雖然這篇IBM stock鄉民發文沒有被收入到精華區:在IBM stock這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 ibm產品中有5706篇Facebook貼文,粉絲數超過178萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Facebook貼文中提到, รู้จักเรื่องราวของ Kildall ที่เสียโอกาสทองให้ Bill Gates ไปอย่างน่าเสียดาย /โดย ลงทุนแมน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “Microsoft Windows” เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิ...
同時也有254部Youtube影片,追蹤數超過27萬的網紅コジコジのオタク文化 情報局,也在其Youtube影片中提到,火を噴いたと曰くつきのノートパソコン『Lenovo ThinkPad X61s』を完全分解して炎上の痕跡があるのか検証・動作確認します!! 【もくじ】 00:00 はじめに 00:15 ThinkPad X61s 02:26 詳細 03:55 動作確認 05:58 完全分解手順 13:55 メンテ...
「ibm」的推薦目錄
ibm 在 美心 王 Instagram 的最讚貼文
2021-09-24 03:15:19
🤍 所謂的 「 一 塵 不 染 」 並非沒有塵埃, 而是塵埃任它飛揚, 我自做我的陽光。 要做為一道光, 需要很強大的底氣。 女人的底氣除了錢, 就是智慧和美貌了, 世上也唯有這三樣東西, 絕對不會背叛妳。 感謝在歲月的無情洗禮之下🙂, 我終於成為了一個有閱歷的人。 但叛逆如我, 卻拒絕將這...
ibm 在 Hiroshi Sakaguchi Instagram 的最讚貼文
2021-09-16 10:26:31
「シーズン開幕」 ついにオービックシーガルズ(@obicseagulls )のシーズンが、 9月19日(日)14時〜@カッターフィールドにて開幕します🏈 コロナ禍でなかなか満足に活動できていないチームが多い中、僕たちは多くの方々に支えられ、ここまで満足に活動してこれたのかなと思っています。 僕ら...
ibm 在 Tae Ashida Instagram 的最佳解答
2021-09-16 10:55:45
お陰様でボリュメトリックビデオシステムによって撮影された、jun ashida 2022春夏コレクションの映像に、多くの皆様より反響を頂戴し、また、海外を含めて多数のインタビューなど受けさせていただく嬉しい日々を過ごしています。 映像の中で登場した最後の三着は、父のアーカイブ作品より、私が少しだけ...
-
ibm 在 小熊弥生 Youtube 的最讚貼文
2021-06-15 20:41:06Risk Forward
人生前のめりで全てうまくいく
ビクトリア・ラバーム
基調講演家
パフォーミングアーティスト
パフォーマンスコーチ
スタンフォード大学卒。ニューヨーク在住。
20年以上に渡ってブロードウェイ、TV、コマーシャルの世界で女優として活躍後、
IBM、スターバックス、マイクロソフト、ペイパル、などフォーチュンTOP100企業のリーダー達や、ハリウッドセレブ、ベストセラー作家など700以上の企業や団体の講演やスピーチの指導を行うビジネスパフォーマンスコンサルタトして活動し、TEDを始め世界中でモチベーショナルスピーカーとして講演活動を行う。ニューヨーク・タイムズ、ハリウッドレポーター、Variety紙に記事として取り上げられたり、BBC、ABC放送、グッドモーニングアメリカにも出演。
HALL OF FAME SPEAKERの237人の一人に選出され、アンソニー・ロビンス、ジャック・キャンフィールド、ピーター・H. ディアマンディスなどのTOPスピーカー達と同じステージで基調講演を行う。彼女が教える「スルーライン」「ロック・ザ・ルーム」「リスク・フォーワード」等のメソッドはこれまでに世界中の数十万人の人々の人生をトランスフォーメーションさせ、エリ��ト経営者のクリエイティブワークに貢献している。
プロダクトローンチの創始者ジェフ・ウォーカーのトップ50人のグループ、「プラチナム・プラス」メンバーの一人。 -
ibm 在 OverclockZoneTV Youtube 的最讚貼文
2021-06-13 20:30:11ThinkPad เป็น Notebook ในตำนานจากแบรนด์ IBM ที่สร้างชื่อมาแล้วหลายสิบปี .. ปัจจุบัน Lenovo ก็ซื้อแบรนด์มาทำต่อ โดยยังเน้นดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ การออกแบบที่ใส่ใจทุกรายละเอียด และความทนทานที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี .. ปัจจุบันนี้ตระกูล ThinkPad ก็มีให้เลือกหลากหลายรุ่น อย่างเช่นตัว X1 Nano ตัวนี้ ที่เป็นที่สุดในเรื่องความเบา กับนำ้หนักตัวไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม ในขณะที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น ThinkPad ได้อย่างครบถ้วน ! .. จะออกมาเป็นยังไง วันนี้หยิบมารีวิวให้ดูจ้า
