S4EP20 加拿大Fintech超新星 Nuvei來勢洶洶☄️ 平常我們分享許多不同公司的財報跟一些商業新聞，但如果要深度瞭解市場掌握投資趨勢的話也要多加關注整體經濟的狀況，所以之後再訂閱制的節目裡面我們也會適時增加相關資訊，幫助大家在短時間掌握現在的經濟狀況，進而能夠找到屬於自己的投資方式或者增加對市場的了解。 大多數投資者對於通貨膨脹應該都不陌生，。但對於多數人來說stagflation停滯性通膨就沒有那麼熟悉了，而在近期開始有越來越多vocal minority開始討論起對於成本上升、失業率提高以及經濟成長趨緩的問題，而這些問題加總起來也就是關於令人十分恐懼的停滯性通膨的擔憂。 - 我們今天分享了去年在節目中提到過，去年在多倫多證交所上市也造成轟動的金融科技公司 - Nuvei，該公司發布最新一季財報後，股價飄漲10%。 圖片來源 The Global and Mail/ CFI/ Nuvei

ผมเลิกฟังรายการวิทยุรายการนึง เพราะผู้จัดพูดออกอากาศว่า "เงินเฟ้อ ก็เรื่อง เงินฝืด ก็เรื่องนึง อย่ามาปนกันเด้ มันปนกันไม่ได้!!!!!" . ผมเลยส่งข้อความตรงไปถึงท่านผู้จัด ว่ามันผสมกัน ได้ ครับ หากถกกับอจ.เศรษฐศาสตร์​ หลายๆท่านจะเล่าถึง #StagFlation ซึ่งสนุกมาก ที่ได้ฟังจากหลายๆท่าน เนื่องจากผมเกิดไม่ทันครับ มันอ่านว่า สแต็ก-ฟเล-ชั่น เป็นการผสมกันระหว่าง #Stagnation #เงินฝืด และ #Inflation #เงินเฟ้อ ในเวลาเดียวกัน!!!!!!! . เกิด 2 ครั้งใหญ่(เป็นอย่างน้อย)​ในยุค 70 (ขึ้นกับการตีความจากอจ.ท่านนั้นๆ ว่าจะแสดงออกว่าอยู่ฝ่ายไหนของรัฐบาล และผมจะไม่อธิบายซ้ำเรื่องเงินเฟ้อ ฝืด หรือ สแต็กฟเลชั่น ลองย้อนกลับไปอ่านดูครับ ใน #BeliefBank​) . ที่เหนือกว่า เฮียๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คือ ในภาวะที่ทั้งโลกประสบปัญหาโรคอุบัติใหม่ รร.เอกชนและ รร.นานาชาติชั้นนำของไทย ส่วนใหญ่จับมือกัน จะ ขึ้นค่าเทอม 1.5-3.5% มีบางรร.ไม่อยากขึ้น เอ่ยว่าสงสาร​ผู้ปกครอง "แต่คงต้องจำใจขึ้น" (ไม่รู้ว่าเพราะผู้ปกครอง​ยังมีเงินจ่ายไหว หรือ เพราะเงินเฟ้อมาแล้วววววววววว แม้จะมีภาวะเงินฝืดผนวกก็ตาม) . นั่งมองหน้าลูก แล้วก็สอนที่บ้านต่อไป ในขณะที่​รร.จะขึ้นค่าเทอม ใช่ครับ บางรร.มีคืนค่าอาหาร บางรร.หัวหมอ บอกว่าแถมอาหาร ไม่เคยคิดเงิน เลยไม่คืนสักสตางค์​ และถูกครับ ไม่พอใจ ไม่พอจ่าย ก็พาออกไปเรียนที่อื่นสิครับ พูดง่าย ทำยาก สมัครใหม่ จ่ายใหม่ ลูกๆต้องหาเพื่อนใหม่ ครูใหม่ ที่สำคัญ​มาก สาธารณูปโภค​ต่างกัน ทำให้เด็กต้องฝึกการเรียนรู้ใหม่ . ปี 2563 ผมสอนลูกเกือบทุกวิชา เสร็จล่วงหน้าทุกวัน ครูเลยส่งงานล่วงหน้าน้อยลง เพราะหากปล่อยผม อาจจะสอนสูตรขัดแย้ง กับครูยุคนี้ก็ได้ ผมเชื่อว่าหลักการเรียน คิด คำนวนมีสูตรใหม่ๆ ที่น่าจะดีกว่าของเดิมๆอยู่ในสมองผมแน่นอน . ปี 2564 ผมแทบไม่สอนเลย นิหน่าติวลูกๆเองซะ 91% #ตรรกะฮาไร #NewNormFromNowOn #OnlineLearning #LearnHowToLearn #Creativity #innovation #CreateJobsCreators

Stagflation กำลังเกิดขึ้น ในประเทศไทย ? /โดย ลงทุนแมน ในรอบปีที่ผ่านมา ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกกำลังปรับตัวสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมันดิบ +164% น้ำมันปาล์ม +115% ทองแดง +100% เหล็กกล้า +54% เรื่องดังกล่าวสะท้อนไปยังอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจในหลายประเทศก็เริ่มฟื้นตัว จากการฉีดวัคซีนและเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม พอเรามองย้อนกลับมาที่ประเทศไทย ที่เงินเฟ้อเหมือนจะมาพร้อมกับประเทศอื่น เพราะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของสินค้าโภคภัณฑ์ ย่อมจะส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการจำเป็นต้องปรับขึ้นตาม แต่เศรษฐกิจในประเทศยังได้รับแรงกดดันจากโรคระบาด ซึ่งก็อาจจะทำให้ปีนี้ยังคงไม่ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ และมันก็อาจจะนำไปสู่ภาวะ “Stagflation” หรือเป็นคำที่ใช้เรียกภาวะที่เศรษฐกิจยังถดถอย แต่ราคาสินค้ากลับแพงขึ้น แล้วความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ มีมากขนาดไหน ? แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริง เราจะต้องเผชิญกับอะไร ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง เรามาเริ่มกันที่ “เงินเฟ้อ” ในช่วงที่ผ่านมา ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกต่างปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ ถูกใช้เป็นวัตถุดิบหรือต้นทุนในกระบวนการผลิต ดังนั้นเมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้น จึงผลักดันต้นทุนการผลิตให้สูงขึ้นไปด้วย และเมื่อต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ก็จะตามมาด้วยการปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้น นั่นจึงทำให้ทั่วโลกกำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าราคาอาหารสัตว์เช่นถั่วเหลืองแพงขึ้น เนื้อของสัตว์ที่ต้องกินอาหารสัตว์ก็จะแพงขึ้นตาม สุดท้ายก็จะกระทบกับราคาของอาหารคนที่ต้องแพงขึ้น ถ้าราคาเหล็กแพงขึ้น ต้นทุนการก่อสร้างก็จะแพงขึ้นตาม สุดท้ายก็จะกระทบกับราคาที่อยู่อาศัยที่แพงขึ้น ถ้าราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแพงขึ้น ต้นทุนของรถโดยสารแพงขึ้น สุดท้ายก็จะกระทบกับค่าเดินทางที่แพงขึ้น ล่าสุด อัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนของสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 4.2% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนของปีก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ที่ 3.6% ซึ่งนอกจากปัจจัยเรื่องฐานต่ำแล้ว อัตราเงินเฟ้อเดือนนี้ปรับขึ้นจากทั้งราคาสินค้าและบริการ โดยราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือจาก “ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง” ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็พลิกกลับมาเป็นบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน หรือตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิด 19 โดยอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3.4% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน