【春大直x 莫凡彼 5公升重量裝冰淇淋】
Chun Place x Movenpick Five Liter Ice Cream Sale
🍨 7/19-7/28 限時拍賣
(Nine-Day-Flash Sale from 7/19-7/28)
🔗 網路下訂 春大直自取 (Order onl...
【春大直x 莫凡彼 5公升重量裝冰淇淋】
Chun Place x Movenpick Five Liter Ice Cream Sale
🍨 7/19-7/28 限時拍賣
(Nine-Day-Flash Sale from 7/19-7/28)
🔗 網路下訂 春大直自取 (Order online and self pick up at @chunplace)
https://bit.ly/2VP7koZ
✨7種人氣口味任你選:
7 classic flavors available for your choosing:
金典巧克力Swiss Chocolate、
夢幻香草Vanilla Dream、
草莓Strawberry、
咖啡Espresso Croquant、
義大利起士Straciatella、
楓糖核桃Maple Walnut、
瑞士牛奶糖 Caramelita
📱 即刻起開放預訂,前1000位購買送5L保冷袋!
Pre-order now!
First 1000 customers get a free 5 liter isothermal bag!
👉 50% OFF! 你沒看錯就是五折!五折!五折!
⚠️ 5公升只要1260元(原價$2520) Original Price: $2520 Now: $1260
First time making churros 😂
Thanks @ameliatann for helping and editing those photos for my lazy ass 🤣
最近疫情都在挑戰我的廚藝😂
為了這次為期9天的莫凡彼限時拍賣,居然做了人生第一次的吉拿棒 哈哈哈 也是有夠瘋的 🤣 有興趣在家做的朋友我也把食譜放在下面囉~ 配上冰淇淋真的超爽的啊!
🔗 https://bit.ly/2VP7koZ
🚝 劍南路站
☎️ (02) 8502-7209
📌 No. 303, Lequn 3rd Road, Zhongshan District, Taipei City, 10491
👯Tag your drinking buddies!
Churros Recipe
Mix and boil:
1 cup water
1/4 cup unsalted butter, diced into small cubes
1 Tbsp granulated sugar
1/4 tsp salt
Once boiled in a pot, quickly add in sifted flour:
1 cup all-purpose flour
Wait for 5-10 mins before blend in:
1 large egg (feel free to add another egg for richer tasting, but one is fine)
1/2 tsp vanilla extract
Heat the pot of vegetable oil to 175C, for frying
Once golden brown, place on a paper towel for 20 seconds for draining before rolling into the cinnamon sugar mix
For coating the churros, mix in
1/2 cup granulated sugar
3/4 tsp ground cinnamon
And you’re done!
#taipeieater #taipeieats #taipeifood #taipeifoodie #taipeicafe #popdaily #hungryintaipei #yummyday #movenpick #icecream #icecreamlover #desserttable #churros #2eat2gether #teatime #beautifulcuisines #popyummy #台北美食 #捷運美食 #台北咖啡 #台北咖啡廳 #台北下午茶 #中山 #中山美食 #中山區 #外帶 #莫凡彼 #春大直 #特賣
isothermal 在 TaipeiEater Facebook 的最讚貼文
【春大直x 莫凡彼 5公升重量裝冰淇淋】
Chun Place x Movenpick Five Liter Ice Cream Sale
🍨 7/19-7/28 限時拍賣
(Nine-Day-Flash Sale from 7/19-7/28)
🔗 網路下訂 春大直自取 (Order online and self pick up at @chunplace)
https://bit.ly/2VP7koZ
✨7種人氣口味任你選:
7 classic flavors available for your choosing:
金典巧克力Swiss Chocolate、
夢幻香草Vanilla Dream、
草莓Strawberry、
咖啡Espresso Croquant、
義大利起士Straciatella、
楓糖核桃Maple Walnut、
瑞士牛奶糖 Caramelita
📱 即刻起開放預訂,前1000位購買送5L保冷袋!
Pre-order now!
