【專文簡介製氫背後的種種】
#認識氫氣碳足跡 #德國氫能大躍進
前文( https://reurl.cc/8GVdqo )提到，氫氣和電力得從初級能源轉化、不會憑空誕生。那氫氣又是如何製造呢？

▋主流製氫法
全世界超過95%產量的氫氣源自天然氣和天然氣處理廠，亦即利用水蒸汽-甲烷重組反應(steam methane reforming process, SMR )和水氣轉化反應(Water-gas shift reaction, WGSR)量產氫氣。處理廠包括以下四個主要系統:除硫、重組、高溫轉化、變壓吸附，個別功能簡介如下：

1⃣除硫: 透過觸媒去除天然氣中的硫化物。進入重組系統前，一部份天然氣會和來自變壓吸附系統的不純物一起燃燒以產生反應所需的熱能。
2⃣重組: 除硫後的天然氣和高溫蒸氣混合、透過鎳基觸媒(和水蒸汽-甲烷重組反應)生成氫氣。反應完的熱氣在離開重組器後會稍作冷卻，與此同時會產生蒸氣。
3⃣高溫轉化: 添加額外的高溫蒸氣，和熱氣進行水氣轉化反應，將一氧化碳轉化成二氧化碳以達到完全反應。
4⃣變壓吸附:　透過加壓方式純化氫氣，不純物會被吸附留在系統內。當不純物濃度飽和時，系統壓力會降低以移除不純物，後者回送到除硫系統成為燃料以提供熱能。

環環相扣的系統設計是為了最大化天然氣利用率和熱循環效率。理論上，系統能整合碳捕捉技術，相關方法仍處於學術研究階段。

▋氫氣的碳足跡
水蒸汽-甲烷重組反應和水氣轉化反應的反應式如下：

水蒸汽-甲烷重組反應：CH4 + H2O ⇌ CO + 3 H2
水氣轉化反應：CO + H2O ⇌ CO2 + H2
兩式相加可得：CH4 + 2 H2O ⇌ CO2 + 4H2

換言之，每製造四單位的氫氣會伴隨著一單位的二氧化碳，這就是氫氣的 #原生碳足跡。若以純甲烷製造的100萬標準立方英尺(standard cubic feet (SCF))氫氣當作一單位，則原生副產物是0.25單位的二氧化碳，合12.98公噸。

而Praxair公司對各 #系統碳足跡 計算得出的理論最小值如下：
重組器和重組反應所需能量：3.7公噸
製造高溫蒸氣所需能量：2.5公噸
變壓吸附時的分離、純化和壓縮製程：0.1公噸

四者合計19.3公噸，但基於熱損耗和效率問題，實際數字約略是21.9公噸，此為總碳足跡。換算後可得以下結論： #製造一公斤氫氣同時會製造9公斤二氧化碳。

然而，這尚未計算壓縮、運輸、燃料電池製造的碳足跡；亦即送到製造商或終端使用者手上時，總碳足跡還會增加。源自化石燃料、製程又依賴化石燃料產生的電和熱，這就是天然氣製氫的原罪，也是氫氣的骯髒小祕密。

▋碳足跡表示法

為了能在同一基準上比較，網路上有各種當量表示法，以下列出兩個。

1⃣每度電的二氧化碳當量

另一方面，標準狀態下的氫氧反應：H2 + 1/2 O2 ⇌ H2O ΔH0＝-286kJ/mol

換算下來一公斤氫氣能產生143百萬焦耳，合39.7 kWh。
但這只是理論值，考量能源損失和科技極限，目前所能利用的數字約略是33.33 kWh，換言之，1公斤氫氣 = 9.28公斤二氧化碳 = 33.33 kWh. 可推得 1 kWh = 278克二氧化碳 (單位: gram CO2eg/kWh)

