[爆卦]Precess 中文是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇Precess 中文鄉民發文沒有被收入到精華區:在Precess 中文這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 precess產品中有4篇Facebook貼文,粉絲數超過86萬的網紅Aten Arnon: เอเท็น อานนท์ Prince of Marketing,也在其Facebook貼文中提到, “เปลี่ยนจากOfflineมาเป็นOnline พอมาทำเพจแล้ว งงไปหมด ไปไม่เป็น ไม่รู้จะจับต้นชนปลายยังไง” ———— 1ในปัญหายอดฮิตของคนทำธุรกิจ ที่ขึ้นจากOffline มาเป็นon...

 同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過19萬的網紅Mateusz Urbanowicz,也在其Youtube影片中提到,Cover illustration for a magazine called “Metro Guide” being distributed thought metro stations in Tokyo from September 2017. Number of copies: around...

  • precess 在 Aten Arnon: เอเท็น อานนท์ Prince of Marketing Facebook 的最讚貼文

    2021-03-02 09:00:54
    有 2,837 人按讚

    “เปลี่ยนจากOfflineมาเป็นOnline
    พอมาทำเพจแล้ว งงไปหมด
    ไปไม่เป็น
    ไม่รู้จะจับต้นชนปลายยังไง”
    ————

    1ในปัญหายอดฮิตของคนทำธุรกิจ
    ที่ขึ้นจากOffline มาเป็นonline

    เรื่องนี้ผมเคยแชร์ออกไป
    แล้วทำให้
    เจ้าของธุรกิจoffline ที่มีหน้าร้านหลายคน

    "ที่เคยตันเรื่องไม่รู้จะทำอะไร
    หรือต่อยอดอะไรได้บนonline"

    กลายเป็นมียอดช่องทางOnline
    แซงช่องทางหน้าร้านเดิม

    หลังผมแชร์เรื่องนี้
    มีพี่น้องหลายคน
    รวมถึงพี่น้องใน1YearClub
    และพี่น้องชาวOnline Take Over
    นำไปปรับเพจ

    บางคนสร้างยอดหลัก100,000
    ในเวลาไม่กี่สัปดาห์
    และมีหลายคนเลยที่
    พลิกเป็นยอดหลายล้านในเวลา
    ไม่ถึง6เดือน

    ----

    จนมีหลายคนบอกผมว่า
    เสียดายที่ไปงมเองอยู่ตั้งนาน
    น่าจะรู้จุดนี้
    แล้วนำไปทำตั้งแรกๆ

    ----

    พอผมได้ยินแบบนั้น
    ผมก็เลยนำไปบอกพี่น้อง
    อีกจำนวนนึง
    ผลก็เช่นเดียวกันคือ
    หลังเค้านำไปปรับเพจ

    ยอดขายมาทันทีในเวลาไม่กี่สัปดาห์
    -----

    จนผมได้ข้อสรุปว่า
    ปัญหาที่คนทำoffline
    แล้วโตไม่ได้ในOnline

    หรือทำOnline แล้วไม่ work
    คือ....

    "มองonline เป็นแบบOfflineมากไปหน่อย"

    "ใช่ครับ! เรื่องนี้เรื่องเดียวเลย"

    วันนี้ผมอาจจะไม่ได้ลงดีเทล
    แบบในตอนที่ผมตอบเคส
    Private ใน1yearClub
    หรือตอบ Q&A
    พี่น้องในคลาส Online Take over

    เพราะ
    แต่ละคนจะมีเคสที่ดีเทลต่างกัน
    ที่ผมจี้ลงลึกในธุรกิจของเค้าแต่ละเคส

    แต่จุดที่คล้ายๆกัน
    และพี่น้องอ่านอยู่ในวันนี้
    สามารถนำไปปรับได้เลย

    คือ....

    "แนวทางแบบใหม่"
    "ที่นำไปปรับแล้วโตได้เลยตั้งแต่วันนี้"

    ผมชัวร์ว่าถ้าทำถูกทาง
    ธุรกิจจะดีขึ้นทันทีในเวลาไม่เกิน1เดือน
    หลังปรับ

    -------

    คืองี้

    คนที่ทำOnline แบบมีหน้าร้านมาก่อน
    "มักจะชินกับการที่เป็นฝ่ายตั้งรับ"

    คือลูกค้าเดินหามา
    แล้วลูกค้าสงสัยอะไร
    อยากถามอะไร
    "ก็ถามมาแล้วเรารอตอบ"

    แล้วลูกค้าก็จะได้คำตอบ
    และเคลียสิ่งที่อยู่ในใจ
    "แล้วเค้าก็ซื้อเรา"

    แต่หารู้ไม่ว่า
    ลูกค้าหลายคนก็ไม่รู้ว่า
    เค้าไม่รู้อะไร?

    นี่คือเรื่องจริง

    บางครั้งลูกค้า
    ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับอะไร
    หรือต้องซื้ออะไร

    ————

    เหมือนผมไปซื้อสูท
    หลายครั้งผมก็ไม่รู้ว่าผมต้องซื้อแบบไหน?
    แล้วอะไรแบบไหนเหมาะกับผม?
    เหมาะกับงานที่ผมจะไป?

    เหมือนเพื่อนผมจะจัดงานแต่งงาน
    หลายครั้งก็ไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไร
    ทำยังไงบ้าง อะไรที่ต้องplan
    อะไรเหมาะ?

    และมันมี
    หลายครั้งเลยที่ไม่รู้เลยว่า
    ควรจะถามอะไร

    พอนึกออกใช่ไหมครับ?

    เรื่องที่เราไม่รู้
    ไม่เคยทำ
    บางครั้ง
    ก็ไม่รู้จะเดินเข้าไปร้านแล้วถามอะไร

    ถ้าแบบนี้คนขายที่ตั้งรับอย่างเดียว
    รอให้ลูกค้าถามเอง
    จะเสียยอดไปมหาศาล

    ————

    ตรงข้าม
    คนขายที่มีชุดคำถามที่ดี
    ที่สามารถเจาะปัญหาลูกค้าได้
    จะกลายเป็นคนที่ได้ยอดขาย

    และไม่ใช่แค่ยอดขายอย่างเดียวที่ได้
    แต่หลายครั้งกลายเป็นฮีโร่ของลูกค้า
    จนลูกค้าประทับใจเป็นลูกประจำ
    และแนะนำเพื่อนๆเค้า
    มาให้เป็นลูกค้าเพิ่มอีก

    ——

    พี่น้องที่เป็นนักธุรกิจ
    รวมถึงเคสที่กำลังเริ่มสร้างธุรกิจ500กว่าคน
    ที่ตระหนักและเข้ามาเรียนหลักสูตรการขาย
    ในiClass22 sale for non sale
    "การขายสำหรับคนที่ไม่ใช่นักขาย"
    กับผมเมื่อปีก่อน

    เค้ามาศึกษาเรื่องชุดคำถาม
    ในการค้นหาสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ
    ซึ่งเราเรียกกันย่อๆว่าFF
    หรือ (Fact finding)

    ซึ่งหลายคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ
    นำไปสอนลูกทีมหน้าร้าน
    นำไปสอนลูกทีมในการตอบinbox
    แทนที่การรอตั้งรับแบบเดิม

    ปรากฏว่าเจ้าของธุรกิจหลายคน
    จากเดิมที่มีเคสหลุด
    ทักมาแล้วหาย

    กลายเป็นสามารถที่จะขายได้มากขึ้น
    และแทบมีน้อยมาก
    ที่ลูกค้าออกไปโดยไม่ซื้อ

    แต่เคสไหนที่ไม่ซื้อจริงๆ
    จากชุดคำถามที่เรียนไป
    ก็ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วลูกค้าติดที่อะไร?
    แล้วทำถึงไม่ซื้อ?

    ก็นำไปเตรียมพร้อมในเคสครั้งหน้า
    หรือสามารถ
    ตามไปปิดเคสเดิมได้ในที่สุด

    (ไม่ต้องไปนั่งมโนเองว่าติดที่ตรงไหน
    หรือคอยได้ยินลูกน้องพูดว่า
    "ลูกค้าไม่ได้สนใจจริง"
    "แล้วปล่อยลูกค้าเคาเดินจากไปอยู่เรื่อยๆ"

    ————
    Ok จริงๆวันนี้ไม่ได้พูดที่ประเด็นนี้
    แต่ที่เล่าเคสขึ้นมา
    ผมว่าพี่น้องที่ทำธุรกิจจริงๆ
    มีประสบการณ์ตรงนี้

    และคนที่อ่านอยู่คงเป็นคนที่ทำธุรกิจ
    หรือต่อให้ยังไม่ทำ
    ก็มาหาข้อมูลในการไปสร้างธุรกิจ
    ก็เป็นคนที่ตั้งใจและหัวก้าวหน้าอยู่แล้ว

    ก็จะเห็นภาพตรงนี้ชัดเจน

    ว่ารายได้จะต่างกันมาก..