ibm 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
รู้จักเรื่องราวของ Kildall ที่เสียโอกาสทองให้ Bill Gates ไปอย่างน่าเสียดาย /โดย ลงทุนแมน
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “Microsoft Windows” เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก โดยมีส่วนแบ่งการตลาด ที่มากถึง 83%
นวัตกรรมดังกล่าว กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft อย่าง “Bill Gates” กลายเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐี ที่รวยที่สุดในโลกมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินมากถึง 4.4 ล้านล้านบาท
โดยจุดเริ่มต้นของ Microsoft Windows เกิดจากการที่บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่สุดในโลกขณะนั้นอย่าง IBM เริ่มผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ PC และกำลังตามหาบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบปฏิบัติการ ซึ่ง IBM ก็ได้เลือกทำสัญญากับบริษัท Microsoft ที่ในตอนนั้นเพิ่งก่อตั้งมาได้ 5 ปี
แต่รู้หรือไม่ว่านอกจาก Bill Gates แล้ว ยังมีนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์อัจฉริยะอีกคน ที่เกือบได้เป็นผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ให้กับ IBM และอาจจะกลายมาเป็นแบบ Bill Gates ในทุกวันนี้
แล้วเขาคนนั้น คือใคร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
อัจฉริยะที่เกือบได้เป็น Bill Gates คนนั้น มีชื่อว่า “Gary Kildall”
Kildall เกิดในปี 1942 ที่เมืองซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่เดิม Kildall ตั้งใจว่าเมื่อเรียนจบมาจะเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ แต่ระหว่างเรียนระดับปริญญาตรีเขาเริ่มสนใจเรื่องเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ Kildall จึงเรียนต่อจนถึงระดับปริญญาเอกในสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
ในปี 1971 ช่วงที่ Kildall กำลังเรียนปริญญาเอก เขาได้ยินมาว่า Intel จะเปิดตัว ไมโครโพรเซสเซอร์ตัวแรกของโลกที่ชื่อว่า “Intel 4004”
ไมโครโพรเซสเซอร์ ก็คือชิปขนาดเล็กที่มีแผงวงจรรวมจำนวนมหาศาล
ซึ่งนวัตกรรมนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คอมพิวเตอร์ ซึ่งแต่เดิมมีขนาดใหญ่ นิยมใช้กันแต่ในองค์กร มีขนาดเล็กลง จนเป็นไมโครคอมพิวเตอร์และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในเวลาต่อมา
ด้วยความที่ Kildall สนใจเรื่องราวของไมโครโพรเซสเซอร์เป็นอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจเข้าไปทำงานพาร์ตไทม์เป็นที่ปรึกษาให้กับ Intel ซึ่งหลัก ๆ แล้ว Kildall จะพัฒนาและเขียนโปรแกรมที่ใช้งานร่วมกับไมโครโพรเซสเซอร์ของ Intel ได้
จากจุดเริ่มต้นนี้ Kildall ก็ได้ต่อยอดจนสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์