First 1000 customers get a free 5 liter isothermal bag!
👉 50% OFF! 你沒看錯就是五折!五折!五折!
⚠️ 5公升只要1260元(原價$2520) Original Price: $2520 Now: $1260
First time making churros 😂
Thanks @ameliatann for helping and editing those photos for my lazy ass 🤣
最近疫情都在挑戰我的廚藝😂
為了這次為期9天的莫凡彼限時拍賣,居然做了人生第一次的吉拿棒 哈哈哈 也是有夠瘋的 🤣 有興趣在家做的朋友我也把食譜放在下面囉~ 配上冰淇淋真的超爽的啊!
🔗 https://bit.ly/2VP7koZ
🚝 劍南路站
☎️ (02) 8502-7209
📌 No. 303, Lequn 3rd Road, Zhongshan District, Taipei City, 10491
👯Tag your drinking buddies!
Churros Recipe
Mix and boil:
1 cup water
1/4 cup unsalted butter, diced into small cubes
1 Tbsp granulated sugar
1/4 tsp salt
Once boiled in a pot, quickly add in sifted flour:
1 cup all-purpose flour
Wait for 5-10 mins before blend in:
1 large egg (feel free to add another egg for richer tasting, but one is fine)
1/2 tsp vanilla extract
Heat the pot of vegetable oil to 175C, for frying
Once golden brown, place on a paper towel for 20 seconds for draining before rolling into the cinnamon sugar mix
For coating the churros, mix in
1/2 cup granulated sugar
3/4 tsp ground cinnamon
And you’re done!
#taipeieater #taipeieats #taipeifood #taipeifoodie #taipeicafe #popdaily #hungryintaipei #yummyday #movenpick #icecream #icecreamlover #desserttable #churros #2eat2gether #teatime #beautifulcuisines #popyummy #台北美食 #捷運美食 #台北咖啡 #台北咖啡廳 #台北下午茶 #中山 #中山美食 #中山區 #外帶 #莫凡彼 #春大直 #特賣
isothermal 在 政變後的寧靜夏午 Facebook 的最讚貼文
TWO MORE VIETNAMESE COVID-19 TEST KITS AUTHORIZED TO BE SOLD IN EUROPE
On Friday afternoon, June 5, Vietnam announced two more test kits for SARS-CoV-2 virus authorized for sale in Europe and are named on the World Health Organization (WHO)’s Emergency Use Listing procedure.
One-step RT-PCR COVID-19 kit Thai Duong:
- Priced at 480,000 VND (~21 USD)/test
- Can detect SARS-CoV-2 virus from clinical sample
- Produces result four hours since sample collection
- Has 100% specificity
- Remains stable during transport using gel cold packs with temperature ranging from 2-8 degrees Celsius within 72 hours
- Created by R&D Group of the National Institute for Control of Vaccine and Biologicals, successfully tested in February 2020.
RT-LAMP COVID-19 kit Thai Duong:
- The kit can be used at on-site medical facilities or field hospitals during COVID-19 outbreaks and only requires a heating device that can maintain a constant temperature of 64 degree Celsius.
- Carrying out the Reverse Transcription Loop-Mediated Isothermal Amplification (RT-LAMP) technique only requires a simple heating device without the need for any PCR equipment.
- Can detect the novel coronavirus using the naked eye, based on color changes of indicator chemicals on ten copies per reaction which is comparable to Real-time PCR (RT-PCR) technique.
- A sample could be processed within 30 minutes using the new kit compared to 120 minutes using the RT-PCR technique.
- The kit will not show false positive results for other coronaviruses such as SARS-CoV, MERS-CoV, HKU4, HKU1, OC43, and 229E.
The kit has attracted a lot of attention from the US and Europe.
In research carried out by the Ministry of Health, an R&D team has successfully created a Version 2.0 of the product with more improvements to eliminate variables during testing procedures. It is expected to be presented in the near future.
