雖然這篇Immobility meaning鄉民發文沒有被收入到精華區:在Immobility meaning這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 immobility產品中有8篇Facebook貼文,粉絲數超過1,715的網紅Jeremy C. Photography,也在其Facebook貼文中提到, outbreak of collective silence & immobility. hongkong. 2020.02 #shotoniphone11promax...
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「immobility」的推薦目錄
- 關於immobility 在 Yancy Wong 黃婉恩 Instagram 的最讚貼文
- 關於immobility 在 Lifelong Animal Protection Instagram 的最佳解答
- 關於immobility 在 P Jai Instagram 的最讚貼文
- 關於immobility 在 Jeremy C. Photography Facebook 的最佳貼文
- 關於immobility 在 福本幸子|Sachiko Fukumoto Facebook 的最讚貼文
- 關於immobility 在 ยิ้มอ่อน Facebook 的最佳解答
- 關於immobility 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
- 關於immobility 在 大象中醫 Youtube 的最佳解答
- 關於immobility 在 大象中醫 Youtube 的最佳解答
immobility 在 Yancy Wong 黃婉恩 Instagram 的最讚貼文
2021-08-17 06:18:30
𝗜’𝗺 𝗻𝗼𝘁 𝗳𝗶𝘁, 𝗜’𝗺 𝗻𝗼𝘁 𝗽𝗲𝗿𝗳𝗲𝗰𝘁 𝗯𝘂𝘁 𝗶𝘁’𝘀 𝗼𝗸 𝗯𝗲𝗰𝗮𝘂𝘀𝗲 𝗜’𝗺 𝗲𝗮𝘁𝗶𝗻𝗴 , 𝗜’𝗺 𝗵𝗲𝗮𝗹𝘁𝗵𝘆 & 𝘀𝘁𝗿𝗼𝗻𝗴𝗲𝗿 𝘁𝗵𝗮𝗻 𝗯𝗲𝗳𝗼𝗿𝗲 🤍 I have not reached my goal at the moment, just sta...
immobility 在 Lifelong Animal Protection Instagram 的最佳解答
2021-05-10 17:09:54
📣📣 From now till June, if you purchase Creature Comforts The Wellness Oil CBD products on https://creaturecomfortscbd.com/ with code “HAPPYHOME”, @cre...
immobility 在 P Jai Instagram 的最讚貼文
2021-04-11 14:50:14
A good day 💛☕️☀️🌳🌼 My immobility does not stop me from enjoying the simple pleasures in life #I💛Taiwan #dogofthedaytw #dogofthedayjp #foxterrier #dege...
immobility 在 Jeremy C. Photography Facebook 的最佳貼文
outbreak of collective silence & immobility.
hongkong.
2020.02
#shotoniphone11promax
immobility 在 福本幸子|Sachiko Fukumoto Facebook 的最讚貼文
Tonic immobility is a state of paralysis.
immobility 在 ยิ้มอ่อน Facebook 的最佳解答
เห้ยย นี่คือเคยโดนอุบัติเหตุนะ ตอนนั้นเรียนขี่ม้า มันวิ่งเร็วแล้วคือเท้าเรามันหลุดออกมาจากที่เหยียบ คือหลุดปุ้ปเราจะทรงตัวไม่ได้ จังหวะนั้นคือตัวนี่จะหลุดจากม้าแล้วอะ เอียงทำมุม45°กับพื้น