這也是理論值換算。若透過燃料電池轉換為電力，還得加上製造燃料電池的碳足跡。過去研究也曾預估氫氣生電的碳足跡會介於燃氣和燃煤之間。

2⃣每百萬焦耳的二氧化碳當量

若依百萬焦耳的二氧化碳當量(gram CO2eq/MJ)來看，33.33 kWh = 119.988 MJ. 可推得 1MJ = 77.34 克二氧化碳

依據當量高低，我們可以替氫氣上色：

FCH JU機構認為：

🔲若小於91克，但高於36.4克，那麼有無再生能源參與製造都將被歸類為灰色氫氣。天然氣製氫歸類於此。
🟦若小於36.4克，非再生能源參與製造的部分為藍色氫氣
🟩而再生能源參與製造的部分為綠色氫氣。若製氫能量100%來自於再生能源且二氧化碳當量小於36.4克，就能算是100%純綠氫。

–

▋德國的大躍進

德國聯邦政府在上週(6/10)敲定其國家氫能戰略，目標是在2030年時有5GW綠色氫氣(以下簡稱綠氫)產能(折合14TWh的氫氣產量)*、2040年達10GW。政府預計在一項1300億歐元的經濟刺激方案當中撥款70億歐元於新產業和相關研究。這是德國首次針對氫氣產量訂下具體目標，以期此次大躍進(quantum leap)讓德國在氫能科技領域成為世界領導者。舉國從政府當局到公民團體都樂觀其成。德國也預告輪值歐盟理事會主席後的首要任務之一是創造橫跨歐洲的氫氣基礎設施。(聽起來真的很大躍進)

要達到5GW綠氫產能約需20TWh的再生能源電力。氫能戰略伴隨一系列措施以替再生能源提供更良好的環境、並提供更誘人的條件以吸引離岸風電建設，預計離岸風電農場的電力能應付綠氫製造的大部分需求。

除打點相關基礎建設，德國政府也提供金融補貼牛肉給大型貨物運輸、鋼鐵業、化工業和航空業以誘使業者投資相關製程；針對鋼鐵和化工業業者訂定碳差價合約(Carbon Contracts for Difference(CfD))，並檢驗航空業的能源消耗在2030年前是否能達到20%再生能源的使用目標。

然而，該製造多少綠氫仍相當爭議。德國目前有99%氫氣產量來自化石燃料(即灰色氫氣,以下簡稱灰氫)，且政府部門間的冗長協商突顯了淘汰化石燃料的困難。煉油和天然氣業者則認為在能源轉型的初期階段，灰氫不該缺席。德國綠黨名譽主席Oliver Krischer則表示將氫氣應用於汽車產業(諸如充氫站)單純在浪費公帑。

部分人士也提及，德國2030年將安裝最高5GW綠氫電解槽，這一計劃將拉動電解槽工業實現快速發展，與當前的安裝量相比，10年間這一規模將增長200倍。到2040年，德國電解槽部署規模有望達到10GW，若“歐洲2x40GW綠氫計劃”順利實施，則德國2040年電解槽規模將佔歐洲部署總量的25%。但德國境內的再生能源發電能力有限，氫氣產能不足。即便考慮2040年新增10GW電解槽，綠氫產能也僅28TWh，仍低於2030年新增氫氣需求。戰略明確提出要加強國際合作，在之前針對氫能推出的90億歐元投資計劃中，其中20億歐元將在摩洛哥等合作夥伴國家建立大型的製氫廠。

E3G氣候智庫的研究者，Felix Heilmann，表示：「德國的氫能戰略向世人宣示這個世界最大的天然氣消費國正準備替"不用天然氣"的未來做準備"，畢竟歐盟策略中2050得達成零碳排，使用氫氣替代供暖或交通燃料都是必需之路。

▋結論
根據2017年的國家發展委員會報告，高雄地區的石化、重工、鋼鐵業總年產量合計12萬公噸。如此產量也勉強供三大產業使用，目前沒有剩餘氫氣發展氫經濟。

這邊小編以核一兩部機組機稍微計算了一下：

核一兩部機組(裝置容量604 MW x2 )，容量因子85%，則一年可發出 (604 x 2 x 0.85) x (365x24) = 8,994,768 MWh. 全數用於電解水可得 8,994,768/55 = 163,541.2 公噸氫氣。

這是三大產業總產量的1.36倍。也就是說，核一延役的話就有充足的餘裕發展氫經濟了呢。結合氫燃料電池，也能同步改善交通空氣汙染ㄟ。

話說回來，可以預期將來賣氫氣的利潤會比賣電更高。還非得是低碳足跡的氫氣不可。碳足跡過高的氫氣不僅直接淘汰，也連帶地使使用這類氫氣製造的產品喪失競爭力。這對不產天然氣的我國而言，如何取得大量、便宜、穩定的低碳能源以降低製氫成本，確保產品和服務有國際競爭力，將會是執政者的挑戰。