Both test kits have been authorized to be sold in the EU (CE Certificate). From May 7, the Ministry of Health has provided the two kits with product codes under the Decision 1986/QĐ-BYT from the government.
The two kits are the product of research projects carried out by Vietnamese scientists to create test kits capable of detecting SARS-CoV-2 virus. These teams are from the National Institute for Control of Vaccine and Biologicals and Hanoi University of Science and Technology.
Sao Thai Duong is a medical company excelling in medicinal product reseach, development, and distribution.
isothermal 在 มติพล ตั้งมติธรรม Facebook 的精選貼文
เราตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้อย่างไร?
“มึงว่ากูติดยังวะ?” น่าจะเป็นคำถามที่คนถามมากที่สุดกันในช่วงนี้ ซึ่งวิธีเดียวที่จะรู้ได้แน่ๆ ว่าติดหรือไม่ติด ก็คือการ “ไปตรวจ” ว่าแต่ว่าการตรวจนี่เขาทำกันอย่างไร? ทำไมมันถึงแพงและใช้เวลานาน? เราพอจะมีวิธีอื่นที่จะตรวจได้เร็วกว่านี้หรือไม่
*ทำไมตรวจหาไวรัสจึงไม่ได้ตรวจได้ง่ายๆ?*
ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ ไวรัสก็เป็นแค่สารพันธุกรรมที่ทำจาก RNA และหุ้มด้วยเปลือกนอกที่ทำจากโปรตีนและไขมัน ปัญหาที่ท้าทายอย่างหนึ่งของการตรวจหาเชื้อไวรัสก็คือ ไวรัสนั้นมีขนาดเล็กมากเกินกว่าที่จะส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ธรรมดาได้ และปัจจุบันนี้นั้นเราก็ยังไม่พบวิธีที่จะสามารถเพาะเชื้อไวรัสภายนอกร่างกายของมนุษย์ได้ เราจึงไม่สามารถตรวจไวรัสจากการเพาะเชื้อได้ นอกไปจากนี้ในช่วงแรกๆ ของการติดต่อนั้นจำนวนอนุภาคไวรัสอาจจะมีน้อยมากเสียจนไม่สามารถตรวจวัดได้ด้วยวิธีปรกติ
วิธีหนึ่งที่เราสามารถตรวจหาเชื้อไวรัสได้ ก็คือการตรวจหาภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ผลิตออกมาเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัส (วิธี IgG/IgM) ซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างสะดวกและรวดเร็ว และเหมาะกับการช่วยสกรีนผู้ป่วยแต่เนิ่นๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวิธีนี้นั้นใช้ตรวจหาภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นมา ในระยะแรกๆ ของการติดเชื้อร่างกายอาจจะยังไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา ผลที่เป็นลบโดยวิธีนี้จึงไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าไม่ได้มีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย และเป็นการตรวจว่า "เราเคยติดเชื้อโควิด-19 แล้วหรือยัง" เสียมากกว่า ซึ่งกว่าจะตรวจวิธีนี้พบก็อาจจะปาเข้าไปสองอาทิตย์[2][3] ซึ่งตอนนั้นก็เลยเวลาที่ควรจะต้องกักตัวไปแล้ว