ที่ชื่อว่า “CP/M” ที่นับว่าเป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์แรกของโลก
โดยก่อนหน้าที่จะมี CP/M คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องบนโลกจะต้องใช้ซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นมาของใครของมัน แต่ Kildall ได้พัฒนา CP/M ให้เป็นระบบปฏิบัติการกลาง ซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง
แรงผลักดันในการพัฒนา CP/M และผลงานอื่น ๆ ของ Kildall เกิดขึ้นจากความหลงใหลในคอมพิวเตอร์
เพราะจริง ๆ แล้ว Kildall ไม่เคยสนใจเรื่องธุรกิจเลย แต่ภรรยาของเขาก็ได้โน้มน้าวให้จัดตั้งบริษัทเพื่อจดสิทธิบัตรระบบปฏิบัติการและทำธุรกิจจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ ทั้งคู่เลยร่วมกันก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Digital Research”
ลูกค้าที่เลือกใช้ CP/M ของ Digital Research ก็เช่น IMSAI 8080 ไมโครคอมพิวเตอร์ชื่อดัง ที่เปิดตัวในปี 1975 ซึ่งทำออกมาแข่งกับไมโครคอมพิวเตอร์รุ่นตำนานอย่าง Altair 8800 ของบริษัท MITS
โดย Altair 8800 ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านั้น 1 ปี ยังใช้ซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นมาใช้เฉพาะรุ่น ชื่อว่า BASIC ซึ่งซอฟต์แวร์นี้เองก็เป็นผลิตภัณฑ์แรก ๆ ของบริษัทซอฟต์แวร์น้องใหม่ที่ก่อตั้งโดยชายวัย 20 ปี ที่ชื่อว่า “Bill Gates” ซึ่งเขาได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแล้วชวนเพื่อนมาตั้งบริษัท “Microsoft”
มาถึงในปี 1976 บริษัท Apple ก็ได้ปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ด้วยการเปิดตัวคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรก ๆ ของโลกที่ชื่อว่า Apple I ก่อนที่ในปีถัดมาจะประสบความสำเร็จจาก Apple II ซึ่งบริษัท Apple เรียกว่าเป็น Home Computer ที่คนทั่วไปใช้งานได้ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์
นั่นเลยทำให้ Apple II ได้รับความนิยมสูงมากและสามารถลบคำสบประมาทที่คนมักเถียงกันว่าคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เป็นเพียงอุปกรณ์สำหรับคนที่คลั่งไคล้ในคอมพิวเตอร์เท่านั้น คนทั่วไปคงไม่สนใจซื้อมาใช้งาน
ความสำเร็จของ Apple ก็ทำให้บริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของโลกในขณะนั้นอย่าง IBM อยากเข้ามาร่วมในตลาดคอมพิวเตอร์สำหรับคนทั่วไปบ้าง
ในปี 1980 IBM จึงได้เริ่มออกแบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเรียกว่า Personal Computer หรือ PC แทน Home Computer แบบ Apple เพราะ IBM ไม่ได้มองว่าคอมพิวเตอร์จะต้องใช้แค่ที่บ้าน แต่จะถูกใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่านั้น อย่างเช่นการนำไปใช้งานตามออฟฟิศ
