Sacred Games (สามารถดูได้ใน Netflix)

• คาดหวังเยอะไปหน่อย มันเล่าสองเส้นเรื่องขนานกัน คือเส้นทางเจ้าพ่อบอมเบย์ที่ฆ่าคนตายเป็นเบือ กับปัจจุบันที่ตำรวจตงฉินต้องสืบหาว่าจะเกิดอะไรในอีก 25 วัน เพื่อจะปกป้องเมืองจากหายนะ เสียแค่ว่าทั้งสองเส้นเรื่องเล่าหลวม ๆ และทื่อมาก
• ลองชั่งน้ำหนักการเล่าเรื่อง ซีซั่นแรกเอนมาทางเส้นทางชีวิตของ ไกทอนเด ที่เป็นนักเลงหัวไม้ค่อนข้างเยอะกว่าเส้นเรื่องสืบสวน
• ถ้าเทียบกับหนังมาเฟียด้วยกัน เส้นเรื่องของไกทอนเด ดูจะเข้านิยาม ฆ่าได้ฆ่า มากที่สุดละ แทบไม่มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมเลย อาศัยโหดเหี้ยมเข้าสู้ลูกเดียว
• ตอนดูเลยไม่อินกับอิทธิพลของไกทอนเด เท่าที่ควร จากคนขายยา ขนยา จะมาเป็นมาเฟียแย่งชิงเมืองกับคู่อริ มันดูต้องอาศัยเครือข่ายมากกว่าจะมีแค่ใจถึง ๆ พอนึกถึงนักเลงมุมไบในซีรีส์ McMafia ก็อาจจะไม่ประหลาดใจเท่าไรมั้ง
• เห็นด้วยกับรีวิวนอกอันนึงที่บอกว่าซีรีส์ไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนไม่เก็ตเรื่องความตึงเครียดระหว่างศาสนาและชนชั้นวรรณะในอินเดีย เหมือนซีรีส์จะใช้ฟุตเทจความขัดแย้งจริงมาเป็นส่วนหนึ่งของสงครามระหว่างสองแก๊งด้วย แต่ตัวเนื้อเรื่องมันแทบไม่ได้พาไปสัมผัสเรื่องศาสนาเข้มข้นขนาดนั้น
• ที่เห็นชัด ๆ มีแค่ความขัดแย้งระหว่างมุสลิมกับฮินดู ที่พอมาอยู่ในแก๊งเดียวกันก็สามารถอยู่ร่วมกันได้แบบไม่เขม่นกัน
• จบซีซั่นแบบค้างเต่อ เลยเสียดายนิดนึงเพราะไม่ค่อยมีแรงจูงใจให้อยากดูต่อเลย