จังหวะนั้นคือเหมือนจิตหลุด หูอื้อ สมองประมวลผลเเล้วว่ากูร่วงแน่ๆกระเเทกพื้นแน่ๆ (คือจังหวะที่คิดนี่แค่เสี้ยววินาทีเลยอะแต่มันเหมือนผ่านไปช้ามาก เห็นภาพเป็น slowmotion) แล้วก็ร่วงจริงๆ ไม่รู้สึกเจ็บ ไม่ร้องไห้ กระแทกพื้นแบบกระเด็นออกเลย
สักพักก็เดินไปหาแม่ แล้วค่อยร้องไห้ พอสติมาเท่านันแหล่ะ เจ็บโคตรๆ อ่านโพสต์นี้เเล้วเข้าใจเลยว่าทำไมร่างกายมันเป็นแบบนั้นนน
cr. แคปชั่นจากเพื่อนคนนึงในเฟสบุ๊คมันบอกให้ตัดชื่อกูออกไปเลยนะ สงสัยไม่อยากมีชื่อในเพจ555555555555555555
"ผู้หญิงที่กำลังถูกข่มขืนมีปฏิกิริยาอย่างไร: ความจริงกับความเชื่อ
เมื่อวานสอนวิชาสัมมนากฎหมายอาญา แล้วถามนักศึกษาว่า "พวกคุณคิดว่าผู้หญิงที่กำลังถูกข่มขืนเค้าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร" นักศึกษาทั้งห้อง (11 คน ถามทีละคน) ซึ่งมีทั้งหญิงและชายตอบตรงกันว่าผู้หญิงก็คงจะดิ้นรน ขัดขืน และร้องเรียกให้คนช่วย คำตอบนี้ไม่แตกต่างกันกับคำตอบที่ถามในหลายๆ คลาสที่สอน และกับหลายๆ คนที่พูดคุย
เรามักจะเชื่อกันอย่างนั้นเพราะส่วนใหญ่เราก็ไม่เคยถูกข่มขืน และถึงแม้ตามสถิติแล้วผู้หญิงทั่วโลกโดยเฉลี่ยทุก 1 ใน 5 คน จะเคยถูกข่มขืนหรือถูกพยายามข่มขืน แต่คนที่ผ่านประสบการณ์นี้ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ออกมาพูดให้เราฟัง เราจึงเรียนรู้ประสบการณ์แบบนี้ด้วยจินตนาการ ผ่านทางสื่อต่างๆ ซึ่งสร้างภาพให้เราเห็นว่าผู้หญิงที่ถูกข่มขืนจะดิ้นรนสุดกำลังและเรียกร้องให้คนมาช่วย เพื่อสร้างภาพเหยื่อให้น่าสงสารที่สุด
ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและควรต้องคุยกัน และผมไม่คิดว่าเราควรรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ต้องพูดเรื่องความผิดเกี่ยวกับเพศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักกฎหมาย เพราะเมื่อเรามีความคาดหวังว่าผู้หญิงที่เป็นเหยื่อต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้ แล้วในชีวิตจริงเหยื่อนิ่งเฉยไม่โวยวาย ผู้กระทำความผิดอาจอ้างได้ว่ายินยอม เพราะถ้าไม่ยอมคงดิ้นแล้ว โวยวายแล้ว และเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องได้ (ดู CEDAW/C/57/D/34/2011 และ CEDAW/C/46/D/18/2008) รวมทั้งเป็นการวางตราบาปให้กับผู้หญิงที่ถูกข่มขืนว่าทำไมเราไม่สู้ ทำไมเราไม่หนี ถ้าเราทำแบบนั้น ผลคงไม่เป็นแบบนี้
แล้วผู้หญิงโวยวาย ดิ้นรน และเรียกให้ช่วย..จริงหรือ? หรือถามใหม่ ในทางชีววิทยาผู้หญิงในสภาวะเช่นนั้นโวยวาย ดิ้นรน ร้องให้คนช่วยได้จริงหรือ?