ดังนั้นหากเราต้องการจะตรวจดูว่าเราติดเชื้อหรือยัง ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อกักตัว วิธีเดียวที่จะทำได้ก็คือการตรวจหาลำดับของกรดนิวคลีอิก (nucleic acid) ที่เป็นสารพันธุกรรมของไวรัส SARS-CoV-2 ที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19
ความเป็นจริงแล้ว มนุษย์เราเพิ่งจะรู้จักกับสารพันธุกรรมที่เรียกว่า DNA เมื่อไม่นานมานี้นี่เอง เราเพิ่งจะทราบว่า DNA มีโครงสร้างคล้ายบันไดเกลียวแค่เพียงประมาณ 50 ปีที่แล้ว และการใช้รหัสพันธุกรรมที่จำเพาะของ DNA ในการตรวจสอบทางนิติเวชก็เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1986 นี่เอง แต่ด้วยความเข้าใจเรื่องชีวโมเลกุลที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ทุกวันนี้เรามีเทคโนโลยีเพียงพอที่จะสามารถตรวจหารหัสพันธุกรรมของเชื้อไวรัสในผู้ป่วยแต่เนิ่นๆ ได้ในแบบที่เราไม่เคยทำได้มาก่อน
สารพันธุกรรมในสิ่งมีชีวิตนั้นถูกเขียนอยู่ในรูปของกรดนิวคลีอิก ซึ่งเปรียบได้กับตัวอักษรหนึ่งตัวในสมุดเล่มหนาๆ ที่เป็นรหัสพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตทุกชนิดนั้นประกอบขึ้นจากตัวอักษรเพียงแค่สี่ตัว ได้แก่ C, G, A, T (หรือ U ในกรณีของ RNA) ซึ่งใน DNA นั้น เบสแต่ละตัวจะจับคู่กันกับคู่ของมัน โดย C จะคู่กับ G, A คู่กับ T เปรียบได้กับตัวต่อที่ลงล๊อคกันพอดี ใน DNA จึงประกอบขึ้นเป็นสายสองสายที่คู่กัน พันกันเป็นเกลียวคล้ายบันไดเวียน
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกใช้ “ตัวอักษร” และ “ภาษา” เดียวกันในการถอดรหัสสารพันธุกรรมไปเป็นโปรตีน สิ่งเดียวที่ทำให้เราแตกต่างจากไวรัสก็คือ “เนื้อหา” ซึ่งขึ้นอยู่กับ “ลำดับ” ของการเรียงตัวอักษรในพันธุกรรม แม้กระทั่งเซลล์ร่างกายของเราก็ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสารพันธุกรรมเส้นใดเป็นของเรา และเส้นใดเป็นของไวรัส นี่คือเหตุผลว่าทำไมรหัสพันธุกรรมของไวรัสจึงสามารถใช้ทรัพยากรของเซลล์เราในการเพิ่มจำนวนได้ แต่ในขณะเดียวกันนั่นก็หมายความว่าเราจะไม่สามารถแยกได้ว่าสารพันธุกรรมใดมาจากร่างกายของเรา และสารพันธุกรรมใดมาจากเชื้อไวรัส แต่เนื่องจากรหัสพันธุกรรมที่ประกอบขึ้นเป็นมนุษย์อย่างเรานั้น แตกต่างจากรหัสที่ทำให้ไวรัสเป็นไวรัสที่ร้ายแรงและสร้างโรคติดต่อได้ หากเราสามารถหาวิธีที่จะ “อ่าน” และค้นหาลำดับการเรียงตัวของรหัสพันธุกรรมที่เฉพาะเจาะจงที่ไม่พบในสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีกเลยนอกไปจากเชื้อที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 อยู่ภายในร่างกายของเรา เราก็จะยืนยันได้ว่าเรามีเชื้อไวรัสอยู่
