ยิ่งขึ้นราคา ยิ่งขายดี??

เป็นไปได้จริงๆเหรอ???

===============

ตอนที่ผมสร้างคลาส iCLASS34
High Ticket Market
แล้วพูดที่หน้าเพจวันแรก
ถึงไอเดียทำการตลาดสู่กลุ่มลูกค้าPremium

ไม่ใช่แค่พี่น้องเราที่หน้าเพจ
แต่คนใกล้ตัวผม
เพื่อนๆผม
ก็แทบไม่มีใครเชื่อ

แต่ละคนบอกว่า...

“ยิ่งขึ้นราคา ยิ่งขายดีเนี่ยนะ?

หรือ

“ไม่ให้ลดราคา แล้วจะขายได้ยังไง?”

——————รวมถึงเคสหลายเคสใน1Year
ที่ผมถ่ายทอดเคสไอเดียนี้ให้กับเค้า
มาล่วงหน้าแล้ว1-2ปี
ปัจจุบันมีพี่น้อง140กว่าคนอยู่ในนั้น
หลายคนเลยที่ไม่เชื่อไอเดียนี้แต่แรก

แต่บรรยากาศมันเป็นเรื่องที่สำคัญ
สภาพแวดล้อมมีผลต่อความเชื่อ
ด้วยความที่
อยู่ด้วยกันตลอดเวลา

และแต่ละคนก็เริ่มไม่ลดราคา
เริ่มขึ้นราคาไปสู่กลุ่ม High ticket
แล้วขายดีโตเอาๆ
หลายคนโต 4เท่า
บางคนโตไปถึง20เท่า

น้องน้ำที่ทำธุรกิจสักคิ้ว
ร้าน Bellezza Brows Expert
ธุรกิจโตไป4เท่า
ทั้งๆที่ใช้สถานที่ๆเดิม

CEO เมย์
เจ้าของรีสอร์ท2หลัง
บ้านไร่ไออุ่น เพชรบูรณ์
ไออุ่นรีสอร์ท สระบุรี
โตธุรกิจรีสอร์ท20เท่า
ในพื่นที่เดิม

คุณไก่ที่ทำร้านสูท
โตธุรกิจหลายเท่าตัว
จนใกล้จะทะลุ100ล้าน

และพี่ๆน้องในนั้น
100กว่าธุรกิจใน1Yearที่โตเพราะ
การทำ High ticket
(มีโอกาสจะมาแชร์ให้ฟังวันหลังอีก)

จนกลายเป็นหลักฐาน
จนกลายเป็นมาตรฐาน
กลายเป็นเรื่องปกติ
ใน1YearCLUB

—————————คนที่ตามมาหลังๆ
แรกๆก็ทำใจยาก
มีคำถามแบบเดียวกันว่า

“ยิ่งขึ้นราคา ยิ่งขายดีเนี่ยนะ?

หรือ

“ไม่ให้ลดราคา แล้วจะขายได้ยังไง?

เหมือนกับเคสเฮียตี๋ย์
ที่เค้าทำเต็นท์รถมือ2
ที่ผมทำคลิปไปก่อนหน้านี้

ที่เค้าตัดสินใจไม่ลดราคา
แล้วกลับกลายเป็นขายดี
ลูกค้าแนะนำบอกต่อ
หลั่งไหลเข้า
อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
เป็นประวัติการณ์ตลอดตั้งแต่ขายรถมา

=============
รวมถึง
ความลับนี่ผมถ่ายทอดให้พี่น้องใน
iCLASS34 ซึ่งกำลัง ลุยกันอยู่ตอนนี้

อย่างถ้าพี่น้องเห็นในรูปบทความนี้
จะมีCommentจากพี่น้อง
ที่winningday
แชร์ความสำเร็จกันเวลาเอาเทคนิคไหนไปทำ

>>>>>

“เมื่อวันที่ 25/9/21 ผมลองนำไอเดีย In/Up/Max
มาลองใช้ในธุรกิจ ทั้ง 2 ธุรกิจ
ในธุรกิจแรก Pitch จากเริ่ม 2.4m
ใช้ STS อัพไปเรื่อยๆ
สุดท้ายมาได้ราคา Max ที่ 16.4 ล้าน เฉยเลย
ตะลึงมาก ไม่นึกว่าตัวเองจะทำได้ขนาดนี้”

และอีกข้อความ......