    "ระหว่างร้านที่รอตั้งรับขายอย่างเดียว
    ที่ขายได้แค่ลูกค้าที่พร้อมซื้ออยู่แล้ว"

    "กับร้านที่มีชุดคำถามเจาะปัญลูกค้าได้
    ที่สามารถขายได้ทั้งลูกค้าที่พร้อมซื้อ
    และลูกค้าที่มีความต้องการ
    แต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร"

    ซึ่งผมเคยทำคลิปนึงไว้
    ที่นำเอาสถิจาหนักการตลาด
    ว่าจาก100%

    ลูกค้าที่พร้อมซื้อจริงๆมีแค่3%

    แต่ลูกค้าที่กำลังหาข้อมูล
    อยู่ในProcess
    มี97%

    ถ้าคุณขายอย่างเดียว
    คุณกำลังแย่งเค้ก3%
    กับคนจำนวนมาก

    และสำหรับพี่น้องที่ทำธุรกิจอ่านมาถึงตรงนี้
    ก็คงจะสามารถที่จะมองออกว่า
    หน้าร้านของเรา

    เป็นแนวไหนอยู่?
    ตั้งรับรออย่างเดียว?
    หรือเป็นแบบเคสที่มีชุดคำถาม
    ที่เจาะปัญหาลูกค้าได้?

    ———————
    และเช่นกัน
    เมื่อOnlineมันเข้ามา
    เมื่อเจ้าของธุรกิจหลายคน
    ขึ้นมาทำOnlineมาทำเพจ

    ปัญหาของ
    คนที่ทำ offline มาก่อนมักจะเป็น...

    ไม่รู้จะpostอะไร?

    เปิดเพจขาย
    Postขายไปก็เงียบ
    ไม่มีคนทัก

    -----------

    ซึ่งนี่คือปัญหาหลักที่ผมพูดไปข้างต้น

    เพราะที่ผ่านมา
    เราเป็นฝ่ายตั้งรับ
    รอคำถามจากลูกค้า

    พอมาทำเพจ
    เพจที่ทำก็จะกลายเป็น
    Postขายดื้อๆ
    ให้ข้อมูลสินค้า
    แล้วก็หวังว่าจะรอลูกค้าinboxมาถามเยอะๆ
    เหมือนสมัยขายหน้าร้านOnline

    ซึ่งมันไม่ค่อยจะเป็นยังงั้น

    จนทำใหัหลายคน

    เลิกทำ

    แต่พอจะเลิกทำก็ทำไม่ได้

    เพราะลูกค้าหน้าร้านก็เริ่มหายไปซื้อทางonline

    พูดง่ายๆคือ

    จะไม่ทำก็ไม่ได้
    "แต่จะเดินต่อไปก็ไปไม่ถึงสิ่งที่คิด"

    —————

    ถ้าใครเป็นอยู่ไม่ต้องกังวลนะครับ
    แทบทุกคนเป็นกัน!

    แม้กระทั่งพี่น้องในOnline Take Over
    หรือกระทั่งพี่น้องใน1YearCLUB
    ที่สำเร็จกัน

    ก่อนหน้านั้น
    หลายคนก็เคยเป็นแบบนี้

    หลายเคส
    ผมถามเค้าว่า
    ถ้าเห็นเพจแบบนี้
    ที่ขายอย่างเดียว
    เป็นเราๆซื้อไหม?

    คำตอบจากเค้าคือ”ไม่”

    ผมถามเค้าว่า
    คุณตามเพจที่ขายอย่างเดียวเหรอ?

    เค้าบอกไม่!

    แล้วคุณตามหรือซื้อกับเพจแบบไหน?(ผมถาม)

    คำตอบก็มักจะเป็นเพจที่
    เค้าให้ความรู้
    มีคอนเทนท์ที่ช่วยแก้ปัญหาเรา

    ผมถามกลับว่า
    อ่าวรู้แล้ว
    แล้วทำไมยังทำ?

    เค้าก็ตอบว่า
    ไม่รู้จะทำยังไง
    คิดคอนเทนท์ไม่ออก

    บางทีนั่งคิดเป็นวันๆ
    ก็ไม่รู้จะทำคอนเทนท์อะไร

    หลายเคสที่ผมได้Consultให้
    ช่วงแรกจริงๆมันเป็นแบบนี้
    และเป็นเกือบทุกเคส

    และทุกคนก็ชอบถามผมว่า
    ผมคิดคอนเทนท์ยังไง
    ทำมาร่วม7ปีไม่เคยตัน
    ————

    ผมก็เลยให้ทริคนึงไปกับเค้า
    ที่ทำให้ผมไม่เคยคอนเทนต์ตันเลย
    ตลอด7ปี

    คือ...

    “เลิกคิดคอนไปเลย”

    “ไม่ต้องคิดคอนเทนท์”

    เพราะถ้าคุณคิดว่า
    คุณจะทำContentอะไรดี?

    คุณกำลังนึกถึงตัวคุณเป็นหลัก

    พอทำออกมา
    มันก็มาจากการคิดเองเออเอง
    ตอบโจทย์ตัวเอง
    แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ลูกค้า

    และสิ่งคุณต้องไปทำคือ
    “ไปหามาว่า
    ลูกค้าคุณมีปัญหาอะไร”

    เคเาไม่รู้อะไร?
    ไม่เข้าใจอะไร?

    ——

    หลายคนตอบผมว่า
    ไม่รู้ว่าจะไปรู้สิ่งนั้นได้ยังไง?

    หลายคนเป็นเจ้าของกิจการ
    มีลูกน้องยืนขายหน้าร้าน

    มีลูกน้องตอบinboxแทน!

    ผมเลยบอกเค้าว่า
    1สัปดาห์หลังจากนี้
    คุณไปเลย
    คุณไปตอบinboxแทนลูกน้อง

    "แล้วคุณจะรู้ว่าลูกค้าคุณไม่รู้อะไรบ้าง"

    "มีปัญหาอะไรบ้าง"

    แล้วจดเอาสิ่งนั้นมาทำContent
    ตามหลักในคลาส

    ผลปรากฏว่ามีหลายเคสเลย
    ที่หายไปจากผม
    จนผมต้องให้ทักไปถามว่าเป็นยังไง

    "คำตอบของเค้าคือ
    ที่หายไปคือ
    กำลังสนุกกับยอดขายที่เข้ามา"

    ———

    ผมถามเค้าว่า...

    แล้วเรื่องคอนเทนท์ล่ะ?

    เป็นไงบ้าง?

    เค้าบอกว่าตั้งแต่ได้เข้าใจเรื่องนี้ไป
    ไปทดลองตอบinboxแทนลูกน้อง1week
    ก็พบว่า...

