[爆卦]Tef stock是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇Tef stock鄉民發文沒有被收入到精華區:在Tef stock這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 tef產品中有49篇Facebook貼文,粉絲數超過531的網紅Yang.AT 運動知識分享,也在其Facebook貼文中提到, 不要再把變胖推給「年紀」了❗️​ 以前常常聽到一些人說​ 20歲後新陳代謝就會開始走下坡,越後面下降越快,光是用想的就覺得好可怕…😵​ 但是最新的研究,可能會改寫大家過去對代謝變異的觀念📝​ 今天羊羊🐑老師就來説説代謝變異與年齡的關係吧❗️​ —​ 📍何謂每日總能量消耗(TDEE)❓​ 生命所有的運...

 同時也有12部Youtube影片,追蹤數超過18萬的網紅公視新聞網,也在其Youtube影片中提到,由台灣公共電視新聞部製播,提供每日正確、即時的新聞內容,以及多元觀點。 詳細新聞內容請見【公視新聞網】https://news.pts.org.tw/ ■ 按讚【公視新聞網FB】https://www.facebook.com/pnnpts ■ 追蹤【公視新聞網IG】https://www.ins...

tef 在 ちあき先生/WHITEMEオーナー/千晃先生 Instagram 的最讚貼文

2021-09-10 21:33:20

WHITEME ご予約の取り方、 メニューのお知らせ。 現在サロンでのご新規様のお手入れは主にスタッフが 担当させて頂いております☺️✨✨ 🔴お知らせ🔴 新型コロナウィルスの拡大防止の為、今後、政府からの発表や 行政からの指導に速やかに従い、 営業時間の短縮、又は 臨時休業をさせて頂く...

tef 在 HABIT_SELECT Instagram 的最讚貼文

2021-09-17 14:36:18

NEW ARRIVAL!! @clubstubborn 迷彩軍褲 立體打折設計穿起來輪廓立體+++ 腰部磁扣穿脫方便且有型 ITEMS MOUNTAIN RESCUE SHORTS / DESERT EAGLE 登山救援褲,以軍褲Gurkha Shorts 褲款作為版型基底,高腰及整體寬鬆...

  • tef 在 Yang.AT 運動知識分享 Facebook 的最佳貼文

    2021-09-03 09:08:56
    有 1 人按讚

    不要再把變胖推給「年紀」了❗️​
    以前常常聽到一些人說​
    20歲後新陳代謝就會開始走下坡,越後面下降越快,光是用想的就覺得好可怕…😵​
    但是最新的研究,可能會改寫大家過去對代謝變異的觀念📝​
    今天羊羊🐑老師就來説説代謝變異與年齡的關係吧❗️​
    —​
    📍何謂每日總能量消耗(TDEE)❓​
    生命所有的運作都需要能量,因此每日總能量消耗(tdee)反映了生物每日的能量需求,也常被拿來當作體態控制的指標,因為當攝取的卡路里 = TDEE,就能維持體重。​
    ⭐️人體消耗能量的主要途徑分為三類:​
    1️⃣基礎代謝率BMR(65~75%)​
    2️⃣運動消耗TEA(10~30%)​
    3️⃣產熱消耗TEF(~10%)​

    💥TDEE = BMR + TEA + TEF​
    💥總熱量消耗 = 基礎代謝+運動消耗+產熱消耗​

    📍都是代謝下降害我變胖的❓​
    📕過去的研究認為:​
    新陳代謝會在20歲後開始下降,過了30歲,平均每年會減少1%,每隔10年新陳代謝就會降低5%。​
    📘最新的研究發現:​
    代謝率會在1 歲左右達到高峰,然後逐年下降約 3%,20 歲左右開始保持穩定狀態,直到 60 歲,才又開始每年不到1%緩慢下降,甚至就連懷孕時婦女的代謝率都沒有明顯差異。​

