[爆卦]Collectivism China是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇Collectivism China鄉民發文沒有被收入到精華區:在Collectivism China這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 collectivism產品中有18篇Facebook貼文,粉絲數超過0的網紅,也在其Facebook貼文中提到, อันนี้ต่อเนื่องจากอีกโพสต์หนึ่ง มีการถกเถียงกันว่า แล้วอะไรคือกลาง ผมก็จะมาขออธิบายตรงนี้นะครับว่า กลาง ....... คือประชาธิปไตยครับ อธิบาย --------...

 同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過29萬的網紅jaysbabyfood,也在其Youtube影片中提到,#jaysbabyfood #storytime #lgbtinkorea ----------------------------------------- - References - - Ahn, P. (2009). Harisu: South Korean cosmetic media ...

collectivism 在 little_meg_siu_meg Instagram 的精選貼文

2021-09-10 08:33:33

(SWIPE FOR MORE PICS) Pics & Video 1-7 : MAPO SHIRAKO • PORK INTESTINE 麻婆白子豬腸煲 Pic 8-9: WINTER MELON • TOMATO . TAI-O DRIED VELVET SHRIMP 赤米蝦乾蕃茄燜翡翠冬瓜...

collectivism 在 Haruehun Airry Instagram 的最佳解答

2021-01-12 10:27:19

มีคนเปิดประเด็นน่าสนใจว่าทำไมคนที่ open กับการถ่าย nude (ยัง)โดนดูถูก? ฉันมองว่าเป็นเพราะ majority มันยังตามไม่มาไม่ทัน คนที่ริเริ่มทำอะไรก่อนคนอื่นมั...

  • collectivism 在 Facebook 的最佳貼文

    2021-09-19 13:56:41
    有 177 人按讚

    อันนี้ต่อเนื่องจากอีกโพสต์หนึ่ง
    มีการถกเถียงกันว่า
    แล้วอะไรคือกลาง

    ผมก็จะมาขออธิบายตรงนี้นะครับว่า

    กลาง ....... คือประชาธิปไตยครับ

    อธิบาย

    ------------------------------------------

    เวลาที่เราแบ่งขั้วทางการเมืองนะครับ
    เรามักจะใช้คำว่าซ้ายขวาเพื่อให้มันเข้าใจง่ายๆกัน

    แต่ทฤษฎีซ้ายขวานั้นจะเน้นแต่เรื่องเสรีภาพกับอำนาจนิยม
    ในขณะที่มันมี Vector อื่นๆที่มันซับซ้อนกว่านั้นผสมเข้ามาด้วย

    ซึ่งระบอบปกครองที่อยู่ทางฝั่งซ้ายสุดนะ
    ....... มันไม่ใช่ประชาธิปไตยครับ

    มันคือคอมมิวนิสต์(ในทางทฤษฏี)

    กล่าวคือ
    การเชื่อว่าทุกคนนั้นมีสิทธิเท่าเทียมกัน
    ไม่มีใครที่มีอำนาจเหนือกว่าใครทั้งนั้น

    ...... แต่นั่นไม่ใช่ประชาธิปไตยครับ
    เพราะกฏของประชาธิปไตยนั้นคือ
    คุณต้องทำตามกฏที่ถูกลงมติโดยคนหมู่มาก

    สมมุติว่าคนหมู่มากมีแนวโน้มไปทางขวา
    ประชาธิปไตยนั้นก็สามารถเป็นขวาได้

    หรือถ้าคนหมู่มากมีแนวโน้มไปทางซ้าย
    ประชาธิปไตยนั้นก็สามารถเป็นซ้ายได้เช่นกัน

    มันถึงได้เป็นเหตุว่า
    ทำไมประชาธิปไตย
    ถึงถูกจัดอยู่ในกลุ่มค่อนไปทางกลาง

    เพราะมันสามารถเอนไปทางไหนก็ได้

    -------------------------------------------

    แต่ถ้าหากเราจัด Spectrum ทางการเมืองใหม่
    บนปัจจัยของ Individualism VS Collectivism แทน

    ประชาธิปไตยจะอยู่กลางค่อนมาทางซ้าย

    กล่าวคือ ทุกคนมีสิทธิที่จะเชื่ออะไรก็ได้
    แต่เวลาที่เราทำอะไร
    เราจะต้องเคารพอำนาจกฏของสังคมที่ถูกบัญญัติโดยคนหมู่มาก

