[爆卦]anecdotal evidence中文是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇anecdotal evidence中文鄉民發文沒有被收入到精華區:在anecdotal evidence中文這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 anecdotal產品中有21篇Facebook貼文,粉絲數超過71萬的網紅Fit Junctions,也在其Facebook貼文中提到, สรุป LIVE พี่ฟ้าใส "รู้ทัน อาหารเสริมลดไขมัน" #การใช้ไขมันกับการลดไขมัน คือคนละส่วนกัน เราใช้ไขมันเยอะแต่ไม่ได้แปลว่าเราจะลดไขมันได้ เพราะเราใช้ไขมั...

 同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...

anecdotal 在 Takashi Murakami Instagram 的最佳解答

2021-08-02 16:21:32

👉Continuation from previous post The project engages an approach quintessential to contemporary art. It provides the viewer with information that cau...

anecdotal 在 Kutinawa Instagram 的最讚貼文

2021-09-17 18:22:03

-93 Til by Pete Thompson- A photographic journey through skateboarding in the 1990s. To be a skateboarder today is a much different experience than ...

  • anecdotal 在 Fit Junctions Facebook 的最讚貼文

    2021-03-08 20:43:24
    有 61 人按讚

    สรุป LIVE พี่ฟ้าใส "รู้ทัน อาหารเสริมลดไขมัน"

    #การใช้ไขมันกับการลดไขมัน คือคนละส่วนกัน
    เราใช้ไขมันเยอะแต่ไม่ได้แปลว่าเราจะลดไขมันได้ เพราะเราใช้ไขมัน ทุกวันอยู่แล้ว !! แม้กระทั่งตอนนอน เพราะฉะนั้น อาหารเสริมไม่ใช่ magic เราเบิร์นไขมันทุกวันเป็นปกติอยู่แล้ว

    #การคัดกรองข้อมูในการเลือกอาหารเสริมลดไขมัน
    - Principle จากหลักการ บางทีหลักการอย่างเดียวก็ไม่ได้แปลว่า จะได้ผล 100% เพราะร่างกายเรามีหลายกลไกกว่านั้น

    - Anecdotal Evidence จากประสบการของคนที่เคยทดลองมา ลองเองแล้วบอกต่อ ไม่ได้แปลว่าดีเสมอไป ฟังดูเหมารวมเกินไป ได้ผลกับฉันไมไ่ด้แปลว่าได้ผลกับคุณ

    -Scientific Evidence มีการศึกษาวิจัยว่าได้ผล งานวิจัยมีหลายแบบ

    - Position Stand องค์กรที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และมีการตั้งจุดยืนเรื่องการดูแลสุขภาพและค่อนข้างเป็นกลางในเรื่องอาหารเสริม ของสถาบันต่างๆ

    #สมดุลที่เราใช้พลังงาน เรามีการดึงพลังงานเก่าออกมาใช้ และเก็บเข้ามา อยู่แล้วทุกวันเป็นปกติ เราจะลดไขมันได้ อยู่ที่พลังงานเข้าและพลังงานออก ต้องให้เกิด dificit หรือพลังงานติดลบนั่นเอง

    #อาหารเสริมหลายตัว มีปัจจัยต่างกัน Unhealthy Eating Pattern คือ ผลข้างเคียงของการกินอาหารเสริมลดไขมัน โดยกลายเป็นรูปแบบการกินต่างๆ เช่น กินอาหารเสริมแล้ว block แป้ง เราจึงกินแป้งเยอะได้ อาจจะทำให้เรามีพฤติกรรมที่กินของที่แคลอรี่เยอะโดยไม่กลัว ซึ่งไม่แนะนำอย่างยิ่ง

    #คนเราไม่ได้กินอาหารประเภทเดียว งานวิจัยต่างๆ ที่บอกว่าดีเป็นการทดลองทำในห้อง Lab ซึ่งทำให้อาหารแต่ละชนิดก็ไม่เหมือนกัน กิจกรรมต่างๆในแต่ละวันก็ไม่เหมือนกัน พันธุกรรม การพักผ่อน ความเครียด ส่งผลต่อร่างกายของเราหมดเลย เราเลยไม่สามารถพูดได้ว่าอาหารเสริมบางตัวจะเวิร์คตามที่เคลม

    #อาหารเสริมจำพวก วิตามินต่างๆ ความจริงเราไม่จำเป็นต้องทาน เพราะเราเจอได้ในอาหารหลักทั่วไป และเราควรมีการพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้มีหลักการในการเลือกอาหารเสริมอย่างถูกวิธี ถ้าขาดตัวไหนก็สามารถเสริมได้

