雖然這篇Avengement鄉民發文沒有被收入到精華區:在Avengement這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 avengement產品中有3篇Facebook貼文,粉絲數超過124萬的網紅หนังโปรดของข้าพเจ้า,也在其Facebook貼文中提到, Avengement (7.5/10) หนังที่มาจากผู้กำกับสายสตั๊นท์ส่วนใหญ่จะมันส์เสมอ อย่างเรื่องนี้คือประเคนฉากแอ็คชั่นเตะต่อยหมัดมวยสู้หลังชนฝา ดิบเดือดโหดใส่เข้ามา...
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
avengement 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最佳貼文
Avengement (7.5/10)
หนังที่มาจากผู้กำกับสายสตั๊นท์ส่วนใหญ่จะมันส์เสมอ อย่างเรื่องนี้คือประเคนฉากแอ็คชั่นเตะต่อยหมัดมวยสู้หลังชนฝา ดิบเดือดโหดใส่เข้ามาไม่ยั้งแทบจะทุก 5 นาที
-------------------------------
'เคน' (Scott Adkins) นักมวยฝีมือดี ที่เรื่องสกปรกแบบล้มมวยยังไม่แตะ วันหนึ่งเขาอยากเปิดยิมของตัวเองเลยไปขอกู้เงินจากพี่ชายที่เป็นหัวหน้านักเลง แต่พี่ชายยื่นข้อเสนอให้ทำงานสกปรกง่าย ๆ ชิ้นนึง ซึ่งเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาลเพราะงานนั้นทำให้เขาถูกจับขังเรือนจำสุดโหดที่มีคนดาหน้ามารุมฆ่าเขาทุกวัน เขาเลยแหกคุกออกมาล้างแค้น
.
ถ้าว่ากันตามจริงมันคือหนังล้างแค้นแบบดั้งเดิมเชย ๆ เลย แต่พอพลิกวิธีเขียนบทนิดหน่อยคือยกระดับหนังขึ้นเยอะ ปกติหนังพวกนี้จะเขียนบทเป็นเส้นตรงตามลำดับเวลา แต่ Avengement เปิดมาด้วยภาพตัวเอกแหกคุกระหว่างเจ้าหน้าที่เรือนจำควบคุมตัวไปเคารพศพแม่ แล้วก็บุกไปที่บาร์แห่งหนึ่งของแก๊งพี่ชายตัวเองเท่านั้นเลย ก่อนจะค่อย ๆ เล่าย้อนหลังแบบไม่ลำดับเวลา เดี๋ยวเล่าในคุกบ้าง เดี๋ยวเล่าตอนแหกคุกแล้วบ้าง บางทีก็ย้อนไปก่อนติดคุกอีก ทั้งหมดมันจะเปิดเผยให้เห็นภาพสุดท้ายว่าทำไมผู้ชายคนหนึ่งที่ทำผิดพลาดไปครั้งเดียวถึงมีความแค้นได้ขนาดนี้ แถมยังทำให้ทุกอย่างดูสมเหตุสมผลขึ้นมาอีก เช่น ตอนแรกแอบสงสัยว่าทำไมนักโทษชั้นแย่ขนาดนี้ได้สิทธิ์ออกไปเยี่ยมแม่ พอตอนท้ายก็มีเฉลย, หรือแบบสงสัยว่าทำไมถูกรุมฆ่าในเรือนจำก็มีคำตอบ
.
นอกนั้นหนังก็ขายแอ็คชั่นเตะต่อยแบบโหด ๆ เลย พวกฉากในเรือนจำคือเถื่อนและบางฉากโหดมาก ส่วนฉากที่คนชมกันเยอะ ๆ คือฉากสู้ในบาร์นี่ก็ต้องยอมให้เลยว่ามันส์มาก มันก็มีความสตั๊นท์โชว์ตามคิวนิด ๆ แต่ภาพรวมยังดิบเดือดแบบหลังพิงฝาอยู่ หนังมันบิ๊วมาดีว่านักมวยที่ถูกขังในเรือนจำมีความเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจยังไง คือทักษะการต่อสู้เป็นเรื่องรองไปเลยถ้าใจไม่แข็งพอ ดังนั้นตลอดการดูฉากบู๊สุดเดือดเลยเชื่อในความแกร่งของตัวละคร ฉากสู้ในบาร์เลยเป็นการปิดหนังที่นอกจากจะมันส์แล้วยังดิบเถื่อนตามสไตล์หนังที่พกความแค้นมารอชำระเต็มพิกัด ใครชอบแนวนี้จัดได้เลย
.
.
.
.
ดูแบบซับไทยได้เลยใน Netflix: https://www.netflix.com/watch/80991316
.
.
.
.