    ถ้าคุณไปทางซ้ายสุดของ Spectrum นี้
    คุณคือคนที่เชื่อในอนาธิปไตย
    หรือคนที่ไม่สนเคารพ หรือทำตามอะไรเกี่ยวกับกฏหมู่ของสังคมเลย
    ความถูกต้อง อยู่ที่คุณคนเดียว
    หรือจะเรียกอีกอย่างง่ายๆคือ สภาพที่ไร้รัฐ

    ในขณะที่สังคมนิยมจะค่อนไปทางขวา
    คือคุณต้องคำนึงและทำอะไรเพื่อสังคมก่อนตัวเอง
    แต่ถ้ากฏระเบียบนั้นจะนำมาซึ่งความเดือนร้อน
    ก็สามารถผ่อนปรนให้เป็นรายกรณีได้

    ในขณะที่คอมมิวนิสต์ทั้งในทางทฤษฎีและปฏิบัติ
    รวมถึงเผด็จการจะอยู่ในกลุ่มขวาจัด
    คือทุกคนจะต้องมีความเชื่อและทำทุกอย่างแบบเดียวกัน
    อย่างไม่สามารถยอมกันได้

    ---------------------------------------

    กลุ่มคนที่เรียกว่า Illiberal Left ที่อยู่ในโพสต์ก่อน
    อาจจัดได้ว่าอยู่ฝั่งซ้ายในแกน เสรีนิยม VS อำนาจนิยม
    แต่พวกเขาอยู่ในฝั่งขวาในแกน Individualism VS Collectivism

    อยู่ใกล้กันกับสังคมนิยม
    ค่อนไปทางคอมมิวนิสต์ในทางทฏษฎีมากกว่า

    ไม่ใช่คนที่เชื่อในหลักประชาธิปไตยแท้
    ที่ยอมรับในการเป็นปัจเจกชนของผู้อื่นด้วยครับ

    //--------------------------------------

    แก้หน่อย - จริงๆราชาธิปไตยค่อนมาทาง Individualism
    คือขึ้นอยู่กับว่าผู้นำชาติเป็นคนยังไง

  • collectivism 在 利世民 Facebook 的最佳貼文

    2021-08-29 07:53:06
    有 85 人按讚

    「我只係信科學!」每次聽到這句話,都只有笑而不語;聲稱信科學的人,究竟信甚麼?

    理論,可以分有用無用;但任何理論,遲早都可能被推翻。信科學,就要只有懷疑一切理論。

    https://fee.org/articles/a-40-year-old-warning-on-how-humanity-s-unbound-confidence-in-science-can-undermine-reason-and-lead-to-collectivism/

  • collectivism 在 Facebook 的精選貼文

    2021-02-28 05:33:03
    有 294 人按讚

    หมายเหตุ อันนี้โพสต์บ่นครับ

    ผมอยากจะขอเล่าว่าอะไรคือ
    Collectivism และ Individualism

    และเพราะอะไรมันถึงเป็นต้นตอความขัดแย้งระหว่างคนสองวัย

    -----------------------------

    อธิบายย่อๆก่อน

    Collectivism คือแนวความคิดที่ว่า
    ความสามัคคีคือคุณธรรม
    ทุกคนควรเชื่อในสิ่งเดียวกัน ทำสิ่งเดียวกัน

    ส่วน Individualism คือแนวความคิดว่า
    ความเป็นปัจเจกชนคือคุณธรรม
    ทุกคนมีสิทธิที่จะเชื่อและทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ

    ------------------------

    ในสมัยเริ่มแรกนั้น
    เป็นยุคที่การผลิตโภคภัณฑ์มีข้อจำกัด
    และมีการรุกรานจากภายนอกที่เป็นภัยถึงชีวิต

    ความสามัคคีกันเป็นสิ่งที่ทำให้คนในสังคมอยู่รอดกันได้

    ถ้าคุณไม่เชื่อเหมือนคนอื่น หรือทำตามคนอื่น
    คุณจะมีฐานะเป็นตัวถ่วงของสังคม
    เป็นภัยอันเลวร้ายที่จะต้องถูกกำจัดทิ้ง

    Collectivism มีความจำเป็นสำหรับการให้สังคมอยู่รอด

    เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นแล้ว
    สังคมจะล่มสลายเอาได้

    เช่นการที่ศาสนาคริสต์
    เป็นศูนย์รวมจิตใจชาวอังกฤษสมัยถูกไวกิ้งรุกราน

    หรือการที่ประชาธิปไตย
    เป็นศูนย์รวมทางความคิดต่อต้านคอมมิวนิสต์
    ในช่วงสงครามเย็น