至於德國，祝他們幸福，短時間內來看，投資1MW的製氫廠與管線就耗費30億台幣，若要擴展到5GW(5000倍)，真的所費不貲

▋參考資料與計算(見留言處)
https://reurl.cc/O1odyr

<3 LONDON TOUR TO THE ROYAL BOROUGH OF GREENWICH <3
.
A UNESCO World Heritage Site, Greenwich is one of the most historically rich areas of London and you can arrive by riverboat or it is just 8 minutes from London Bridge by train. Greenwich has had royal connections since the 9th century, but the Tudors made it a preeminent royal residence. 👑👑👑
.
We took a short walking tour & explore the OLD ROYAL NAVAL COLLEGE to admire the spectacular ORNC, the architectural centrepiece of Maritime Greenwich, also a World Heritage Site in Greenwich. 🏛️🏛️🏛️
.
Located on the south bank of the river Thames, a British landmark encompassing some of the finest buildings in the world, it's Sir Christopher Wren's riverside masterpiece. 😍
.
Then, there was also the legendary CUTTY SARK, the world's only surviving extreme clipper & the celebrated historic sailing ship. This Clipper ship is 150 years old, a British merchant ship & visited 16 different countries & travelled to the equivalent of 2.5 voyages to the moon & back. 🚢🚢🚢
.
It was specially built for the China tea trade but carried a vast array of cargoes. Famous for representing the pinnacle of clipper ship design & one of the FASTEST SHIPS of its day.
.
It survived heavy seas, war, neglect, obsolescence, fire & old age to be here in Greenwich. Cutty Sark is also home to the world's biggest collection of Merchant Navy figureheads.
.
Don't miss the GREENWICH FOOT TUNNEL, a 1,215-foot pre-WW2, the cast iron tunnel that transports pedestrians beneath the River Thames. 😊.
.
Opened in 1902, the Greenwich Foot Tunnel cuts 50 feet deep below the surface to take pedestrians under the River Thames from Greenwich to the Isle of Dogs to create a way for workers who lived in south London to get to work at the docks on the Isle of Dogs, replacing a ferry service, although now it offers 24-hour access to any travellers who need to cross the London river. Just a cool little side trip to end our day in Greenwich! 🇬🇧🇬🇧🇬🇧
.
.
#FollowMeToEatLa #TheOldShades
#FollowMeToEatLaInLondon
#AuntieLillyInLondon #CuttySark #Greenwich #GreenwichFootTunnel #OLDROYALNAVALCOLLEGE #Unesco
#London #Throwback

ตอนนี้ PM 2.5 น่ากลัวมาก
ใครอยู่ กทม อย่าลืมใส่หน้ากากกันฝุ่น N95
ทุกครั้งที่ออกจากบ้านนะคะ