4 วันที่ผ่านไฟลุกมากๆค่ะอาจารย์
เรียกได้ว่าคุยกับคนที่บ้านตลอด
จนคนที่บ้านบอกว่า พักผ่อนก่อนมั้ยยยย !!!
ต้องบอกเลยว่า หยุดไม่ได้จริงๆ ค่ะ

“” 4 วันที่ผ่านมากลับไปฟังลูกค้าได้ถูกคนมาค่ะ
และยอดกลับมาพุ่งอีกแล้ววว 4 แสนไปเล้ยยยค่ะ
แถมเมื่อกี้ ก่อนเข้าเรียน 20:40 น.
ปิดดีลไปกับลูกค้าตัวจริงที่ 40K
ทุกคนต้องอยู่ ต้องจุมตัวกับพี่ๆ
กลุ่มนี้จริงๆค่ะ แล้วจะไฟลุก
แล้วจะฟินส์มากๆ แบบบอกไม่ถูกจริงๆค่ะ”””

<<<<<<<<

———————คำถามคือ....

เราเห็นลัพธ์ตัวเป็นๆแล้ว
สดๆร้อนจากคนที่ได้ไอเดียนี้

คำถาม......

“มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ”

“ทำไมเป็นแบบนั้น?”

ทำไมยิ่งแพงยิ่งขายดี?

ทำไมเราขึ้นราคาแล้วขายได้?

ทำไมเราไม่ลดราคาแล้ว
เรายิ่งขายดี?

————————ตั้งใจอ่านด้านล่างนะครับ
วันนี้ผมแชร์จิตวิทยาส่วนนึง2-3มุม
จาก40-50ไอเดียในคลาสiCLASS34
High Ticket Market

สามารถเอาไปใช้กันได้เลย

Key…..

1-จิตวิทยาคือ...
เมื่อเราตัดสินใจไม่ลดราคา หรือขึ้นราคาขึ้นไปอีก

=เราเลือกที่จะไม่ได้ใช้ราคาเป็นจุดขาย
=เราไม่ได้กำลังเลือกคนที่สนใจแต่เรื่องราคาถูก
เข้ามาเป็นลูกค้าเรา

2.เพราะโดยปกติจะมีจะมีลูกค้า 80%
ที่สนแต่เรื่องราคาถูกเพียงอย่างเดียว
แต่.....

“จะมีลูกค้าถึง20%ที่ตัดสินใจเลือกเพราะ
คุณค่าอะไรบางอย่าง
ไม่ได้สนเรื่องราคา”

3.กลุ่มคน80%มีเงิน20%ของตลาด
กลุ่มคน20%มีเงิน80%ของตลาด
=หมายความว่าคนน้อยกว่า
แต่มีเงินมากกว่ามาก
(และเค้ายินดีจ่ายเงินด้วยเหตุผลอื่นๆที่ไม่ใช่ราคา)

4.กลุ่มคน80%ที่สนแต่ราคาถูก
เวลาบอกต่อคุณ
เค้าจะบอกต่อว่าร้านนี้ราคาถูก
(แต่ถ้าวันนั้นมีใครทำถูกกว่าคุณ
เค้าก็เปลี่ยนไปใช้/ไปชมร้านอื่น)

5..กลุ่มคน20% ที่สนเรื่องคุณค่า
ไม่ได้สนเรื่องราคา
ที่เค้าซื้อเพราะคุณค่าที่คุณมอบให้จริงๆ
เวลาเค้าบอกต่อ