-------------------------------------

'ซาร์เทจ' (Saif Ali Khan) เป็นตำรวจซื่อตรงในแวดวงพวกพ้องที่พร้อมให้การเท็จเพื่อปกป้องกันเอง เขาได้แต่ทำคดีเล็ก ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง 'ไกทอนเด' (Nawazuddin Siddiqui) อาชญากรที่มีคดีฆาตกรรมติดตัวเป็นร้อยคดีก็ติดต่อหาเขาหลังจากหายตัวเงียบไปกว่า 16 ปี ไกทอนเดโทรมาเตือนให้เขาเป็นคนปกป้องเมืองภายใน 25 วัน แต่แทบไม่ได้บอกเบาะแสอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ก่อนที่ซีรีส์จะพาเราแฟลชแบ็กไปดูจุดเริ่มต้นของไกทอนเด ก่อนจะมาเป็นหนึ่งในนักเลงครองเมืองมุมไบ และอีกเส้นเรื่องก็เล่าการหาเบาะแสของซาร์เทจ ที่ต้องขุดคุ้ยอดีตของไกทอนเด ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับพ่อของซาร์เทจที่เป็นตำรวจน้ำดีด้วย
.
ส่วนที่เล่าจุดเริ่มต้นของซาร์เทจ ถ้าเป็นซีรีส์แนว gangster เดี่ยว ๆ คงตัดเกรดน้อยไปเลย อย่างแรกเลยคือมันเล่าหลวมเกินไปสำหรับแนวมาเฟีย ตั้งแต่เข้าวงการกับคนขนยา จนถึงการหักหลังหัวหน้าเพื่อปล้นทอง ออกแนวเล่าแค่ให้เห็นคาแรคเตอร์ความโหดและความไม่กลัวใครหน้าไหนของไกทอนเดแค่นั้น พอมาถึงตอนที่ต้องตั้งตัวเป็นนักเลงมุมไบคือปุ๊บปั๊บข้ามขั้นเร็วเกิ๊น ยิ่งช่วงต่อสู้กับคู่อริคือ jump cut กระจุยกระจาย ดีว่าการเล่าแฟลชแบ็กของไกทอนเดมันไม่ใช่จุดขายชี้เป็นชี้ตายของซีรีส์ขนาดนั้น ออกจะเป็นส่วนเสริมหรือสนับสนุนให้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน 25 วันมากกว่า การเล่าหลวม ๆ เลยไม่ได้เลวร้ายอะไร
.
ทีนี้พอมาดูส่วนสืบสวนในปัจจุบัน ถ้าเป็นซีรีส์สืบสวนเดี่ยว ๆ ก็คงตัดเกรดน้อยอีกเช่นกัน การไขเบาะแสคือมีตัวช่วยค่อนข้างเยอะ แล้วชั้นเชิงการเล่าและการตามสอบสวนก็ค่อนไปทางธรรมดา อารมณ์มันเลยคล้ายกับส่วนที่เป็น gangster คือทั้งสืบสวนและแฟลชแบ็กย้อนอดีตต้องอยู่ในเรื่องเดียวกัน เพื่อเป็นองค์ประกอบส่งเสริมกันให้มีความเข้มข้นน่าติดตาม ชวนอยากรู้อยากเห็นว่าต้องปกป้องเมืองจากภัยคุกคามประเภทไหน ซึ่งปริศนาสุดท้ายมันดันไม่เฉลยในซีซั่นแรกเนี่ยแหละ เลยค้างเต่อให้ต้องดูต่อซีซั่นสอง

Creator: Varun Grover

8 Episodes (เฉลี่ยตอนละ 45 นาที)
B

#หนังโปรดxซีรีส์Netflix

เชียร์ซีรีส์ Netflix กับ HBO GO ไปหลายเรื่องแล้ว คราวนี้ถึงคราวของ Amazon Prime Video กันบ้าง

ช่วงนี้หลายคนอาจจะเพิ่งสมัครเพื่อดูซีรีส์ Invincible ที่โคตรมันส์ไม่แพ้ The Boys แต่จะบอกว่าซีรีส์ใน Prime Video อีกหลายเรื่องก็เด็ดไม่แพ้กัน แถมบางเรื่องเป็นแนวที่ไม่ค่อยเห็นในสตรีมมิ่งค่ายอื่นด้วย