คนลอนดอน 12,000 คน เสียชีวิตเพราะ “ฝุ่นควัน” ในปี 1952
.
ปัจจุบันคนกรุงเทพฯ และผู้อาศัยอยู่ในย่านปริมณฑล กำลังวิตกกับสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มออกมาเตือนภัยเกี่ยวกับ “ผลกระทบด้านสุขภาพ” ที่อาจได้รับจากเจ้าฝุ่นพิษเหล่านี้ ทำเอาหลายคนอาจกลัวว่าบทสรุปของมันจะเหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในลอนดอนเมื่อปี 1952 หรือไม่ ?
.
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ปี 1952 ได้เกิดหมอกควันจำนวนมากปกคลุมทั่วนครลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในตอนนั้นผู้คนต่างคิดว่ามันคือ “หมอกหรือควัน” ทั่วไป ๆ ที่เกิดอยู่บ่อยครั้ง แต่มารู้ตัวอีกทีเจ้าหมอกควันเหล่านี้ก็ได้คร่าชีวิตคนไปกว่า 12,000 คนแล้ว ซึ่งทั้งหมดก็มีผลมาจากฝีมือของมนุษย์ล้วน ๆ
.
นี่ก็คือเหตุการณ์ทางมลพิษที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักร เหตุการณ์นี้ถูกเรียกชื่อว่า “The Great Smog of London“ หรือ “หมอกซุปถั่ว” (Pea-Soupers) สาเหตุที่เรียกอย่างนั้นเพราะในหมอกเหล่านี้มีลักษณะเป็นสีดำอมเหลืองจากกำมะถันคล้ายกับสีของซุปถั่วนั้นเอง
.
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิด “หมอกมรณะ” ในครั้งนี้เกิดจากน้ำมือมนุษย์ล้วน ๆ ในช่วงเดือนธันวาคมของประเทศอังกฤษจะมีอากาศหนาวเย็นจนผู้คนตามบ้านเรือนและโรงงานถ่านหินต้องมีการเผาถ่านหินมากกว่าปกติเพื่อเพิ่มความอบอุ่น เรียกได้ว่า “ยิ่งหนาวยิ่งเผา” และบวกกับมลพิษที่มาจากควันของบุหรี่และรถยนต์ดีเซล เหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
.
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ปี 1952 เกิดปรากฏการณ์ “แอนติไซโคลน” (Anticyclone) ใจกลางลอนดอน และท่ามกลางสภาพอากาศที่ไร้ลมรวมเข้ากับควันที่มาจากปล่องไฟต่าง ๆ จึงทำให้ควันจำนวนมากเริ่มก่อตัวกันกลายเป็นหมอกพิษปกคลุมไปทั่วลอนดอน รัฐบาลอังกฤษพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ แต่ทำยังไงเจ้า “หมอกมรณะ” เหล่านี้ก็ไม่สามารถลอยขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศได้สักที
.
หมอกเริ่มปกคลุมไปทั่วทุกที่และอยู่เหนือพื้นดินแค่หลักเมตร การใช้ชีวิตของผู้คนเป็นไปได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนเริ่มมองไม่เห็นเท้าตัวเองหรือแม้กระทั่งไฟหน้ารถคันอื่น การเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะเริ่มทำได้ยากขึ้น กิจกรรมต่าง ๆ อย่างฟุตบอลหรือคอนเสิร์ตต้องถูกระงับ เและไม่นานทัศนวิสัยในการมองของทุกคนก็กลายเป็นศูนย์พร้อมกับสภาพร่างกายที่ทรุดลง
.
เมื่อช่วงปี 1950s โรงงานถ่านหินในลอนดอนและบริเวณใกล้ ๆ อย่างที่ ฟูแลม, แบตเทอร์ซี, กรีนิช และแบงค์ไซด์ มีการปล่อยมลพิษทางอากาศมากกว่า 1,000 ตันต่อวัน ซึ่งมาพร้อมกับก๊าซอันตรายต่อร่างกายอย่าง ซัลเฟอร์ไดออกไซด์และกรดไฮโดรคลอริก
.
ในวันที่ 8 ธันวาคม 1952 สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ท่ามกลางสภาพอากาศเป็นพิษจากซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ทำให้ผู้คนเริ่มมีอาการหายใจสั้นและมีปัญหาด้านทางเดินหายใจ และไม่นานก็มีประชาชนเริ่มเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้กว่า 4,000 คนจากโรคหนองในปอด และอีก 100,000 คนป่วยหนักจากโรคทางระบบทางเดินหายใจ
.
เหตุการณ์มรณะในครั้งนี้ลากยาวไปเป็นเกือบสัปดาห์ และในวันที่ 10 ธันวาคม ทุกอย่างก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติหลังหมอกเริ่มจางลงและลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ
.
นี่ถือเป็นเหตุการณ์ด้านมลภาวะที่คร่าชีวิตคนอังกฤษมากที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่วิกฤตมลพิษถ่านหินในช่วงศตวรรษที่ 13 และมีผลทำให้รัฐบาลอังกฤษต้องออกกฎหมายจัดการมลพิษทางอากาศฉบับแรกในปี 1956 หรือที่เรียกว่า Clean Air Act 1956
.
จะว่าไปเหตุการณ์นี้ก็เริ่มคล้ายกับสถานการณ์ในบ้านเรามากขึ้นทุกวัน ถ้ายังไม่มีนโยบายแก้ไขปัญหาที่ดี หรือวันไหนกรุงเทพฯ ดันเกิดปรากฏการณ์ แอนติไซโคลน จนหมอกพิษลอยมาให้เราดมได้ ในอนาคตลูกหลานของเราอาจจะต้องเรียนเรื่อง “The Great Smog of Bangkok“ แทนเรื่องของเมื่อปี 1952 ก็เป็นได้
.
เรื่อง : วิทวัส ปัญญาเลิศวุฒิ

