五大泛用塑膠之一的 ABS 樹脂（Acrylonitrile Butadiene Styrene），需求火熱、價格翻倍。

ทำไม IRPC ต้องปรับตัวเป็น “องค์กรนวัตกรรม”
IRPC x ลงทุนแมน
ในโลกของการทำธุรกิจ เรามักเห็นนวัตกรรมเกิดมาจากการต่อยอดความถนัดในแต่ละธุรกิจนั้น
สำหรับ IRPC ที่มีความถนัดในธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี
ก็ได้ปรับเพื่อเปลี่ยนเป็นองค์กรนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคม

โดยเน้นการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจหลัก และต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่
รวมถึงตอบโจทย์เศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยการพัฒนาระบบดิจิทัลเทคโนโลยี และระบบปฏิบัติการที่ทันสมัย เข้ามาร่วมใช้ในขั้นตอนการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เรื่องราวของการปรับเปลี่ยนเป็น “องค์กรนวัตกรรม” เป็นอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือเรียกสั้นๆ ว่า IRPC
คือ ธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยมีสัดส่วนรายได้ แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ คือ
71% มาจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียม เช่น น้ำมัน, ก๊าซ, ยางมะตอย
28% มาจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี เช่น เม็ดพลาสติก
1% มาจากกลุ่มธุรกิจสนับสนุนอื่น เช่น ท่าเรือน้ำลึก, คลังน้ำมัน

จากตัวเลขนี้ เราจะเห็นได้ว่า รายได้หลักของ IRPC มาจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียม

แต่ความน่าสนใจ อยู่ที่ธุรกิจปิโตรเคมี ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
โดยเฉพาะธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก ที่สามารถนำไปผลิตเป็นชิ้นส่วนของยานยนต์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์การแพทย์ และอื่นๆ อีกมากมาย

จุดนี้เอง คือโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญของ IRPC
กลยุทธ์ของ IRPC คือ การใช้ความรู้และประสบการณ์กว่า 40 ปี ผนวกเข้ากับเทคโนโลยี เพื่อพัฒนานวัตกรรม ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ซึ่ง IRPC เลือกพัฒนาตัวเองให้เป็นองค์กรนวัตกรรมในทุกๆ ด้าน
ทั้งด้านการผลิต, การขาย, การจัดซื้อจัดจ้าง, การบริหารจัดการบุคคล และโดยเฉพาะด้านการวิจัยและพัฒนา

โดยการทำงานภายในองค์กร ได้นำระบบดิจิทัลต่างๆ เข้ามาช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น

ในด้านการปฏิบัติการ มีการใช้ระบบแสดงผลตัวชี้วัดแบบ Real-time ที่แสดงค่าเป็นตัวเงิน และสามารถคาดการณ์การซ่อมบำรุงล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ

ด้านซัพพลายเชน มีระบบจัดการข้อมูลตั้งแต่ Crude Supply ไปจนถึงการจัดส่งสินค้า

ด้านการตลาด ได้นำ Big Data มาใช้วิเคราะห์ความต้องการของตลาด และติดตาม Inventory ของลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว

ด้านงานจัดซื้อจัดจ้าง ใช้ระบบบริหารจัดการข้อมูล ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนให้กับบริษัท

ด้านการเงิน มีการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ ทำให้ทุกธุรกรรมมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทั้งลูกค้าและคู่ค้า

รวมถึงด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ก็มีเว็บไซต์ “PLASTKET.COM” สำหรับให้ผู้ซื้อและผู้ขายในอุตสาหกรรมพลาสติกทำธุรกรรมได้อย่างสะดวกรวดเร็วทุกที่ทุกเวลา

นอกจากนี้ IRPC ยังมีศูนย์นวัตกรรม ซึ่งภายในมีห้องวิจัยแบบยืดหยุ่น หรือที่เรียกว่า Flexi Lab ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ และมีระบบสนับสนุนการทำงาน พร้อมพื้นที่อำนวยความสะดวกให้เกิดการทำงานร่วมกัน

ทำให้ห้องวิจัยนี้ กลายเป็นศูนย์กลางให้กับนักวิจัย ลูกค้า ฝ่ายขาย และส่วนผลิต ได้เข้ามาพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และช่วยกันคิดค้นนวัตกรรมที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งรูปแบบ B2B ไปจนถึงลูกค้าแบบ B2C