แต่ปริมาณของสารพันธุกรรมที่เราเก็บได้จากผู้ป่วยนั้นมีเพียงน้อยนิด ในตัวอย่างหนึ่งเราอาจจะมีสารพันธุกรรมเพียงแค่ 100 เส้นต่อการเก็บตัวอย่างหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยและมีขนาดเล็กเกินกว่าจะสามารถสังเกตเห็นด้วยกล้องจุลทรรศน์ใดๆ ได้ และปัจจุบันเรายังไม่มีวิธีใดที่จะหยิบบันไดเกลียวขนาดเล็กนี้มาเปิดอ่านราวกับเป็นหน้าหนังสือได้โดยตรง
แต่เนื่องจากสารพันธุกรรมนั้นเป็นสิ่งที่สามารถจำลองและเพิ่มจำนวนตัวเองได้ตามธรรมชาติ เราจึงสามารถพึ่งคุณสมบัตินี้ในการเพิ่มจำนวนสารพันธุกรรมของไวรัสให้มีมากพอที่เราจะสามารถตรวจสอบได้
*วิธีตรวจมาตรฐานแบบ RT-PCR*
วิธีมาตรฐานที่แม่นยำที่สุดที่ยอมรับกันทั่วโลกและถือเป็นมาตรฐาน (Gold Standard) ในปัจจุบันก็คือ วิธีการตรวจหารหัสพันธุกรรมของ SARS-CoV-2 ผ่านทางกระบวนการที่เรียกว่า RT-PCR (Real-Time PCR)
วิธีนี้เริ่มจากสกัดและถอดรหัส RNA ของไวรัสในตัวอย่างให้อยู่ในรูปของ DNA (เรียกว่าขั้นตอน Reverse Transcription) จากนั้นเราจึงใช้คุณสมบัติของ DNA ในการจำลองตัวเองในธรรมชาติ เพื่อเพิ่มจำนวนสารพันธุกรรมของไวรัสในหลอดทดลองให้มากพอที่จะสามารถตรวจวัดได้ ผ่านทางปฏิกิริยาการเพิ่มจำนวนสารพันธุกรรมแบบลูกโซ่ที่เรียกว่า Polymerase Chain Reaction (PCR)
ในการจำลองสารพันธุกรรมนั้น ขั้นแรกเราจะต้องมีการคลายเกลียว DNA และแยกออกจากกันก่อน โดยในหลอดทดลองเราทำได้โดยการเพิ่มความร้อนไปที่ 95°C จากนั้นเมื่อคลายเกลียวออกจากกันแล้วเราจะลดอุณหภูมิลงมาที่ 58°C และสาย DNA สั้นๆ ตั้งต้นที่เรียกว่า primer จะจับเฉพาะกับ DNA ที่ตรงกับรหัสพันธุกรรมของไวรัส และกรดนิวคลีอิกในสารละลายจะค่อยๆ จับกับคู่ของตนบนสาย DNA ที่คลายเกลียวออกทีละคู่ จนสุดท้ายจาก DNA หนึ่งเกลียว เราจะได้ออกมาเป็นสองเกลียวที่มีรหัสพันธุกรรมเหมือนกันทุกประการ และหากเราทำซ้ำไปเรื่อยๆ สัก 45 ครั้ง เราก็จะสามารถเพิ่มจำนวนสารพันธุกรรมในตัวอย่างของเราขึ้นมาเป็น 2^45 หรือประมาณ 35 ล้านเท่า