เรื่องแรกแน่นอนว่าต้องเชียร์ The Boys แค่ได้เห็นซีรีส์สร้างซูเปอร์ฮีโร่เหี้ยห่าระยำตำบอนออกมาบ้างก็ปรบมือให้แล้ว แถมยังเป็นความเลวร้ายลึกแบบนี้ยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก มันไม่ใช่แค่คนมีพลังเหนือธรรมชาติเอาพลังไปใช้ในทางที่ผิดโต้ง ๆ แต่พวกเขาสร้างฉากหน้าตัวเองเป็นคนดีปกป้องประเทศ ทั้งที่เบื้องหลังต่ำทรามสุด ๆ ซึ่งการสร้างภาพแบบนี้มันน่ากลัวมากกว่าการเห็นซูเปอร์ฮีโร่เอาพลังไปยึดอำนาจให้คนจำนนด้วยความกลัว เพราะอันตรายที่แท้จริงคือการสร้างโฆษณาชวนเชื่อต่อเนื่องจนประชาชนพร้อมสนับสนุนทุกอย่าง กลายเป็นอำนาจที่ผู้คนยินยอมมอบให้ด้วยความเต็มใจ โดยมองไม่เห็นภัยร้ายแท้จริงที่ถูกปกปิดอยู่ลับหลัง เอ๊ะ คุ้น ๆ
.
เรื่องที่ 2 ขอเชียร์ซีรีส์โคตรไม่แมสอย่าง El Candidato ซีรีส์ส่วนผสมระหว่างความโหดของแก๊งค้ายาเม็กซิกัน, ภารกิจสายลับ CIA, ปฏิบัติการทางทหาร, และการชิงชัยตำแหน่งทางการเมือง เป็นแนวสายลับที่คอนเซ็ปต์พล็อตน่าสนใจมาก ตัวร้ายเป็นอดีตสายข่าวของ CIA เลยรู้ทันและวางปฏิบัติการต่อต้านการสอดแนมแบบพวก CIA หัวกะทิจับไม่ได้ไล่ไม่ทันสักที สนุกเข้มข้นเชียร์มากเพราะอยากให้แมส
.
เรื่องที่ 3 ขอเชียร์ Bosch สร้างจากนิยายของ ไมเคิล คอนเนลลี่ เป็นซีรีส์ตำรวจนักสืบที่กระจายน้ำหนักไปเล่าทั้งเรื่องการเมืองภายในองค์กร, การพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ผสมการสืบสวนหาเบาะแส พร้อมกับสำรวจจิตใจฆาตกรต่อเนื่อง โดยยังเดินเรื่องด้วยบุคลิกตัวเอกที่โดดเด่น ซึ่งพอผสมออกมาแล้วเลยได้รสชาติที่แตกต่างจากซีรีส์ตำรวจสืบสวนของค่ายอื่น
.
เรื่องต่อมา Invincible ของแรงกำลังเป็น meme ตอนนี้ โคตรสนุก อยู่กึ่งกลางระหว่าง Justice League กับ The Boys มีความเลือดสาดกระชากไส้แบบทั้งดิบทั้งเรียล เล่าเรื่องเป็น coming of age วัยรุ่นที่ต้องจัดการทั้งชีวิตมัธยมปลายและการรับมือกับการเป็นซูเปอร์ฮีโร่มือใหม่ ใส่การเล่าที่คาดเดาไม่ถูก มีอะไรพีค ๆ หยอดเข้ามาในทุกตอน ใครยังไม่ดูต้องห้ามพลาดเด็ดขาด
.
เรื่องที่ 5 Fleabag เชียร์ให้ดูทั้ง 2 ซีซั่น ดีมากระดับเกรด A ขำแทบจะทุกนาที ตลกจริงให้ดิ้นตาย จังหวะปากพล่อยหรือจังหวะตลกไม่คาดคิดนี่ทำเอาตั้งตัวไม่ทันหลุดฮาหลายรอบมาก ไม่มีมุกเฉพาะกลุ่มหรือต้องปีนบันไดหัวเราะด้วยซ้ำ มันเล่นมุกง่าย ๆ จังหวะจะโคนแม่นยำก็ทำให้หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังแล้ว จุดสำคัญคือ Fleabag ไม่ได้มาเวย์ขายขำอย่างเดียว เนื้อเรื่องความเศร้าและความเจ็บปวด บวกกับการโหยหาการยอมรับตัวตนมันเป็นอะไรที่สัมผัสจับต้องได้ ชวนให้เห็นอกเห็นใจความผิดพลาดและความเป็นมนุษย์ธรรมดาของนางเอกมากทีเดียว และน่าจะเป็นซีรีส์ไม่กี่เรื่องที่พูดเรื่องใต้สะดือได้เป็นปกติธรรมชาติเสมือนหนึ่งในความต้องการของมนุษย์ได้ถูกเปิดเผยแบบไม่ต้องเหนียมอาย