“เค้าก็จะบอกต่อคุณค่าที่เค้าได้รับ”
(เช่นไปร้านนี้เลย บริการดีมาก ใส่ใจจริง
ไปร้านนี้เลยเจ้าของรู้จริงมากๆ
ไปซื้อที่นี่ ที่นี้เจ้าของเป็นตัวจริงเรื่องนี้)

“เค้าบอกต่อคุณ
เพราะคุณค่าของตัวคุณจริงๆ”

6.ธุรกิจที่จะโตได้อย่างยั่งยืน
ไม่ได้มาจากการทำการตลาดไปเรื่อยๆ
ยิงแอดทุกวัน โฆษณาทุกวัน

แต่ธุรกิจที่ยั่งยืนจริงๆ

“โตจากการบอกต่อ ปากต่อปาก”

ธุรกิจที่ไประดับโลก
หรือไปได้ไกล
เค้าทำโฆษณาแค่ระยะนึง
แล้วหลังจากนั้น
ลูกค้าเป็นคนทำการตลาดบอกต่อเค้า

(คุณลองดูรอบตัวคุณ
ว่าหลายอย่างคุณซื้อเพราะ
การบอกต่อ)

7.ถ้าคนบอกต่อเพราะคุณค่า
คนที่สนคุณค่านั้น
ก็จะแนะนำบอกต่อ
คนที่อยากได้คุณค่านั้น
เข้ามาหาคุณเรื่อยๆ

มากขึ้นๆๆๆ
2เป็น4 คน
4เป็น8คน
8เป็น16คน
กลายเป็น1000 10,000
เทมาหาคุณทวีคูณอย่างรวดเร็ว

“ธุรกิจคุณก็โตก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว”

8.แต่ถ้าคุณตัดสินใจทำธุรกิจ
ขายสินค้า
และบริการ
ด้วยจุดเด่นที่สุดคือ....

“ราคาถูกที่สุด”

คุณก็คงแอบเห็นภาพในหัวใช่ไหม
ว่าคนก็คงไปบอกต่อคุณว่า

“ไปซื้อกับคุณสิ
คุณขายถูกที่สุด”

แล้วคุณก็เห็นภาพธุรกิจคุณโต
มากขึ้นๆๆๆ
2เป็น4
4เป็น8
8เป็น16

กลายเป็น1000 10,000
เทมาหาคุณทวีคูณอย่างรวดเร็ว?
ธุรกิจคุณก็โตก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว???

9.Keyที่แท้จริงคือ...

“ถ้าคุณมีจุดแข็งเดียว”

“ราคาถูกที่สุด”

คำถามคือ

“ถ้าเกิดวันข้างหน้าจะมีเจ้าที่ทำราคา
ถูกที่สุดเข้ามาแข่งในตลาดคุณล่ะ?”

คุณเห็นความไม่ยั่งยืนของมันแล้วใช่ไหม?

ภาพ
2เป็น4
4เป็น8
8เป็น16

กลายเป็น1000 10,000
เทมาหาคุณทวีคูณอย่างรวดเร็ว?
ธุรกิจคุณก็โตก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว???

หายไปกับตาจริงไหม?

เพราะลูกค้าที่คุณขาย

เค้าจะแนะนำอะไรคุณให้เพื่อนเค้าอีกล่ะ?
ในเมื่อคุณไม่ได้ถูกที่สุดแล้ว

และตัวเค้าเองนั้นแหละ
ก็อาจจะย้ายไปใช้กับอีกเจ้า

10.แต่ตรงข้าม.....
ถ้าเราเลิกคิดว่าเราจะลดราคา
หรือ
เราจะขึ้นราคาขึ้นไป

เหมือนเคสเฮียตี๋ย์ /CEO เมย์ /น้องน้ำ/คุณไก่
ที่ยกตัวอย่างด้านบน

ที่ไม่ได้เอาจุดแข็งเรื่องราคามาตั้ง

11.เค้าจะเริ่มคิดถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจริงๆ

ได้ทำการบ้านจริงๆ
มองลึกในตัวเค้าจริงๆ
ว่าเค้าต้องการอะไร
แล้วตอบโจทย์
“ซึ่งเป็นสิ่งที่คนขายควรจะทำอย่างแท้จริง”