ในระหว่างนี้ เราสามารถออกแบบโมเลกุลมาโมเลกุลหนึ่ง ที่มีรหัสส่วนหนึ่งของเชื้อ SARS-CoV-2 ที่ไม่ได้ซ้ำกับสิ่งมีชีวิตอื่นใด (สำหรับการตรวจหาโรคโควิด-19 เราใช้รหัส CAGGTGGAACCTCATCAGGAGATGC)[1] ติดกับโมเลกุล reporter ที่สามารถเรืองแสงได้เมื่อจับเข้ากับรหัสพันธุกรรมที่พอดีกันของไวรัส ซึ่งหากเครื่องมือ RT-PCR สามารถสังเกตเห็นแสงนี้ได้ ก็จะเท่ากับเป็นการยืนยันว่าในตัวอย่างนี้มีรหัสพันธุกรรมของไวรัสอยู่จริง โดยในวิธี Real-Time PCR นั้นการเพิ่มจำนวนจะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีปริมาณสารพันธุกรรมของไวรัสมากพอที่สามารถตรวจพบได้ ซึ่งหากตัวอย่างนั้นมีอนุภาคไวรัสอยู่เยอะก็อาจจะพบหลังจาก cycle การเพิ่มจำนวนไปไม่มาก และใช้เวลาไม่นาน แต่หากตัวอย่างมีน้อยมากหรือไม่มี ก็จะต้องทำซ้ำไปถึง 40-50 cycle เพื่อให้แน่ใจว่าในตัวอย่างนั้นไม่มีสารพันธุกรรมของไวรัสจริงๆ
แม้ว่าวิธีการตรวจหารหัสสารพันธุกรรมในปัจจุบันจะได้รับการพัฒนาให้ถูกและเร็วกว่าเมื่อไม่ถึงสิบปีที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก แต่ว่าวิธีดังกล่าวนั้นก็ยังมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และใช้เวลาที่ค่อนข้างนานหลายชั่วโมง นอกไปจากนี้ยังต้องใช้เครื่องมือพิเศษที่ทั้งสามารถปรับ cycle อุณหภูมิที่พอเหมาะได้ และสามารถตรวจวัดแสงที่เรืองออกมาจากโมเลกุลของ reporter ที่ตรวจพบรหัสพันธุกรรมที่เรากำลังมองหา เนื่องจากเครื่องมือเหล่านี้นั้นมีจำกัด ขั้นตอนใหญ่ๆ ของการตรวจจึงเสียไปกับการส่งตัวอย่างที่เก็บได้ไปยังห้องทดลอง
จะเห็นได้ว่ากว่าจะได้คำตอบมาว่า “มึงว่ากูติดยังวะ” นั้นไม่ได้ง่ายๆ เลย และต้องผ่านขั้นตอนหลายขั้นตอนที่ทั้งยุ่งยากและเสียเวลาและทรัพยากรพอสมควร ซึ่งทั่วโลก แม้กระทั่งในไทยเอง ก็มีการศึกษาหาวิธีอื่นที่อาจจะลดขั้นตอนที่ยุ่งยากเหล่านี้ให้ถูก และเร็วกว่าได้อีก
*วิธีตรวจแบบใช้อุณหภูมิคงที่ loop-mediated isothermal amplification (LAMP)*
วิธีแรกที่เรียกสั้นๆ ว่า “LAMP” นั้น อาศัยการออกแบบชิ้นส่วนของ DNA ตั้งต้น ที่เราเรียกว่า primer ที่มีความสามารถในการเบียดแทนกัน และขดเป็นวงได้ คุณสมบัติพิเศษทั้งสองของ primer ที่ออกแบบนี้นั้น ทำให้เราสามารถทำการเพิ่มจำนวนของ DNA โดยที่ไม่ต้องผ่านขั้นตอนการคลายเกลียวออก ซึ่งนั่นหมายความว่าเราสามารถข้ามขั้นตอนการ cycle เปลี่ยนอุณหภูมิ และสามารถทำการเพิ่มจำนวนสารพันธุกรรมทั้งหมดได้ที่อุณหภูมิคงที่เพียงอุณหภูมิเดียว (isotherm)
เนื่องจากด้วยวิธีนี้เราสามารถทำ PCR ได้ที่อุณหภูมิที่คงที่เพียงอุณหภูมิเดียว ทำให้เราสามารถใช้เครื่องมือที่มีต้นทุนที่ถูกกว่า และแพร่หลายกว่าในการทดสอบได้ โดยเราสามารถใช้เครื่องมือปรกติที่หลายๆ โรงพยาบาลทั่วประเทศมีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องส่งตัวอย่างมาตรวจที่ห้องทดลองที่มีเครื่องมือเฉพาะ
