[爆卦]CCRT是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇CCRT鄉民發文沒有被收入到精華區:在CCRT這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 ccrt產品中有27篇Facebook貼文,粉絲數超過27萬的網紅อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์,也在其Facebook貼文中提到, เค้าเขียนค่อนข้างยาว แต่สรุปได้ออกมา 10 ข้อตามนี้นะครับ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวคิดเรื่อง "การอยู่ร่วมกันเชื้อโรค" มากกว่าจะ "เอาชนะเชื้อโรค" แล้ว (จะเห็...

 同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過16萬的網紅kinokoさん,也在其Youtube影片中提到,CCRT https://www.beams.co.jp/brand/006217/ 🍄kinokoのSNS🍄 《Instagram》 →https://www.instagram.com/kinoooooooko3 《twitter》 →https://twitter.com/ ーー...

ccrt 在 Candice坎坎?????????? Instagram 的精選貼文

2021-08-18 15:38:52

身為催眠師,真的很常被問到「前世是真的嗎?」、「真的可以看到前世嗎?」、「要怎麼知道自己的前世是什麼?」 而這些疑問終究是源於對自我的好奇,包括「我是誰」、「我可以是誰」、「我曾經是誰」、「我未來會是誰」 事實上,無論我們在當下看到了什麼前世或未來的畫面,那都只代表著當下需要的訊息,也許代表著他...

ccrt 在 nuikessarin_dc Instagram 的最讚貼文

2021-08-02 09:27:03

#ทหารตำรวจ ช่วยโควิดในพื้นที่สีแดงเต็มกำลัง ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก CCRT รักษาโรค ฉีควัคซีน รับส่งโรงพยาบาล จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิ...

ccrt 在 Candice坎坎?????????? Instagram 的精選貼文

2021-08-18 15:38:52

「你覺得命運是天註定的嗎?還是自己選擇的?」前幾天燒臘先生突然這麼問我。 他難得問我這種問題,正當我要滔滔不絕的演說一番時,他突然又補了一句「這個主題感覺你可以錄在坎坎而談耶」 本節目錄了快一年,他難得對這節目主題表達建議,於是我就真的用這個主題錄成一集29分鐘的節目!真的是淘淘不絕。 其實,...

  • ccrt 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最讚貼文

    2021-08-28 18:13:19
    有 225 人按讚

    เค้าเขียนค่อนข้างยาว แต่สรุปได้ออกมา 10 ข้อตามนี้นะครับ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวคิดเรื่อง "การอยู่ร่วมกันเชื้อโรค" มากกว่าจะ "เอาชนะเชื้อโรค" แล้ว (จะเห็นว่าให้ความสำคัญกับชุด ATK อย่างมาก ซึ่งผมบอกมานานแล้ว ว่ามันเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพจริงๆ)

    ซึ่งถ้าทำได้ทั้งหมด ผมว่า ก็เป็นทางออกของสถานการณ์โควิดได้จริงนะ (คำถามคือจะทำได้สำเร็จซักกี่เปอร์เซ็นต์)

    1. ยกระดับมาตรการ "อยู่ห่าง-ใส่แมสก์-ล้างมือ-วัดอุณหภูมิ" เป็นมาตรการ "ป้องกันแบบครอบจักรวาล"

    2. ภายในสิ้นปีนี้ จะจัดหาวัคซีนรวมอย่างน้อย 130 ล้านโดส ฉีดได้ 65 ล้านคน

    3. จัดหาชุดตรวจ ATK ให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายและราคาถูก

    4. ทำ Bubble & Seal กับโรงงาน สถานประกอบการ และแคมป์ก่อสร้าง โดยไม่ต้องปิด

    5. คัดกรองโรคด้วยชุดตรวจ ATK ในตลาด และชุมชนแออัด เป็นประจำ

    6. จัดสภาพแวดล้อมของกิจการ ยึดหลักไม่แออัด ,พนักงานฉีดวัคซีนและตรวจ ATK , ลูกค้าต้องแสดงผลฉีดวัคซีนหรือตรวจ ATK