ดูรีวิวซีรีส์ได้ที่: http://bit.ly/2STE5O4
อ่านเกร็ดหนังคั่นเวลา: http://bit.ly/2QMsEVV
หรืออยากอ่านสาระยาว ๆ แก้เบื่อ: http://bit.ly/2QnHCmb
#หนังโปรดของข้าพเจ้า
avengement 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最讚貼文
Extraction (2020) สามารถดูได้ใน Netflix
• หนังแอ็คชั่นเจ๋ง ๆ ยุคนี้คือมาจากผู้กำกับสายสตั๊นท์แมนทั้งนั้น เรื่องนี้คืออีกหนึ่งข้อพิสูจน์ที่ดีเลย
• ถึงหนังจะมิติเดียวคือแอ็คชั่น แต่ถ้าทำแอ็คชั่นออกมาดีจนกลบจุดอ่อนก็ต้องเชียร์ให้แฟนหนังแอ็คชั่นห้ามพลาดเด็ดขาด
• ฉากแอ็คชั่นไล่ล่าหลังช่วยตัวประกันคือยอดเยี่ยม ลากยาว 30 นาทีแบบไม่มีให้พักหายใจ คนที่ชอบเกมแนว Call of Duty: Modern Warfare น่าจะประทับใจไม่ยาก
• การต่อสู้ระยะประชิดมาแนวหนังยุคหลัง John Wick คือโชว์ Gun-fu และเพิ่มความโหดเข้าไปด้วยเมื่อถึงยามจำเป็น
• ชอบฉากหยิบปืนของพวกตัวร้ายแล้วเช็คซองกระสุนก่อน หนังเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยเพิ่มความสมจริงได้ดี
• ฉาก car chase ยกให้เป็นระดับน้อง ๆ Jason Bourne เวอร์ชั่นภูธรเลย ชอบการโชว์ลองเทคไล่ล่าให้เห็นกันจะ ๆ ไปเลย
• เป็นหนังแอ็คชั่นที่ดีอีกเรื่อง ถ้าไม่นับเรื่องโลเคชั่นฉากบู๊ หนังก็ขาดแค่เอกลักษณ์เฉพาะตัวเท่านั้นเอง
-------------------------------------
ชอบหนังแอ็คชั่นจากผู้กำกับสายสตั๊นท์แมนมาก ช่วงหลัง ๆ เริ่มมีสตั๊นท์แมนผันตัวมาทำหนังแล้วเวิร์คหลายคน เช่น เดวิด เลตช์ ที่กำกับร่วม John Wick ก่อนจะแยกมาทำ Atomic Blonde ที่มีฉากลองเทคอันเลื่องลือ, แชด สตาเฮลสกี สตั๊นท์แมนที่โด่งดังจาก The Matrix ภายหลังมากำกับไตรภาค John Wick ก็เปรี้ยงปร้าง แถมเป็นคนทำคิวบู๊สวย ๆ ใน Birds of Prey อีก, สก็อตต์ วอห์น ก็เป็นสตั๊นท์อีกคนที่ผันตัวมาทำหนังแอ็คชั่นยุทธวิธีทหารอย่าง Act of Valor จนเป็นขวัญใจคอหนังแอ็คชั่น, เจสส์ วี จอห์นสัน อาจจะไม่ได้ดังมาก แต่ลองดูหนังเกรดบีของเขา เช่น Avengement แล้วจะทึ่ง ซึ่งจริง ๆ ก็ยังมีสตั๊นท์แมนอีกหลายคนที่ผันตัวมาทำหนังแอ็คชั่นมันส์ ๆ โดยแซม ฮาร์เกรฟ คือหนึ่งในนั้น
.
ถ้ามองย้อนกลับไปดูแนวทางของหนังแอ็คชั่นต่อสู้ระยะประชิดในแต่ละช่วงเวลา ยุคปัจจุบันต้องบอกว่าได้อิทธิพลมาจากหนังชุด Jason Bourne ที่ทำแอ็คชั่นดิบ ๆ เน้นความว่องไวและสัญชาตญาณการเอาตัวรอด หยิบจับอะไรใกล้ตัวเป็นอาวุธได้หมด ทำตัวละครให้ดูเป็นคนธรรมดา ถ่ายเคลื่อนกล้องระยะประชิด ถ่าย handheld ตามติด ไม่แคร์การตั้งกล้องนิ่ง ๆ แต่ให้เคลื่อนที่ตลอดเวลาจนคนดูรู้สึกใกล้ชิดกับสถานการณ์ (shaky-cam-led close combat) ซึ่งอิทธิพลดังกล่าวส่งมาถึงหนังอย่าง Casino Royale, Salt, Taken, กระทั่ง Mission Impossible ช่วงหลังยังต้องเพลาความขี้โม้ลงมาขายความสมจริงมากขึ้น
.