    ---------------

    แต่เมื่อวัฒนธรรมมีการพัฒนาขึ้น

    ผลผลิตต่างๆเพิ่มมากขึ้น
    และการรุกรานจากภายนอกลดลง

    Collectivism ก็จะเริ่มลดความสำคัญลง

    เพราะต่อให้คุณไม่เชื่อหรือทำตามคนอื่น
    สังคมมันก็ยังอยู่รอดไปได้
    และคุณเองก็ไม่ได้เดือดร้อนถึงชีวิต

    อันเป็นเหตุให้ Individualism มีความเข้มแข็งขึ้น

    เช่นในสมัย Renaissance
    ที่มีคนไม่เชื่อในความเชื่อเดิม
    และคิดค้นสิ่งใหม่ๆ

    ทำให้สังคมที่ Individualism แข็งแรง
    จะได้เปรียบด้านการพัฒนาวิทยาการและวัฒนธรรมมากกว่า

    ------------------------------------------------
    ------------------------------------------------

    ช่วงปี 1947 - 1991 เป็นสมัยสงครามเย็น
    ที่มีความขัดแย้งระหว่าง
    ประชาธิปไตยทุนนิยมที่สหรัฐเป็นผู้นำ
    และคอมมิวนิสต์สังคมนิยมที่โซเวียตเป็นผู้นำ

    แล้วไปจบที่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต

    สมัยนั้นเป็นยุคที่ Collectivism ของทั้งสองฝั่งนั้นเข้มแข็ง

    เพราะถ้าทุกคนไม่ร่วมแรงร่วมใจกัน
    สังคมก็จะถูกกลืนทางความคิดจากอีกฝั่งแทน

    มันเป็นเหตุที่ทำให้วลีจำพวก
    "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่ผิด"
    เป็นของที่ยอมรับกันได้ในสมัยนั้น

    ----------

    แต่พอสงครามเย็นจบลง
    ภัยต่างๆก็เริ่มหายไป
    ทำให้ความเป็น Individualism ก็เริ่มเข้มแข็งขึ้น

    เป็นเหตุให้ในยุคนี้
    เราสามารถพูดกันเรื่องความหลากหลายทางเพศ
    สิทธิความเชื่อทางศาสนา
    และเรื่องอื่นๆกันได้กันมากกว่าแต่ก่อน

    ซึ่งเดิมทีมันเป็นสิ่งที่ถูกกดดันด้วย Collectivism

    ว่าถ้าคุณมีความแตกต่างจากผู้อื่น
    คุณเป็นภัยที่จะต้องถูกกำจัด

    -------------------------------------------
    -------------------------------------------

    ต่อมา
    คนที่โตมาในช่วงปี 1947 - 1991
    ก็จะเป็นคนที่เกิดช่วงปี 1937-1981

    หรือคนวัยอายุ 40-84 ปี

    คนพวกนี้เติบโตมาในสมัยที่ Collectivism นั้นเข้มแข็งมาก

    เขาเชื่อว่า
    คุณต้องเชื่อตามสิ่งที่คุณถูกสอนมา
    คุณต้องทำตามสิ่งที่คนอื่นทำ

    ถ้าคุณไม่ทำตาม
    คุณจะถือเป็นสิ่งแปลกปลอม
    ที่เป็นพิษภัยของสังคม

    **ซึ่งมันจำเป็นสำหรับเขาที่ต้องเชื่อตามเพื่อการอยู่รอดในยุคนั้น**

    ด้วยเหตุนี้

    คนวัยนี้จะพยายามสอนให้ทุกคนเป็นหนึ่งอันเดียวกัน
    เพื่อลดความขัดแย้ง
    และให้สังคมมันอยู่รอดไปได้

    แต่ในขณะเดียวกัน

    เราก็จะได้เจอปัญหาพวกมนุษย์ลุงมนุษย์ป้ามนุษย์ตู่
    ที่ชอบพูดอะไรไร้สาระตกยุค
    ยังนึกว่าโลกอยู่ในสมัยสงครามเย็นกันอยู่

    เพราะเขาได้เชื่อไปอย่างสุดใจแล้วว่า
    สิ่งที่เขาเชื่อนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องสูงสุด
    มันจะมีอะไรมาแย้งไม่ได้

    -------------------

    ในขณะที่คนช่วงวัย 39 ลงมา
    จะโตขึ้นในยุคที่ Individualism เริ่มมีความเข้มแข็งแล้ว