    #คำว่าได้ผลของแต่คนคนไม่เหมือนกัน เราก็ต้องมาดูว่า ได้ผลในเชิงไหน ได้ผลมากน้อยแค่ไหน วิจัยกับใคร เขาได้ผลเพราะอะไร เราต้องตั้งคำถามหลายข้อก่อนตัดสินใจ เพราะมีทั้งงานวิจัยmujทั้งได้ผลและไม่ได้ผล
    .
    ใครที่อยากได้เเนวทางเพิ่มเติมพี่ฟ้ามีสอนทั้งหมดเลย!
    รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.fj-academy.com

  • anecdotal 在 多益達人 林立英文 Facebook 的最讚貼文

    2021-03-06 23:16:45
    有 2 人按讚

    How to protect yourself from novel coronavirus

    How does the coronavirus spread?
    ‧ The COVID-19 coronavirus outbreak is a new illness and scientists are still assessing ( ) how it spreads from person to person, but similar viruses tend to ( ) spread via cough and sneeze droplets ( ).

    ‧ When an infected person coughs or sneezes, they release droplets of saliva ( ) or mucus ( ). These droplets can fall on people in the vicinity ( ) and can be either directly inhaled or picked up on the hands then transferred when someone touches their face, causing infection. For flu, some hospital guidelines define exposure as being within 2 meters of an infected person who sneezes or coughs for 10 minutes or longer.

    ‧ Viruses can also be spread through droplets landing on surfaces such as seats on buses or trains or desks in school. However, whether this is a main transmission route depends on how long viruses survive on surfaces – this can vary ( ) from hours to months.

    ‧ There is anecdotal ( ) evidence that the virus can be spread by people before they have symptoms. Some other illnesses such as flu can be passed from one person to another before symptoms occur — but the extent ( ) to which this is happening with COVID-19 is not well understood yet.

    How to protect yourself and others
    ‧ Wash your hands: wet your hands with clean, running water and apply soap. Lather ( ) your hands, including the backs, between your fingers, and under your nails and scrub ( ) for at least 20 seconds. Rinse ( ).

    ‧ Cover your mouth and nose with a tissue when you cough or sneeze, then throw the tissue in the bin ( ) and wash your hands. If you do not have a tissue to hand, cough or sneeze into your elbow ( ) rather than your hands.

    ‧ Face masks offer some protection as they block liquid droplets. However, they do not block smaller aerosol particles ( ) that can pass through the material of the mask. The masks also leave the eyes exposed and there is evidence that some viruses can infect a person through the eyes.

    ‧ Seek early medical help ( ) if you have a fever, cough and difficulty breathing, and share your travel history with healthcare providers.

    ‧ If visiting live markets in affected ( ) areas avoid direct, unprotected contact with live animals and surfaces that have been in contact with animals.

    ‧ If you are in an affected area avoid eating raw or undercooked ( ) animal products and exercise care when handling raw meat, milk or animal organs to avoid cross-contamination ( ) with uncooked foods.

    ‧ If you have returned from an affected area in the last two weeks, stay indoors and avoid contact with other people for 14 days. This means not going to work, school or public areas.

    ‧ If you have returned from an infected area and develop ( ) a high temperature, cough, runny nose, sore throat or difficulty breathing do not leave your home until you have been given advice by a doctor.

    如何預防新型冠狀病毒感染

    冠狀病毒是如何傳播的?
    ‧ 爆發疫情的COVID-19冠狀病毒是一種新疾病,科學家仍在評估它是如何在人與人之間傳播的,類似的病毒常是透過咳嗽和打噴嚏的飛沫傳播。

    ‧ 感染者咳嗽或打噴嚏時,會噴出唾液或黏液的飛沫。這些飛沫可能會落在附近的人身上,被直接吸入或沾到手上,然後在觸摸臉時帶到臉上而導致感染。就流感而言,一些醫院指南將「暴露」定義為:與連續打噴嚏或咳嗽十分鐘或更久的感染者,距離兩公尺以內。

    ‧ 病毒也可以透過掉落在物體表面的飛沫傳播,例如落在公共汽車、火車或學校課桌椅上的飛沫。但是,這是否成為病毒之主要傳播途徑,取決於該病毒在物體表面可存活時間之長短──從數小時至數月不等。

    ‧ 有傳聞證據顯示,該病毒可能有無症狀傳播的情況。有些疾病(例如流感),可以讓被感染的人在出現症狀前就傳染給別人──但COVID-19冠狀病毒無症狀傳染的程度仍然不明。