IBM ต้องการทำให้ PC เริ่มวางขายได้เร็วที่สุด IBM จึงโฟกัสที่การออกแบบฮาร์ดแวร์โดยใช้ชิปของ Intel ส่วนซอฟต์แวร์อย่างระบบปฏิบัติการ ทางบริษัทจะจ้างบริษัทขนาดเล็กพัฒนาแทน โดยหนึ่งในบริษัทที่ IBM ติดต่อไปก็คือ Microsoft ซึ่งในตอนนั้นเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียง 5 ปี
IBM เดินทางไปที่ออฟฟิศของ Microsoft ซึ่งเมื่อไปถึง IBM ได้ให้ Gates เซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูล เพราะ IBM ต้องการเก็บเรื่องที่กำลังพัฒนา PC ไว้เป็นความลับ
หลังจากนั้น IBM ก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ Gates ฟัง
แต่โชคร้ายที่ตอนนั้น Microsoft ยังไม่ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
Gates จึงได้แนะนำกับ IBM ว่าให้ไปหา Kildall แห่งบริษัท Digital Research ที่พัฒนาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ไว้แล้ว IBM ตัดสินใจเดินทางไปพบ Kildall ที่ซีแอตเทิลทันที
Gates โทรไปบอก Kildall ว่าจะมีคนสำคัญมากไปพบ ให้ปฏิบัติกับพวกเขาดี ๆ
แต่ Gates เล่ารายละเอียดให้ฟังไม่ได้เพราะติดสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลกับ IBM
Kildall ไม่รู้เลยว่ากลุ่มคนที่กำลังมาพบเขา จะมาจากบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่สุดในโลก
ซึ่งเขากลับคิดว่าคนที่ Gates เล่าถึงจะเป็นเพียงกลุ่มคนที่มาจากบริษัทขนาดเล็ก
เขาจึงไม่ได้สนใจมากนักและเขาก็ได้ขับเครื่องบินส่วนตัวไปอีกเมือง ซึ่งจนถึงตอนนี้ ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าเขาไปขับเครื่องบินเล่นเพื่อหลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือไปติดต่องานทางธุรกิจกันแน่
นั่นจึงทำให้เมื่อ IBM ไปถึงออฟฟิศบริษัท Digital Research ทีมงานจึงได้เจอแต่เพียงภรรยาของ Kildall ซึ่งก่อนที่ทีมงานจาก IBM จะแนะนำตัวและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการให้ฟัง
ทาง IBM ก็ได้ขอให้ภรรยาของ Kildall เซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลก่อนเหมือนกับที่ให้ Gates เซ็น แต่ภรรยาของ Kildall ยังไม่ยอมเซ็นสัญญา
ซึ่งสาเหตุที่เธอไม่ได้เซ็นก็เพราะว่าเธอรู้สึกเหมือนโดนบังคับ
รวมถึงเธอก็อยากรอ Kildall กลับมาพูดคุยเองมากกว่า
ส่วนทาง IBM ก็เริ่มหัวเสียที่เธอไม่ยอมเซ็นสัญญา ทีมงานจาก IBM ก็รอต่อไปไม่ไหว
สุดท้ายแล้ว IBM จึงเดินทางกลับไปโดยยังไม่ทันได้เล่ารายละเอียดเรื่องระบบปฏิบัติการให้ฟัง..
หลังจากนั้น IBM เลยติดต่อไปหา Gates อีกครั้ง
Gates เห็นว่าโปรเจกต์ PC ของ IBM กำลังจะเปลี่ยนตลาดคอมพิวเตอร์ทั่วโลกครั้งใหญ่ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ของเราให้มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากขึ้นแบบก้าวกระโดด
Gates เลยบอก IBM ไปว่า Microsoft สามารถทำระบบปฏิบัติการให้ได้
ทั้งที่ความจริงแล้ว ในตอนนั้น Microsoft ยังไม่มีอะไรเลย
ทางออกเดียวที่ Microsoft จะมีระบบปฏิบัติการไปเสนอให้ IBM ได้ทันเวลาก็คือ การควานหาผู้ที่พัฒนาระบบปฏิบัติการไว้แล้วและไปซื้อต่อมา