แต่การมาของ John Wick น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดมุมมองใหม่ของหนังแอ็คชั่นที่มาจากสตั๊นท์แมน คุณไม่จำเป็นต้องดิบเถื่อนสู้ด้วยหมัดศอกเข่าเท้าโชว์ศิลปะป้องกันตัวแบบ The Raid ในเมื่อคุณสามารถทำหนังแอ็คชั่นถือปืนขายความเป็น Gun-fu ได้ การออกแบบฉากต่อสู้ระยะประชิดในที่แคบเต็มไปด้วยเหลี่ยมมุม ช่วยให้สถานการณ์ดูน่าเชื่อถือสำหรับการลุยเดี่ยวควงปืนกำจัดศัตรูอย่างรวดเร็ว สามารถผสมผสานการลั่นไกเข้ากับการใช้พละกำลังเตะต่อยยามศัตรูเข้าถึงตัว รวมถึงการเอาเทคนิคสลับปืน, เปลี่ยนซองกระสุน, ใช้ปืนเป็นของแข็งช่วยทุ่นแรง สิ่งเหล่านี้คือนวัตกรรมใหม่ของการออกแบบฉากแอ็คชั่น ที่ส่งมาให้เห็นถึงใน Extraction อย่างยอดเยี่ยม
.
เราจะได้เห็น คริส แฮมเวิร์ธ ถือปืนตะลุยยิงตำรวจและแก๊งลักพาตัวเด็ก โดยมีการใช้ศิลปะป้องกันตัวแทรกเข้ามาเป็นระยะ ด้วยพล็อตแค่ช่วยเหลือเด็กที่ถูกจับเป็นตัวประกัน โดนตลบหลังต้องหาทางหนีออกจากเมืองที่ถูกปิดตายโดยมีตำรวจจำนวนมากตามไล่ล่า มันเพียงพอที่จะเอื้อให้เกิดฉากแอ็คชั่นมันส์ ๆ ตลอดทั้งเรื่อง ตั้งแต่ฉากไล่ล่ายาว 30 นาที ที่ทำเอาตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด หนังโชว์การออกแบบฉากต่อสู้ที่ขายให้เห็นคิวบู๊ชัด ๆ โดยไม่ได้บ้าตัดต่อสวิงสวายแบบหนังเกรดแย่ แถมยังฉลาดในการทำงานร่วมกันระหว่างคิวบู๊และคิวกล้อง ที่มีการเคลื่อนกล้องเป็นลองเทคสอดรับกับฉากต่อสู้ที่ออกแบบมาอย่างดี มีช่วงให้ตัวละครได้พักโดยที่คนดูยังเกาะติดกับเรื่องราวไม่ได้พัก
.
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะบอกถึงความยอดเยี่ยมของ Extraction จริง ๆ อยากอัพเกรดให้ถึง 8 ติดแค่ว่าฉากแอ็คชั่นครึ่งหลังดร็อปความพีคจากฉากครึ่งแรกพอสมควร ถ้าเทียบในแง่ความสร้างสรรค์แล้วยังไม่ถึงขั้นเกรด 8 แบบที่เราให้ John Wick: Chapter 3 - Parabellum ด้วย แต่เท่าที่มีใน Extraction ก็เพียงพอจะเชียร์ให้คอหนังแอ็คชั่นห้ามพลาดเด็ดขาดแล้วครับ
Director: Sam Hargrave
based on the graphic novel "Ciudad": Joe Russo
script: Joe Russo
Genre: action
7.5/10
#หนังโปรดของข้าพเจ้า
avengement 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最佳解答
Avengement (2019) สามารถดูได้ใน Netflix
• หนังที่มาจากผู้กำกับสายสตั๊นท์ส่วนใหญ่จะมันส์เสมอ อย่างเรื่องนี้คือประเคนฉากแอ็คชั่นเตะต่อยหมัดมวยสู้หลังชนฝา ดิบเดือดโหดใส่เข้ามาไม่ยั้งแทบจะทุก 5 นาที
• ชอบงานของผู้กำกับ เจสส์ วี จอห์นสัน อย่างหนึ่งคือเขาพาไปสำรวจตัวละครในโลกอาชญากรรม ที่บางคนยังมีความดีงามของมนุษย์หลงเหลืออยู่ อย่างเรื่องนี้คือคนทำพลาดครั้งเดียวต้องการล้างแค้น/ล้างบาป
• หนังเป็นเกรดสร้างลง vod เทียบสมัยก่อนก็หนังแผ่นลงกระบะ แต่คุณภาพบทหนังถือว่าดีกว่าหนังแอ็คชั่นขึ้นโรงหลายเรื่องเลย เขาใช้เทคนิคเล่าเรื่องแบบหนังซามูไรคลาสสิกเรื่อง Harakiri (1962) ซึ่งเราชอบมาก