    โอ้โห..
    ปัญหามันมีเยอะมาก
    "เค้าขายเสื้อผ้าจากเดิมที่ลงรูปลงราคาขาย"

    พอเค้าได้ปัญหาจากลูกค้า
    เช่นขนาดไซส์วัดยังไง
    ตัวผอมตัวอ้วนใส่แล้วเป็นยังไง
    บางคนก็กังวลเรื่องสีผิวกับสีเสื้อ

    บางคนก็ไม่รู้ว่าชุดที่เค้าชอบ
    ไม่เหมาะกับงานที่เค้าจะไป
    และอีกเป็น10ปัญหา

    ที่ทำคอนเทนท์ได้เป็นเดือนๆ

    พอเค้าทำปุ๊บลูกค้าที่ทักเข้ามา
    พร้อมซื้อเยอะกว่าเดิมมาก
    และก็มีที่มาถามบ้างนิดหน่อย
    ก็ตอบไปก็ขายได้

    และก็เอาปัญหานั้น
    มาทำเป็นคลิปแก้ให้เคสใหม่ๆอีก
    ยอดขึ้นมาเยอะมากๆ

    ———

    และพอเอามาทำตามสูตร 80-15-5
    80 คอนเทนท์ความรู้
    15 + 5 เทสติโมเนียลและPostขาย
    จากในคลาสOnline Take Over

    ยอดก็มาหลายแสนใน2week
    ที่ผ่านมาหลังปรับ

    และก็มีหลายเคสที่
    เป็นเจ้าของธุรกิจที่อยู่ในiClass22
    sale for non sale
    "การขายสำหรับคนที่ไม่ใช่นักขาย"

    ที่ได้เรียนชุดคำถามFF
    ในการนำไปเจาะปัญหาลูกค้าในinboxด้วย

    ผลปรากฏคือ
    ได้เข้าใจปัญหาจริงๆที่ลูกค้าเป็น
    และเมื่อเข้าใจรู้ปัญหาลูกค้าลึกขึ้น
    ก็ได้Keyสำคัญมาทำคอนเทนท์ที่ลึกมากขึ้น

    ผลคือ
    เมื่อคอนเทนท์โดนใจลูกค้ามากขึ้น
    ลูกค้าก็ทักมาเยอะขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
    และแต่ละเคส
    ลูกค้าก็ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
    "และทักเข้ามาซื้อเลยเยอะขึ้น"

    ก็กลายเป็นเสียเวลา
    ตอบคำถามน้อยลงเยอะ

    "ส่งผลให้ใช้เวลาในการขายน้อยลง
    แต่ได้รายได้มากขึ้น"

    พี่น้องหลายคน
    ทำยอดไปหลักหลายล้านใน6เดือน
    หลังจากทำสูตรนี้

    ————
    สรุป...

    1.ธุรกิจOffline ที่ มีชุดคำถามที่ดี
    จะสามารถขายได้มากกว่า
    คนขายที่รอตั้งรับอย่างเดียว

    2.คนที่ทำOffline แล้วมาทำOnline
    ที่ติดปัญหาเรื่องไม่โต
    ส่วนใหญ่เพราะ
    "ขึ้นมาทำเพจแบบขายตรงๆ"

    ซึ่งนั้นเป็นเรื่องปกติ
    เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะ
    เคยชินกับการทำแบบข้อ1คือ
    "เมื่อก่อนเคยเน้นตั้งรับ
    รอการถามจากลูกค้า"

    3.แต่ถ้าอยากโตในOnline
    ต้องคิดกลับด้านคือ
    คนส่วนใหญ่
    จะไม่ชอบซื้อกับคนที่ขายอย่างเดียว

    เพราะ social
    อย่างfacebook
    คนมาเล่น
    ไม่ได้คิดจะมาซื้อเป็นหลัก
    เหมือนเดินเข้าไปร้านเรา

    และถ้าเค้าอยากได้มากๆ
    เค้าก็ไปซื้อนานแล้ว
    ไม่มาชอบอยู่ในFacebookหรอก

    เพราะฉะนั้นลูกค้าส่วนใหญ่
    ก็จะอยู่precess กำลังตัดสินใจ
    หรือมีโน้มว่าอยากได้
    อยากจะซื้อ
    "มากกว่าเดือนร้อนที่จะต้องได้ตอนนี้เดี๋ยวนี่"

    น่าจะพอเห็นภาพกัน

    เพราะฉะนั้นเพจขายอย่างเดียวโต้ง
    มันเลยไม่work
    เท่ากับเพจที่อำนวยคำสะดวก
    มีคอนเทนท์ดีๆที่แก้ปัญหาให้ลูกค้าในเพจ

    ถ้าเค้าจะเลือกทักinboxถาม

    เค้าจะเลือกถามเพจคนที่เค้าคิดว่า
    จะแก้ปัญหาให้เค้าได้
    มากกว่าเพจ
    ที่มีแต่ขายดื้อๆ

    4.เมื่อพี่น้องส่วนใหญ่รู้แล้วว่าเพจขายอย่างเดียว
    ไม่ค่อยได้ผล
    ต้องให้ความรู้

    ปัญหาต่อมาคือ
    ก็ไม่รู้ว่าจะทำContentยังไง?
    คิดContentไม่ออก?

    5.Keyคือ
    อย่างที่ผมเน้น

    ต้องเลิกคิดคอนเทนท์

    วิธีที่ง่ายที่สุดคือ...

    “เอาเวลาไปหาปัญหา”

    ว่าลูกค้าอยากรู้อะไร

    เพราะเราไม่ได้ทำคอนเทนท์
    เพื่อตอบโจทย์ตัวเอง
    มันตั้งต้นจากตัวเราไม่ได้

    เราต้องตอบโจทย์ปัญหาลูกค้า

    เพราะฉะนั้น

    "มันต้องตั้งต้นจากปัญหาของลูกค้าเรา"

    ปัญหา=ขุมทรัพย์

    6.และขุมทรัพย์อยู่ใกล้ตัวเรา
    นั่นคือหน้าร้าน
    หรือinbox

    "เอาปัญหาที่ลูกค้าคุณถาม
    นำมันมาเป็น Content
    แก้ปัญหาให้ลูกค้าคนต่อไป"

    หวังว่าบทความนี้
    จะมีประโยชน์
    และช่วยพี่น้อง
    ที่มาจากOffline

    ให้ขึ้นมาขายดีทางOnline
    เหมือนกับพี่ๆน้อง
    หลายๆเคสที่รู้เรื่องนี้ไปก่อนหน้า

    ก็ถ้าชอบก็อย่าลืมกดLike
    หรือ Commentบอกกัน

    แล้วก็ถ้ารักใคร
    มีเพื่อนที่กำลังทำธุรกิจอยู่
    ก็อย่าลืมแชร์ให้กับเค้า
    เพื่อทุ่นเวลาซึ่งกันและกัน

    เพื่อเติบโตไปพร้อมๆกัน

    ลุยครับ

    A10(เอเท็น)

  • precess 在 Aten Arnon: เอเท็น อานนท์ Prince of Marketing Facebook 的最佳解答

    2020-11-28 09:00:01
    有 2,971 人按讚

    “เปลี่ยนจากOfflineมาเป็นOnline
    พอมาทำเพจแล้ว งงไปหมด
    ไปไม่เป็น
    ไม่รู้จะจับต้นชนปลายยังไง”
    ————

    1ในปัญหายอดฮิตของคนทำธุรกิจ
    ที่ขึ้นจากOffline มาเป็นonline

    เรื่องนี้ผมเคยแชร์ออกไป
    แล้วทำให้
    เจ้าของธุรกิจoffline ที่มีหน้าร้านหลายคน

    "ที่เคยตันเรื่องไม่รู้จะทำอะไร
    หรือต่อยอดอะไรได้บนonline"

    กลายเป็นมียอดช่องทางOnline
    แซงช่องทางหน้าร้านเดิม

    หลังผมแชร์เรื่องนี้
    มีพี่น้องหลายคน
    รวมถึงพี่น้องใน1YearClub
    และพี่น้องชาวOnline Take Over
    นำไปปรับเพจ

    บางคนสร้างยอดหลัก100,000
    ในเวลาไม่กี่สัปดาห์
    และมีหลายคนเลยที่
    พลิกเป็นยอดหลายล้านในเวลา
    ไม่ถึง6เดือน

    ----

    จนมีหลายคนบอกผมว่า
    เสียดายที่ไปงมเองอยู่ตั้งนาน
    น่าจะรู้จุดนี้
    แล้วนำไปทำตั้งแรกๆ

    ----

    พอผมได้ยินแบบนั้น
    ผมก็เลยนำไปบอกพี่น้อง
    อีกจำนวนนึง
    ผลก็เช่นเดียวกันคือ
    หลังเค้านำไปปรับเพจ

    ยอดขายมาทันทีในเวลาไม่กี่สัปดาห์
    -----

    จนผมได้ข้อสรุปว่า
    ปัญหาที่คนทำoffline
    แล้วโตไม่ได้ในOnline

    หรือทำOnline แล้วไม่ work
    คือ....

    "มองonline เป็นแบบOfflineมากไปหน่อย"

    "ใช่ครับ! เรื่องนี้เรื่องเดียวเลย"

    วันนี้ผมอาจจะไม่ได้ลงดีเทล
    แบบในตอนที่ผมตอบเคส
    Private ใน1yearClub
    หรือตอบ Q&A
    พี่น้องในคลาส Online Take over

    เพราะ
    แต่ละคนจะมีเคสที่ดีเทลต่างกัน
    ที่ผมจี้ลงลึกในธุรกิจของเค้าแต่ละเคส

    แต่จุดที่คล้ายๆกัน
    และพี่น้องอ่านอยู่ในวันนี้
    สามารถนำไปปรับได้เลย

    คือ....