    🔥「體重增加不是因為你不再燃燒相同的卡路里」​
    👉🏻體重的的增加不單單是一種食物或一種生活方式改變那麼簡單,環境因素、睡眠、賀爾蒙、活動量...都可能影響你的營養攝取,所以不要再把一切問題推給新陳代謝下降囉❗️​
    —​
    📝「文末小調查」​
    既然TDEE沒有下降​
    那為什麼年紀大了會不愛運動?​
    A. 因為「懶」​
    B. 因為肌肉減少使不上力​
    C. 因為害怕受傷​
    D. 其他​

    快把文章推薦給那些總把「老了」掛在嘴邊的朋友吧!​

    📚參考文獻:

    Pontzer, H., Yamada, Y., Sagayama, H., Ainslie, P. N., Andersen, L. F., Anderson, L. J., ... & Speakman, J. R. (2021). Daily energy expenditure through the human life course. Science, 373(6556), 808-812.

    -​
    這篇文章對你有幫助嗎❓​

    留下一顆❤️讓我們知道吧❗️​

    你的支持是我們繼續的最大動力​

    #sportsyang#workout #sportsrecovery #yang#athletictrainer#fitness#exercise#sports#shoulder #coach #muscle#肌力訓練#運動傷害#運動#健身#重訓#卡路里#健康#健康#肌肉#慢跑#馬拉松#年紀大#肥胖#基礎代謝

  • tef 在 營養初 Nutrue - 營養師杯蓋 Facebook 的最佳貼文

    2021-08-15 12:16:48
    有 52 人按讚

    【從熱量了解減肥關鍵】#營養師杯蓋
    大家算算看,熱量是多少呢❓
    (給那個體重控制的朋友參考看看🙌🏻)

    講到熱量,大家一定很常聽到TDEE(Total Daily Energy Expenditure)每日總熱量消耗,而這到底是什麼,以及該如何計算呢? 今天就來簡單分享一些觀念,希望能幫助到大家💪🏻

    每日總熱量消耗,基本上就是身體一整天所消耗掉的熱量,也有人稱為維持體重的熱量(因為當攝取熱量= TDEE,體重會維持)。

    ✍🏻而每日總熱量消耗,就是基礎代謝率(BMR)+活動能量消耗(TEA)+攝食產熱效應(TEF)

    🔅BMR(BMR,Basal Metabolic Rate)基礎代謝率🔅

    基礎代謝率是身體為了要維持最基本運作所需要的熱量。
    主要影響基礎代謝率的因素有「體重、年齡、肌肉量」等。
    (大約佔每日總熱量消耗60-75%)

    🔅TEA(Thermic effect of activity)活動能量消耗🔅

    包括體能消耗、運動以及非運動活動產熱(例如走路、站立)
    (約佔15-30%)

    🔅TEF(thermic effect of food)攝食產熱效應🔅

    例如:吃東西咀嚼、或分泌消化液所消耗的熱量
    (約占10%)

    綜上所述…

    ✍🏻想要減重,大部分的人都是會想要往熱量赤字走,但其實還有其他關鍵,除了不可變因素年齡、性別會影響到總熱量外,我們可以盡量往可變因素來調整

    一、增加活動量,提每日總熱量消耗
    二、增加肌肉量,提高基礎代謝率
    三、多喝水、多吃(蛋白質要足夠),能夠增加代謝率

    最後…

    ✍🏻大家可以看看第二頁的圖,嘗試計算熱量,也可以參考第三頁的圖片來設定目標!

    有其他問題都可以一起留言討論唷!
    _
    👉🏻右滑👉🏻有加碼圖
    _
    ▶️標記、分享給需要的朋友
    ▶️追蹤 @Nutruelife
    ▶️營養初、營養吃、營養師,讓健康飲食的生活從這開始吧!
    _
    #營養 #營養師 #健康 #飲食 #健康飲食 #均衡飲食 #熱量控制 #熱量 #卡路里 #nutrition #增重 #增肌 #減脂 #減肥