คำตอบอาจทำให้ประหลาดใจ เพราะถึงแม้โดยปกติเมื่อเราเผชิญกับภยันตรายร่างกายเราจะสั่งให้เราเข้าสู่สภาวะเตรียมพร้อมที่จะสู้ หรือหนี (fight or flight) ดวงตาเปิดกว้าง ลูกตาดำกรอกด้วยความเร็ว ได้ยินเสียงทุกอย่างอย่างชัดเจน แต่ถ้าภยันตรายนั้นเป็นภยันตรายที่หนีไม่พ้น และรู้ว่าสู้ไม่สำเร็จ (สมองเราคำนวณความเป็นไปได้เร็วมากว่าจะชนะหรือแพ้ และการคำนวณนี้อยู่เหนือการควบคุมของเรา) และภยันตรายนั้นกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง ซึ่งการคุกคามทางเพศโดยเฉพาะการข่มขืนเป็นภยันตรายที่อยู่ในกลุ่มนี้สมองจะสั่งการให้เราอยู่เฉยๆ แล้วการสั่งการนี้ไม่ใช่การแนะนำของสมองต่อร่างกายนะครับ แต่เป็นการที่สมองยึดครองร่างกายไปจากเรา เพราะตอนนั้นสมองส่วนใช้เหตุผล (prefrontal cortex) จะถูกทำให้ใช้การณ์ไม่ได้ เราอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถสั่งการให้ร่างกายขยับได้่ตามใจ (เหมือนกวางที่ถูกเสือจ้อง) ปฏิกิริยาโดยธรรมชาติของร่างกายเมื่ออยู่ในสภาวะสิ้นหวังนั้น จากตาเปิดกว้างตอนนี้เราจะปิดตาลง ตัวสั่นเทา อุณหภูมิร่างกายลดลง ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด หมดเรี่ยวแรง และในกรณีที่รุนแรงคือเราไม่รู้สึกถึงตัวตนหรือแยกตัวตนออกจากร่างกายที่ถูกกระทำ เราเรียกปฏิกิริยาทั้งหมดนี้ว่า "tonic immobility"
แน่นอนว่าเราสามารถเอาชนะปฏิกิริยาธรรมชาติพวกนี้ ด้วยการฝึกฝนให้ร่างกายเราคุ้นเคยกับสภาวะหวาดกลัวและสิ้นหวังนั้น เหมือนทหารที่ทำให้คุ้นเคยกับเสียงดงกระสุน เมื่อสมองคุ้นชินความหวาดกลัวรูปแบบนี้ เราก็จะยังสามารถบังคับร่างกายได้ คำถามคือผู้หญิงที่เป็นเหยื่อได้ถูกฝึกหัดให้คุ้นชินกับความหวาดกลัวจากการถูกจู่โจมในทางเพศหรือไม่ ผมคิดว่าเรารู้ว่าคำตอบคือไม่ (เว้นแต่กรณีภรรยาถูกสามีข่มขืนเป็นประจำ แต่นั้นก็อาจอธิบายได้ว่าทำไมภรรยาถึงกล้าตอบโต้สามีมากกว่าผู้หญิงถูกคนแปลกหน้าจู่โจม เพราะภรรยา "อาจ" ไม่ได้หวาดกลัวสามี หรือคุ้นชินกับความหวาดกลัวนั้น เหมือนทหารที่ถูกฝึกฝน)
ผมหวังว่าเพื่อนใน fb ที่เป็นนักกฎหมายรุ่นใหม่เมื่อเป็นผู้พิพากษาแล้ว หรือที่เป็นผู้พิพากษาอยู่เมื่อเจอคดีว่าผู้หญิงไม่ร้อง ไม่หนี ไม่ดิ้น จะเข้าใจปฏิกิริยาทางธรรมชาติของร่างกายได้ดีขึ้น และไม่ตัดสินคดีตามจินตนาการว่าการที่ไม่ร้อง ไม่หนี ไม่ดิ้น แปลว่ายอม ซึ่งนั่นไม่เพียงเป็นการทำลายชีวิตคนที่ถูกทำลายมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่ยังเป็นการส่งต่อความเชื่อผิดๆให้กับคนรุ่นต่อไปด้วยครับ
#อย่าให้รุ่นลูกฉลาดเพียงเท่ารุ่นเรา #ข่มขืนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
(รายละเอียดอาการและกรณีศึกษา tonic immobility ดูเพิ่มเติมที่ Fear and the Defense Cascade: Clinical Implications and Management บทความนี้ตีพิมพ์ในวารสารจิตเวชศาสตร์ ของ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Harvard)
http://journals.lww.com/…/Fear_and_the_Defense_Cascade___Cl…
ส่วนเรื่องการที่สมองส่วนการใช้เหตุผลใช้การไม่ได้เมื่อถูกโจมตีอย่างรุนแรง ดู Stress signalling pathways that impair prefrontal cortex structure and function. ตีพิม์ใน Nature Reviews Neuroscience https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/19455173
ใครไม่อยากอ่านงานเขียนทางแพทย์ยาวๆ (แต่สนุกมากอ่านเถอะ)หรืออ่านเป็นพื้นความรู้ก่อน อาจอ่านได้จากบทความในหนังสือพิมพ์ที่เขียนโดยแพทย์จิตเวชเกี่ยวกับเรื่องนี้ https://www.washingtonpost.com/…/why-many-rape-victims-don…/ "
#มิตรสหายท่านหนึ่ง