    "แนวทางแบบใหม่"
    "ที่นำไปปรับแล้วโตได้เลยตั้งแต่วันนี้"

    ผมชัวร์ว่าถ้าทำถูกทาง
    ธุรกิจจะดีขึ้นทันทีในเวลาไม่เกิน1เดือน
    หลังปรับ

    -------

    คืองี้

    คนที่ทำOnline แบบมีหน้าร้านมาก่อน
    "มักจะชินกับการที่เป็นฝ่ายตั้งรับ"

    คือลูกค้าเดินหามา
    แล้วลูกค้าสงสัยอะไร
    อยากถามอะไร
    "ก็ถามมาแล้วเรารอตอบ"

    แล้วลูกค้าก็จะได้คำตอบ
    และเคลียสิ่งที่อยู่ในใจ
    "แล้วเค้าก็ซื้อเรา"

    แต่หารู้ไม่ว่า
    ลูกค้าหลายคนก็ไม่รู้ว่า
    เค้าไม่รู้อะไร?

    นี่คือเรื่องจริง

    บางครั้งลูกค้า
    ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับอะไร
    หรือต้องซื้ออะไร

    ————

    เหมือนผมไปซื้อสูท
    หลายครั้งผมก็ไม่รู้ว่าผมต้องซื้อแบบไหน?
    แล้วอะไรแบบไหนเหมาะกับผม?
    เหมาะกับงานที่ผมจะไป?

    เหมือนเพื่อนผมจะจัดงานแต่งงาน
    หลายครั้งก็ไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไร
    ทำยังไงบ้าง อะไรที่ต้องplan
    อะไรเหมาะ?

    และมันมี
    หลายครั้งเลยที่ไม่รู้เลยว่า
    ควรจะถามอะไร

    พอนึกออกใช่ไหมครับ?

    เรื่องที่เราไม่รู้
    ไม่เคยทำ
    บางครั้ง
    ก็ไม่รู้จะเดินเข้าไปร้านแล้วถามอะไร

    ถ้าแบบนี้คนขายที่ตั้งรับอย่างเดียว
    รอให้ลูกค้าถามเอง
    จะเสียยอดไปมหาศาล

    ————

    ตรงข้าม
    คนขายที่มีชุดคำถามที่ดี
    ที่สามารถเจาะปัญหาลูกค้าได้
    จะกลายเป็นคนที่ได้ยอดขาย

    และไม่ใช่แค่ยอดขายอย่างเดียวที่ได้
    แต่หลายครั้งกลายเป็นฮีโร่ของลูกค้า
    จนลูกค้าประทับใจเป็นลูกประจำ
    และแนะนำเพื่อนๆเค้า
    มาให้เป็นลูกค้าเพิ่มอีก

    ——

    พี่น้องที่เป็นนักธุรกิจ
    รวมถึงเคสที่กำลังเริ่มสร้างธุรกิจ500กว่าคน
    ที่ตระหนักและเข้ามาเรียนหลักสูตรการขาย
    ในiClass22 sale for non sale
    "การขายสำหรับคนที่ไม่ใช่นักขาย"
    กับผมเมื่อปีก่อน

    เค้ามาศึกษาเรื่องชุดคำถาม
    ในการค้นหาสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ
    ซึ่งเราเรียกกันย่อๆว่าFF
    หรือ (Fact finding)

    ซึ่งหลายคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ
    นำไปสอนลูกทีมหน้าร้าน
    นำไปสอนลูกทีมในการตอบinbox
    แทนที่การรอตั้งรับแบบเดิม

    ปรากฏว่าเจ้าของธุรกิจหลายคน
    จากเดิมที่มีเคสหลุด
    ทักมาแล้วหาย

    กลายเป็นสามารถที่จะขายได้มากขึ้น
    และแทบมีน้อยมาก
    ที่ลูกค้าออกไปโดยไม่ซื้อ

    แต่เคสไหนที่ไม่ซื้อจริงๆ
    จากชุดคำถามที่เรียนไป
    ก็ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วลูกค้าติดที่อะไร?
    แล้วทำถึงไม่ซื้อ?

    ก็นำไปเตรียมพร้อมในเคสครั้งหน้า
    หรือสามารถ
    ตามไปปิดเคสเดิมได้ในที่สุด

    (ไม่ต้องไปนั่งมโนเองว่าติดที่ตรงไหน
    หรือคอยได้ยินลูกน้องพูดว่า
    "ลูกค้าไม่ได้สนใจจริง"
    "แล้วปล่อยลูกค้าเคาเดินจากไปอยู่เรื่อยๆ"

    ————
    Ok จริงๆวันนี้ไม่ได้พูดที่ประเด็นนี้
    แต่ที่เล่าเคสขึ้นมา
    ผมว่าพี่น้องที่ทำธุรกิจจริงๆ
    มีประสบการณ์ตรงนี้

    และคนที่อ่านอยู่คงเป็นคนที่ทำธุรกิจ
    หรือต่อให้ยังไม่ทำ
    ก็มาหาข้อมูลในการไปสร้างธุรกิจ
    ก็เป็นคนที่ตั้งใจและหัวก้าวหน้าอยู่แล้ว

    ก็จะเห็นภาพตรงนี้ชัดเจน

    ว่ารายได้จะต่างกันมาก..

    "ระหว่างร้านที่รอตั้งรับขายอย่างเดียว
    ที่ขายได้แค่ลูกค้าที่พร้อมซื้ออยู่แล้ว"

    "กับร้านที่มีชุดคำถามเจาะปัญลูกค้าได้
    ที่สามารถขายได้ทั้งลูกค้าที่พร้อมซื้อ
    และลูกค้าที่มีความต้องการ
    แต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร"

    ซึ่งผมเคยทำคลิปนึงไว้
    ที่นำเอาสถิจาหนักการตลาด
    ว่าจาก100%

    ลูกค้าที่พร้อมซื้อจริงๆมีแค่3%

    แต่ลูกค้าที่กำลังหาข้อมูล
    อยู่ในProcess
    มี97%

    ถ้าคุณขายอย่างเดียว
    คุณกำลังแย่งเค้ก3%
    กับคนจำนวนมาก

    และสำหรับพี่น้องที่ทำธุรกิจอ่านมาถึงตรงนี้
    ก็คงจะสามารถที่จะมองออกว่า
    หน้าร้านของเรา

    เป็นแนวไหนอยู่?
    ตั้งรับรออย่างเดียว?
    หรือเป็นแบบเคสที่มีชุดคำถาม
    ที่เจาะปัญหาลูกค้าได้?

    ———————
    และเช่นกัน
    เมื่อOnlineมันเข้ามา
    เมื่อเจ้าของธุรกิจหลายคน
    ขึ้นมาทำOnlineมาทำเพจ

    ปัญหาของ
    คนที่ทำ offline มาก่อนมักจะเป็น...

    ไม่รู้จะpostอะไร?

    เปิดเพจขาย
    Postขายไปก็เงียบ
    ไม่มีคนทัก

    -----------

    ซึ่งนี่คือปัญหาหลักที่ผมพูดไปข้างต้น

    เพราะที่ผ่านมา
    เราเป็นฝ่ายตั้งรับ
    รอคำถามจากลูกค้า

    พอมาทำเพจ
    เพจที่ทำก็จะกลายเป็น
    Postขายดื้อๆ
    ให้ข้อมูลสินค้า
    แล้วก็หวังว่าจะรอลูกค้าinboxมาถามเยอะๆ
    เหมือนสมัยขายหน้าร้านOnline

    ซึ่งมันไม่ค่อยจะเป็นยังงั้น

    จนทำใหัหลายคน

    เลิกทำ

    แต่พอจะเลิกทำก็ทำไม่ได้

    เพราะลูกค้าหน้าร้านก็เริ่มหายไปซื้อทางonline

    พูดง่ายๆคือ

    จะไม่ทำก็ไม่ได้
    "แต่จะเดินต่อไปก็ไปไม่ถึงสิ่งที่คิด"

    —————

    ถ้าใครเป็นอยู่ไม่ต้องกังวลนะครับ
    แทบทุกคนเป็นกัน!

    แม้กระทั่งพี่น้องในOnline Take Over
    หรือกระทั่งพี่น้องใน1YearCLUB
    ที่สำเร็จกัน

    ก่อนหน้านั้น
    หลายคนก็เคยเป็นแบบนี้

    หลายเคส
    ผมถามเค้าว่า
    ถ้าเห็นเพจแบบนี้
    ที่ขายอย่างเดียว
    เป็นเราๆซื้อไหม?

    คำตอบจากเค้าคือ”ไม่”

    ผมถามเค้าว่า
    คุณตามเพจที่ขายอย่างเดียวเหรอ?

    เค้าบอกไม่!

    แล้วคุณตามหรือซื้อกับเพจแบบไหน?(ผมถาม)

    คำตอบก็มักจะเป็นเพจที่
    เค้าให้ความรู้
    มีคอนเทนท์ที่ช่วยแก้ปัญหาเรา

    ผมถามกลับว่า
    อ่าวรู้แล้ว
    แล้วทำไมยังทำ?

    เค้าก็ตอบว่า
    ไม่รู้จะทำยังไง
    คิดคอนเทนท์ไม่ออก

    บางทีนั่งคิดเป็นวันๆ
    ก็ไม่รู้จะทำคอนเทนท์อะไร

    หลายเคสที่ผมได้Consultให้
    ช่วงแรกจริงๆมันเป็นแบบนี้
    และเป็นเกือบทุกเคส

    และทุกคนก็ชอบถามผมว่า
    ผมคิดคอนเทนท์ยังไง
    ทำมาร่วม7ปีไม่เคยตัน
    ————

    ผมก็เลยให้ทริคนึงไปกับเค้า
    ที่ทำให้ผมไม่เคยคอนเทนต์ตันเลย
    ตลอด7ปี

    คือ...

    “เลิกคิดคอนไปเลย”

    “ไม่ต้องคิดคอนเทนท์”

    เพราะถ้าคุณคิดว่า
    คุณจะทำContentอะไรดี?

    คุณกำลังนึกถึงตัวคุณเป็นหลัก

    พอทำออกมา
    มันก็มาจากการคิดเองเออเอง
    ตอบโจทย์ตัวเอง
    แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ลูกค้า

    และสิ่งคุณต้องไปทำคือ
    “ไปหามาว่า
    ลูกค้าคุณมีปัญหาอะไร”

    เคเาไม่รู้อะไร?
    ไม่เข้าใจอะไร?

    ——

    หลายคนตอบผมว่า
    ไม่รู้ว่าจะไปรู้สิ่งนั้นได้ยังไง?

    หลายคนเป็นเจ้าของกิจการ
    มีลูกน้องยืนขายหน้าร้าน

    มีลูกน้องตอบinboxแทน!

    ผมเลยบอกเค้าว่า
    1สัปดาห์หลังจากนี้
    คุณไปเลย
    คุณไปตอบinboxแทนลูกน้อง

    "แล้วคุณจะรู้ว่าลูกค้าคุณไม่รู้อะไรบ้าง"

    "มีปัญหาอะไรบ้าง"

    แล้วจดเอาสิ่งนั้นมาทำContent
    ตามหลักในคลาส

    ผลปรากฏว่ามีหลายเคสเลย
    ที่หายไปจากผม
    จนผมต้องให้ทักไปถามว่าเป็นยังไง

    "คำตอบของเค้าคือ
    ที่หายไปคือ
    กำลังสนุกกับยอดขายที่เข้ามา"

    ———

    ผมถามเค้าว่า...

    แล้วเรื่องคอนเทนท์ล่ะ?

    เป็นไงบ้าง?

    เค้าบอกว่าตั้งแต่ได้เข้าใจเรื่องนี้ไป
    ไปทดลองตอบinboxแทนลูกน้อง1week
    ก็พบว่า...

    โอ้โห..
    ปัญหามันมีเยอะมาก
    "เค้าขายเสื้อผ้าจากเดิมที่ลงรูปลงราคาขาย"

    พอเค้าได้ปัญหาจากลูกค้า
    เช่นขนาดไซส์วัดยังไง
    ตัวผอมตัวอ้วนใส่แล้วเป็นยังไง
    บางคนก็กังวลเรื่องสีผิวกับสีเสื้อ

    บางคนก็ไม่รู้ว่าชุดที่เค้าชอบ
    ไม่เหมาะกับงานที่เค้าจะไป
    และอีกเป็น10ปัญหา

    ที่ทำคอนเทนท์ได้เป็นเดือนๆ

    พอเค้าทำปุ๊บลูกค้าที่ทักเข้ามา
    พร้อมซื้อเยอะกว่าเดิมมาก
    และก็มีที่มาถามบ้างนิดหน่อย
    ก็ตอบไปก็ขายได้

    และก็เอาปัญหานั้น
    มาทำเป็นคลิปแก้ให้เคสใหม่ๆอีก
    ยอดขึ้นมาเยอะมากๆ

    ———

    และพอเอามาทำตามสูตร 80-15-5
    80 คอนเทนท์ความรู้
    15 + 5 เทสติโมเนียลและPostขาย
    จากในคลาสOnline Take Over

    ยอดก็มาหลายแสนใน2week
    ที่ผ่านมาหลังปรับ

    และก็มีหลายเคสที่
    เป็นเจ้าของธุรกิจที่อยู่ในiClass22
    sale for non sale
    "การขายสำหรับคนที่ไม่ใช่นักขาย"

    ที่ได้เรียนชุดคำถามFF
    ในการนำไปเจาะปัญหาลูกค้าในinboxด้วย

    ผลปรากฏคือ
    ได้เข้าใจปัญหาจริงๆที่ลูกค้าเป็น
    และเมื่อเข้าใจรู้ปัญหาลูกค้าลึกขึ้น
    ก็ได้Keyสำคัญมาทำคอนเทนท์ที่ลึกมากขึ้น

    ผลคือ
    เมื่อคอนเทนท์โดนใจลูกค้ามากขึ้น
    ลูกค้าก็ทักมาเยอะขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
    และแต่ละเคส
    ลูกค้าก็ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
    "และทักเข้ามาซื้อเลยเยอะขึ้น"

    ก็กลายเป็นเสียเวลา
    ตอบคำถามน้อยลงเยอะ

    "ส่งผลให้ใช้เวลาในการขายน้อยลง
    แต่ได้รายได้มากขึ้น"

    พี่น้องหลายคน
    ทำยอดไปหลักหลายล้านใน6เดือน
    หลังจากทำสูตรนี้

    ————
    สรุป...

    1.ธุรกิจOffline ที่ มีชุดคำถามที่ดี
    จะสามารถขายได้มากกว่า
    คนขายที่รอตั้งรับอย่างเดียว

    2.คนที่ทำOffline แล้วมาทำOnline
    ที่ติดปัญหาเรื่องไม่โต
    ส่วนใหญ่เพราะ
    "ขึ้นมาทำเพจแบบขายตรงๆ"

    ซึ่งนั้นเป็นเรื่องปกติ
    เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะ
    เคยชินกับการทำแบบข้อ1คือ
    "เมื่อก่อนเคยเน้นตั้งรับ
    รอการถามจากลูกค้า"

    3.แต่ถ้าอยากโตในOnline
    ต้องคิดกลับด้านคือ
    คนส่วนใหญ่
    จะไม่ชอบซื้อกับคนที่ขายอย่างเดียว

    เพราะ social
    อย่างfacebook
    คนมาเล่น
    ไม่ได้คิดจะมาซื้อเป็นหลัก
    เหมือนเดินเข้าไปร้านเรา

    และถ้าเค้าอยากได้มากๆ
    เค้าก็ไปซื้อนานแล้ว
    ไม่มาชอบอยู่ในFacebookหรอก

    เพราะฉะนั้นลูกค้าส่วนใหญ่
    ก็จะอยู่precess กำลังตัดสินใจ
    หรือมีโน้มว่าอยากได้
    อยากจะซื้อ
    "มากกว่าเดือนร้อนที่จะต้องได้ตอนนี้เดี๋ยวนี่"

    น่าจะพอเห็นภาพกัน

    เพราะฉะนั้นเพจขายอย่างเดียวโต้ง
    มันเลยไม่work
    เท่ากับเพจที่อำนวยคำสะดวก
    มีคอนเทนท์ดีๆที่แก้ปัญหาให้ลูกค้าในเพจ

    ถ้าเค้าจะเลือกทักinboxถาม

    เค้าจะเลือกถามเพจคนที่เค้าคิดว่า
    จะแก้ปัญหาให้เค้าได้
    มากกว่าเพจ
    ที่มีแต่ขายดื้อๆ

    4.เมื่อพี่น้องส่วนใหญ่รู้แล้วว่าเพจขายอย่างเดียว
    ไม่ค่อยได้ผล
    ต้องให้ความรู้

    ปัญหาต่อมาคือ
    ก็ไม่รู้ว่าจะทำContentยังไง?
    คิดContentไม่ออก?