โดยตัวอย่างนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ที่ประสบความสำเร็จของ IPRC ก็มีตั้งแต่ เม็ดพลาสติก HDPE สีเทา สำหรับทุ่นโซลาร์ลอยน้ำ,เม็ดพลาสติกเกรดพิเศษ สำหรับรถ EV, เม็ดพลาสติก สำหรับชุด PPE และอุปกรณ์ทางการแพทย์ และหน้ากาก Graphene ที่ป้องกันแบคทีเรียและ PM2.5 เป็นต้น

ซึ่งหากในอนาคต ยิ่งมีความต้องการของนวัตกรรมเชิงพาณิชย์เหล่านี้มากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ของ IRPC ด้วย

คำถามต่อมาก็คือ นอกจากเรื่อง โอกาสทางธุรกิจแล้ว IRPC ยังให้ความสำคัญกับเรื่องใดอีกบ้าง?

เพื่อให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน IRPC จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรม ที่สามารถสร้างสมดุลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

เช่น นวัตกรรมพลาสติกเพื่อคนพิการ ที่ได้รับรางวัล นวัตกรรมแห่งชาติ ปี 2563
ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่าง IRPC และ มูลนิธิขาเทียม เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการ

รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังปิโตรเคมีปลายน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Smart Material กลุ่มอุปกรณ์การแพทย์ จึงมุ่งพัฒนาและผลิตผ้า Melt Blown แห่งแรกของไทย ซึ่งใช้ผลิตชั้นกรองในหน้ากากอนามัย, หน้ากาก N95, หน้ากากทางการแพทย์, ชุดกาวน์ ฯลฯ รวมถึง Nitrile Butadiene Latex (NBL) ที่ใช้ทำถุงมือทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพด้านสาธารณสุขของประเทศ

แม้ IRPC จะเป็นองค์กรที่มีความถนัดด้านปิโตรเลียม และปิโตรเคมีภัณฑ์ แต่เมื่อมองไปยังความต้องการของผู้บริโภค และสังคม IRPC ก็สามารถต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมในด้านอื่นๆ ได้เหมือนกัน

ทั้งหมดนี้ คงทำให้เห็นแล้วว่า IRPC ได้ปรับตัวเป็น “องค์กรนวัตกรรม”
โดยมีเจตนารมย์ในการเป็น “องค์กรนวัตกรรมยั่งยืน”
เพื่อให้องค์กรและสังคมไทยสามารถเติบโตอย่างยั่งยืน ไปพร้อมๆ กัน..

References
-รายงานประจำปี 2562 ของ IRPC
-เอกสารประชาสัมพันธ์ของ IRPC

เอาอีกแล้ว ! สร้าง "เครื่องดูดฝุ่น PM 2.5 " ออกมาตั้งกลางแจ้งกันอีกแล้ว พูดจนปากเปียก ปากแฉะ ว่ามันไม่เวิร์ค ก็ไม่เชื่อกัน !!

ของพวกนี้ ถ้าคุณทดลองในห้องปิด มันก็คงจะพอได้ผลบ้างแหละ ... แต่ถ้าคุณเอาไปใช้ในพื้นที่กลางแจ้ง ปริมาณของอากาศมันมหาศาลมาก (เหมือนพยายามเอาเครื่องกรองน้ำที่บ้าน ไปกรองให้คลองแสนแสบสะอาดขึ้น) ไม่สามารถจะเอามาเทียบผลกันได้เลย !!
------
(รายงานข่าว) พลเรือโท วรวัฒน์ สุขชัย เจ้ากรมกรมอู่ทหารเรือ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์มลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่เขตเมืองพื้นที่ชุมชนที่มีประชากรอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

ดังนั้น เพื่อให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหา และลดต้นเหตุการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ติดตั้งเครื่องบำบัดฝุ่น PM 2.5 จำนวน 2 เครื่องที่กรมอู่ทหารเรือได้ดำเนินการจัดสร้างขึ้น บริเวณลานจอดรถฝั่งด้านหน้านันทอุทยานสโมสร กองบัญชาการกองทัพเรือพื้นที่วังนันทอุทยาน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนมาใช้บริการและออกกำลังกายเป็นจำนวนมาก รวมถึงติดตั้งบริเวณรอบวังสระปทุม 4 เครื่องและรอบวัดราชบพิธจำนวน 3 เครื่อง