และด้วยวิธี LAMP นี้ เราสามารถเติมสารลงไปที่จะเกิดการตกตะกอนและเกิดสีเมื่อมีรหัสพันธุกรรมตรงกับรหัสของเชื้อ SARS-CoV-2 ที่เรากำลังหา ซึ่งการเกิดตะกอนนี้สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า และสามารถกำจัดการใช้เครื่องมือเพื่อยืนยันการเปล่งแสงไปได้อีก
นอกไปจากนี้ การตัดขั้นตอนการเปลี่ยนอุณหภูมิยังทำให้ทั้งค่าใช้จ่ายและเวลาที่ใช้ในการตรวจลดลง ผลที่ได้ก็คือการตรวจที่ทั้งถูก และเร็วกว่าวิธี RT-PCR ปรกติ
ซึ่งสำหรับวิธีนี้นั้น ในประเทศไทยก็มีทีมนักวิจัยที่กำลังทำการศึกษาวิจัยวิธีนี้อยู่ โดยได้ทำการทดสอบวิธี LAMP กับกลุ่มตัวอย่างควบคู่ไปกับการตรวจเชื้อในโรงพยาบาลโดยวิธีมาตรฐานมาตลอด และปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบกับหน่วยงานกลางเพื่อรอการรับรองให้สามารถนำมาใช้จริงในวงกว้างเพื่อเสริมการทำงานของการทดสอบแบบ RT-PCR ซึ่งจะทำให้สามารถตรวจเชื้อได้กว้างขึ้น ด้วยเวลาที่สั้นลง และค่าใช้จ่ายที่ถูกลง
*วิธีตรวจโดยใช้เทคโนโลยี CRISPR-Cas13*
อีกวิธีหนึ่งที่กำลังมีการวิจัยอยู่ ก็คือวิธีการตรวจสอบผ่านทางโปรตีนที่เรียกว่า CRISPR-Cas13 โปรตีนกลุ่ม CRISPR (อ่านว่า คริส-เปอร์) นี้เป็นโปรตีนที่พบในแบคทีเรีย ในธรรมชาตินั้นแบคทีเรียใช้โปรตีนเหล่านี้เป็นกลไกในการการจดจำรหัสพันธุกรรมของไวรัส และสู้กับไวรัสในธรรมชาติ
ในโปรตีน CRISPR นั้น จะมีส่วนของ guide RNA ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่ guide RNA นั้นจับคู่เข้ากับรหัสพันธุกรรมที่ตรงกับที่ระบุเอาไว้ใน guide RNA โปรตีน CRISPR ก็จะทำงาน และจะทำหน้าที่คล้ายๆ กับกรรไกรเริ่มตัดสาย RNA ของไวรัสทิ้งเสีย ซึ่งการที่ CRISPR สามารถเอาส่วนของ RNA ไวรัสใหม่มาเป็น guide RNA และสามารถทำลาย RNA ของไวรัสได้นั้น เป็นกลไกหลักๆ ที่ทำให้แบคทีเรียสามารถตอบสนองและต่อสู้กับไวรัสชนิดใหม่ๆ ที่พบได้ในธรรมชาติ
ปัจจุบันเรามีงานวิจัยที่พยายามใช้ประโยชน์จาก CRISPR เป็นจำนวนมาก โดยเราสามารถใช้ CRISPR ในการหารหัสพันธุกรรมที่ต้องการ ทำการตัดรหัสพันธุกรรมเหล่านั้นทิ้งเสีย และเราสามารถออกแบบให้มันทดแทนรหัสพันธุกรรมที่ตัดทิ้งไปด้วยรหัสพันธุกรรมใหม่ที่เราใส่เข้าไป เราจึงสามารถใช้ CRISPR ในการตัดต่อพันธุกรรมได้ไม่ต่างอะไรกับฟังก์ชั่น Find and Replace บนคอมพิวเตอร์ และวิธี CRISPR นี้ก็เป็นวิธีเดียวกับที่นักวิจัยจากจีนได้ทำการตัดต่อพันธุกรรมทารกคู่แฝดที่ตัดต่อพันธุกรรมคู่แรกของโลก เพื่อให้มียีนที่ทนทานต่อเชื้อ HIV