    5.Keyคือ
    อย่างที่ผมเน้น

    ต้องเลิกคิดคอนเทนท์

    วิธีที่ง่ายที่สุดคือ...

    “เอาเวลาไปหาปัญหา”

    ว่าลูกค้าอยากรู้อะไร

    เพราะเราไม่ได้ทำคอนเทนท์
    เพื่อตอบโจทย์ตัวเอง
    มันตั้งต้นจากตัวเราไม่ได้

    เราต้องตอบโจทย์ปัญหาลูกค้า

    เพราะฉะนั้น

    "มันต้องตั้งต้นจากปัญหาของลูกค้าเรา"

    ปัญหา=ขุมทรัพย์

    6.และขุมทรัพย์อยู่ใกล้ตัวเรา
    นั่นคือหน้าร้าน
    หรือinbox

    "เอาปัญหาที่ลูกค้าคุณถาม
    นำมันมาเป็น Content
    แก้ปัญหาให้ลูกค้าคนต่อไป"

    หวังว่าบทความนี้
    จะมีประโยชน์
    และช่วยพี่น้อง
    ที่มาจากOffline

    ให้ขึ้นมาขายดีทางOnline
    เหมือนกับพี่ๆน้อง
    หลายๆเคสที่รู้เรื่องนี้ไปก่อนหน้า

    ก็ถ้าชอบก็อย่าลืมกดLike
    หรือ Commentบอกกัน

    แล้วก็ถ้ารักใคร
    มีเพื่อนที่กำลังทำธุรกิจอยู่
    ก็อย่าลืมแชร์ให้กับเค้า
    เพื่อทุ่นเวลาซึ่งกันและกัน

    เพื่อเติบโตไปพร้อมๆกัน

    ลุยครับ

    A10(เอเท็น)
    #onlinetakeover
    #1yearclub
    #iClassUniversity
    #สังคมแห่งความเป็นไปได้

  • precess 在 Aten Arnon: เอเท็น อานนท์ Prince of Marketing Facebook 的精選貼文

    2020-06-25 07:30:11
    有 3,482 人按讚

    “เปลี่ยนจากOfflineมาเป็นOnline
    พอมาทำเพจแล้ว งงไปหมด
    ไปไม่เป็น
    ไม่รู้จะจับต้นชนปลายยังไง”
    ————

    1ในปัญหายอดฮิตของคนทำธุรกิจ
    ที่ขึ้นจากOffline มาเป็นonline

    เรื่องนี้ผมเคยแชร์ออกไป
    แล้วทำให้
    เจ้าของธุรกิจoffline ที่มีหน้าร้านหลายคน

    "ที่เคยตันเรื่องไม่รู้จะทำอะไร
    หรือต่อยอดอะไรได้บนonline"

    กลายเป็นมียอดช่องทางOnline
    แซงช่องทางหน้าร้านเดิม

    หลังผมแชร์เรื่องนี้
    มีพี่น้องหลายคน
    รวมถึงพี่น้องใน1YearClub
    และพี่น้องชาวOnline Take Over
    นำไปปรับเพจ

    บางคนสร้างยอดหลัก100,000
    ในเวลาไม่กี่สัปดาห์
    และมีหลายคนเลยที่
    พลิกเป็นยอดหลายล้านในเวลา
    ไม่ถึง6เดือน

    ----

    จนมีหลายคนบอกผมว่า
    เสียดายที่ไปงมเองอยู่ตั้งนาน
    น่าจะรู้จุดนี้
    แล้วนำไปทำตั้งแรกๆ

    ----

    พอผมได้ยินแบบนั้น
    ผมก็เลยนำไปบอกพี่น้อง
    อีกจำนวนนึง
    ผลก็เช่นเดียวกันคือ
    หลังเค้านำไปปรับเพจ

    ยอดขายมาทันทีในเวลาไม่กี่สัปดาห์
    -----

    จนผมได้ข้อสรุปว่า
    ปัญหาที่คนทำoffline
    แล้วโตไม่ได้ในOnline

    หรือทำOnline แล้วไม่ work
    คือ....

    "มองonline เป็นแบบOfflineมากไปหน่อย"

    "ใช่ครับ! เรื่องนี้เรื่องเดียวเลย"

    วันนี้ผมอาจจะไม่ได้ลงดีเทล
    แบบในตอนที่ผมตอบเคส
    Private ใน1yearClub
    หรือตอบ Q&A
    พี่น้องในคลาส Online Take over

    เพราะ
    แต่ละคนจะมีเคสที่ดีเทลต่างกัน
    ที่ผมจี้ลงลึกในธุรกิจของเค้าแต่ละเคส

    แต่จุดที่คล้ายๆกัน
    และพี่น้องอ่านอยู่ในวันนี้
    สามารถนำไปปรับได้เลย

    คือ....

    "แนวทางแบบใหม่"
    "ที่นำไปปรับแล้วโตได้เลยตั้งแต่วันนี้"

    ผมชัวร์ว่าถ้าทำถูกทาง
    ธุรกิจจะดีขึ้นทันทีในเวลาไม่เกิน1เดือน
    หลังปรับ

    -------

    คืองี้

    คนที่ทำOnline แบบมีหน้าร้านมาก่อน
    "มักจะชินกับการที่เป็นฝ่ายตั้งรับ"

    คือลูกค้าเดินหามา
    แล้วลูกค้าสงสัยอะไร
    อยากถามอะไร
    "ก็ถามมาแล้วเรารอตอบ"

    แล้วลูกค้าก็จะได้คำตอบ
    และเคลียสิ่งที่อยู่ในใจ
    "แล้วเค้าก็ซื้อเรา"

    แต่หารู้ไม่ว่า
    ลูกค้าหลายคนก็ไม่รู้ว่า
    เค้าไม่รู้อะไร?

    นี่คือเรื่องจริง

    บางครั้งลูกค้า
    ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับอะไร
    หรือต้องซื้ออะไร

    ————

    เหมือนผมไปซื้อสูท
    หลายครั้งผมก็ไม่รู้ว่าผมต้องซื้อแบบไหน?
    แล้วอะไรแบบไหนเหมาะกับผม?
    เหมาะกับงานที่ผมจะไป?

    เหมือนเพื่อนผมจะจัดงานแต่งงาน
    หลายครั้งก็ไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไร
    ทำยังไงบ้าง อะไรที่ต้องplan
    อะไรเหมาะ?

    และมันมี
    หลายครั้งเลยที่ไม่รู้เลยว่า
    ควรจะถามอะไร

    พอนึกออกใช่ไหมครับ?

    เรื่องที่เราไม่รู้
    ไม่เคยทำ
    บางครั้ง
    ก็ไม่รู้จะเดินเข้าไปร้านแล้วถามอะไร

    ถ้าแบบนี้คนขายที่ตั้งรับอย่างเดียว
    รอให้ลูกค้าถามเอง
    จะเสียยอดไปมหาศาล

    ————

    ตรงข้าม
    คนขายที่มีชุดคำถามที่ดี
    ที่สามารถเจาะปัญหาลูกค้าได้
    จะกลายเป็นคนที่ได้ยอดขาย

    และไม่ใช่แค่ยอดขายอย่างเดียวที่ได้
    แต่หลายครั้งกลายเป็นฮีโร่ของลูกค้า
    จนลูกค้าประทับใจเป็นลูกประจำ
    และแนะนำเพื่อนๆเค้า
    มาให้เป็นลูกค้าเพิ่มอีก

    ——

    พี่น้องที่เป็นนักธุรกิจ
    รวมถึงเคสที่กำลังเริ่มสร้างธุรกิจ500กว่าคน
    ที่ตระหนักและเข้ามาเรียนหลักสูตรการขาย
    ในiClass22 sale for non sale
    "การขายสำหรับคนที่ไม่ใช่นักขาย"
    กับผมเมื่อปีก่อน

    เค้ามาศึกษาเรื่องชุดคำถาม
    ในการค้นหาสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ
    ซึ่งเราเรียกกันย่อๆว่าFF
    หรือ (Fact finding)

    ซึ่งหลายคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ
    นำไปสอนลูกทีมหน้าร้าน
    นำไปสอนลูกทีมในการตอบinbox
    แทนที่การรอตั้งรับแบบเดิม

    ปรากฏว่าเจ้าของธุรกิจหลายคน
    จากเดิมที่มีเคสหลุด
    ทักมาแล้วหาย

    กลายเป็นสามารถที่จะขายได้มากขึ้น
    และแทบมีน้อยมาก
    ที่ลูกค้าออกไปโดยไม่ซื้อ

    แต่เคสไหนที่ไม่ซื้อจริงๆ
    จากชุดคำถามที่เรียนไป
    ก็ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วลูกค้าติดที่อะไร?
    แล้วทำถึงไม่ซื้อ?