    โดยเฉพาะกับในกลุ่มคนที่เกิดมาก็มีอินเตอร์เน็ตใช้กันแล้ว

    นั่นเพราะสังคมนั้นเปิดกว้างขึ้น
    พวกเขารับรู้แนวคิดต่างๆจากโลกภายนอก

    ทำให้พวกเขารู้กันด้วยว่า
    สิ่งที่ถูกสอนในสังคมแคบๆของตัวเองนั้น
    มันไม่ได้เป็นอะไรที่ถูกต้องไปทั้งหมด

    และเป็นเรื่องขัดแย้งทางความเชื่อ
    ระหว่างคนทั้งสองวัยขึ้นมา

    -------------------

    .......... แต่

    นี่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำไมคนทั้งสองวัยถึงเข้ากันไม่ได้ครับ

    มันมีประเด็นอยู่ว่า
    สิ่งที่สังคม Collectivism กับ Individualism เชื่อนั้น
    มันไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องต่างกันไปทุกเรื่อง

    ยกตัวอย่าง

    สมมุติว่าคุณโตในสังคมที่ Collectivism เข้มแข็ง
    แล้วสังคมนั้นเชื่อว่าคำสอนทางศาสนาสำคัญกว่าวิทยาศาสตร์
    คุณเป็นคนเลว ถ้าคุณไม่เชื่อตาม

    ถ้ามีบุคคลที่ไตร่ตรองแล้วว่าศาสนาสำคัญกว่าสำหรับเขา
    แต่เขาไม่สนว่าคนอื่นจะเชื่อตามเขาหรือไม่

    เขาก็ยังถือว่าเป็นบุคคลในกลุ่ม Individualism ได้
    โดยที่ไม่ได้ไปขัดแย้งกับความเชื่อเดิมใน Collectivism

    แต่ถ้าเขาไม่เชื่อในศาสนา
    แล้วบอกว่าวิทยาศาสตร์สำคัญกว่า

    อันนี้ถึงจะเป็นการสร้างความขัดแย้ง
    ที่ทำให้คนสองกลุ่มเข้ากันไม่ได้

    ---------------------------------------------
    ---------------------------------------------

    ทีนี้

    ถ้าจะถามว่า
    ทำไมคนรุ่นใหม่ตอนนี้ถึงเข้ากันคนรุ่นก่อนไม่ได้

    ก็ขอสรุปง่ายๆเลยละกันครับว่า

    ............... เชื่อไปแล้ว
    นอกจากจะไม่ได้ประโยชน์อะไร
    ยังจะเดือดร้อนอีกต่างหาก

    คือ ....... สมมุติว่าถ้าเรายังอยู่ในช่วงสงครามเย็นนะ

    สิ่งที่ผู้ใหญ่ยุคนี้พูดมันก็อาจจะยังมีประโยชน์อยู่
    เพราะมันช่วยปกป้องผู้คนจากภัยด้านนอกที่คุกคามกว่าได้

    แต่สิ่งที่ผู้ใหญ่สมัยนี้พูดกับทำกันอยู่ตอนนี้
    ดันกลายมาเป็นของที่มาคุกคามคนรุ่นใหม่กันแทน

    ถ้าจะยกตัวอย่างที่เข้าใจโคตรจะง่าย
    ........ ก็คือเรื่องทางเท้า

    ที่ต่อให้ตูจะสามัคคี
    เชื่อมั่นว่าประเทศสารขัณฑ์ยิ่งใหญ่ขนาดไหน
    มันก็ไม่ได้ทำให้ทางเท้าดีขึ้นมา

    ..... คือ ....

    ******Collectivism มันไม่ได้ทำหน้าที่ของมันครับ******

    หน้าที่เดิมของ Collectivism
    คือการที่ทำให้สังคมภายในเข้มแข็ง

    สมมุติว่าถ้าเราเชื่อตามที่ถูกสอนไปแล้ว
    ทุกคนจะกินดีอยู่ดี มีความสุข
    ****ได้เดินบนทางเท้าที่ปลอดภัยไม่มีกับระเบิด****

    ต่อให้ผู้คนมีแนวคิด Individualism ขนาดไหน
    เขาก็จะไม่พยายามต่อต้านอะไรกันขนาดนั้น

    หรือสรุปก็คือ

    ..................
    ............
    .......
    ....
    ...
    ..
    .