อ่าน “คนลอนดอน 12,000 คน เสียชีวิตเพราะ “ฝุ่นควัน” ในปี 1952” เวอร์ชั่นเว็บไซต์ได้ที่ : https://thepeople.co/great-smog-of-london/

ที่มา : https://en.wikipedia.org/wiki/Great_Smog_of_London

http://news.bbc.co.uk/2/hi/uk_news/2542315.stm

http://news.bbc.co.uk/…/decemb…/9/newsid_4506000/4506390.stm

https://www.history.com/…/the-killer-fog-that-blanketed-lon…

#ThePeople #Social #History #GreatSmogofLondon
12,000 London people died because of "smoke dust" in 1952
.
Currently, Bangkok people and residents in perimeter are worried about the dust situation. PM 2.5 after related agencies start warning about "health effects" that may receive from these poisonous dust. Many people may fear that its conclusion. Will it be the same as the incident in London in 1952?
.
Back on December 5, 1952, there was a lot of smog covered in London. At that time, people thought it was a common "smog" that happened, but they were often, but they knew that these haze killed their lives. Over 12,000 people, all of them are made by human skills.
.
This is the worst pollution event in UK's history. The Great Smog of London " aka " Bean Soup Fog " (Pea-Soupers) is called because in these are black. Yellow from sulphur cuddle am similar to the color of pea soup.
.
The main reason why " death fog " is caused by all human hands during the month of England. It will be cold that people in homes and coal factories must be more coal to increase warmth. It is called " The colder " and plus the smoke of cigarettes and diesel cars. Unexpected events happen.
.
Back on December 4, 1952, there was a phenomenon "Anticyclone" (Anticyclone) in the heart of London and in the wind-free weather, combined with the day from the chimney, so many smoke started to become poisonous fog. Covered all over London, the British government tried to fix the situation, but how to do these "death fog" can't go up to the atmosphere.
.
Fog starts to cover everywhere and above the ground. People's living is getting harder and harder. People start to see their feet or other car headlights. Traveling through public transport is getting harder. Activities like football or concerts. Must be suspended and unseen in everyone's sight becomes zero with a body condition.
.
In the 1950 s coal plant in London and near Fulam, Battery, Greenwich, and Banks were more than 1,000 tons of air emissions per day, which comes with harmful gases. Body like cuddle l ferdioxide and hydrochloric acid
.
On December 8, 1952, the situation is getting worse in the middle of the weather conditions from cuddle lfer dioxide, causing people to start having short breathing and respiratory problems. And soon, people started to die from this incident over 4,000 People from gonorrhea and 100,000 others are sick from respiratory disease.
.
This event is almost a week long haul and on December 10th, everything is back to normal. After the fog starts to fade and floating into the atmosphere.
.
This is the pollution th most British life event since the coal pollution crisis in the 13th century, and the British government issued the first air pollution law in 1956 aka Clean Air Act. 1956
.
Btw, this event is getting more similar to our home situation every day. If there is no policy to solve a good problem or any day, it is an anticyclone phenomenon until the poisonous fog floats for us. Our children may have to learn about " The Great Smog of Bangkok " instead of 1952
.
Story: Wittaw cuddle Sapanya Peng wut

Read " 12,000 London people died because of " smoke dust " in 1952 " website version at: https://thepeople.co/great-smog-of-london/

Source: https://en.wikipedia.org/wiki/Great_Smog_of_London

http://news.bbc.co.uk/2/hi/uk_news/2542315.stm

http://news.bbc.co.uk/onthisday/hi/dates/stories/december/9/newsid_4506000/4506390.stm

https://www.history.com/news/the-killer-fog-that-blanketed-london-60-years-ago

#ThePeople #Social #History #GreatSmogofLondonTranslated

Taiwanese Street Food Miaodong Night Market 2021 / 廟東夜市大合集
👉 https://reurl.cc/OqE483
Hi, there! I'm Cate 😊 If you enjoy this video, please leave a like and subscribe to see more videos. Please feel free to leave any comments or questions below. Thank you!