    如何保護自己與他人
    ‧ 洗手:用乾淨的自來水洗手,並使用肥皂。將雙手(包括手背)、指縫以及指甲內搓揉起泡沫,搓洗至少二十秒鐘。然後沖水。
    ‧ 咳嗽或打噴嚏時,用衛生紙遮住口鼻,然後將衛生紙丟進垃圾桶並洗手。如果你沒有衛生紙,咳嗽或打噴嚏時請用手肘彎掩住,而不要用手。

    ‧ 口罩可以阻擋飛沫,因此可提供一定的保護。但口罩無法阻隔更小的、可穿過口罩材料的氣溶膠分子。口罩也無法保護到眼睛──有證據顯示某些病毒可透過眼睛感染人。

    ‧ 若有發燒、咳嗽和呼吸困難之情況,請盡快就醫,並將您的旅遊史告知醫療服務提供者。

    ‧ 若到疫區的活體市場,請避免直接、無防護地接觸活體動物,也要避免接觸放置動物的表面。

    ‧ 若您身處疫區,請避免食用生的或未煮熟的動物製品,處理生肉、牛奶或動物內臟時要小心,以免與未煮熟的食物交叉污染。
    ‧ 若您在最近兩週內自疫區返國,請待在屋裡十四天,並避免與他人接觸。也就是說,不要去上班、上學或去公共場所。

    ‧ 若您從疫區回來後,出現發燒、咳嗽、流鼻涕、喉嚨痛或呼吸困難之情況,除非徵得醫生同意,請待在家別出門。

    #高雄人 #學習英文 請找 #多益達人林立英文
    #高中英文 #成人英文
    #多益家教班 #商用英文
    #國立大學外國語文學系講師

  • anecdotal 在 มติพล ตั้งมติธรรม Facebook 的最佳貼文

    2020-09-28 10:00:05
    有 311 人按讚

    ไม้เรียวสร้างคนจริงหรือไม่?

    ทุกๆ ครั้งที่มีข่าวเรื่องครูลงโทษนักเรียน สังคมเราก็ยกเรื่องการตีนักเรียนขึ้นมาอีกครั้ง โดยฝั่งที่ไม่เห็นด้วยก็มักจะอ้างว่านี่เป็นวิธีที่ล้าสมัย ละเมิดสิทธิมนุษยชน ในขณะที่ฝั่งที่เห็นด้วยก็มักจะอ้างวลีเด็ดว่า "ไม้เรียวสร้างคน" หรือภาษิตไทยว่า "รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี"

    แต่ในที่นี้เราจะลองตัดประเด็นเรื่องความล้าสมัย หรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนทิ้งออกไปก่อน แล้วหันมาสนใจแค่ประสิทธิภาพของ "ไม้เรียว" ในการอบรมบ่มสั่งสอนนักเรียนให้หลาบจำต่อการกระทำผิด หรือสร้างความเป็นระเบียบวินัย ว่าแท้จริงแล้ววิธีนี้มีประสิทธิภาพแค่ไหน กันแน่

    "ไม้เรียว" จัดเป็นส่วนหนึ่งของ corporal punishment ซึ่งนิยามโดยการลงโทษโดยการตั้งใจทำให้เกิดความเจ็บปวดทางกาย หรือสร้างความอับอายทางจิตใจ

    แม้ว่าเราจะพูดกันอย่างแพร่หลายว่า "ไม้เรียวสร้างคน" และเราเคยได้ยินเรื่องราวต่างๆ มากมายถึงคนที่ "ได้ดีเพราะไม้เรียว" แต่ในเชิงวิทยาศาสตร์แล้วนั้น เราไม่สามารถอ้างอิงแต่เพียง "เสียงลือเสียงเล่าอ้าง" หรือที่ในทางวิชาการเรียกกันว่า anecdotal evidence ได้ เพราะไม่เพียงแต่เราอาจจะมี bias ในการเลือกได้ยินเฉพาะกรณีที่ดี แต่เรายังขาดการเปรียบเทียบว่า ถึงแม้ว่าจะมีเด็กที่ได้ดีจากไม้เรียว แต่ว่าเด็กที่ได้ดีจากไม้เรียวนั้น มีมากกว่าเด็กที่ได้ดีจากการลงโทษโดยวิธีการลงโทษที่ไม่ใช้ไม้เรียวอย่างมีนัยะสำคัญทางสถิติหรือไม่

    ซึ่งจากการศึกษาเป็นจำนวนมากในยุคปัจจุบัน[1][2][3] พบว่าการลงโทษทางกายนั้น ไม่ได้ช่วยทำให้เด็กลดพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ต้องการได้ดีไปกว่าการลงโทษวิธีอื่นแต่อย่างใด แต่กลับพบว่าการใช้การลงโทษทางกายนั้นกลับนำไปสู่ผลเสียต่อจิตใจของเด็กเป็นอย่างมาก