  • tef 在 หมอๆ ตะลุยโลก Facebook 的最佳貼文

    2021-08-09 00:19:51
    有 1,636 人按讚

    โพสต์นี้ว่าด้วยเรื่องของ "น้ำหนักร่างกาย"
    ที่ผมต้องมาพูดประเด็นนี้ เรื่องจากตอนนี้การป้องกันโรคดูจะเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กับการรักษาโรคไปแล้ว ณ ตอนนี้ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อต่างๆ
    .
    และหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ทำให้อาการต่างๆแย่ลงได้ นั่นก็คือ "ภาวะน้ำหนักเกิน" (overweight) นั่นเองครับ เพราะน้ำหนักที่เกินในระยะเวลานานๆจะทำให้ร่างกายมีปัญหาของเรื่องความดันโลหิตสูง เบาหวาน metabolic syndrome และอะไรตามอีกมากมาย ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของอัตราการเสียชีวิตอย่างเห็นได้ชัด
    .
    น้ำหนักที่เกิน (overweight) นี้ ขอใช้นิยามเดียวกับคนทั่วไป คือ ไม่ได้มีสัดส่วนของกล้ามเนื้อที่มากกว่าปกติ เช่น คนเล่นกล้าม ที่น้ำหนักอาจจะเกินเกณฑ์มาตรฐานได้ โดยที่ทั้งๆที่สัดส่วนของร่างกายดูปกติ เพราะบางครั้งการวัดน้ำหนักตามเกณฑ์ BMI อาจจะทำให้เราพลาดในส่วนนี้ไปได้ แต่รายละเอียดตรงนี้อาจจะไม่จุดประสงค์ที่จะพูดกันในวันนี้ครับ
    .
    ผมอยากจะขอพูดเรื่องสิ่งที่เรียกว่า "ความอ้วน" เป็นหลักมากกว่า โดยไม่ได้พูดเรื่องน้ำหนักที่เกินเกณฑ์ตามประโยคข้างต้น เอาแบบให้เห็นภาพคือ เราอ้วน เราใส่กางเกงตัวเดิมไม่ได้ทั้งๆที่เราใส่ได้ น้ำหนักเราขึ้นมาหลายสิบกิโลกรัมในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทั้งๆที่เราไม่ได้อยู่ในวัยที่เจริญเติบโตของร่างกายใดๆ หรือใครที่กำลังคิดถึงรูปร่างของเราเมื่อสักช่วงสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอะไรประมาณนั้นครับ
    .
    ผมขอยกเนื้อหาบางส่วนมาจากหนังสือที่มีชื่อว่า "The Obesity Code" ของ Dr.Jason Fung ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจ โดยขอสรุปใจความเนื้อหาไว้ดังนี้ครับ
    .
    หลายๆคนอาจจะเข้าใจว่า "ความอ้วน" มาจาก แคลอรี่ที่กินเข้าไป > แคลอรี่ที่ใช้ออกมา เช่น เราจะคิดว่า เพราะเรากินมาก แต่ออกกำลังกายน้อย นั่นทำให้เราอ้วน ซึ่งอาจจะไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะจริงๆแล้วร่างกายมีการปรับระดับอัตราการเผาผลาญให้มากขึ้นหรือลดลงได้ตามพลังงานที่ร่างกายได้รับเข้ามา
    .
    Total Energy Expenditure ตัวย่อ TEE แปลว่า พลังงานที่ร่างกายได้เผาผลาญไปในวันนั้นๆ จะมาจาก 3 ส่วน คือ 70% มาจาก Basal metabolic rate ซึ่งร่างกายจะปรับขึ้นลงโดยอัตโนมัติ 10% มาจาก Thermic Effect of food ซึ่งก็คือพลังงานที่ต้องใช้ในการย่อยอาหารที่เรากินเข้าไป โดยโปรตีนจะใช้พลังงานมากที่สุด และ อย่างสุดท้าย 20% เป็น Physical Activity ของเรานั่นเอง นั่งดูทีวี เดินไปทำงาน เดินไปซื้อกาแฟ พลังงานที่ใช้จะอยู่ในส่วนนี้ ซึ่งถ้าสมมติว่าคนๆหนึ่งใช้พลังงานต่อวันคือ 2,000 Kcal เท่ากับ พลังงานที่เกิดจากกิจกรรมนั้นจะอยู่ที่ราวๆ 300-400 Kcal เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะเรามีผลวิจัยมากมายที่ชี้ว่า ถ้าเรากินมากขึ้น พลังงานจะถูกเผามากขึ้นจาก (BMR + TEF ที่มากขึ้น)
