[爆卦]Gigatonnes是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇Gigatonnes鄉民發文沒有被收入到精華區:在Gigatonnes這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 gigatonnes產品中有5篇Facebook貼文,粉絲數超過23萬的網紅Notep,也在其Facebook貼文中提到, เพราะโลกก็มีเดดไลน์และขีดจำกัด! ผุด Climate Clock นาฬิกานับถอยหลังสู่หายนะโลกร้อน เราเหลือเวลาแค่ 7 ปี! ในการช่วยโลกมุ่งสู่คาร์บอนศูนย์ ไม่ให้อุณหภูม...

 同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...

gigatonnes 在 Jocelyn Chan 陳明憙 Instagram 的最佳貼文

2020-09-07 18:33:50

我希望以後可以做更多去保護龍貓的家🌲🌏 很榮幸可以踏進鞍子河自然保護地拍攝。去年森林砍伐速度平準每6秒沒了一個足球場size的雨林...但有比再上幾年有進步...我們要繼續加油改善有影響的生活習慣💪🏻 it was an honour to film in this nature reserve. ...

  • gigatonnes 在 Notep Facebook 的精選貼文

    2020-09-26 13:45:32
    有 368 人按讚


    เพราะโลกก็มีเดดไลน์และขีดจำกัด! ผุด Climate Clock นาฬิกานับถอยหลังสู่หายนะโลกร้อน เราเหลือเวลาแค่ 7 ปี! ในการช่วยโลกมุ่งสู่คาร์บอนศูนย์ ไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงเกิน 1.5 องศา ก่อนที่เราจะเผชิญหายนะโลกร้อน แบบไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม (หรือเวลาอาจจะน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับเราทุกคน)

    ขณะนี้โลกกำลังเผชิญอุณหภูมิที่สูงขึ้นเฉลี่ย 1.1 องศา (หากเปรียบเทียบกับระดับอุณหภูมิเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรม ปี 1850-1900) ที่ทำให้เราเผชิญสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ร้อนหนัก แล้งหนัก ไฟป่า น้ำแข็งละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น การสูญพันธุ์ และอื่นๆที่คาดการณ์ไม่ได้

    ทั่วโลกจึงมีข้อตกลงร่วมกันในความตกลงปารีสที่จะให้อุณหภูมิโลกไม่สูงกว่า 2 องศา และพยายามลิมิตไม่ให้เกิน 1.5 องศา

    เพราะหากโลกร้อนเกิน 1.5 หรือ 2 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านั้น เราอาจจะเผชิญวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศนั้นจะรุนแรงกว่านี้หลายเท่าตัว

    ซึ่งสิ่งที่ทำให้อุณภูมิโลกสูงขึ้นก็คือก๊าซเรือนกระจก ก๊าซคาร์บอน ที่ถูกปล่อยออกมาอย่างมหาศาลจากกิจกรรมต่างๆของเรา ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกฝาชีครอบความร้อน

    ทั่วโลกจึงมีความมุ่งมั่นในการลิมิตจำกัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ เพื่อที่จะไม่ให้อุณหภูมิสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เราจึงมีปริมาณจำกัดของก๊าซเรือนกระจกที่สามารถปล่อยได้ เรียกว่า "Carbon Budget"

    และหากเรายังปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่แบบนี้ เรามีเวลาเหลือเท่าไหร่กัน ก่อนที่เราจะใช้ Carbon Budget นี้หมด? (ปล่อยคาร์บอนเกิน) และทำให้อุณหภูมิสูงเกิน 1.5 องศา หรือ 2 องศา

    จากรายงานในปี 2018 IPCC Special Report on Global Warming of 1.5°C เผยว่าเรามีลิมิตปริมาณคาร์บอนที่สามารถปล่อยได้ (Carbon budget) ไม่เกิน 420 gigatonnes (Gt CO2) ในการที่จะทำให้อุณหภูมิไม่สูงเกิน 1.5 องศา

    และเรามีลิมิตปริมาณคาร์บอนที่สามารถปล่อยได้ (Carbon budget) ไม่เกิน 1170 Gt CO2ในการที่จะทำให้อุณหภูมิไม่สูงเกิน 2 องศา

    โดยในปัจจุบันนี้โลกเราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซ์ประมาณ 42 Gt CO2 ในแต่ละปี และหากเรายังปล่อยอยู่แบบเดิม เราจะเหลือเวลาอีกนานเท่าไหร่ที่จะใช้ Carbon Budget หมดกันนะ?