    เด็กที่ถูกลงโทษ จะสร้างความเชื่อมโยงว่าพละกำลังคือความถูกต้อง และมักจะเชื่อมโยงตัวเองกับผู้ใช้กำลังข่มเหงผู้อื่นในภายหลัง การเห็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงกว่าสามารถใช้กำลังกับเด็กที่อ่อนแอ เท่ากับเป็นการสอนเด็กว่าเป็นเรื่องปรกติที่เขาจะใช้กำลังกับเด็กที่อ่อนแอกว่า และงานวิจัยพบว่าเด็กที่ถูกลงโทษทางกายมักจะกลายเป็นบูลลี่ในอัตราที่มากกว่า เด็กที่โตมาในครอบครัวที่ถูกพ่อแม่ทำร้าย มักจะโตขึ้นมาเป็นพ่อแม่ที่ทำร้ายในอนาคต

    เด็กที่โตขึ้นมากับการถูกทำร้าย ก็มักจะมองว่าการทำร้ายเป็นเรื่องปรกติ และมักจะเข้าข้างผู้ที่ทำร้ายผู้อื่นในภายหลัง ดังนั้นหากเรารู้สึกว่าการทำโทษเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ เราอาจจะต้องถามตัวเองว่าเป็นไปได้ไหมว่าสาเหตุที่เราเป็นเช่นนี้นั้น อาจเป็นเพราะว่าเราชาชินกับมันมาตั้งแต่เราเป็นผู้ถูกกระทำในสมัยเด็กๆ หรือไม่

    นอกไปจากนี้ งานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า กลุ่มเด็กที่ได้รับการลงโทษทางกายอยู่เป็นประจำ ยังมีความเชื่อมโยงเป็นอย่างมากกับพฤติกรรมก้าวร้าว ต่อต้านสังคม สร้างความเชื่อมโยงในทางลบกับห้องเรียน ทำให้เกิดพฤติกรรมต่อต้านห้องเรียน มีอัตราการซ้ำชั้นที่สูงกว่า สมาธิต่ำ สร้างทัศนคติในทางลบต่อผู้สอน ฯลฯ[5]

    แต่นอกไปจากตัวนักเรียนแล้ว "ไม้เรียว" ก็มีผลต่อตัวผู้สอนเช่นเดียวกัน หากครูมี "อำนาจ" ที่จะ "ลงไม้" กับนักเรียนอย่างใดก็ได้ ย่อมเป็นเรื่องปรกติที่ครูนั้นจะ "หลงไปกับอำนาจ" และใช้อำนาจนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่เอาอารมณ์ส่วนตัวมาลงกับนักเรียน ครูที่มีไม้เรียวอยู่ในมือ ก็ย่อมที่จะไม่มีความสนใจที่จะจำเป็นต้องฟังเหตุผลใดๆ ของนักเรียน ทั้งที่กระบวนการเข้าใจเหตุผลของกฎทางสังคมและการสำนึกในการกระทำผิดนั้นเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หากเราลองอ่านคอมเม้นต์ตามอินเตอร์เน็ตที่คนบ่นถึงการถูกลงโทษในอดีต เราจะพบว่าในหลายๆ กรณีแล้วนั้น นักเรียนไม่ได้คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดที่ควรจะถูกลงโทษตั้งแต่แรก

    ซึ่งสาเหตุที่การลงโทษด้วยไม้เรียวนั้นไม่ได้เป็นที่นิยมในประเทศที่เจริญแล้วอีกต่อไปนั้น หาได้เป็นเพราะเหตุผลทางสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใดไม่ แต่เป็นเพราะว่ามันไม่ได้ผลต่างหาก เพราะงานวิจัยได้บ่งชี้ให้เห็นแล้วว่าวิธีนี้นั้นไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพในการอบรมและสร้างวินัยให้แก่นักเรียนแต่อย่างใด

    แต่สิ่งที่ได้ผลเป็นอย่างยิ่ง ก็คือการพูดคุยและให้เหตุผล ซึ่งยิ่งเราได้ปล่อยโอกาสให้ทั้งนักเรียนและครูได้ค้นหาเหตุผล อารมณ์ ความรู้สึกและความคาดหวังที่เกิดขึ้นจากการกระทำผิด ควบคู่ไปกับการลงโทษมากขึ้นเท่าใด ก็จะทำให้กระบวนการเชื่อมโยงระหว่างความผิด การสำนึกในความผิด และการรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองนั้นแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