เครื่องบำบัดฝุ่น PM 2.5 และกำจัดเชื้อโรคที่กรมอู่ทหารเรือได้ดำเนินการจัดสร้างขึ้น และติดตั้งขึ้นในพื้นที่ต่างๆ กรมอู่ทหารเรือ ได้ดำเนินการต่อยอดเครื่องบำบัดฝุ่น PM 2.5 เเละ กำจัดเชื้อโรคจากเครื่องต้นเเบบของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย ตั้งเป็นคณะทำงานโครงการสร้างเครื่องบำบัดฝุ่น PM 2.5 ซึ่งผลจากการทดลองในห้องทดลอง อู่ทหารเรือธนบุรี ด้วยควันที่มีความเข้มข้น PM 2.5 สูงกว่า 6000 PPM ที่อัตราการบำบัด 4 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระบบการกรอง Hight Efficiency Particulate Air ใช้เวลา 30 นาที ในห้องทดลองขนาด 4x6x6 เมตร ปริมาตร 144 ลูกบาศก์เมตร เครื่องทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่า 90% คุณภาพอากาศได้มาตรฐานกรมควบคุมมลพิษ ต่ำกว่า 50 PPM

นอกจากฝุ่น PM 2.5 แล้ว เครื่องบำบัดฝุ่น ยังสามารถกำจัดเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัสต่างๆในระบบปรับอากาศรวม ซึ่งพบว่าสารประเภทแบคทีเรีย และไวรัสในอากาศ อาทิ ไวรัสโควิด -19 และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย อาทิ สาร Butadiene Toluene และกลุ่มสาร Aromatic hydrocarbons ถูกทำลาย โดยมีปริมาณลดลงภายใน 30 นาที ภายหลังการเดินเครื่อง ผลสรุปการทำงานสามารถกำจัดเชื้อโรคในอากาศได้เป็นอย่างดียิ่ง โดยอุปกรณ์ชุดนี้ได้ผ่านการทดลอง ทดสอบ ยืนยันจากกรมแพทย์ทหารเรือ และกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
https://www.posttoday.com/social/goodstory/640663

ชมบรรยากาศในงานเปิดตัว All-New 2019 Toyota Corolla Hatchback (โตโยต้า โคโรลล่า แฮทช์แบ็ค) ในงาน 2018 New York International Auto Show

Corolla Hatchback has flair extraordinaire. With a theme of Shooting Robust, along with a design goal of Agile, influencing their every pen stroke, designers created a form that is simultaneously distinct, dynamic, muscular, and sophisticated. Shooting references the design’s sport coupe traits implemented in all facets.

With those concepts in mind, Corolla Hatchback is a meticulously mixed cocktail of emotive lines, creases, and surfaces. It’s lower (by 1.0 in.), wider (by 1.2 in.), and longer (by 1.5 in.) than its predecessor, Corolla iM. It also has wider front and rear tracks, and a longer wheelbase.

Its hood sits two inches lower than before, affording passengers excellent forward visibility. The new frontal styling with a rounded nose and trapezoidal-shaped under grille is a further evolution of Toyota’s Under Priority Catamaran and Keen Look design philosophies, both of which emphasize Corolla Hatchback’s increased width.

Slim, J-shaped Bi-Beam LED headlamps wrap deep into the front fenders and accent the front in both stylishness and precise illumination. Front overhang has been cut by 0.8 inches; at the rear, it’s 0.8 inches longer. Chiseled character lines at its profile link both ends’ protruding flanks making for an active, well-planted expression that is uncommon amongst its peers. Wheel sizes range from 16-inches to 18-inches in diameter.