(ผมอยากให้โลกมันเป็นแบบนี้มาก
เพราะมันทำให้ทุกอย่าง win win win
คนซื้อได้สิ่งที่ดีที่สุด
คนขายรวยขึ้นๆคุณภาพชีวิตดีขึ้น
ก็นำเงินไปลงทุนกับสินค้าและบริการต่อ
ก็นำของดีมาส่งมอบให้ผู้คนมากขึ้น)

(เพราะผมเบื่อกับและรำคาญ
กับการซื่อของไม่ดี ไม่ได้คุณภาพ
ผมไม่ได้อยากซื้อของถูก
คนขายไม่ดี ไม่รับผิดชอบ
เพราะเค้าเองก็ไม่มีกำไรมากพอ
จะรับผิดชอบหรือพัฒนาอะไรได้
ผมไม่อยากมาหงุดหงิดเรื่องพวกนี้)

12.ถ้าคนทำธุรกิจเค้าทำข้อ11
ก็จะโดนใจลูกค้าจังๆเพราะ
มันเป็นปัญหาที่แท้จริงของเค้า
หรือสิ่งที่เค้าต้องการจริงๆ

13.เมื่อโดนใจ
เค้าก็บอกต่อคุณค่านั้น
ออกไปสู่คนอื่นๆ

และคนอื่นๆที่มาใช้สินค้าหรือบริการ
ก็บอกต่อแนะนำคุณนั้น

14.ธุรกิจก็จะโตก้าวกระโดดไวมาก
และโตอย่างยั่งยืน
เพราะคนบอกต่อคุณค่าของคุณจริงๆ
เพราะตัวตนของคุณจริงๆ

(((และนี่ก็เป็นตัวอย่าง
เคสพี่น้องใน1Year

หรือในรูปก็เป็น
พี่น้องในคลาสiCLASS34
High Ticket Market
ที่ลงมือทำจนเห็นผลอย่างรวดเร็ว
จากการไม่ลดราคา
(ยังมีwinning dayในนั้นอีก100กว่าข้อความ)
(จากพี่น้อง200กว่าคนในคลาส)
ที่เรียนไปได้ครึ่งทาง)))))

ลุยครับ
ทุกคน

“อยากได้ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้”

และ

“ได้ใช้เรื่องนี้จริงๆ”

เพราะนอกจากธุรกิจเรา
จะโตก้าวกระโดดไวมาก
และโตอย่างยั่งยืน
เพราะคนบอกต่อคุณค่าของคุณจริงๆ
เพราะตัวตนของคุณจริงๆ

และมันยังทำให้ทุกอย่าง
“ win win win”
“คนซื้อได้สิ่งที่ดีที่สุด”
“คนขายรวยขึ้นๆคุณภาพชีวิตดีขึ้น”
“ก็นำเงินไปลงทุนกับสินค้าและบริการต่อ”
ท้ายที่สุด
“ก็นำของดีมาส่งมอบให้ผู้คนมากขึ้น”

“ win win win”

ขึ้นไปอีก

และทั้งหมดนี่คือเหตุผลของการที่....