    7. จัดสภาพการทำงานไม่แออัด คัดกรองโรคด้วยชุดตรวจ ATK สำหรับองค์กรที่มีพนักงานจำนวนมาก

    8. จัดกิจกรรม สถานที่ และบริการสาธารณะ ไม่ให้เกิดพื้นที่แออัด-ใกล้ชิด-ปิดอับ

    9. ควบคุมโรคเชิงรุก ด้วยหน่วยเคลื่อนที่ CCRT ตรวจคัดกรอง นำผู้ป่วยออกมารักษา ฉีดวัคซีน ในพื้นที่และชุมชนระบาด

    10. ตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วยชุดตรวจ ATK แยกกักผู้ป่วย ให้รับการรักษาได้รวดเร็ว

  • ccrt 在 Facebook 的最佳解答

    2021-08-28 13:07:48
    有 5,699 人按讚

    นายกประกาศนโยบาย “Smart Control and Living with COVID-19” การดำเนินชีวิตที่ปลอดภัยจากโควิด
    …………………………………………………………
    พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน

    เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) มีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งมีการประเมินผลของมาตรการล็อกดาวน์ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้นำเสนอผู้ติดเชื้อที่เริ่มมีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ผลจากการล็อกดาวน์ได้ 25% ทำให้คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่า เราสามารถปรับมาตรการควบคุมโรค เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม ในการอนุญาตให้จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเปิดกิจการหรือดำเนินกิจกรรมบางอย่าง หรือการเดินทางข้ามจังหวัด ภายใต้การดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ด้วยเงื่อนไขที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยง

    ในปัจจุบัน ทั่วโลกต่างยอมรับว่า เชื้อโควิดนี้มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย จนกลายเป็นโรคประจำถิ่น เป้าหมายที่อยู่บนพื้นฐานความจริง จึงไม่ใช่การกำจัดโรคนี้ให้หมดไป แต่ต้องแลกกับความเสียหายทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แต่เป็นการอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้อย่างปลอดภัยและสมดุล ซึ่งวันนี้ ศบค. ได้เห็นชอบกับแผนการที่เรียกว่า “Smart Control and Living with COVID-19” หรือ การควบคุมโรคแนวใหม่ที่สมดุลกับการดำเนินชีวิตที่ปลอดภัยจากโควิด-19 โดยมีมาตรการ 10 ข้อดังนี้