Its new rear style articulates Corolla Hatchback’s overarching emphasis on athletic presence. The relationship between front and rear design is closely aligned given the rear’s more rounded physique that encompasses simple, condensed, yet powerful, three-dimensional landscapes. Its hatch – now made from TSOP (Toyota Super Olefin Polymer) and ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene) – is not only lightweight to aid fuel efficiency, it is set at a steeper angle (moved 14 degrees forward) for that ultimate sporty look. The rear all-LED taillamps feature a diffusing inner lens designed to highlight the hatchback’s stout stance. And the rear bumper styling echoes the frontal Under Priority Catamaran design with its thin lower lip and chrome diffuser.

Differentiation between SE and XSE is distinct. Both grades receive LED headlamps and taillights, chrome rear diffuser, and alloy wheels. XSE ups the ante with 18-inch wheels, LED fog lights, chrome front grille surround, and an available innovative Adaptive Front Lighting System (AFS). AFS – available only on XSE CVT – allows for the focused distribution of light in an area that matches the vehicle’s speed and steering angle. The Bi-Beam LED units move vertically and horizontally to provide optimal light output by analyzing steering angle, vehicle speed, and the vehicle’s longitudinal axes angle to adjust lamps.

Corolla Hatchback’s color range includes the new-for-2019 color Rival Blue, as well as Blizzard Pearl, Silver Metallic, Midnight Black, Galactic Aqua Mica, Scarlet, and Oxide Bronze.

PRELIMINARY EXTERIOR DIMENSIONS (vs. MY2018) [difference]
Wheelbase 103.9 in. (102.4) [+1.5 in.]
Overall Length 172.0 in. (170.5) [+1.5 in.]
Overall Width 70.5 in. (69.3) [+1.2 in.]
Overall Height 56.6 in. (57.5) [-1.0 in.]

เปิดตัว 2019 Toyota Corolla Hatchback (โตโยต้า โคโรลล่า แฮทช์แบ็ค) ดีไซน์ใหม่หมดทั้งคัน ฟังค์ชั่นล้ำสมัยมาครบ

NEW YORK, March 23, 2018 – Talk about going big in the Big Apple! For the first time in North America, Toyota’s newest, stylish, and most technologically-advanced small car, the all-new 2019 Corolla Hatchback, makes its debut at the New York International Auto Show.

Don’t let its diminutive dimensions fool you – the hatchback, in either SE or XSE grades, is all about making a huge impression. With its lengthy list of standard features that includes Entune 3.0 with Apple CarPlay and Amazon Alexa Connectivity; a revised sport-tuned suspension and new Toyota New Global Architecture (TNGA) platform; and the first North American application of Toyota Safety Sense 2.0, Corolla Hatchback strikes a resounding chord with drivers who value authenticity, utility, practicality, and style.

Hot hatch? More like Haute Hatch.

Indomitable Style

Corolla Hatchback has flair extraordinaire. With a theme of Shooting Robust, along with a design goal of Agile, influencing their every pen stroke, designers created a form that is simultaneously distinct, dynamic, muscular, and sophisticated. Shooting references the design’s sport coupe traits implemented in all facets.

With those concepts in mind, Corolla Hatchback is a meticulously mixed cocktail of emotive lines, creases, and surfaces. It’s lower (by 1.0 in.), wider (by 1.2 in.), and longer (by 1.5 in.) than its predecessor, Corolla iM. It also has wider front and rear tracks, and a longer wheelbase.

Its hood sits two inches lower than before, affording passengers excellent forward visibility. The new frontal styling with a rounded nose and trapezoidal-shaped under grille is a further evolution of Toyota’s Under Priority Catamaran and Keen Look design philosophies, both of which emphasize Corolla Hatchback’s increased width.

Slim, J-shaped Bi-Beam LED headlamps wrap deep into the front fenders and accent the front in both stylishness and precise illumination. Front overhang has been cut by 0.8 inches; at the rear, it’s 0.8 inches longer. Chiseled character lines at its profile link both ends’ protruding flanks making for an active, well-planted expression that is uncommon amongst its peers. Wheel sizes range from 16-inches to 18-inches in diameter.

Its new rear style articulates Corolla Hatchback’s overarching emphasis on athletic presence. The relationship between front and rear design is closely aligned given the rear’s more rounded physique that encompasses simple, condensed, yet powerful, three-dimensional landscapes. Its hatch – now made from TSOP (Toyota Super Olefin Polymer) and ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene) – is not only lightweight to aid fuel efficiency, it is set at a steeper angle (moved 14 degrees forward) for that ultimate sporty look. The rear all-LED taillamps feature a diffusing inner lens designed to highlight the hatchback’s stout stance. And the rear bumper styling echoes the frontal Under Priority Catamaran design with its thin lower lip and chrome diffuser.