    และทั้งหมดนี้ก็คือที่มาของ Carbon Clock และ Climate Clock ซึ่งเป็นนาฬิกาที่นับถอยหลังนี้สู่วันที่เราจะใช้ Carbon budget หมดนั่นเอง โดยทำเพื่อที่จะตอกย้ำให้เรามุ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้น้อยที่สุด หรือจนกระทั่งเป็น 0

    Carbon Clock และ Climate clock (แถบสีแดง) นาฬิกาที่นับถอยหลังนี้เผยให้เห็น Deadline ว่าตอนนี้ (วันที่ 26 กันยายน 63)

    1. เราเหลือ Carbon Budget 305 Gt CO2 ที่สามารถปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศได้ โดยที่จะทำให้อุณหภูมิโลกไม่สูงเกิน 1.5 องศา ซึ่งหากเราปล่อยก๊าซคาร์บอนแบบในปัจจุบันนี้ ในอีก 7 ปี คาร์บอน Budget นี้จะหมด (เราเหลือเวลา 7 ปีในการมุ่งสู่คาร์บอนศูนย์)

    2. และเราเหลือ Carbon Budget 1055 Gt CO2 ที่สามารถปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศได้ โดยที่จะทำให้อุณหภูมิโลกไม่สูงเกิน 2 องศา ซึ่งหากเราปล่อยก๊าซคาร์บอนแบบในปัจจุบันนี้ ในอีก 25 ปี คาร์บอน Budget นี้จะหมด (เราเหลือเวลา 25 ปีในการมุ่งสู่คาร์บอนศูนย์)

    นอกจากนี้บน Climate Clock ยังมีตัวหนังสือสีเขียวที่แสดงถึงเปอร์เซ็นต์การเติบโตของการผลิตพลังงานจากแหล่งที่หมุนเวียน เรียกว่า Lifeline ที่ ณ วันนี้ คิดเป็น 27% โดยเราต้องทำให้ Lifeline หรือการผลิตพลังงานจากแหล่งหมุนเวียนให้เป็น 100% ก่อนที่ Deadline ของเราจะถึง 0 หรือ ก่อนวันที่ Carbon Budget หมดนั่นเอง

    นาฬิกานับถอยหลังนี้คงเป็นสิ่งย้ำเตือนให้เราเร่งลงมือปฏิบัติในวันนี้ ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากกิจกรรมต่างๆในชีวิตของเรา เพื่อไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงเกิน 1.5 หรือ 2 องศาที่จะทำให้เราเผชิญหายนะในอีก 7 ปี หรือ 25 ปีข้างหน้า

    โดยนาฬิกานี้เปรียบเสมือนการนับถอยหลังสู่หายนะ ที่เราทุกคนจะต้องเผชิญเหมือนกัน หากไม่ลงมือทำอะไรเลย เพราะฉะนั้นเราทุกคน ทุกภาคส่วน จะต้องร่วมมือกันในการมุ่งสู่เป้าหมายปล่อยคาร์บอนศูนย์ เพื่อเราทุกคนเอง

    ขณะนี้หลายๆเมืองที่ได้นำ Climate Clock นี้ไปติดตามตึกต่างๆ อย่างใน Berlin, New York, และ Paris เพื่อย้ำเตือนผู้คนถึงให้ตื่นละตระหนักถึงความเร่งด่วนในการลงมือ Take Action กับเรื่องสภาพภูมิอากาศ โดยทุกท่านเองก็สามารถมีนาฬิกาถอยหลังนี้ไว้ที่บ้าน มือถือ หรือเมืองของตัวเองได้ เพื่อย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลาว่านี่คือเวลาที่เหลือที่เราจะช่วยโลกได้

    และอย่าลืมว่าโลกก็มีเดดไลน์ และขีดจำกัดของมัน

    Climate Clock https://climateclock.world/…

    https://climateclock.world/mobile/index.html

    Carbon clock https://www.mcc-berlin.net/en/research/co2-budget.html

    ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจำกัดไม่ให้อุณหภูมิสูงเกิน 1.5 องศา ของ IPCC

    https://www.ipcc.ch/sr15/

    https://www.ipcc.ch/…/…/sites/2/2018/12/SR15_FAQ_Low_Res.pdf

    หวั่นช่วยโลกไม่ทัน! รายงาน UN ชี้ โลกอาจร้อนเกิน 1.5°C เลยเกณฑ์ข้อตกลงปารีสตั้งไว้ ภายในไม่เกิน 10 ปี! ขณะนี้สูงขึ้น 1.1°C 5 ปีที่ผ่านมาร้อนสุด จ่อเผชิญภัยภิบัติรุนแรงหนักขึ้น วอนตัดมลพิษ-มุ่งคาร์บอน 0 ภายใน 2050