“ยิ่งขึ้นราคา ยิ่งขายดี”

เช้านี้สวัสดีครับ
พี่น้องทุกคน

A10(เอเท็น)

ใครจะได้ประโยชน์บ้าง เมื่อ GrabFood เข้าโครงการ “คนละครึ่ง”
GrabFood x ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ ? GrabFood ครองส่วนแบ่งการตลาด Food Delivery ในประเทศไทย มากถึง 50% ซึ่งมากกว่าคู่แข่งอันดับสองกว่าเท่าตัว ถือว่าสูงเป็นอันดับหนึ่งในตลาดดิลิเวอรีตอนนี้ (ข้อมูลจาก Momentum Works (MW) ปี 2020) และยังเป็นผู้นำแพลตฟอร์มฟูดดิลิเวอรียอดนิยมอันดับ 1 ที่คว้ารางวัล “สุดยอดแบรนด์ครองใจมหาชน” (2021 Thailand’s Most Admired Brand) โดยนิตยสาร BrandAge และรางวัล “แบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไทย” (No.1 Brand Thailand 2020-2021) โดยนิตยสาร Marketeer ในกลุ่มธุรกิจฟูดดิลิเวอรี ด้วยการบริการที่หลากหลาย ทำให้ยังไม่มีเจ้าไหนสู้ได้

และล่าสุด GrabFood ก็ขอเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้สิทธิ์คนละครึ่งอยู่ที่ 28 ล้านคน
ซึ่งการที่ฟูดเดลิเวอรียักษ์ใหญ่เข้ามาร่วมโครงการนี้ ถือเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้กับร้านค้าเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี

ทำไมการที่ GrabFood เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ถึงกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ?
และหากร้านค้าเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งกับ GrabFood จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..

ใครที่ใช้แอปพลิเคชัน Grab อยู่เป็นประจำก็คงจะเห็นแล้วว่า ภายในแอปพลิเคชันนี้มีบริการที่หลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นบริการขนส่งอาหาร ขนส่งของสดและใช้ ขนส่งพัสดุ รับส่งผู้โดยสาร บริการจองโรงแรม ซึ่งทั้งหมดสามารถทำได้ผ่าน Grab ครบจบในแอปพลิเคชันเดียว

จากการมีบริการหลากหลายรูปแบบนี้เอง ทำให้ Grab มีผู้ใช้งานหลั่งไหลเข้ามาในแพลตฟอร์มไม่ขาดสาย
จึงไม่แปลกที่จะครองส่วนแบ่งตลาดได้เกินครึ่งหนึ่ง ในประเทศไทย

และอีกสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้การบริการในส่วนของ GrabFood ยิ่งเติบโตแรง
เพราะในช่วงโรคระบาด ผู้คนไม่ค่อยเดินทางไปไหนมาไหน ทำให้บริการสั่งอาหารถูกใช้งานมากที่สุด

จากสาเหตุที่กล่าวมาทั้งหมด คนที่ได้ประโยชน์ก็ไม่ได้มีแค่ GrabFood เท่านั้น ซึ่งร้านค้าที่เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มก็จะได้ Brand Awareness หรือเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากจำนวนผู้ใช้แอปพลิเคชันที่เติบโต
และพาร์ตเนอร์อย่างคนขับก็มีรายได้เพิ่มขึ้น ตามจำนวนผู้ใช้งาน

และล่าสุด GrabFood ก็ขอเป็นอีกแรงสำคัญ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการร่วมมือกับกระทรวงการคลัง เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 3 ซึ่งจะเตรียมเปิดให้ประชาชนสามารถใช้จ่ายในการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันได้ ตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. นี้เป็นต้นไป

ทาง GrabFood จึงออกแคมเปญ เชิญชวนให้ร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” กับ GrabFood
ซึ่งน่าจะช่วยดึงผู้ใช้งานให้เข้ามาใช้บริการผ่าน GrabFood ได้มากขึ้น ทั้งร้านค้า และลูกค้าด้วย

โดยลูกค้าที่มีสิทธิ์คนละครึ่งอยู่ในมือ ก็มีโอกาสที่จะสั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่าน GrabFood มากขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินทางออกจากบ้าน เพื่อไปใช้สิทธิ์ที่หน้าร้านเหมือนที่ผ่านมา สามารถเข้าแอปพลิเคชัน Grab กดเข้า GrabFood เพื่อสั่งอาหารที่เข้าร่วมแคมเปญคนละครึ่งได้ทันที