    1. การยกระดับมาตรการ DMHT (อยู่ห่าง-ใส่แมสก์-ล้างมือ-วัดอุณหภูมิ) เป็นมาตรการ Universal Prevention (การป้องกันแบบครอบจักรวาล) นั่นคือการระมัดระวังตัวเองอย่างสูงสุด โดยคิดเสมือนว่าทุกคนที่พบปะนั้นมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น ซึ่งรายละเอียดในมาตรการนี้นั้น ผมได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว
    2. การจัดหาวัคซีนและฉีดให้ได้มากและเร็วที่สุด โดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยง โดยรัฐบาล ได้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้วัคซีนมามากและเร็วที่สุด และถึงวันนี้เรามั่นใจว่า ภายในสิ้นปีนี้ รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนที่ฉีดให้ประชาชนได้อย่างน้อย 120 ล้านโดส ซึ่งขยายเพิ่มจากเป้าหมายเดิม 100 ล้านโดส ซึ่งเมื่อรวมกับวัคซีนทางเลือกของเอกชน เราจะมีวัคซีนรวมอย่างน้อย 130 ล้านโดส ทำให้เราจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนในประเทศไทยได้กว่า 65 ล้านคน
    3. การจัดหาชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง (ATK – Antigen Test Kit) ให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายและราคาถูก ซึ่งทาง สปสช. ได้สั่งซื้อหาและจะแจกจ่ายให้ประชาชนจำนวน 8.5 ล้านโดส โดยเร็วที่สุด และจะจัดหามาเพิ่มอีกในอนาคต และรัฐบาลได้ดำเนินการให้มีชุดตรวจราคาถูกที่ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึงได้อย่างสะดวกและราคาถูกยิ่งขึ้น
    4. การจัดทำมาตรการ Bubble & Seal กับโรงงาน สถานประกอบการ และแคมป์ก่อสร้าง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นให้อยู่ในวงจำกัดที่สุด และดูแลจัดการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง การแยกกัก และการรักษาผู้ป่วย ที่จะทำให้เราไม่ต้องปิดทั้งโรงงาน และสามารถดำเนินการผลิตในบางส่วนของโรงงานหรือการก่อสร้างไปได้โดยไม่สะดุด
    5. การจัดการสภาพแวดล้อมและการคัดกรองการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ในสถานที่เสี่ยง คือตลาด และชุมชนแออัด ที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดและเกิดคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก โดยจะต้องมีการจัดสภาพแวดล้อมตามมาตรการอย่างเข้มงวด และมีการตรวจคัดกรองเป็นประจำเพื่อหยุดการระบาดตั้งแต่ต้น
    6. การจัดสภาพแวดล้อมของกิจการที่มีความเสี่ยงเป็นแบบปราศจากโควิด (COVID-Free Setting) เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินกิจการได้ ซึ่งมี 3 องค์ประกอบสำคัญคือ 1. COVID-Free Environment (สภาพแวดล้อมปราศจากโควิด) เช่นระบบระบายอากาศ การจัดสถานที่ให้ไม่แออัด 2. COVID-Free Personnel (พนักงานปราศจากโควิด) เช่นการฉีดวัคซีนและตรวจ ATK 3. COVID-Free Customer (ลูกค้าปราศจากโควิด) เช่นการแสดงผลฉีดวัคซีนหรือการตรวจ ATK
    7. การจัดสภาพการทำงานและการเดินทางที่ปลอดภัย ไม่แออัด รวมถึงการคัดกรองโรคด้วยชุดตรวจ ATK สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดการระบาดในสถานที่ทำงาน และติดเชื้อต่อไปยังครอบครัวที่บ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูง และเด็กที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
    8. การจัดกิจกรรม สถานที่ และบริการสาธารณะต่างๆ ภายใต้มาตรการ 3C คือ การไม่จัดให้เกิดพื้นที่เสี่ยง 3 ประการ คือ “แออัด-ใกล้ชิด-ปิดอับ” (Crowded Places Close-Contact Setting, Confined & Enclosed Spaces) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดได้สูง
    9. การจัดการบริการควบคุมโรคเชิงรุก เข้าถึงกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบางในพื้นที่และชุมชนระบาด ด้วยหน่วยเคลื่อนที่ CCRT (Comprehensive COVID-19 Response Team) ทั้งการตรวจคัดกรอง การนำผู้ป่วยออกมารักษา การฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกับผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ด้วยตนเอง
    10. ตรวจคัดกรองเชิงรุกให้รวดเร็ว รู้ผลให้เร็ว แยกกักผู้ป่วยและผู้มีความเสี่ยงเร็ว และรักษาผู้ป่วยได้เร็ว ด้วยชุดตรวจ ATK และระบบแยกกักที่บ้านและที่ชุมชน Home Isolation & Community Isolation สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง ที่ช่วยบรรเทาภาระของการครองเตียง และการต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้มีอาการหนักหรือปานกลาง สามารถเข้ารับการรักษาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีโอกาสรักษาหายดีมากยิ่งขึ้น

    นโยบาย “Smart Control and Living with COVID-19” ทั้ง 10 ข้อนี้ ได้มีการดำเนินการมาแล้วในหลายข้อ และได้ผลดีที่เป็นปัจจัยสำคัญในการลดยอดผู้ติดเชื้อได้ ส่วนบางข้อนั้นจะมีการยกระดับและดำเนินการไปพร้อมกับการปรับมาตรการที่จะเริ่มในวันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่งจะเป็นหนทางที่ช่วยให้ประเทศไทยจะก้าวไปสู่อนาคตร่วมกันอย่างปลอดภัยและมั่นคง สามารถฟื้นเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของเราได้ ผมจึงขอให้พวกเราทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทุกคน ได้นำหลักการและแนวคิด Smart Control and Living with COVID-19 นี้ไปปรับใช้กับองค์กรของท่าน ชุมชนของท่าน ครอบครัวของท่าน และตัวท่านเอง เพื่อให้เราก้าวผ่านวิกฤตสู่อนาคตของประเทศไทยร่วมกันครับ

