื้อผ้า อยู่ลึกลับตามป่าเขา ซุ่มทำร้าย จึงใช้ภาพงูเป็นตัวแทนสัตว์มีพิษที่ซ่อนตัวในที่ลับ นาคในวรรณกรรมอินเดียจะเป็นพญางูซึ่งมีพิษร้าย แต่ยอมสยบเป็นบริวารแก่มหาเทพ
นี่คือการใช้ศัพท์เพื่อปกครอง ใช้วรรณกรรมเพื่อแสดงอำนาจระหว่างผู้มาใหม่ที่มายึดพื้นที่ของชนดั้งเดิม
อ่านถึงตรงนี้ก็จะเริ่มรู้สึกว่า ต้องอ่านรามเกียรติ์สนุกขึ้นอีกเยอะเลย
...
ชาวทราวิฑมีพื้นฐานเป็นสังคมเกษตรกรรม เทพเจ้าของพวกเขาจึงเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ เทวะบนฟ้า เทวะในอากาศ เทวะบนผืนดิน
พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระวรุณ (ฝน) พระอัคนี พระแม่ธรณี พระคงคา เหล่านี้คือเทพเจ้าของชาวทราวิฑ ผูกพันกับการเกษตรและการมีชีวิตรอด มักเปรียบเทียบธรรมชาติเป็นแม่ วิธีบูชาคือนอบน้อมกตัญญู
ฝ่ายอารยันนับถือพระเทพบิดร คือ อินทรา (พระอินทร์) ซึ่งเป็นเทพแห่งสงครามผู้มีชัยต่อการปกป้องและช่วงชิงดินแดนจากศัตรู วิธีบูชาคือบวงสรวงเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
ฝ่ายหนึ่งคือ 'ผู้ให้' อีกฝ่ายคือ 'ผู้แย่งชิง' พอผสมกันก็จะเป็นความเชื่อที่ออกมาในรูป 'ศักติเทวะ' คือพลังชั้วบวกและขั้วลบ เป็นทวิภาวะที่แตกต่างกัน เหล่าทวยเทพจึงมีพระชายาอยู่เคียงข้างตั้งแต่นั้นมา
นี่คือการผสานสองเทพจากสองวัฒนธรรมเข้าด้วยกันโดยไม่ทิ้งเทพของชนพื้นเมืองเดิม
...
พระอินทร์ผู้เคยมีฐานะเป็นเอกเทวะ (ใหญ่สุดผู้เดียว) กลับกลายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มไตรเทวะ อันประกอบด้วยพระอัคนี พระสุริยเทพ และพระอินทร์ ในเวลาต่อมาจึงถูกแทนที่ด้วย 'ตรีมูรติ' คือพระพรหม พระนารายณ์ และพระศิวะ ซึ่งเป็นเทพในคติทางพระเวทยุคใหม่ที่เราคุ้นเคยกัน
ตรีมูรติ คือสัจธรรมทางพลังอำนาจเหนือสรรพสิ่ง ประกอบด้วยผู้สร้าง ผู้รักษา และผู้ทำลาย ซึ่งก็คือธรรมชาติแห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
ฉะนี้แล
...
สนุกมากครับ ขอแนะนำสำหรับคนที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับรากวัฒนธรรมบ้านเราที่สืบเนื่องมาจากอินเดีย และวัฒนธรรมพราหมณ์-พุทธ
อ่านแล้วจะได้เห็นเรื่องราวรอบตัวในแง่มุมใหม่ (ซึ่งเป็นมุมดั้งเดิม) สิ่งที่เคยคิดว่างมงายไร้สาระกลับกลายเป็นสิ่งสอนใจหรือเตือนให้สังเกตใจตนเองได้อย่างดี
อ่านเป็นหนังสือวิชาการก็ได้ เป็นหนังสือธรรมะก็ดี
ไม่ว่าเทพหรือมาร สุดท้ายแล้วก็รบกันอยู่ในใจเรานี้แล
#นิ้วกลมอ่าน
#ว่างๆจะหยิบเล่มนี้มาเล่าอีกครับ