Miaodong Night Market in Taichung which is a city in central of Taiwan
**Location information**
https://goo.gl/maps/ChUzuSXkqk9LZBvz6

Food featured in this video from the street stalls of Miaodong Night Market

1.Fried Water Caltrop $1.25 USD
2.Oysters Thin Noodles $2.5 USD
3.Roasted Potatoes
Corn cheese $1.96USD
Bacon cheese $1.96USD
4.Candied Pineapple Smoothie $1.25 USD
5.Meat Ball $1.42 USD
6.Ribs Stewed in Herbs $3.2 USD
Spicy Stinky Tofu $2.85 USD
Braised Pork on Rice $1.07 USD
7.Braised Dishes
8.Crispy Sparerib Noodles Sou $2.85 USD
9.Taiwanese Shrimp Meatballs $1.96 USD
101.Fried duck head
11.Fried Sweet Potato $2.1 USD
12.Fried Buns $1.25 USD
13.Angelica Duck Thin Noodles $2.14 USD
14.Animal Shaped Egg Pancake $1.78 USD

I’ll share what I’ve seen and tasted with you, such as street food,fried rice,seafood,night market,cooking skills,asian food,chinese food and so on.
Look forward to bringing you the feast for the senses of palates through every video clip.

🔗Facebook：https://reurl.cc/N6OR4m
🔗Instagram：https://www.instagram.com/cate_food/?
🔗Twitter : https://twitter.com/catefood

⬇️⬇️English revipe follows⬇️⬇️
木瓜花生雞腳袪濕湯

材料：
煲湯排骨1磅
青木瓜1個
花生1兩
茨實1兩
雞腳8隻
鮮淮山1支
眉豆1兩
蜜棗3粒

處理：
1. 花生、茨實及眉豆，清水浸半小時。
2. 大火煲滾1鑊水，放排骨及雞腳出水3分鐘。
3. 鮮淮山，清水洗乾淨。
4. 鮮淮山，用膠袋揸住，去皮。
5. 青木瓜，洗淨表皮，1開2，去核。
6. 蜜棗，清水浸5分鐘。
7. 鮮淮山，切大舊。
8. 木瓜，打直1開4 。
9. 花生、眉豆、茨實及蜜棗，清水沖洗乾淨，擎乾水。
10. 排骨及雞腳已出水3分鐘，倒去水分，清水洗淨。
11. 放排骨入煲。
12. 雞腳，用菜刀或廚剪除去趾甲，放入煲。
13. 同時加入其他材料。
14. 加入水2.5升。

烹調：
1. 大火煲滾。
2. 滾起後，轉中慢火，煲1小時30分鐘，熄火，再焗30分鐘。
3. 煲好，完成，可享用。

Papaya chicken feet soup

Ingredients:
Pork bones 1 lb
Papaya (green) 1 No.
Peanuts 1 tael
Moskowitz 1 tael
Chicken feet 8 Nos.
Fresh yam 1 log
Black~eyed peas 1 tael
Candied dates 3 Nos.

Preparation:
1. Peanuts, moskowitz and black~eyed peas, soak in tap water for 30 minutes.
2. Heat up a wok of water at high flame. Put pork and chicken feet, soak for 3 minutes.
3. Fresh yam, rinse with tap water.
4. Fresh yam, hold with plastics, get it peeled.
5. The papaya, get it rinsed. Divide it into 2 shares. Remove the seeds.
6. Candied dates, soak in tap water for 5 minutes.
7. Fresh yam, cut in big pieces.
8. Papaya, divide it into 4 shares vertically.
9. Peanuts, black~eyed peas, moscowitz and candied dates, get them rinsed, hang dry.
10. Pork and chicken feet have been soaked for 3 minutes, pour away water. Rinse thoroughly.
11. Put pork rib into pot.
12. Chicken feet, cut the nails with chopper or kitchen scissors, put into pot.
13. Put all the other ingredients into pot.
14. Add water 2.5L.