.
เรื่องที่ 6 The Marvelous Mrs. Maisel ราเชล บรอสนาฮาน is the best เป็น MVP ของโชว์อย่างแท้จริง ทั้งสวย มีเสน่ห์ บุคลิกเล่นคุณหนูแต่งตัวหรูได้ เล่นมุกทะลึ่งแบบไม่หยาบโลนได้ ที่สำคัญคืออารมณ์ขันที่ลงตัวกับซีรีส์อย่างมาก เป็นซีรีส์คอเมดี้ที่ทั้งสนุกสนานและตลกแบบตัวละครมีความกวนตีนในแบบเฉพาะตัวแทบจะทุกคน
.
เรื่องที่ 7 มาแนวไซไฟอวกาศบ้าง The Expanse เดิมอยู่ใน Netflix แต่มาสร้างต่อบน Amazon Prime ซีซั่นแรกออกแนวสืบสวนฟิล์มนัวร์ผสมผจญภัยอวกาศ แต่พอซีซั่น 2 ก็เริ่มเป็นแนววิทยาศาสตร์ผสมการเมือง สนุกเชียร์ให้คอไซไฟลองดูกัน
.
เรื่องต่อมาแฟนคลับ ทอม ฮิดเดิลสตัน ต้องไม่พลาด The Night Manager สร้างจากงานเขียนของ จอห์น เลอ คาร์เร่ เจ้าพ่อแนวสายลับ ที่มีนิยายกลายเป็นหนังเทพอย่าง The Constant Gardener และ Tinker Tailor Soldier Spy เล่าเรื่องของอดีตทหารประจำหน่วยรบอิรัก ที่ผันตัวกลายมาเป็นผู้จัดการเวรกลางคืนในโรงแรมหรูกลางกรุงไคโร ต่อมาก็ต้องตีสนิทกับตัวร้ายที่เป็นอาชญากรข้ามชาติเพื่อล้างแค้นให้หญิงสาวที่เขาเคยผูกพัน
.
เรื่องที่ 9 เชียร์ The Purge แบบข้ามซีซั่นแรกไปซีซั่น 2 เลย ซีรีส์มันพุ่งเป้าไปที่ระบบและการฉ้อฉล เสียดสีรัฐบาลในโลกปัจจุบันที่ปกปิดความผิดพลาดของตัวเองได้ดี การชำระบาปเกิดขึ้นด้วยแนวคิดที่เชื่อว่า หากปล่อยให้อาชญากรรมถูกกฎหมายสักคืนนึง คนจะลดความเกลียดชัง/ความโกรธ/ความกลัว คนจะรู้สึกดีขึ้นจนทำให้อาชญากรรมลดลง แต่ซีรีส์นำเสนออีกด้านด้วยงานวิจัยว่าคืนชำระบาปกลับส่งผลเป็นเชื้อเพลิงกระตุ้นให้คนก่ออาชญากรรม เสพติดความรุนแรง อยากออกไปฆาตกรรมอีก และมีความเชื่อผิด ๆ แถมแนวคิดการให้คนเป็นพระเจ้าพิพากษาชีวิตคนอื่นยังเกิดผลเสียเลวร้ายต่อจิตใจระยะยาวด้วย ใครชอบคอนเซ็ปต์แบบ The Purge อยากลองให้ดูซีซั่น 2 กัน
.
เรื่องสุดท้ายเพิ่งดูเลยขอเชียร์ McMafia นักการเงินมือสะอาดเข้าวงการอาชญากรรมข้ามชาติจากการแหย่เท้าเข้ามาฟอกเงินให้นักการเมืองอิสราเอล จากที่ต้องการแค่ล้างแค้นให้อาตัวเองและปกป้องครอบครัว ต่อจากนั้นก็กลายเป็นซีรีส์คนตัวเล็ก ๆ หาพรรคพวกที่ต้องการล้มมาเฟียทรงอิทธิพลจากรัสเซีย ความเจ๋งอย่างแรกคือการนิยามตัวเอกว่าหน้าซื่อ ๆ ยิ้มใส ๆ รักษามารยาทแต่ในใจอาจจะกำลังด่าอยู่ เป็นตัวละครที่เป็นทั้งไม้อ่อนยอมคน และไม้แข็งไร้ความปราณี ไม่ได้เล่ห์เหลี่ยมจัดจ้าน แต่ฉลาดในงานตัวเอง ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเอกสไตล์นี้จะพาตัวเองไต่เต้าขึ้นมาในโลกมาเฟีย