    ก็นำไปเตรียมพร้อมในเคสครั้งหน้า
    หรือสามารถ
    ตามไปปิดเคสเดิมได้ในที่สุด

    (ไม่ต้องไปนั่งมโนเองว่าติดที่ตรงไหน
    หรือคอยได้ยินลูกน้องพูดว่า
    "ลูกค้าไม่ได้สนใจจริง"
    "แล้วปล่อยลูกค้าเคาเดินจากไปอยู่เรื่อยๆ"

    ————
    Ok จริงๆวันนี้ไม่ได้พูดที่ประเด็นนี้
    แต่ที่เล่าเคสขึ้นมา
    ผมว่าพี่น้องที่ทำธุรกิจจริงๆ
    มีประสบการณ์ตรงนี้

    และคนที่อ่านอยู่คงเป็นคนที่ทำธุรกิจ
    หรือต่อให้ยังไม่ทำ
    ก็มาหาข้อมูลในการไปสร้างธุรกิจ
    ก็เป็นคนที่ตั้งใจและหัวก้าวหน้าอยู่แล้ว

    ก็จะเห็นภาพตรงนี้ชัดเจน

    ว่ารายได้จะต่างกันมาก..

    "ระหว่างร้านที่รอตั้งรับขายอย่างเดียว
    ที่ขายได้แค่ลูกค้าที่พร้อมซื้ออยู่แล้ว"

    "กับร้านที่มีชุดคำถามเจาะปัญลูกค้าได้
    ที่สามารถขายได้ทั้งลูกค้าที่พร้อมซื้อ
    และลูกค้าที่มีความต้องการ
    แต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร"

    ซึ่งผมเคยทำคลิปนึงไว้
    ที่นำเอาสถิจาหนักการตลาด
    ว่าจาก100%

    ลูกค้าที่พร้อมซื้อจริงๆมีแค่3%

    แต่ลูกค้าที่กำลังหาข้อมูล
    อยู่ในProcess
    มี97%

    ถ้าคุณขายอย่างเดียว
    คุณกำลังแย่งเค้ก3%
    กับคนจำนวนมาก

    และสำหรับพี่น้องที่ทำธุรกิจอ่านมาถึงตรงนี้
    ก็คงจะสามารถที่จะมองออกว่า
    หน้าร้านของเรา

    เป็นแนวไหนอยู่?
    ตั้งรับรออย่างเดียว?
    หรือเป็นแบบเคสที่มีชุดคำถาม
    ที่เจาะปัญหาลูกค้าได้?

    ———————
    และเช่นกัน
    เมื่อOnlineมันเข้ามา
    เมื่อเจ้าของธุรกิจหลายคน
    ขึ้นมาทำOnlineมาทำเพจ

    ปัญหาของ
    คนที่ทำ offline มาก่อนมักจะเป็น...

    ไม่รู้จะpostอะไร?

    เปิดเพจขาย
    Postขายไปก็เงียบ
    ไม่มีคนทัก

    -----------

    ซึ่งนี่คือปัญหาหลักที่ผมพูดไปข้างต้น

    เพราะที่ผ่านมา
    เราเป็นฝ่ายตั้งรับ
    รอคำถามจากลูกค้า

    พอมาทำเพจ
    เพจที่ทำก็จะกลายเป็น
    Postขายดื้อๆ
    ให้ข้อมูลสินค้า
    แล้วก็หวังว่าจะรอลูกค้าinboxมาถามเยอะๆ
    เหมือนสมัยขายหน้าร้านOnline

    ซึ่งมันไม่ค่อยจะเป็นยังงั้น

    จนทำใหัหลายคน

    เลิกทำ

    แต่พอจะเลิกทำก็ทำไม่ได้

    เพราะลูกค้าหน้าร้านก็เริ่มหายไปซื้อทางonline

    พูดง่ายๆคือ

    จะไม่ทำก็ไม่ได้
    "แต่จะเดินต่อไปก็ไปไม่ถึงสิ่งที่คิด"

    —————

    ถ้าใครเป็นอยู่ไม่ต้องกังวลนะครับ
    แทบทุกคนเป็นกัน!

    แม้กระทั่งพี่น้องในOnline Take Over
    หรือกระทั่งพี่น้องใน1YearCLUB
    ที่สำเร็จกัน

    ก่อนหน้านั้น
    หลายคนก็เคยเป็นแบบนี้

    หลายเคส
    ผมถามเค้าว่า
    ถ้าเห็นเพจแบบนี้
    ที่ขายอย่างเดียว
    เป็นเราๆซื้อไหม?

    คำตอบจากเค้าคือ”ไม่”

    ผมถามเค้าว่า
    คุณตามเพจที่ขายอย่างเดียวเหรอ?

    เค้าบอกไม่!

    แล้วคุณตามหรือซื้อกับเพจแบบไหน?(ผมถาม)

    คำตอบก็มักจะเป็นเพจที่
    เค้าให้ความรู้
    มีคอนเทนท์ที่ช่วยแก้ปัญหาเรา

    ผมถามกลับว่า
    อ่าวรู้แล้ว
    แล้วทำไมยังทำ?

    เค้าก็ตอบว่า
    ไม่รู้จะทำยังไง
    คิดคอนเทนท์ไม่ออก

    บางทีนั่งคิดเป็นวันๆ
    ก็ไม่รู้จะทำคอนเทนท์อะไร

    หลายเคสที่ผมได้Consultให้
    ช่วงแรกจริงๆมันเป็นแบบนี้
    และเป็นเกือบทุกเคส

    และทุกคนก็ชอบถามผมว่า
    ผมคิดคอนเทนท์ยังไง
    ทำมาร่วม7ปีไม่เคยตัน
    ————

    ผมก็เลยให้ทริคนึงไปกับเค้า
    ที่ทำให้ผมไม่เคยคอนเทนต์ตันเลย
    ตลอด7ปี

    คือ...

    “เลิกคิดคอนไปเลย”

    “ไม่ต้องคิดคอนเทนท์”

    เพราะถ้าคุณคิดว่า
    คุณจะทำContentอะไรดี?

    คุณกำลังนึกถึงตัวคุณเป็นหลัก

    พอทำออกมา
    มันก็มาจากการคิดเองเออเอง
    ตอบโจทย์ตัวเอง
    แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ลูกค้า

    และสิ่งคุณต้องไปทำคือ
    “ไปหามาว่า
    ลูกค้าคุณมีปัญหาอะไร”

    เคเาไม่รู้อะไร?
    ไม่เข้าใจอะไร?

    ——

    หลายคนตอบผมว่า
    ไม่รู้ว่าจะไปรู้สิ่งนั้นได้ยังไง?

    หลายคนเป็นเจ้าของกิจการ
    มีลูกน้องยืนขายหน้าร้าน

    มีลูกน้องตอบinboxแทน!

    ผมเลยบอกเค้าว่า
    1สัปดาห์หลังจากนี้
    คุณไปเลย
    คุณไปตอบinboxแทนลูกน้อง

    "แล้วคุณจะรู้ว่าลูกค้าคุณไม่รู้อะไรบ้าง"

    "มีปัญหาอะไรบ้าง"

    แล้วจดเอาสิ่งนั้นมาทำContent
    ตามหลักในคลาส

    ผลปรากฏว่ามีหลายเคสเลย
    ที่หายไปจากผม
    จนผมต้องให้ทักไปถามว่าเป็นยังไง

    "คำตอบของเค้าคือ
    ที่หายไปคือ
    กำลังสนุกกับยอดขายที่เข้ามา"

    ———

    ผมถามเค้าว่า...

    แล้วเรื่องคอนเทนท์ล่ะ?

    เป็นไงบ้าง?