และเนื่องจากฐานลูกค้าที่ใช้บริการผ่าน GrabFood เติบโตขึ้นในทุกๆ ปี ร้านค้าก็จะได้ประโยชน์จากการสร้างรายได้ จากการที่มีผู้ใช้บริการหลั่งไหลเข้ามาอย่างมหาศาล

ดังนั้นการที่ผู้นำแพลตฟอร์มฟูดดิลิเวอรียอดนิยมอันดับ 1 อย่าง GrabFood มาเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” ก็เรียกได้ว่า win-win-win กันทุกฝ่าย ทั้ง GrabFood ได้ผู้ใช้งานมากขึ้น, ร้านค้าเจ้าเล็ก ๆ ก็มีรายได้, ลูกค้าได้ซื้ออาหารในราคาถูกลง และพร้อมที่จะใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

แล้วสำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมแคมเปญ “คนละครึ่ง” กับ GrabFood จะได้ความพิเศษกว่าสมัครกับเจ้าอื่นอย่างไรบ้าง ?

1. สำหรับออร์เดอร์คนละครึ่ง GrabFood จะปรับลดค่าคอมมิชชันให้พาร์ตเนอร์ร้านอาหาร ที่ร่วมโครงการ ไม่เกิน 20% เพื่อเป็นการช่วยให้ร้านค้าได้กำไรมากขึ้น

2. เพิ่มการมองเห็นให้กับร้านค้าผ่านสื่อภายในแอปพลิเคชัน Grab พร้อมกระตุ้นยอดขาย แจกโค้ดส่วนลดค่าส่งและค่าอาหารให้ลูกค้า ตั้งแต่ก่อนเริ่มแคมเปญเดือน ก.ย. ระหว่างแคมเปญคือตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. - 31 ธ.ค. 64 และดูแลกันต่อหลังจากจบแคมเปญจนถึงสิ้นเดือน ม.ค. 65

ซึ่งข้อนี้ถือเป็นอีกประโยชน์ที่น่าสนใจ เพราะมีโอกาสที่ร้านค้าจะได้ลูกค้ามากขึ้น โดยที่ไม่ต้องเสียเงินโปรโมต ไม่ต้องลดราคาค่าอาหาร หรือทำโปรโมชันเอง

3. เข้าถึงสินเชื่อเงินสด เพื่อนำเงินไปลงทุนทางธุรกิจได้ง่ายและเร็วขึ้น
โดยมีการปรับลดข้อมูลธุรกรรมย้อนหลัง 1 เดือน จาก 3 เดือน
ปรับลดข้อกำหนดเรื่องรายได้ธุรกรรม เหลือ 1,000 บาทต่อเดือน จาก 5,000 บาท

4. พร้อมทั้งทุ่มทุน คืนกำไรให้ร้านค้า แจกรางวัลใหญ่ “3 ครั้ง” ทั้งสร้อยคอทองคำ รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า รุ่น YAMAHA Fin และโทรศัพท์มือถือซัมซุง A12 รวมมูลค่ากว่า 1.9 ล้านบาท รวม 350 รางวัล เริ่มจับรางวัลตั้งแต่วันที่ 4, 11 ต.ค และ 22 พ.ย. 64

5. พิเศษยิ่งขึ้นร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ มีสิทธิ์ได้ออกรายการโทรทัศน์ยอดนิยม อาทิ ครัวคุณต๋อย, โหนกระแส, ตลาดสดพระราม 4 ซึ่งเป็นรายการดัง เพิ่มโอกาสให้ลูกค้ารู้จักร้านค้ามากขึ้นในวงกว้าง