    ........... จะให้ไปเชื่ออะไรคนที่แม่งไม่ทำหน้าที่ของตัวเองหรือครับ?

  • collectivism 在 jaysbabyfood Youtube 的最佳貼文

    2020-06-04 21:00:06

    #jaysbabyfood #storytime #lgbtinkorea
    -----------------------------------------

    - References -
    - Ahn, P. (2009). Harisu: South Korean cosmetic media and the paradox of transgendered neoliberal embodiment. Discourse, 31(3), 248-272.

    - Arora, S., Singhai, M., & Patel, R. (2011). Gender & Education determinants of individualism — Collectivism: A study of future managers. Indian Journal of Industrial Relations, 47(2), 321-328.

    - Berry, C. (2001). Asian values, family values: Film video, and lesbian and gay identities. In Sullivan, G., & Jackson P. (Ed.), Gay and lesbian Asia: Culture, identity, community. (pp. 211-232). Binghamton, NY: Harrington Park Press.

    - Bong, Y. D. (2008). The gay rights movement in democratizing Korea. Korean Studies, 32(1), 86-103.

    - Cho, J. P. (2009). The wedding banquet revisited: "Contract marriages" between Korean gays and lesbians. Anthropological Quarterly, 82(2), 401-422.

    - Choi, J. S. (2014). Korean culture orientation: Daily-life and religious culture volume. Sonamoo Publishing.

    - Jang, H. S. (n.d.). Resource center of young women service review (늘푸른 사업 리뷰). Retrieved from http://www.seoul.go.kr/info/organ/center/1318_new/info/review/1253299_13874.html

    - Kim, H. Y., & Cho, J. P. (2011). The Korean gay and lesbian movement 1993-2008: from "identity" and "community" to "human rights". South Korean Social Movements: From Democracy to Civil Society, 206-223.

    - Kim, Y., & Hahn, S. (2006). Homosexuality in ancient and modern Korea. Culture, Health & Sexuality, 8(1), 59-65.

    - Kwak. L. G. (2012, April 25). Who murdered a 19-year old LGBT teen (누가 열아홉살 동성애자를 죽였나). Oh My News. Retrieved from http://www.ohmynews.com/nws_web/view/at_pg.aspx? CNTN_CD=A0001724998

    - Lee, J. E. (2006). Beyond pain and protection: Politics of identity and iban girls in Korea. In Khor, D., & Kamano, S. (Ed.), Lesbians in east Asia: Diversity, identities, and resistance. (pp. 49-67). Binghamton, NY: Harrington Park Press.

    - Novak, K. (2015). The problem with being gay in South Korea. Retrieved from http://edition.cnn.com/2015/10/18/asia/south-korea-being-gay/

    - Park, H., Blenkinsopp, J., Oktem, M., & Omurgonulsen, U. (2008). Cultural orientation and attitudes toward different forms of whistleblowing: A comparison of South Korea, Turkey, and the U.K. Journal of Business Ethics, 82(4), 929-939.

    - Seo, D. J. (2001). Mapping the vicissitudes of homosexual identities in South Korea. Journal of Homosexuality, 40, 65-79.

    - Song, J. (2014). Living on your own: Single women, rental housing, and post-revolutionary affect in contemporary South Korea. SUNY Press.

    - Do Koreans Support LGBTQ+? (Ft. Seoul Queer Parade) | ASIAN BOSS https://youtu.be/p_vsIEs72p8

    - Koreans React To K-pop Singer Coming Out As Bisexual [Street Interview] | ASIAN BOSS https://www.youtube.com/watch?v=BKL9VrqLJZE

    - Is South Korea's LGBT+ community being scapegoated for COVID-19 spread? https://www.dw.com/en/is-south-koreas-lgbt-community-being-scapegoated-for-covid-19-spread/a-53423958

    ----------------------------------------
    - SNS -
    Facebook: https://www.facebook.com/jaysbabyfood/
    Twitter: https://twitter.com/jaysbabyfood
    Instagram: https://www.instagram.com/jaysbabyfood/

    ----------------------------------------
    - Production -
    ✂️Final Cut Pro
    Music by Eric Reprid - Back to Business - https://thmatc.co/?l=3ED40649
    Music by ninjoi. - Acceptance - https://thmatc.co/?l=B8A316A
    Music by Cassette Tapes - Balance - https://thmatc.co/?l=55784255

    ----------------------------------------
    - Business Inquiries Only -
    jaysbabyfood@gmail.com
    or LINE: @jaysbabyfood (with @)

    ----------------------------------------