    .
    การกินน้อยเพื่อลดน้ำหนัก (Caloric restriction) อาจจะได้ผลในช่วงแรก แต่ผลลัพธ์สุดท้าย ร่างกายจะปรับ BMR ให้ลดต่ำลงจากพลังงานที่เข้ามาน้อย เพราะร่างกายจะเข้าสู่โหมด starvation คือต้องสงวนพลังงานเอาไว้ใช้
    .
    ลองคิดภาพตามนะครับ ถ้าจริงๆแล้ว ร่างกายเราต้องใช้พลังงาน 2,000 kcal ต่อวัน แล้วเราทานวันละ 1,500 kcal ต่อวัน จนสุดท้ายร่างกายปรับ TEE มาเหลือ 1,500 kcal ต่อวัน นั่นแปลว่า Calories in - Calories out = 0 นั่นคือทางตันของน้ำหนักที่ลดแล้วใช่ไหมครับ ??? อันนี้คือจุดเริ่มต้นของ Yoyo effect ที่เราพยายามหลีกเลี่ยงนั่นเอง เพราะถ้าเรากินแค่วันละ 1,000 kcal ต่อวัน เราไม่สามารถทำได้ในระยะยาว เพราะร่างกายจะทรุดโทรมอย่างมาก จนสุดท้ายเราจะกลับมากินอย่างมากมาย และน้ำหนักจะขึ้นพรวดพราด และสิ่งที่เร็วร้ายที่สุดคือ การกู้ metabolic rate ให้กลับมาเท่าเดิม นั้นต้องใช้เวลานานมากครับ และนั่นถืงเป็นสาเหตุว่า ทำไมเวลาเกิน Yoyo effect แล้ว น้ำหนักถึงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมักกลับขึ้นเกินน้ำหนักเดิมที่ก่อนตั้งใจลดน้ำหนักเสียอีก
    .
    จากบทสรุปด้านบน อาจจะบอกได้จริงๆแล้ว ความอ้วน ไม่ได้มาจาก แคลอรี่ แล้ว ความอ้วน มาจากอะไร???
    .
    เมื่อเราเริ่มต้นหาจุดกำเนิดของความอ้วนที่เกิดขึ้นทั่วโลก เราจะพบว่าความอ้วนของมนุษย์พึ่งมาเกินในช่วงหลังราวๆสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ก่อนหน้านี้ประวัติศาสตร์ของความอ้วนมีอยู่เพียงกลุ่มเฉพาะ ไม่ได้เป็นโรคระบาดเหมือนในปัจจุบัน โดยความอ้วนที่เกิดแบบชุกที่สุดจะเกิดในชาติตะวันตก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อเราไปสังเกตว่าสิ่งใดที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในช่วงนี้ เราจะพบว่า "อาหาร" คือปัจจัยที่สำคัญที่สุด โดยอาหารที่ว่าก็คือ "บรรดาอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต + แป้ง" หรือ Fast food นั่นเอง ที่คนอเมริกันบริโภคกันอย่างมหาศาล แล้วตอนนี้เราจะเหมารวมว่า "แป้งหรือคาร์โบไฮเดรต" เป็นผู้ร้ายได้หรือไม่
    .
    ในขณะเดียวกันถ้าเราไปดูประเทศอย่างจีน หรือ ญี่ปุ่น ที่เรียกกว่ากินข้าวกันเป็นกระสอบในช่วงเวลาเดียวกัน ภาวะโรคอ้วนกลับไม่พบอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นผู้ต้องสงสัยที่เรากำลังหมายหัวอาจจะไม่ถูกต้องซะทีเดียว แสดงว่าต้องมีอะไรที่อยู่ในแป้งที่เรากำลังสงสัยอยู่
    .
    นั่นคือที่มาของคาร์โบไฮเดรตที่มีคำว่า unprocessed กับ processed นั่นเองครับ สิ่งที่คนอเมริกันกินประจำคือ processed carb หรือพวกบรรดาขนมปังเบอร์เกอร์ ขนมเค๊ก ในขณะที่คนเอเชียทาน ข้าวเจ้า หรือ unprocessed carb ความแตกต่างของการขัดสีแป้ง ทำให้พวกบรรดาใยอาหารต่างๆนั้นสูญหายไประหว่างการผลิตซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่สุดของเรื่องราว เพราะเมื่ออาหารที่ไม่มีกากใยย่อมดูดซึมได้ง่ายและเราจะทานได้มากกว่าปกติเพราะอิ่มยาก ในขณะที่อาหารที่มีกากใยทุกอย่างจะเกิดขึ้นในทางตรงกันข้าม ในคิดภาพ ระหว่างทานข้าวกล้อง กับ ขนมปัง ดูครับ จะเห็นได้ชัด
    .
    แต่ความแตกต่างที่มากที่สุดต่อ แป้ง 2 ชนิดนี้คือ ผลลัพธ์ของการกระตุ้นฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) นั่นเอง โดย processed carbohydrate จะทำให้อินซูลินหลั่งอย่างมากมาย เนื่องจากอินซูลินมีหน้าที่เก็บ กลูโคส (Glucose) หน่วยที่เล็กที่สุดของแป้งหลังจากผ่านการย่อยในระบบทางเดินอาหารเมื่อเข้าไปสู่ในกระแสเลือด โดยอินซูลินจะทำการเก็บกลูโคสไปไว้ในเซลล์เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดลง โดยที่ในขณะที่อินซูลินกำลังทำงาน สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ ร่างกายจะปิดระบบการเผาผลาญพลังงานด้วยไขมันในทันที ร่างกายจะใช้โหมด energy storage แทน อินซูลินที่หลั่งกำลังบอกเราเรากำลังเอาอาหารเข้าไปสะสมนั่นเองครับ ซึ่งอาหารที่เป็น unprocessed carbohydrate จะเกิดในลักษณะที่ใกล้เคียงกันแต่ความชันของกราฟการหลั่งอินซูลินนั้นจะต่ำกว่าและชันน้อยกว่ามาก ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในร่างกายเลยไม่เหมือนกัน
    .
    เราพอจะมองเห็นแล้วใช่ไหมครับว่า จริงๆแล้วผู้ต้องสงสัยจริงคือใคร ณ ตอนนี้ มันไม่ใช่ แป้ง ไม่ใช่ข้าว แต่มันคือ "น้ำตาล" (sugar) นั่นเอง เพราะน้ำตาลทำให้อินซูลินหลั่งอย่างรวดเร็ว อธิบายให้เห็นภาพว่า ถ้าเรากินน้ำอัดลม 3 กระป๋อง (600 kcal) กับ การทานข้าวกล้อง 600 kcal เช่นเดียวกัน ตัวเลขพลังงานเท่ากัน แต่ความอ้วนที่เกิดขึ้นไม่เท่ากันแน่นอน
    .
    ทีนี้เราอาจจะบอกว่า ในเมื่อสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะแป้งอะไรก็ตามก็ต้องย่อยเป็นกลูโคสอยู่ดี แล้วมันจะแตกต่างกันได้อย่างไร เราอธิบายได้ด้วยเรื่องของกราฟการหลั่งอินซูลินด้านต้นนั่นเองครับ ยิ่งร่างกายหยุดหลั่งอินซูลินได้เร็วเท่าไรคือกลับมาแตะเลข 0 ร่างกายเราก็จะเปลี่ยนโหมดพลังงานจากการเก็บ (storage) ไปเป็นการใช้นั่นเองครับ ซึ่งจริงๆโทษของคาร์โบไฮเดรต เราอาจจะโทษน้ำตาลไม่ได้ แต่เราต้องไปโทษที่ ระบบการขัดสีหรือปรุงแต่งอาหาร (process) มากกว่าครับ อะไรก็ตามที่มีรูปร่างแตกต่างจากธรรมชาติมากเท่าไร นั่นแปลว่ายิ่งผ่านการแปรรูปมามากเท่านั้น ในอีกนัยยะคือยิ่งทำให้อินซูลินหลั่งมากขึ้นนั่นเอง
    .
    ทวนอีกครั้งนะครับ คร่าวๆ
    อินซูลิน (Insulin) หลั่งมาก ทำให้ ร่างกายอยู่ในสภาวะสะสมพลังงาน เปลี่ยน glucose ให้กลายเป็น triglyceride (fat) ลดการเผาผลาญไขมัน (lipolysis)
    อินซูลิน ไม่หลั่ง ทำให้ ร่างกายอยู่ในสภาวะการใช้พลังงาน เกิดการเผาผลาญไขมัน (lipolysis) เกิดการสร้างกลูโคสใหม่จากไขมัน (gluconeogenesis)
    .
    ผลลัพธ์ของการทำให้อินซูลินหลั่งมากและหลั่งอยู่ตลอดระยะเวลาเป็นเวลานานๆ คืออะไรครับ นั่นคือ ภาวะการดื้ออินซูลิน (Insulin resistance) นั่นเอง และภาวะการดื้ออินซูลินคือจุดเริ่มต้นของปัญหาอีกทั้งปวงที่จะตามมา
    .