    https://www.facebook.com/…/a.17572495377…/3027944964000597/…

    ร่มธรรม ขำนุรักษ์
    ณิชากร บัวทรัพย์
    environman

    ขอชวนทุกคนเข้าร่วมงาน The EnDay วันรวมพลคนรักษ์โลก ตอน โรคไป ใครเจ็บ? วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคมนี้ ณ Siam Discovery โซน Ecotopia ชั้น 3-4 เวลา 11:00 - 20:00 น. มาหาทางออกโลกร้อนร่วมกัน

    กดเข้าร่วม และติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://m.facebook.com/events/688603932010819/
    Because the world has a deadline and a limit! Climate Climate Clock. Countdown to global warming disaster. We have only 7 years left! In saving the planet, aiming to zero carbon, not over 1.5 degrees, before we face a never-ending global warming disaster. (or less time, it's up to us all)

    The world is currently facing a temperature of an average of 1.1 degrees (compared to pre-industrial average temperature of 1850-1900) that has us facing climate change, hot warming, heavy drought, wildfires, melting ice, sea level rise, extinction, etc. Unpredictable

    Globally, there is a mutual agreement in Paris agreement to provide global temperatures not higher than 2 degrees and try Limit not to get above 1.5 degrees.

    Because if the global warming is above 1.5 or 2 degrees Celsius or more, we might face an irreversible climate crisis. The climate impact is slightly more severe.

    What makes the world higher is the greenhouse gases, carbon gases released greatly from our activities, causing the greenhouse, heated capsules.

    Globally, it's determined to limit atmospheric carbon emissions limit, so that it won't be higher than 1.5 degrees Celsius. We have limited quantities of greenhouse gases that can be released as ′′ Carbon Budget

    And if we still have greenhouse gases like this, how much time do we have before we use this carbon Budget? (Over Carbon Release) and make the temperature higher than 1.5 degrees or 2 degrees.

    According to a report in 2018, IPCC Special Report on Global Warming of 1.5°C reveals that we have limited quantity of carbon that can be released (Carbon Budget) under 420 gigatonnes (Gt Gt) in the temperature. Not higher than 1.5 degrees

    And we have a loose carbon limit (Carbon Budget) under 1170 Gt Gt to make the temperature higher than 2 degrees.

    At this time, the world we emit approximately 42 GT Gt carbon dioxide each year, and if we keep releasing the same old way, how long will we have to spend our Carbon Budget?

    And all of this is Carbon Clock and Climate Clock which is a clock that counts down to the day we use carbon budget. It's done to ensure we focus on minimal greenhouse gases or until 0

    Carbon Clock and Climate Clock (red strip). The clock that countdown reveals Deadline now (September 26, 63)

    1. We have a carbon Budget 305 Gt CO2 that can be released into the atmosphere, causing the Earth's temperature to not exceed 1.5 degrees, which is if we release the current carbon gas in the next 7 years. This Budget is almost gone (we have 7 years left to go to zero carbon)

    2. and we have a carbon Budget 1055 Gt CO2 that can be released into the atmosphere, which will make the world temperature not higher than 2 degrees, if we release this current carbon gas in the next 25 years, Carbon. This Bon Budget is going to be sold out (we have 25 years left to reach zero carbon)

    In the Climate Clock, there is a green book that represents the percentage of growth of energy production from renewable sources called Lifeline today. It's 27 % responsible for us having to make Lifeline or energy production from renewable sources to 100 % before our Deadline. Until 0 or before the day that Carbon Budget is sold out.

    This countdown clock is a reminder to us to speed up today's action to reduce carbon emissions from activities in our lives, so that the world temperature is higher than 1.5 or 2 degrees will make us face disaster in our lives. 7 years or 25 years later

    This clock is like a countdown to disaster that we all have to face if we don't do anything. Therefore, we all, all sectors, must cooperate to target carbon zero for all of us.

    Now, many cities that are leading the Climate Clock follow buildings like Berlin, New York, and Paris to remind people to wake up and realize the urgency to take Action Action on climate matter. Everyone can have a clock backwards. It's your mobile home or city to remind yourself all the time that this is the rest of our time to save the world.

    And don't forget that the world has a deadline and its limits.