----------

ปิดท้ายนี้ขอแถม The Man in the High Castle ซีรีส์โลกคู่ขนานเมื่อฝ่ายอักษะชนะสงคราม อเมริกาเลยโดนแบ่งเป็นสองส่วน จักรวรรดิญี่ปุ่นและนาซีเข้าปกครองและมีอิทธิพลเหนือคนท้องถิ่น ซึ่งคนผิวขาวกลายเป็นคนชายขอบไปเลย และจากโลกเสรีก็กลายเป็นโลกเผด็จการควบคุม ออกแนวสายลับชิงเหลี่ยมต่อสู้ทางการเมืองระหว่างนาซีกับญี่ปุ่น โ

Into the Badlands ซีรีส์จอมยุทธกำลังภายในของแท้ โชว์ศิลปะการต่อสู้ระยะประชิดแบบยุคทองของหนัง Shaw Brothers สนุกมากสำหรับคอหนังแอ็คชั่น

Jack Ryan เชยไปหน่อย แต่ถ้าดูเพลิน ๆ ได้อยู่
และ Treadstone ซีรีส์แอ็คชั่นทริลเลอร์ มันก็ยัดฉากแอ็คชั่นมาให้ทั้งเรื่องจริง ๆ ทุกตอนจะต้องมีฉากบู๊ตลอด บู๊กันได้ทุกคนในเรื่อง
----------

เดี๋ยวจะทยอยเก็บเพิ่มมาเชียร์กันอีกนะครับ ใครสมัครแล้วมีเรื่องไหนอยากเชียร์ มาเชียร์กันได้เลยครับ

McMafia (สามารถดูได้ใน Prime Video)