  • tef 在 公視新聞網 Youtube 的最佳解答

    2021-01-10 20:22:20

    由台灣公共電視新聞部製播,提供每日正確、即時的新聞內容,以及多元觀點。
    詳細新聞內容請見【公視新聞網】https://news.pts.org.tw/

    ■ 按讚【公視新聞網FB】https://www.facebook.com/pnnpts
    ■ 追蹤【公視新聞網IG】https://www.instagram.com/pts.news/
    ■ 追蹤【公視新聞網TG】https://t.me/PTS_TW_NEWS

    ◢ 追求真相.深度紀錄.多元觀點 ◤

    看更多新聞:
    ■【P#新聞實驗室】全媒體新聞實驗,提供新一代的新聞資訊服務。 (https://newslab.pts.org.tw)
    ■【PNN公視新聞議題中心】聚焦台灣土地環境、勞工司法、族群及平權等重要議題。 (https://pnn.pts.org.tw)

  • tef 在 愛の戦士チャンネル Youtube 的最佳解答

    2019-09-29 17:04:23

    エリア番号「#TeF GfAm pnNy」

    3乙しても笑い飛ばすエンジョイ放送。
    1回交代、なるべく先に部屋にいる方優先でお願いします。

    【明日を生きる活力になるのでチャンネル登録よろしくお願いします。】


    ◆twitter:https://twitter.com/ainosensi2

    ◆人気の動画シリーズ◆
    ☆【ダークソウル】信仰99ピクルスの制裁:https://goo.gl/urRjNj

    ☆ダークソウル3動画
    goo.gl/jTdGPH


    ◆仕事依頼・連絡先:ainosensi12@yahoo.co.jp

    ◆愛の戦士グッズ通販ページ:https://ainosensi.booth.pm
    ◆ニコニコユーザーチャンネル:http://ch.nicovideo.jp/ainosensi
    ◆ニコニコユーザーページ:http://goo.gl/I3AqQr
    ◆ニコニコ動画リスト:http://goo.gl/YE69wn

  • tef 在 奇德講健身 Youtube 的最佳解答

    2019-06-11 20:00:10

    TDEE、BMR、RMR、TEF、NEAT分別是什麼,如何計算,一次搞懂每日熱量消耗 | 迷思破解 | 第28集 | 奇德講健身


    我們常聽到的TDEE,叫做每日熱量消耗,那他有那些組成,而分別是什麼意思呢?看完一次搞懂TDEE的內容。

    -

    更多相關文章:
    http://bit.ly/HusKid
    #跟著奇德看研究
    #跟著奇德543
    #跟著奇得看翻譯
    #一分鐘奇德講健身
    #奇德講健身
    #TDEE
    #BMR
    #RMR
    #BEE
    #REE
    #TEF
    #NEAT

    --
    更多奇德的社群:
    Facebook: 哈士奇德的健身日常
    Instagram: mr.kkid
    Youtube: 奇德講健身
    --

    我是奇德,我致力於運科知識的普及😃😃😃

你可能也想看看

搜尋相關網站