6. GrabFood ขนทัพดาราและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังมาช่วยโปรโมต เรียกลูกค้าเข้ามาใช้สิทธิ์ “คนละครึ่ง”ผ่าน GrabFood นำทีมโดยพรีเซนเตอร์ เบลล่า-ราณี แคมเปน รวมถึงเหล่ายูทูบเบอร์สายกิน เพจรีวิวอาหารต่างๆ ดาวติ๊กต็อก ที่มีผู้ติดตามรวมแล้วมากกว่า 60 ล้านคน

7. การใช้งานก็ง่าย สมัครง่าย ไม่ต้องสแกน ไม่จำกัดระยะทาง โอน-จ่าย-รับเงิน สะดวกสบายผ่านแอปฯถุงเงิน สามารถรู้ได้ทันทีว่าออเดอร์ไหน ใช้บริการผ่านโครงการ คนละครึ่ง

สำหรับร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ”คนละครึ่ง” กับ GrabFood สามารถสมัครพร้อมกันทั่วประเทศ วันที่ 24 ก.ย. - 31 ธ.ค. 64 อย่ารอช้า สมัครก่อน รับความพิเศษก่อน

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.grabmerchantth.com/prep5050campaign21 หรือเฟซบุ๊กกรุ๊ป Facebook ครอบครัวร้านค้า GrabFood หรือโทรสอบถามได้ที่ Grab Call Center : 02-021-2512

ซึ่งการเข้าร่วมโครงการนี้ของ GrabFood น่าจะสร้างความสนใจให้กับลูกค้าและพาร์ตเนอร์ได้ไม่น้อย เพราะดูแล้วก็ได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย
สุดท้ายนี้ ก็น่าติดตามต่อว่าการเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” ของ GrabFood นี้ จะยิ่งทำให้ตลาดฟูดดิลิเวอรียิ่งร้อนแรงขึ้น อีกหรือไม่..

Reference:
-https://www.bangkokpost.com/business/2051295/grab-leading-in-food-delivery

Protein Coffee Anyone?

Understanding your body takes time! I only understood mine better after 5 years and i'm STILL learning!

The one thing I wish I new more of when I was younger - How to EAT SMARTER. Understanding the purpose food for out bodies, where it comes from, how it is made and how it reacts with your body - really takes awareness and the curiosity to learn.

Overtime i've learnt that my body doesn't do well when i drink milk. Hence i've opted for almond milk whenever I mix up my coffee, my post workout smoothies and even my baking. Here’s my go to pro-coffee in the morning with @137degreesmy:

Protein Coffee Recipe:

1️⃣1st pour almond milk
2️⃣1 scoop of protein powder
3️⃣1 scoop of collagen powder
4️⃣2 teaspoon of coffee
5️⃣blend and pour

Reasons i’ve been using this almond milk:
✅all natural ingredients WIN
✅has the highest almond content in the market which is 13%. WIN.
✅high in nutrients WIN WIN WIN.
✅Not sweet at all, WIN
✅has milky and creamy texture.
✅Pairs well for other drinks and by itself - WIN WIN WIN

If you haven't tried out 137 degrees, I highly recommend it.

Buy online 🛒
Shopee
http://bit.ly/137degreesshopee
Lazada
http://bit.ly/137degreeslazada

聊聊瑪格麗特、過敏性鼻炎、負面思考

--
Spotify：https://reurl.cc/rxO5Dy
Apple Podcast：https://reurl.cc/8GxjoR

?? Vietnam is going through its 4th major covid outbreak. One of the hardest hit provinces is a place north of Hanoi, known as Bac Giang, and one of Bac Giang's major crops is lychee.

Vietnam is a very different country from the west. A lot more emphasis is placed on community, compared to individualism in the west. Covid and Bac Giang's lychee's are a perfect example. With the covid outbreak hitting them so hard, people around Vietnam decided to join forces and purchase as much lychee as possible, to help out the farmers. This community attitude is something I love about Vietnam, and Asia in general.