    ในทางตรงกันข้าม งานวิจัยพบว่าผู้ถูกตีด้วยไม้เรียวมักจะเชื่อมโยงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับตัวผู้ลงโทษ มากไปเสียกว่ากับความผิดที่ตัวเองกระทำกันเอาไว้ ดังที่จะเห็นได้จากคอมเม้นต์จำนวนมากที่โทษครูมากกว่าตัวเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสมมติฐานที่ว่าไม้เรียวนั้นมีไว้เพื่อให้หลาบจำนั้นไม่เป็นจริงเสมอไป

    หากเรายังคงรู้สึกว่า หากเราไม่ลงไม้เรียวนั้นจะทำให้ "เด็กสมัยนี้เสียนิสัย" ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะว่าต้นเหตุหลักๆ ที่การลงโทษด้วยไม้เรียวนั้นยังคงหลงเหลืออยู่บ้างในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะว่าครูผู้สอนส่วนมากนั้นไม่เคยได้เรียนรู้วิธีการบ่มวินัยโดยที่ไม่ใช้ไม้เรียวมาก่อน เราก็จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าต้องทำมันต่อไป เพราะไม้เรียวนั้นง่ายกว่า และการเปลี่ยนวิธีการลงโทษมาเป็นแบบที่ไม่พึ่งการใช้ไม้เรียวนั้นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจและเวลาพอสมควร

    ซึ่งถ้าใครยังสงสัยว่าถ้าเราไม่ตีเด็กกันเลย จะทำให้ชาติล่มจมหรือไม่ อย่าลืมว่าประเทศทั่วโลกกว่า 128 ประเทศนั้นได้ยกเลิกการลงโทษทางกายในห้องเรียนไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งส่วนมากในนี้นั้นเป็นประเทศที่เจริญแล้ว ก็ไม่เห็นว่าประเทศเขาเหล่านั้นจะล่มจมแต่อย่างไร

    แต่ที่ตลกร้ายกว่านั้นก็คือ ประเทศหนึ่งที่ยกเลิกการลงโทษนักเรียนด้วยการตีไปแล้ว.. ก็คือประเทศไทยนั่นเอง ที่ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา พ.ศ. 2548[6] กำหนดให้ครูสามารถลงโทษนักเรียนได้เพียงแค่สี่วิธี ได้แก่
    (1) ว่ากล่าวตักเตือน
    (2) ทำทัณฑ์บน
    (3) ตัดคะแนนความประพฤติ
    (4) ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

    และไม่อนุญาติให้ "ลงโทษนักเรียนและนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้งหรือลงโทษด้วยความโกรธหรือด้วยความพยาบาท"

    ดังนั้น บางทีตัวอย่างที่ดีที่สุด ที่จะพิสูจน์ว่า "ไม้เรียวไม่ได้สร้างคน" ก็คือตัวครูที่จับไม้เรียวเสียเอง ที่แค่กฎกระทรวง ยังไม่เห็นจะทำตามกันได้เสียเลย

    หรือถ้าไม้เรียวสร้างคนได้จริงๆ เราเริ่มจากการเอาไม้เรียวมาหวดครูที่ทำผิดกฎกระทรวงเหล่านี้ก่อน? แล้วดูว่าตอนที่โดนหวด ครูจะรู้สึกสำนึกผิดที่ตัวเองทำผิดกฎไหม หรือว่ามัวแต่นั่งเจ็บแค้นโวยวายต่อความไม่เป็นธรรม กฎที่ไม่สมเหตุสมผล และความไม่ยุติธรรมที่ตัวเองได้รับ แบบที่เรากำลังบังคับให้เด็กๆ ต้องรู้สึกอยู่

    อ้างอิง/อ่านเพิ่มเติม:
    [1] https://www.apa.org/about/policy/physical-discipline.pdf
    [2] https://www.psychologytoday.com/us/blog/good-thinking/201409/is-what-happens-when-you-hit-your-kids
    [3] https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/2057255/
    [4] https://www.psychologytoday.com/us/blog/great-kids-great-parents/201111/the-problem-physical-punishment
    [5] https://en.wikipedia.org/wiki/School_corporal_punishment
    [6] http://www.takesa2.go.th/download/law/3/3_7.pdf

  • anecdotal 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的最讚貼文

    2021-10-01 13:19:08

  • anecdotal 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文

    2021-10-01 13:10:45

  • anecdotal 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文

    2021-10-01 13:09:56

你可能也想看看

搜尋相關網站