• ชอบโครงสร้างแก๊งอาชญากรรมในหนังด้วย การเขียนบททำการบ้านมาให้เห็นภาพว่าพวกนักเลงหาเงินจากการข่มขู่คนธรรมดายังไง
• แล้วการแต่งหน้าสก็อตต์ แอดกินส์ คือออกมาดูโหดมาก ทั้งฟันเหล็ก รอยแผลไฟไหม้บนหน้า ไหนจะพวกร่องรอยบาดแผลอีก
-------------------------------------
เกลียด เจสส์ วี จอห์นสัน ตอนทำ Triple Threat มาก หนังที่มีจา พนม กับอิโก อูไวส์ ในเรื่องเดียวกันนั่นแหละ แต่ชอบตอนทำ The Debt Collector ที่เป็นหนังเกรดกระบะเล่าเรื่องคนดีถังแตกต้องไปทำงานทวงหนี้ พอทำมาก ๆ ก็เริ่มส่องกระจกมองความชั่วในตัวเองไม่ได้ มันคล้ายกับ Avengement ที่เล่าเรื่อง 'เคน' (Scott Adkins) นักมวยฝีมือดี ที่เรื่องสกปรกแบบล้มมวยยังไม่แตะ วันหนึ่งเขาอยากเปิดยิมของตัวเองเลยไปขอกู้เงินจากพี่ชายที่เป็นหัวหน้านักเลง แต่พี่ชายยื่นข้อเสนอให้ทำงานสกปรกง่าย ๆ ชิ้นนึง ซึ่งเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาลเพราะงานนั้นทำให้เขาถูกจับขังเรือนจำสุดโหดที่มีคนดาหน้ามารุมฆ่าเขาทุกวัน เขาเลยแหกคุกออกมาล้างแค้น
.
ถ้าว่ากันตามจริงมันคือหนังล้างแค้นแบบดั้งเดิมเชย ๆ เลย แต่พอพลิกวิธีเขียนบทนิดหน่อยคือยกระดับหนังขึ้นเยอะ ปกติหนังพวกนี้จะเขียนบทเป็นเส้นตรงตามลำดับเวลา แต่ Avengement เปิดมาด้วยภาพตัวเอกแหกคุกระหว่างเจ้าหน้าที่เรือนจำควบคุมตัวไปเคารพศพแม่ แล้วก็บุกไปที่บาร์แห่งหนึ่งของแก๊งพี่ชายตัวเองเท่านั้นเลย ก่อนจะค่อย ๆ เล่าย้อนหลังแบบไม่ลำดับเวลา เดี๋ยวเล่าในคุกบ้าง เดี๋ยวเล่าตอนแหกคุกแล้วบ้าง บางทีก็ย้อนไปก่อนติดคุกอีก ทั้งหมดมันจะเปิดเผยให้เห็นภาพสุดท้ายว่าทำไมผู้ชายคนหนึ่งที่ทำผิดพลาดไปครั้งเดียวถึงมีความแค้นได้ขนาดนี้ แถมยังทำให้ทุกอย่างดูสมเหตุสมผลขึ้นมาอีก เช่น ตอนแรกแอบสงสัยว่าทำไมนักโทษชั้นแย่ขนาดนี้ได้สิทธิ์ออกไปเยี่ยมแม่ พอตอนท้ายก็มีเฉลย, หรือแบบสงสัยว่าทำไมถูกรุมฆ่าในเรือนจำก็มีคำตอบ
.
นอกนั้นหนังก็ขายแอ็คชั่นเตะต่อยแบบโหด ๆ เลย พวกฉากในเรือนจำคือเถื่อนและบางฉากโหดมาก ส่วนฉากที่คนชมกันเยอะ ๆ คือฉากสู้ในบาร์นี่ก็ต้องยอมให้เลยว่ามันส์มาก มันก็มีความสตั๊นท์โชว์ตามคิวนิด ๆ แต่ภาพรวมยังดิบเดือดแบบหลังพิงฝาอยู่ หนังมันบิ๊วมาดีว่านักมวยที่ถูกขังในเรือนจำมีความเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจยังไง คือทักษะการต่อสู้เป็นเรื่องรองไปเลยถ้าใจไม่แข็งพอ ดังนั้นตลอดการดูฉากบู๊สุดเดือดเลยเชื่อในความแกร่งของตัวละคร ฉากสู้ในบาร์เลยเป็นการปิดหนังที่นอกจากจะมันส์แล้วยังดิบเถื่อนตามสไตล์หนังที่พกความแค้นมารอชำระเต็มพิกัด ใครชอบแนวนี้จัดได้เลย
Director: Jesse V. Johnson
screenplay: Jesse V. Johnson, Stu Small
Genre: crime, action, thriller
7.5/10
#หนังโปรดของข้าพเจ้า