I thought it would be a great idea to help out the farmers in Bac Giang, as well as help out some of the less fortunate people in Hanoi. Plus, it's interesting content for me as well! A win-win-win. So I bought 50kg of lychee from Bac Giang, and decided to give it away to people on the streets of Hanoi. Hope you enjoy.
Il------------------------------------------
Updates from the road:
► Instagram: https://www.instagram.com/chrismixlewis/
------------------------------------------
#Vietnam

・「かずくん」のツイートが炎上していた

大学生が"飲み会"で稼ぐ方法。
飲み会を1人5000円で募集して、10人集める。そうすれば5万円の売上が立つ。それで1人3980円くらいの「大人数限定食べ飲み放題プラン」とかを探し、自分は幹事特典で無料の所を選ぶ。そしたら自分はタダ飯を食べれるだけでなく約1万円の利益。月5回やればバイト脱却。
https://twitter.com/Kazu_Consult/status/1334817240890261504

・個人的には炎上する理由はよくわからない
・1000円くらいの手間賃は許されるのでは
・企画性があればなおよさそう

====
マナブさん

キャンパス内で、国際交流パーティを開く。外国人は無料にして、学生は1,000円。社会人からは4,000円を徴収し、料理は持ち込み式にする。集客は、複数の英語サークルに依頼する。これでイベントを開けて、パーティで飲みつつ、月５万くらい稼げます。経験談です
https://twitter.com/manabubannai/status/1335782755221659649

====
氏家さん

お店と提携して
合コンやら飲み会やら企画しまくって
売上の10%バックしてもらえばいい！

・自分
・友達
・お店

win-win-win が一瞬で完成！

稼ぐ方法考えるなら
「誰からお金もらうか」が大事！

お金払いたい人は誰？

消費者よりも
事業者相手の方が喜んで払う！
https://twitter.com/uzzy_k/status/1335784869826215936

====
迫さん

プログラミングができる学生を集めて飲み会をやる。そこに優秀な新卒ITエンジニアを採用したい会社の人事さんを呼ぶ。

その飲み会経由で採用に繋がれば、企業側は100万以上のコストカットにつながる。

成功事例ができた後、他の企業にも営業かけてイベントを収益化。
https://twitter.com/yuki_99_s/status/1335526562767069184
====

・採用、交流イベントにするのはあり
・日本酒、ワインに特化したイベントに仕立て上げるといけそう
・オンライン飲み会イベントで稼ぐのはいける（スナック箕輪形式）
・オンラインキャバクラは熱い
・幹事を支援するプラットフォームも面白そう
・いわゆるギャラ飲みマッチングもありえそう
・いっそ学生の飲み会に特化した飲食店を経営するのも面白い
・「早大生女子限定のパーティルーム」は稼げるかも
・飲み会アプリを作って売却（はあちゅうさんの「肉会」）
・飲み会の価値は？

・イケハヤなら？
・「大学生が飲み会で年100万稼ぐ方法」を売る
・情報を売るのは最強
・インタビューなどを入れて、大人が唸るような中身に仕立て上げる
・「飲み会」ひとつでこんなにビジネスが作れるのか!!
・980円の電子書籍にして、Kindle Unlimited対応
・バックエンドもなし
・ノウハウを高く売りすぎると炎上するので注意
・「こいつ面白いな」と思ってもらえたら勝ち
・電子書籍を無料配布するキャンペーンをやるとよし
・うまくいくなら横展開でコンテンツ制作
・「大学生が就活で100万円稼ぐ方法」
・「大学生が転売で100万円稼ぐ方法」
・若者向けにビジネスモデルを教える人になる
・年商2000万くらいまではサクッと稼げる
・自分でもビジネスを起業して説得力アップ

・お金を稼ぐのは難しくない
・バイトばかりしていると理解できない
・メンタルブロック外して稼ぎましょう