    Climate Clock https://climateclock.world/?fbclid=IwAR3TG3UfrwaFxXYW6uJ7n6OgDvZ05ktkEPxl00HXS13DbMhM54xJjaeHsW8

    https://climateclock.world/mobile/index.html

    Carbon clock https://www.mcc-berlin.net/en/research/co2-budget.html

    Learn more about limited temperatures above 1.5 degrees of IPCC

    https://www.ipcc.ch/sr15/

    https://www.ipcc.ch/site/assets/uploads/sites/2/2018/12/SR15_FAQ_Low_Res.pdf

    Fearless to save the world! UN reports indicate that the world could be hotter than 1.5°C. The Paris Agreement criteria set in under 10 years! Now it's up to 1.1°C 5 years ago. The hottest, severe disaster, heavier. Won cutting pollution - aiming carbon 0 within 2050

    https://www.facebook.com/environman.th/photos/a.1757249537736819/3027944964000597/?type=3

    Dharma Umbrella. Laughing Narak.
    Nicha Khon Bua Sao
    About Man

    Inviting everyone to attend The EnDay, World Lovers Day, when the disease is gone. Who is hurt? Saturday October 10th at Siam Discovery son Ecotopia, 3-4th floor, 11:00 pm-20:00 pm. Let's find solutions to global warming together.

    Press join and follow for more information at https://m.facebook.com/events/688603932010819/Translated

  • gigatonnes 在 陳明憙 Jocelyn Chan Facebook 的最佳貼文

    2020-08-31 22:29:42
    有 68 人按讚

    我希望以後可以做更多去保護龍貓的家🌲🌏 很榮幸可以踏進鞍子河自然保護地拍攝。去年森林砍伐速度平準每6秒沒了一個足球場size的雨林...但有比再上幾年有進步...我們要繼續加油改善有影響的生活習慣💪🏻
    it was an honour to film in this nature reserve. last year, deforestation rates averaged at 1 football field of rainforest lost per 6 seconds, with 1.8 gigatonnes of total related CO2 emissions (wri.org). we need to do much more to truly stop the environmental damage, but there is some progress - between 2015 and 2020, the rate of deforestation was estimated at ~10 million hectares per year, down from 16 million hectares per year in the 1990s (fao.org). let’s keep trying our best in our daily lives to be #fortheplanet 💚
    📸: Kyle Obermann Photography

    #nature #planetearth #greenliving #遊樂 #遊樂存在 #自然保育 #森林 #トトロ #陳明憙 #陳明憙jocelyn #videography #droneshot #dgi #sony #singersongwriter #protectourplanet #protectourforests #trees #forests #wildchina #sichuan #naturereserve #explore

  • gigatonnes 在 黃之鋒 Joshua Wong Facebook 的精選貼文

    2019-12-15 20:29:03
    有 4,208 人按讚

    【我對Greta獲選為時代雜誌風雲人物的想法】

    https://twitter.com/gretathunberg/status/1206159412571889664?s=21

    瑞典環保少女通貝里(Greta Thunberg)獲選2019年美國《時代》雜誌風雲人物,成為《時代》以來最年輕的當選者。她以「周五為未來而戰」運動(Fridays for Future),吸引全球數百萬人對抗氣候暖化問題,所代表的正是全球年輕社運一代的化身,影響及感動各地年輕抗爭者,而我便是其中一員。

    猶記得通貝里說過:「我們不能猶如沒有明天地活著,因為明天是存在的。」我們與通貝里這一代,正正見證這個未來的出現,而我們亦有責任將之塑造成理想的明天。當世人為年青人站出來對抗氣候變化和獨裁威脅而驚歎歡呼時,這些呼聲實質地化作對各地抗爭運動的支持。在這場為理想明天的戰鬥中,無人是孤島,只要我們仍然活在世上,在戰場站着的,不會只是年輕人或一些人物,而是任何人。

    無私,為着偉大的事情而努力,為全球人類探索可能性,在歐洲帶領整場對抗氣候變化運動,願意為基本人權付上自己的前程及生命,這些都是抗爭者贏得尊重的特質。這不止是通貝里,而是在各地為理想、為自由、為人權而奮鬥的人,他們啟發更多人為着信念從沒退後,因為改變需要匯聚眾人之志、齊上齊落去達成。

    氣候變化和香港民主運動貌似兩回事,卻有不少共同之處:兩者不能單靠一個地方的努力便能解決,需要世界關注及努力,而且中國在兩大議題上負有無可推卸的責任,但同樣地,中國對兩大問題的回應相當相似,便是拒絕兌現當時許下的承諾。