  • ccrt 在 Facebook 的最佳貼文

    2021-08-28 11:09:20
    有 4,474 人按讚

    นายกรัฐมนตรี กับ “Smart Control and Living with COVID-19” ครับ …

    #ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด

    “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน

    เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) มีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งมีการประเมินผลของมาตรการล็อกดาวน์ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้นำเสนอผู้ติดเชื้อที่เริ่มมีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ผลจากการล็อกดาวน์ได้ 25% ทำให้คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่า เราสามารถปรับมาตรการควบคุมโรค เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม ในการอนุญาตให้จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเปิดกิจการหรือดำเนินกิจกรรมบางอย่าง หรือการเดินทางข้ามจังหวัด ภายใต้การดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ด้วยเงื่อนไขที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยง

    ในปัจจุบัน ทั่วโลกต่างยอมรับว่า เชื้อโควิดนี้มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย จนกลายเป็นโรคประจำถิ่น เป้าหมายที่อยู่บนพื้นฐานความจริง จึงไม่ใช่การกำจัดโรคนี้ให้หมดไป แต่ต้องแลกกับความเสียหายทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แต่เป็นการอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้อย่างปลอดภัยและสมดุล ซึ่งวันนี้ ศบค. ได้เห็นชอบกับแผนการที่เรียกว่า “Smart Control and Living with COVID-19” หรือ การควบคุมโรคแนวใหม่ที่สมดุลกับการดำเนินชีวิตที่ปลอดภัยจากโควิด-19 โดยมีมาตรการ 10 ข้อดังนี้