นักการเงินมือสะอาดเข้าวงการอาชญากรรมข้ามชาติจากการแหย่เท้าเข้ามาฟอกเงินให้นักการเมืองอิสราเอล จากที่ต้องการแค่ล้างแค้นให้อาตัวเองและปกป้องครอบครัว ต่อจากนั้นก็กลายเป็นซีรีส์คนตัวเล็ก ๆ หาพรรคพวกที่ต้องการล้มมาเฟียทรงอิทธิพลจากรัสเซีย ความเจ๋งอย่างแรกคือการนิยามตัวเอกว่าหน้าซื่อ ๆ ยิ้มใส ๆ รักษามารยาทแต่ในใจอาจจะกำลังด่าอยู่ เป็นตัวละครที่เป็นทั้งไม้อ่อนยอมคน และไม้แข็งไร้ความปราณี ไม่ได้เล่ห์เหลี่ยมจัดจ้าน แต่ฉลาดในงานตัวเอง ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเอกสไตล์นี้จะพาตัวเองไต่เต้าขึ้นมาในโลกมาเฟีย
.
'อเล็กซ์' (James Norton) เป็นลูกมาเฟียรัสเซียที่ครอบครัวถูกเนรเทศออกมาอยู่ตั้งรกรากในอังกฤษ เขาออกมาทำงานเป็นผู้บริหารกองทุนโดยไม่ข้องเกี่ยวกับเบื้องลึกของครอบครัวเลย จนกระทั่งอาของเขาดันวางแผนฆ่า 'วาดีม' (Merab Ninidze) มาเฟียทรงอิทธิพลเพื่อเปิดทางให้ครอบครัวได้กลับบ้านเกิด แต่แผนผิดพลาดจนทำให้ตัวเองโดนเก็บ ช่วงเวลานั้นอเล็กซ์กำลังเดือดร้อนเรื่องเงินลงทุนและกังวลความปลอดภัยของครอบครัว จึงติดต่อ 'ไคลแมน' (David Strathairn) พันธมิตรของอาเพื่อหาทางขัดขวางธุรกิจของวาดีม โดยเฉพาะที่ปรากและมุมไบ ซึ่งแผนของพวกเขาคือการสร้างเครือข่ายให้กว้างขวางกว่าวาดีม
.
มองภาพใหญ่ของซีรีส์ต้องบอกว่าสเกลงานดีเลย แต่การเล่าหยอดรายละเอียดยังหลวมอยู่มาก ซีรีส์มันพาคนดูไปเจอโลกการทำงานของมาเฟียแบบกว้าง ๆ อย่างเช่น จะกำจัดคู่แข่งในปรากและมุมไบ นอกจากจะต้องอาศัยชั้นเชิงโน้มน้าวพันธมิตรให้เชื่อว่าจะล้มวาดีมได้แล้ว ยังต้องมีเงินถุงเงินถังมาอัดฉีดสินบนตำรวจเพื่อขัดขวางการขนส่งของคู่แข่ง แต่พวกนี้มันเล่าหลวม ๆ ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกสักอย่าง ใช้แผนต่าง ๆ เพื่อพาคนดูไปสู่ผลลัพธ์ของการก้าวมาอยู่ในโลกมาเฟียมากกว่า
.
ตัวเอกก็มือใหม่ไร้ประสบการณ์จึงมีความน่าเอาใจช่วยและชวนลุ้นตลอดว่าจะโดนใครหักหลังเอาไหม อาศัยจับมือกับพันธมิตรที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ในซีซั่นแรกจะมี 2 ตัวละครเสริมคือ ไคลแมน ที่เป็นคนให้เงินทุนก้อนแรกมาลงทุนแลกเปลี่ยนกับการฟอกเงิน และต่อมาเรื่องไปสะดุดถึงหูของ 'เมนเดซ' (Caio Blat) ตัวแทนแก๊งค้ายาเม็กซิกันที่สนใจฟอกเงินและเครือข่ายเส้นสายท่าเรือของไคลแมน ซึ่งทั้งคู่จะเป็นตัวละครสำคัญในการเจรจาต่อรองของอเล็กซ์ โดยมีเป้าหมายเดียวคือเขาต้องการกำจัดวาดีม
.
โดยรวมแล้วก็เป็นซีรีส์อาชญากรรมดูสนุกและมีความสมจริงพอสมควร (อาจจะยกเว้นช่วงแฮคเกอร์นิดนึง) จังหวะการเล่าอาจจะมีความพอดิบพอดีเข้ามาให้รู้สึกจำเจไปหน่อย แต่ภาพรวมแล้วดำเนินเรื่องบิ๊วมาสู่ไคลแม็กซ์ได้เข้มข้นจริง ๆ ได้เห็นพัฒนาการของตัวเอกตลอดทางด้วย วงการนี้เข้าแล้วต้องทิ้งทุกอย่างเพื่ออำนาจ ที่ชอบคือพวกมาเฟียมากประสบการณ์ทุกคนต่างเตือนอเล็กซ์ที่เป็นคนมือสะอาดมาตลอดด้วยเหมือนกัน แต่เขาก็ยังตัดสินใจเข้ามาทำงานนี้เพราะมีทางเลือกไม่มาก และก็เลือกกำหนดวิถีมาเฟียในแบบของตัวเองซะด้วย

Creators: Hossein Amini, James Watkins

8 Episodes (เฉลี่ยตอนละ 50 นาที)
B+

#หนังโปรดxซีรีส์AmazonPrimeVideo