    เค้าบอกว่าตั้งแต่ได้เข้าใจเรื่องนี้ไป
    ไปทดลองตอบinboxแทนลูกน้อง1week
    ก็พบว่า...

    โอ้โห..
    ปัญหามันมีเยอะมาก
    "เค้าขายเสื้อผ้าจากเดิมที่ลงรูปลงราคาขาย"

    พอเค้าได้ปัญหาจากลูกค้า
    เช่นขนาดไซส์วัดยังไง
    ตัวผอมตัวอ้วนใส่แล้วเป็นยังไง
    บางคนก็กังวลเรื่องสีผิวกับสีเสื้อ

    บางคนก็ไม่รู้ว่าชุดที่เค้าชอบ
    ไม่เหมาะกับงานที่เค้าจะไป
    และอีกเป็น10ปัญหา

    ที่ทำคอนเทนท์ได้เป็นเดือนๆ

    พอเค้าทำปุ๊บลูกค้าที่ทักเข้ามา
    พร้อมซื้อเยอะกว่าเดิมมาก
    และก็มีที่มาถามบ้างนิดหน่อย
    ก็ตอบไปก็ขายได้

    และก็เอาปัญหานั้น
    มาทำเป็นคลิปแก้ให้เคสใหม่ๆอีก
    ยอดขึ้นมาเยอะมากๆ

    ———

    และพอเอามาทำตามสูตร 80-15-5
    80 คอนเทนท์ความรู้
    15 + 5 เทสติโมเนียลและPostขาย
    จากในคลาสOnline Take Over

    ยอดก็มาหลายแสนใน2week
    ที่ผ่านมาหลังปรับ

    และก็มีหลายเคสที่
    เป็นเจ้าของธุรกิจที่อยู่ในiClass22
    sale for non sale
    "การขายสำหรับคนที่ไม่ใช่นักขาย"

    ที่ได้เรียนชุดคำถามFF
    ในการนำไปเจาะปัญหาลูกค้าในinboxด้วย

    ผลปรากฏคือ
    ได้เข้าใจปัญหาจริงๆที่ลูกค้าเป็น
    และเมื่อเข้าใจรู้ปัญหาลูกค้าลึกขึ้น
    ก็ได้Keyสำคัญมาทำคอนเทนท์ที่ลึกมากขึ้น

    ผลคือ
    เมื่อคอนเทนท์โดนใจลูกค้ามากขึ้น
    ลูกค้าก็ทักมาเยอะขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
    และแต่ละเคส
    ลูกค้าก็ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
    "และทักเข้ามาซื้อเลยเยอะขึ้น"

    ก็กลายเป็นเสียเวลา
    ตอบคำถามน้อยลงเยอะ

    "ส่งผลให้ใช้เวลาในการขายน้อยลง
    แต่ได้รายได้มากขึ้น"

    พี่น้องหลายคน
    ทำยอดไปหลักหลายล้านใน6เดือน
    หลังจากทำสูตรนี้

    ————
    สรุป...

    1.ธุรกิจOffline ที่ มีชุดคำถามที่ดี
    จะสามารถขายได้มากกว่า
    คนขายที่รอตั้งรับอย่างเดียว

    2.คนที่ทำOffline แล้วมาทำOnline
    ที่ติดปัญหาเรื่องไม่โต
    ส่วนใหญ่เพราะ
    "ขึ้นมาทำเพจแบบขายตรงๆ"

    ซึ่งนั้นเป็นเรื่องปกติ
    เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะ
    เคยชินกับการทำแบบข้อ1คือ
    "เมื่อก่อนเคยเน้นตั้งรับ
    รอการถามจากลูกค้า"

    3.แต่ถ้าอยากโตในOnline
    ต้องคิดกลับด้านคือ
    คนส่วนใหญ่
    จะไม่ชอบซื้อกับคนที่ขายอย่างเดียว

    เพราะ social
    อย่างfacebook
    คนมาเล่น
    ไม่ได้คิดจะมาซื้อเป็นหลัก
    เหมือนเดินเข้าไปร้านเรา

    และถ้าเค้าอยากได้มากๆ
    เค้าก็ไปซื้อนานแล้ว
    ไม่มาชอบอยู่ในFacebookหรอก

    เพราะฉะนั้นลูกค้าส่วนใหญ่
    ก็จะอยู่precess กำลังตัดสินใจ
    หรือมีโน้มว่าอยากได้
    อยากจะซื้อ
    "มากกว่าเดือนร้อนที่จะต้องได้ตอนนี้เดี๋ยวนี่"

    น่าจะพอเห็นภาพกัน

    เพราะฉะนั้นเพจขายอย่างเดียวโต้ง
    มันเลยไม่work
    เท่ากับเพจที่อำนวยคำสะดวก
    มีคอนเทนท์ดีๆที่แก้ปัญหาให้ลูกค้าในเพจ

    ถ้าเค้าจะเลือกทักinboxถาม

    เค้าจะเลือกถามเพจคนที่เค้าคิดว่า
    จะแก้ปัญหาให้เค้าได้
    มากกว่าเพจ
    ที่มีแต่ขายดื้อๆ

    4.เมื่อพี่น้องส่วนใหญ่รู้แล้วว่าเพจขายอย่างเดียว
    ไม่ค่อยได้ผล
    ต้องให้ความรู้

    ปัญหาต่อมาคือ
    ก็ไม่รู้ว่าจะทำContentยังไง?
    คิดContentไม่ออก?

    5.Keyคือ
    อย่างที่ผมเน้น

    ต้องเลิกคิดคอนเทนท์

    วิธีที่ง่ายที่สุดคือ...

    “เอาเวลาไปหาปัญหา”

    ว่าลูกค้าอยากรู้อะไร

    เพราะเราไม่ได้ทำคอนเทนท์
    เพื่อตอบโจทย์ตัวเอง
    มันตั้งต้นจากตัวเราไม่ได้

    เราต้องตอบโจทย์ปัญหาลูกค้า

    เพราะฉะนั้น

    "มันต้องตั้งต้นจากปัญหาของลูกค้าเรา"

    ปัญหา=ขุมทรัพย์

    6.และขุมทรัพย์อยู่ใกล้ตัวเรา
    นั่นคือหน้าร้าน
    หรือinbox

    "เอาปัญหาที่ลูกค้าคุณถาม
    นำมันมาเป็น Content
    แก้ปัญหาให้ลูกค้าคนต่อไป"

    หวังว่าบทความนี้
    จะมีประโยชน์
    และช่วยพี่น้อง
    ที่มาจากOffline

    ให้ขึ้นมาขายดีทางOnline
    เหมือนกับพี่ๆน้อง
    หลายๆเคสที่รู้เรื่องนี้ไปก่อนหน้า

    ก็ถ้าชอบก็อย่าลืมกดLike
    หรือ Commentบอกกัน

    แล้วก็ถ้ารักใคร
    มีเพื่อนที่กำลังทำธุรกิจอยู่
    ก็อย่าลืมแชร์ให้กับเค้า
    เพื่อทุ่นเวลาซึ่งกันและกัน

    เพื่อเติบโตไปพร้อมๆกัน

    ลุยครับ

    A10(เอเท็น)

  • precess 在 Mateusz Urbanowicz Youtube 的精選貼文

    2017-09-11 12:19:23

    Cover illustration for a magazine called “Metro Guide” being distributed thought metro stations in Tokyo from September 2017.
    Number of copies: around 1 000 000.

    This edition is autumn themed so I tried to make my illustration fit the contents with the colors and atmosphere. I used the Jindaiji temple and the shops that surround it as an inspiration for the setting.

    「メトロガイド」の2017年10月号の表紙を担当しました!
    今回の雑誌のテーマは秋なので、綺麗な紅葉や豊かな雰囲気を再現しながら描いてみたイラストです。深大寺の周りのお店通りが設定の元になってます。

    Tools:
    * Lines: Mitsu-bishi HI UNI F to 6B grade pencils
    * Paper: White Watson 300g/m watercolor paper
    * Colors: my custom 48 colors set and 48 colors Schmincek set.

    GET THE PROCREATE BRUSHES HERE:
    https://gumroad.com/mateusz_urbanowicz

    ツール詳細
    * 紙: ミューズ ホワイトワトソン 300g
    * 下描き: Mitsu-bishi Hi-Uni 鉛筆
    * 着色: 48色のシュミンケ水彩セット

你可能也想看看

搜尋相關網站