    1. การยกระดับมาตรการ DMHT (อยู่ห่าง-ใส่แมสก์-ล้างมือ-วัดอุณหภูมิ) เป็นมาตรการ Universal Prevention (การป้องกันแบบครอบจักรวาล) นั่นคือการระมัดระวังตัวเองอย่างสูงสุด โดยคิดเสมือนว่าทุกคนที่พบปะนั้นมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น ซึ่งรายละเอียดในมาตรการนี้นั้น ผมได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว
    2. การจัดหาวัคซีนและฉีดให้ได้มากและเร็วที่สุด โดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยง โดยรัฐบาล ได้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้วัคซีนมามากและเร็วที่สุด และถึงวันนี้เรามั่นใจว่า ภายในสิ้นปีนี้ รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนที่ฉีดให้ประชาชนได้อย่างน้อย 120 ล้านโดส ซึ่งขยายเพิ่มจากเป้าหมายเดิม 100 ล้านโดส ซึ่งเมื่อรวมกับวัคซีนทางเลือกของเอกชน เราจะมีวัคซีนรวมอย่างน้อย 130 ล้านโดส ทำให้เราจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนในประเทศไทยได้กว่า 65 ล้านคน
    3. การจัดหาชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง (ATK – Antigen Test Kit) ให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายและราคาถูก ซึ่งทาง สปสช. ได้สั่งซื้อหาและจะแจกจ่ายให้ประชาชนจำนวน 8.5 ล้านโดส โดยเร็วที่สุด และจะจัดหามาเพิ่มอีกในอนาคต และรัฐบาลได้ดำเนินการให้มีชุดตรวจราคาถูกที่ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึงได้อย่างสะดวกและราคาถูกยิ่งขึ้น
    4. การจัดทำมาตรการ Bubble & Seal กับโรงงาน สถานประกอบการ และแคมป์ก่อสร้าง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นให้อยู่ในวงจำกัดที่สุด และดูแลจัดการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง การแยกกัก และการรักษาผู้ป่วย ที่จะทำให้เราไม่ต้องปิดทั้งโรงงาน และสามารถดำเนินการผลิตในบางส่วนของโรงงานหรือการก่อสร้างไปได้โดยไม่สะดุด
    5. การจัดการสภาพแวดล้อมและการคัดกรองการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ในสถานที่เสี่ยง คือตลาด และชุมชนแออัด ที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดและเกิดคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก โดยจะต้องมีการจัดสภาพแวดล้อมตามมาตรการอย่างเข้มงวด และมีการตรวจคัดกรองเป็นประจำเพื่อหยุดการระบาดตั้งแต่ต้น
    6. การจัดสภาพแวดล้อมของกิจการที่มีความเสี่ยงเป็นแบบปราศจากโควิด (COVID-Free Setting) เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินกิจการได้ ซึ่งมี 3 องค์ประกอบสำคัญคือ 1. COVID-Free Environment (สภาพแวดล้อมปราศจากโควิด) เช่นระบบระบายอากาศ การจัดสถานที่ให้ไม่แออัด 2. COVID-Free Personnel (พนักงานปราศจากโควิด) เช่นการฉีดวัคซีนและตรวจ ATK 3. COVID-Free Customer (ลูกค้าปราศจากโควิด) เช่นการแสดงผลฉีดวัคซีนหรือการตรวจ ATK
    7. การจัดสภาพการทำงานและการเดินทางที่ปลอดภัย ไม่แออัด รวมถึงการคัดกรองโรคด้วยชุดตรวจ ATK สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดการระบาดในสถานที่ทำงาน และติดเชื้อต่อไปยังครอบครัวที่บ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูง และเด็กที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
    8. การจัดกิจกรรม สถานที่ และบริการสาธารณะต่างๆ ภายใต้มาตรการ 3C คือ การไม่จัดให้เกิดพื้นที่เสี่ยง 3 ประการ คือ “แออัด-ใกล้ชิด-ปิดอับ” (Crowded Places Close-Contact Setting, Confined & Enclosed Spaces) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดได้สูง
    9. การจัดการบริการควบคุมโรคเชิงรุก เข้าถึงกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบางในพื้นที่และชุมชนระบาด ด้วยหน่วยเคลื่อนที่ CCRT (Comprehensive COVID-19 Response Team) ทั้งการตรวจคัดกรอง การนำผู้ป่วยออกมารักษา การฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกับผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ด้วยตนเอง
    10. ตรวจคัดกรองเชิงรุกให้รวดเร็ว รู้ผลให้เร็ว แยกกักผู้ป่วยและผู้มีความเสี่ยงเร็ว และรักษาผู้ป่วยได้เร็ว ด้วยชุดตรวจ ATK และระบบแยกกักที่บ้านและที่ชุมชน Home Isolation & Community Isolation สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง ที่ช่วยบรรเทาภาระของการครองเตียง และการต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้มีอาการหนักหรือปานกลาง สามารถเข้ารับการรักษาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีโอกาสรักษาหายดีมากยิ่งขึ้น

    นโยบาย “Smart Control and Living with COVID-19” ทั้ง 10 ข้อนี้ ได้มีการดำเนินการมาแล้วในหลายข้อ และได้ผลดีที่เป็นปัจจัยสำคัญในการลดยอดผู้ติดเชื้อได้ ส่วนบางข้อนั้นจะมีการยกระดับและดำเนินการไปพร้อมกับการปรับมาตรการที่จะเริ่มในวันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่งจะเป็นหนทางที่ช่วยให้ประเทศไทยจะก้าวไปสู่อนาคตร่วมกันอย่างปลอดภัยและมั่นคง สามารถฟื้นเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของเราได้ ผมจึงขอให้พวกเราทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทุกคน ได้นำหลักการและแนวคิด Smart Control and Living with COVID-19 นี้ไปปรับใช้กับองค์กรของท่าน ชุมชนของท่าน ครอบครัวของท่าน และตัวท่านเอง เพื่อให้เราก้าวผ่านวิกฤตสู่อนาคตของประเทศไทยร่วมกันครับ”

你可能也想看看

搜尋相關網站