โปรตีน CRISPR-Cas13 นั้นเป็นโปรตีนตัวหนึ่งในกลุ่มของ CRISPR แต่มีความพิเศษกว่าตรงที่ เมื่อมันจับเข้ากับ guide RNA แล้วนั้น มันจะทำการตัด RNA ทุกอย่างรอบตัว ไม่ว่า RNA นั้นจะเกี่ยวข้องกับรหัสที่มันกำลังหาอยู่หรือไม่ก็ตาม ซึ่งถึงแม้ว่าความไม่จำเพาะเจาะจงของ CRISPR-Cas13 นั้นจะไม่มีประโยชน์ในการนำไปตัดต่อพันธุกรรม แต่เราพบว่าเราสามารถนำมันมาใช้ได้ในการตรวจหาโรค
เนื่องจาก CRISPR-Cas13 นั้นจะไม่ทำงานจนกว่ามันจะพบกับ RNA ที่เข้าคู่ได้กับ guide RNA มันจึงมีความเจาะจงเฉพาะกับรหัสพันธุกรรมของไวรัสที่เรากำลังหาเพียงเท่านั้น และเนื่องจากเมื่อมันถูก activate แล้วนั้นการตัดของมันสามารถตัดสาย RNA อื่นได้ด้วย เราจึงสามารถออกแบบโมเลกุล reporter ที่ถูกเชื่อมเอาไว้โดย RNA สายสั้นๆ
เมื่อใดก็ตามที่ตัวอย่างของเรามีรหัสพันธุกรรมที่เข้าคู่กันได้กับ guide RNA ที่เราใส่ลงไปใน CRISPR-Cas13 โมเลกุล reporter ที่ปลายทั้งสองของ RNA สายสั้นๆ จะถูกแยกออก ซึ่งเราสามารถออกแบบแถบกระดาษที่ทำให้ reporter เหล่านี้ไปติดที่คนละตำแหน่งได้ ขึ้นอยู่กับว่ามันถูก CRISPR-Cas13 ตัดหรือยัง ซึ่งทำให้เราสามารถออกแบบเครื่องมือตรวจที่สามารถทำได้โดยการหยดสารพันธุกรรมลงไปบนแถบกระดาษ และขึ้นขีดขึ้นมาคนละตำแหน่งขึ้นอยู่กับว่ามีพันธุกรรมของไวรัสอยู่ในตัวอย่างแล้วหรือยัง
ซึ่งวิธีนี้นั้น นอกจากจะถูกกว่า และรวดเร็วกว่าวิธี RT-PCR มาตรฐานแล้ว ยังได้เปรียบตรงที่การอ่านผลนั้นทำได้โดยง่ายโดยการอ่านแถบสีบนกระดาษ ไม่ต่างอะไรกับที่ตรวจครรภ์ธรรมดา
ปัจจุบันสำหรับประเทศไทย ทีมนักวิจัยจาก VISTEC กำลังทำการวิจัยเครื่องมือตรวจหาโรคโควิด-19 ด้วยวิธี CRISPR-Cas13 นี้ โดยได้ทำการทดสอบกับตัวอย่างเชื้อจากผู้ติดเชื้อจริงแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายที่รอการรับรองก่อนสามารถนำไปใช้จริง
*หมายเหตุ* สำหรับโพสต์นี้เป็นโพสต์ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างผม ทีมนักวิจัยจาก VISTEC ที่กำลังทำเครื่องมือทดสอบโดย CRISPR-Cas13 และอีกทีมนักวิจัยที่กำลังพัฒนาเครื่องมือทดสอบแบบ LAMP โดยไม่แสวงหากำไรและไม่ประสงค์จะออกนาม และขอขอบคุณภาพวาด โดยคุณตุลย์ กับ คุณจินดา จาก www.picturestalk.net ที่อาสาจะวาดภาพให้โดยไม่แสวงหาค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น
อ้างอิง/อ่านเพิ่มเติม:
[1] https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6988269/
[2] https://www.medrxiv.org/content/10.1101/2020.03.02.20030189v1?fbclid=IwAR2dckugSvn277FBWU_-RH8MvYvqOm0l9aji9qzx9FpxQMnd1mOIAG5hsmI
[3] https://www.medrxiv.org/content/10.1101/2020.03.02.20030189v1?fbclid=IwAR2dckugSvn277FBWU_-RH8MvYvqOm0l9aji9qzx9FpxQMnd1mOIAG5hsmI