Microsoft ไปเจอว่ามีโปรแกรมเมอร์ที่ชื่อว่า Tim Paterson ซึ่งทำงานในบริษัทเล็ก ๆ ที่ชื่อ Seattle Computer ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า Q-DOS
หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft จึงเดินทางไปพบ Paterson เพื่อเจรจาขอซื้อ Q-DOS และดึงตัว Paterson มาเพื่อดัดแปลง Q-DOS ให้เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์เพื่อขายให้ IBM
โดยใช้ชื่อว่า “MS-DOS” โดยที่ Microsoft ไม่รู้ว่า Q-DOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ Paterson เลียนแบบและดัดแปลงมาจาก CP/M ของ Kildall
IBM ตกลงซื้อ MS-DOS ของ Microsoft แต่แทนที่ Microsoft จะขายระบบปฏิบัติการแบบครั้งเดียวจบ Gates เสนอกับทาง IBM ว่าให้ Microsoft ได้รับส่วนแบ่งจากทุกเครื่อง PC ที่ทาง IBM ขายได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ Gates เคยใช้มาแล้วตอนเขียนซอฟต์แวร์ให้ไมโครคอมพิวเตอร์ Altair 8800
ความนิยมของ PC จาก IBM ก็เป็นไปตามที่ Gates คาด เพราะหลังจากที่ “IBM PC” เปิดตัวในเดือนสิงหาคม ปี 1981 ผ่านไป 2 ปีแรก IBM PC สามารถขายได้กว่า 2 ล้านเครื่อง เกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เกือบ 10 เท่า
และด้วยความที่ IBM PC มีราคา คิดเป็นเพียง 2 ใน 3 ของ Apple จึงทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้ได้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกนำไปใช้กันทั่วไปในสำนักงาน จน IBM สามารถเอาชนะ Apple และกลายมาเป็นผู้ผลิต PC ที่ใหญ่สุดในโลกได้
แต่จุดอ่อนของ IBM PC ก็คือตัวเครื่องไม่มีอะไรซับซ้อนและเลียนแบบได้ง่าย
จึงทำให้ในเวลาต่อมา แบรนด์อื่นอย่างเช่น Compaq และ HP ซึ่งก็เป็นผู้พัฒนาคอมพิวเตอร์เหมือนกันสามารถทำตามได้ ในขณะที่เจ้าของซอฟต์แวร์อย่าง Microsoft ก็ไม่เคยตกลงว่าจะขายระบบปฏิบัติการให้ IBM เจ้าเดียว..
Microsoft เลยสามารถขาย MS-DOS ให้กับคู่แข่งของ IBM ได้ทั้งหมด
ซึ่ง Microsoft ก็ยังใช้วิธีเดิมคือคิดส่วนแบ่งจาก PC ทุกเครื่องที่ขายได้
แต่สุดท้ายแล้ว ของเลียนแบบก็คือของเลียนแบบ
เพราะในภายหลัง MS-DOS ที่ดัดแปลงมาจาก Q-DOS ถูกพบว่าเป็นของที่เลียนแบบมาจาก CP/M ของ Kildall
พอ Kildall รู้ เลยจะฟ้องร้อง IBM และ Microsoft ว่าลอกเลียนแบบผลงาน
IBM ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เลยยอมวางขายระบบปฏิบัติการทั้ง 2 ยี่ห้อไปพร้อมกัน Kildall ดีใจได้เพียงไม่นาน ก็ต้องพบว่าราคาขาย CP/M ของเขา แพงกว่า MS-DOS ถึง 6 เท่า
ของคล้ายกันที่ใช้ทดแทนกันได้ แต่มีราคาต่างกันถึง 6 เท่า แถมคนส่วนใหญ่ได้รู้จักและลองใช้ MS-DOS มาก่อนจึงเริ่มคุ้นเคยและไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นที่ต้องลองอีกยี่ห้อหนึ่ง สุดท้ายแล้ว CP/M จึงหายไปจากตลาด
Microsoft จึงกลายเป็นผู้ชนะไป ซึ่งในเวลาต่อมา MS-DOS ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “Microsoft Windows” ที่ได้เปิดตัวในปี 1983 ก่อนที่จะเริ่มวางขายจริงในปี 1985
หลังจากพลาดโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของ Kildall เขาได้หย่ากับภรรยา และใช้ชีวิตอยู่กับความสิ้นหวัง จนท้ายที่สุด เขาก็ได้จบลงที่กลายเป็นคนติดแอลกอฮอล์ตั้งแต่นั้นมา
ส่วนบริษัท Digital Research ก็ถูกขายให้กับบริษัท Novell ในปี 1991
จนกระทั่งในปี 1994 Kildall ในวัย 52 ปี ก็เสียชีวิตลง จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในบาร์ ซึ่งเป็นเวลาเพียง 1 ปีก่อนที่ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows 95 จะเปิดตัวและดังระเบิดไปทั่วโลก
ซึ่งก็น่าคิดเหมือนกันว่าหากวันนั้น Kildall ใส่ใจในสิ่งที่ Bill Gates พูดสักนิด
เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ จะมีเส้นทางที่ต่างจากเดิมมากแค่ไหน
Kildall อาจกลายเป็นมหาเศรษฐีคล้าย Bill Gates
Bill Gates อาจจะไม่ได้โปรเจกต์นั้น และ Windows คงไม่เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
เส้นทางที่เป็นไปแล้วก็คือ ทุกคนรู้จัก Windows และไม่รู้จัก CP/M..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2004-10-24/the-man-who-could-have-been-bill-gates
-https://www.forbes.com/forbes/1997/0707/6001336a.html?sh=65404ead140e
-https://www.theguardian.com/technology/blog/2004/oct/16/themanwhocou
-https://www.embedded.com/was-dos-copied-from-cp-m/
-https://medium.com/@Harasees_Singh/gary-kildall-the-inventor-of-operating-system-ccae7bb50e46
-https://bookjelly.com/the-tragic-story-of-gary-kildall/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Gary_Kildall
ibm 在 iThome Facebook 的最佳貼文
IBM與Linux基金會底下的LFAI and Data合作,發布機器學習交換專案(MLX),這是一個資料和人工智慧資產目錄執行引擎,可管理人工智慧會用到的資產,包括工作管線、模型、資料集和Jupyter筆記本
#看更多 https://www.ithome.com.tw/news/146966
ibm 在 Facebook 的最讚貼文
再見了,我此生最愛的電腦~
.
Macbook Air(2013)
.
那一年,在挑戰重機橫渡美國的路上
電腦因為在沙漠中的強烈靜電影響而故障,
原本因為小紅點而堅持用IBM筆電的我,
突然心血來潮決定跳入阿婆懷抱,
可能被那個潮的要死的氣氛影響,
我竟然在稅金超高的聖莫妮卡買了這台MBA!
.
我記得特別清楚的心情是:
[我最怕的反而不是車壞掉,而是電腦壞掉!]
因為萬一萬一車壞了,我還能把這事情當故事記錄下來,
但要是電腦壞了?我跟這個世界的連結就斷了!
.
當時我有超強烈的心情,
要每天跟各位朋友一起冒險 :D
.
而事實上這台電腦也確確實實的
之後好幾年持續幫我提供超大量生產力!
我編輯人生的主要產能完全都來自這台電腦,
剛買的時候我就超懷疑,輕薄成這樣的電腦,
竟然能超順暢的剪1080p的影片!?
專業級的影像處理軟體也都能跑超順,
而且還賣很便宜!!?
(當年台灣128G的版本才NT$31,900)
最扯的是他的續航力,這麼小台、這麼輕巧的機身,
充滿電還真的可以連續用超過8小時!?
.
而且不是什麼亮度調到最低,單純就打打文章的8小時,
而是上網找資料、修圖、編輯影片、
PO文﹑上傳資料...blah blah的狂用的8小時!
.
當時感覺[乾!這電腦不用充電耶!什麼外星科技!?]
.
那個觸碰版也是可說是[神的恩賜]
兼顧迅速靈敏跟準確穩定的操作,
還有手勢的高效率搭配(三指拖曳是重點)
讓我馬上忘了IBM小紅點的存在 XDD
.
當然過了這麼多年,
電池慢慢老化,也膨脹到主機都變形了,
甚至好幾年前就沒辦法完整蓋起來了!
但意外的還是能用!!
.
4K影片不意外的當然是完全跑不動,
但直到昨天我都還拿它在床邊接投影機看網飛,
可惜就是每天開機後,
順手按掉[更新提示]這事情有點煩了,
所以前幾天我手賤讓它執行更新...
果不其然在更新到最新OS之後它就爆了 XDD
.