    眾所周知,中國是全球最大溫室氣體排放國,有科學家指出,一旦全球平均氣溫升逾攝氏2度,全球暖化有機會無法逆轉,已有研究指出,若要避免這個最壞情況發生,必須要求中國大幅減少排放溫室氣體。現時中國每年二氧化碳排放量超過120億噸,佔全球排放總量超過三成。在2018至2019年,中國排放量呈上升趨勢,這與中國在《哥本哈根協議》和《巴黎協定》中所作的承諾背道而馳。每當中國被問到這個問題時,便以「中國是發展中國家,經濟急需發展」開脫,充份顯示中國沒有兌現自己向國際社會所許下的承諾。

    中國在1984年與英國簽訂《中英聯合聲明》,並承諾在香港實現「一國兩制」和普選,而《聯合聲明》是受規管國家之間協議的《維也納條約法公約》所規限。然而,中國現在顯然拒絕履行承諾,更嚴重的是,中國近年單方面宣稱《聯合聲明》已經失效,指其已經是一份歷史文件,不具實際意義。

    以上兩個例子皆證明中國並不可信,只會為求目的、無視所有應當遵守的規例而行事。這個問題不可能只靠年青人去解決,正如單靠Greta和罷課參與者,無法向違反減排承諾的中國問責;單靠香港年青人,亦無法向違反《聯合聲明》的中國問責。各國領導及人民必須團結一致,才能迫使中國遵守他應當遵守的遊戲規則。

    =========================

    This week, Greta Thunberg was named Person of the Year by the TIME magazine. She is a Swedish Schoolgirl that inspired the “Friday for Future” campaign against climate change. Greta is regarded as the figure of the power of the youth, and inspired many, including me.

    I applaud for her statement “We can’t just continue living as if there was no tomorrow, because there is a tomorrow.” There is a future where Greta and I will live long enough to see, and we are responsible to shape it into a desirable one. When the world cheer and appalled for the youth standing up against threats of climate change or dictatorship, we actually all play a role in the fights. No man is an island. We are all living here today, and we will be living here tomorrow as well. It is not only up to the youngsters or the figures to fight for a better future.

    Some people are respectable because they indeed did something great and conquered the limitations of humanity— being selfless, leading an Europe-wide climate change campaign, sacrificing their future and even their lived for the sake of fundamental human rights. These figures hope to encourage more people to do the same to really address the issues. It is not up to a few people to resolve problems that requires collective effort.

    Climate Change and the fight for democracy in Hong Kong share some similarities. Both of them cannot be resolved simply by the handwork of one place, and China has to be held responsible for both issues, and China’s response to them appears to be similar as well.

    Greenhouse gas emissions by China are the largest in the world. It is found by scientific research that global warming cannot be kept below 2 °C unless the emission of greenhouse gas in China falls sharply. China emitted over 12 gigatonnes CO2eq of greenhouse gases and makes up almost 30% of the world total. And in 2018-2019, the emissions shows an increasing trend, contrary to the promise China made in the Copenhagen Accord and Paris Agreement. However, when China were asked publicly about this, its response is simply “China is a developing countries and it is in desperate needs of economic development”. This clearly shows China does not take the pledge it made in the global arena as promises it has to fulfil.

    China made a Joint-Declaration together with Britain before the Handover of Hong Kong to promised “One Country, Two System” and universal suffrage for Hong Kong in 1984. The Joint-Declaration is bounded Vienna Convention on the Law of Treaties, which is an international agreement governing treaties between states. Now it is clear that China is unwilling to keep its promise, and worse still, China has recently declared the Joint-Declaration to be invalid on its own. The Joint-Declaration was a historical document that no longer had any practical significance, China said.

    The two examples illustrate that China is never trustworthy and do not take any rules into consideration. It will simply do anything it wants, no matter what are the norms and regulations that it should follow. It takes more than just the youth to address the problem. Greta and the participants of the strike alone can never hold China responsible for breaking its promise. Hong Kong’s youth along can never hold China responsible for violating international treaties. The world has to stand in solidarity to be able to achieve results and forces China to comply to the norms that all players in the world ought to.

  • gigatonnes 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的最佳貼文

    2021-10-01 13:19:08

  • gigatonnes 在 大象中醫 Youtube 的最佳貼文

    2021-10-01 13:10:45

  • gigatonnes 在 大象中醫 Youtube 的最佳解答

    2021-10-01 13:09:56

你可能也想看看

搜尋相關網站