Steps:
1. Heat up at high flame.
2. Turn to medium~low flame after boils up. Boil for 1.5 hours. Turn off fire. Leave it for 30 minutes.
3. Finish. Complete. Serve.

?湯水/老火湯?
(系列)播放清單?
https://www.youtube.com/playlist?list=PLkU_SdeTtB_TYB-XcaVDXmGNO0Xe6-1F6

???我有1000多條片?大家入呢個網址 ?全部可以睇曬?
https://goo.gl/cuyAZa hip???

??I have more than 1000 movies?Everyone enters this URL ?All can be viewed ?
https://goo.gl/cuyAZa hip??

Perfect Spring Soup? Reduces Internal Dampness?Strengthens Spleen & Qi?

Perfect Spring Soup? Reduces Internal Dampness?Tones & Strengthens Spleen & Qi? Papaya Pork Bone Soup with Chicken Feet, Chinese Yam, Peanuts, Black Eye Peas, Fox Nuts

最佳春天湯!
去濕健脾補氣!

最佳春天湯!
去濕健脾補氣!
木瓜豬骨雞腳湯加淮山,花生,眉豆,茨實


Perfect Spring Soup
最佳春天湯

Kombo Kasih Sayang Destinasi TV dan Sambaleena » https://sambaleena.com/product/destinasitv-combo/

Kembali lagi dalam episod terbaru Resepi Tok di Dapur Fendi, dibawakan oleh Sambaleena.. pasti terangkat! Dalam episod ini, Fendi akan mengajar cara-cara untuk membuat Meehun Sup Kaki Ayam simple bakhanggg! Jangan lupa untuk dapatkan Bumbu Putih Sambaleena, lebih mudah dan confirm sedap. Kalau dah cuba resepi ni jangan lupa tag @destinasitv di Facebook atau Instagram. Selamat mencuba geng!

Bahan-bahan untuk Sup Kaki Ayam:-
1 biji bawang besar
2 inci halia
3 ulas bawang putih
2 tangkai daun bawang
2 tangkai daun sup
2.5 liter air masak
2 1/2 sudu bumbu putih Sambaleena
12 ketul kaki ayam
1/4 paha ayam
1 batang kayu manis
4 kuntum bunga lawang
5 biji buah pelaga
Garam
Lada hitam

Cara penyediaan Sup Kaki Ayam:-
Panaskan 2.5 liter air masak di dalam periuk panas api sederhana.
Masukkan kaki ayam dan paha ayam ke dalam periuk, rebus dalam 20 minit sehingga ayam lembut.
Masukkan 3 sekawan (kayu manis, bunga lawang dan buah pelaga) ke dalam rebusan ayam.
Kemudiaan masukkan bawang besar, bawang putih, halia dan akar daun bawang dan daun sup untuk menambahkan lagi aroma sup kaki ayam.
Masukkan bumbu putih Sambaleena untuk menaikkan rasa sup kaki ayam dan tambahkan sedikit taburan daun bawang dan daun sup.
Tambahkan garam dan lada hitam secukup rasa.

Jangan lupa untuk celur Meehun bersama air panas sebelum dihidangkan. Carik-carikkan isi paha ayam untuk hidangan yang lebih menarik. Tambahkan daun bawang, daun sup dan bawang putih ranggup Sambaleena untuk menaikkan lagi warna Meehun Sup Kaki Ayam. Tambah Sambal Ijo Sambaleena untuk rasa yang lebih Umpppph! ??

#destinasitv #resepimudah #dapurfendi #supkakiayam

Bermula pada tahun 2017, Destinasi TV melihat budaya kulinari dan darmawisata sebagai pintu kepada sejarah, tradisi dan evolusi masyarakat tempatan.

Merupakan sebahagian dari Kumpulan Manggis (https://manggis.group), Destinasi TV menghasilkan siri video digital yang menghiburkan, mendidik dan berkualiti tinggi untuk tayangan umum secara percuma di platform seperti Youtube, Facebook, Instagram, IFlix dan Dim Sum.

Destinasi TV terkenal dengan siri video digital seperti “Mat Salleh Cari Makan”, “Kembara Ramadan Rhys”, “Pilihan Terbaik”, “Sembang Bros”, “The Nasi Lemak Show”, dan “Trek Artisan”.