看網飛會突然閃全屏幕紫色,
然後用VLC看影片檔案也會突然破圖或馬賽克,
很多基本操作也突然變得很卡,
這在更新前都沒發生的,更新後馬上就出問題...
.
要不是因為它慢慢的自然衰退,
(更可能...也許是阿婆軟體更新,強制汰舊的陰謀?)
不然說真的,那怕8年後的現在,
2021年你給我一台效能良好的2013 MBA
要我當主力機?我完全沒問題,真心不豪洨
(反正我不剪4K影片哈哈哈)
.
其實這電腦早在好幾年前,我就已經覺得說
[你做的事情夠多了,要是你現在突然壞掉我都還是最愛你]
結果它還是硬生生的陪伴我了整整超過8年!!
太扯了太扯了,這個3C產品日新月異的年代,
筆記電腦買來,那怕是只用上述一半的4年?
就已經很很很超值了,何況是整整超過8年!!
.
要是小孩出生都上小學2年級了!!
.
原本我是打算拆開拿出它的256GB SSD來當外接硬碟,
讓它的精神繼續陪著我剪影片分享生活點滴,
但查了一下... 靠腰是特規XD
.
為了要能當普通外接SSD用,
所花出去的心力跟資源,
買現成而且容量更大的SSD都綽綽有餘了,
所以是放棄了哈哈哈。
.
現在丟上了日本Y拍,
¥3,000起標、¥9,800直購
https://page.auctions.yahoo.co.jp/jp/auction/1008657912
馬上就有人下標了,但真的還是很感傷
時代的眼淚,值得我寫一篇紀念它一下。
.
======================
.
BTW
2017買了新版Macbook Pro
徹底踩雷!
貴得要死不說,
電腦燙到旁邊不放電風扇沒辦法用的程度
(手烤到要死)
而且重點是根本跑不快!轉4K影片慢的烏龜一樣,
溫度搞成這樣,想當然爾續航當然也是完全不行。
還有只用幾年就被放棄的蝴蝶腳鍵盤,
打字手感真的是差!
後來換回來剪刀腳才重新感受
[手指在鍵盤上跳舞]的FU
.
最慘最慘的就是,根本沒帶出門過的筆電,
天天都放在家裡開著電風扇伺候它
(不開真的手沒辦法放在上面用)
竟然兩年多就壞了!?
.
先是才2年就電池膨脹到鍵盤壞掉
(MBA印象中過5年才膨脹)
(而且鍵盤也沒壞)
然後螢幕竟然嚴重烙印殘影!!
.
那我哪管你什麼P3廣色域多屌多屌
烙印殘影成這樣,這螢幕就是個垃圾啊!!
.
有種徹底被欺騙而且背叛的感覺XD
所以現在M1晶片的Macbook即使好評如潮,
我也不太想跳回去了哈哈哈哈哈...
.
======================
.
最後認真想了一下,這輩子擁有過最感動的3C產品前3名
.
分別是:
[第一名]
2013年Macbook Air (11.6吋 256GB+4G RAM)
.
[第二名]
2011年Samsung Galaxy Note (Note1代)
.
[第三名]
2008年 NOKIA 5800 XpressMusic
.
簡述理由的話,
5800對我來說是智慧手機的開端,
當時終於可以拿手機上網、
用手機敲MSN(好懷念的東西XD)
第一次拿沒有數字按鍵,而是全面版的觸碰螢幕手機
能聽MP3、能看MP4、還能當隨身相機!
那個震撼是很頂天大的,
而且超愛的電影[黑暗騎士]也有當成關鍵道具出現。
.
而NOTE1代則是[超大面板智慧手機]的開端,
當年用NOTE爽追了超多劇,還有看了應該上百套漫畫XD
一度覺得以後只要有這種裝置就能搞定全部的隨身娛樂,
真的愛不釋手。
.
而第一名就如同上述,
其美好體驗可以說前無古人後無來者,
未來... 要超越可能也挺難的 XD
.
現在3C產品都擺明了計劃性汰舊,
很難有好東西可以買來陪伴這麼久囉...
(遠目)