Differentiation between SE and XSE is distinct. Both grades receive LED headlamps and taillights, chrome rear diffuser, and alloy wheels. XSE ups the ante with 18-inch wheels, LED fog lights, chrome front grille surround, and an available innovative Adaptive Front Lighting System (AFS). AFS – available only on XSE CVT – allows for the focused distribution of light in an area that matches the vehicle’s speed and steering angle. The Bi-Beam LED units move vertically and horizontally to provide optimal light output by analyzing steering angle, vehicle speed, and the vehicle’s longitudinal axes angle to adjust lamps.

Yamaha Motor Co., Ltd. and YZF1000R ThunderAce (are Sanda ace who doesn't Waizettoef it) are motorcycles that YAMAHA MOTOR was manufacturing for overseas export. Sanda ace's pet name was named.
It appears as a restyling version of FZR1000 that was the flagship of this company 1996 and till then. It differs from the form of a straight line keynote of FZR, and it has peculiar externals that multiuse the curve. It was CBR900RR of HONDA to be made to a rival at that time.

The engine was assumed to be a complete new design 35 times about the EXUP adoption excluding the crankcase as well as FZR though was 4 inclining forward water-cooled DOHC5 valve series cylinders. "YZF" that is works racer's name follows the dimension of YZF750SP that is the race base car of this company by crown, the mainframe, and the chassis and is Can all new designs. A high movement the same as the aim was demonstrated by dryness with a light body of 198kg. Moreover, the front fork dares to adopt the Sata type. Because it was an easy riding position and delicate riding comfort, the evaluation as Haispedotsarar was also high as the super-sports car.

It was supported by the deep-rooted popularity, production was continued, and it ..model.. became a discontinuation at the end in 2001 though YZF-R1 that was able to be called a succession model on substance appeared in 1998, and the seat of the flagship was transferred.

The manufacturing sales were done from Honda Motor Co., Ltd. as a car general and on the market back though HONDA and RVF (Arlbief) were motorcycles equipped with four type cylinder of four water-cooled strokes V engine that the HONDA racing had developed, and it was developed at first as a vehicle only for the game.

RVF(NC35)
HONDA RVF400
HONDA RVF400
Ditto(side)
Ditto(side)

The last racer replica put on the market as succession model of VFR400(NC30) in January, 1994. Frames are the diamond frames of the character section structures of eyes of the new design, and engine and each part rigidity balance, etc. have been changed with NC30. It is structural of shape and the carburetor of the exhaust of ..breathing in.. - port, is 1?3 velocity gear ratios, the front forks, the swing arms, and a rear suspension etc. have been changed by another. Moreover, it has the previous year's works RVF750 and the face of this shape, and RVF/RC45 of 750cc is development simultaneously. A formal car name (The manufacturer mark is an alias) is RVF and 400 that shows the displacement doesn't adhere. There is not the one to show the displacement in exterior even graphic with RVF though it is designed either. The perfection is high only in the racer replica end departure though the sales price has risen more than the vehicle of this class because gorgeous parts are treated, too. However, the cost that hangs in the functional component becomes shape of simplification of the exterior parts (Parts that were the acrylonitrile-butadiene-styrene resins so far are changed to the AES resin and painting is omitted), and it comes to be going to annoy the owner like the crack etc. done by discoloration and deterioration in the future.

A heat problem and poor maintenance, etc. that are the fates of horizontal putting V type engine have been succeeded as a fault. Moreover, the sparking plug is a special size and prices of parts are high. It becomes H4R type with special headlight shape, generality is a low, and quantities of light small dice (When a highly effective valve on the market is used as it is, wiring is burnt) by 35/30W.

There is a possibility that the engine stalls suddenly because the possibility that trouble occurs from the structure that heat shuts oneself up easily in Reguratorectifaia is high if it doesn't exchange it for the measures goods (with heat radiation fin).

The demand for RVF400 was especially higher than that of RVF/RC45 between the young generations
because of the insurance regime by the displacement in Britain.