雖然這篇ไตรลักษณ์鄉民發文沒有被收入到精華區:在ไตรลักษณ์這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 ไตรลักษณ์產品中有5篇Facebook貼文,粉絲數超過174萬的網紅Pop Siwapat,也在其Facebook貼文中提到, เคยไหมพยายามผลักใสทุกข์ หนีทุกข์ หรืออยากให้ทุกข์หายไปไวไว? ผมเคยนะ หลายช่วงของชีวิตเลย ตั้งแต่เด็ก เขียนนิยาย โดนวิจารณ์ โดนด่า เครียด เป็นซึมเศร้า...
ไตรลักษณ์ 在 Kornkan Sutthikoses Instagram 的最佳貼文
2020-04-29 02:57:17
หลังจากซ่ามานาน วันนี้เค้าจัดให้เรียน #ไตรลักษณ์ "คือต่อให้เราจะวิ่งไล่ตามความฝันมันจะสนุกแค่ไหน สุดท้ายต้องมีวันลากันทุกคน แล้วอะไรล่ะที่ไม่จากเราไป ...
ไตรลักษณ์ 在 parnthanaporn Instagram 的最佳解答
2020-05-13 04:59:40
“ #ไตรลักษณ์ ” “สิ่งทั้งหลายเป็น “อนิจจัง” ไม่เที่ยง ไม่คงที่ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา, เป็น “ทุกขัง” คงอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ และเป็น ...
ไตรลักษณ์ 在 Pimpaka Siangsomboon Instagram 的最佳解答
2020-05-09 16:18:57
บางคนมองว่าครอบครัวผมไม่สมบูรณ์ แต่ผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้น แม่ผมโคตรเจ๋ง (หัวเราะ) ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองขาด ผมมีความสุขกับทุกอย่าง ผมมีเพื่อนที่รวยกว่าก็...
ไตรลักษณ์ 在 Pop Siwapat Facebook 的最讚貼文
เคยไหมพยายามผลักใสทุกข์ หนีทุกข์
หรืออยากให้ทุกข์หายไปไวไว?
ผมเคยนะ หลายช่วงของชีวิตเลย
ตั้งแต่เด็ก เขียนนิยาย โดนวิจารณ์ โดนด่า
เครียด เป็นซึมเศร้า สติแตก
อยากจะหายทุกข์เหลือเกิน
ตอนโต มีดราม่า ไปไหนมาไหนคนก็พูดถึง
เครียด บางทีก็โมโห อยาหายตัวไปซะ
เป็นโรคกลัวผู้คน กลัวเงาสะท้อนในกระจก
ไม่อยากทุกข์เหมือนกัน อยากจบชีวิต
ผมเชื่อว่าช่วงนี้ทุกคนทุกข์แหละ
เรื่องงานบ้าง เงินบ้าง การเมืองบ้าง
ความสัมพันธ์ โรคภัยไข้เจ็บบ้าง
ไม่มีใครหรอกที่ไม่ทุกข์
และไม่มีใครหรอกที่ไม่ได้รับผลกระทบ
ผมเองก็ได้รับผลกระทบ
ผมก็ปกติเหมือนคุณแหละ
วันนี้จะบอกคุณว่า "ทุกข์ได้ ไม่ผิดนะ"
แต่รู้วิธีการอยู่กับมันก็พอและ ;)
ความทุกข์มันมีมิตรสนิทตัวหนึ่งชื่อ “ความคิด”
เวลาทุกข์จะคิดเยอะ วางแผนทำร้ายคนอื่นบ้าง
วางแผนทำร้ายตัวเองบ้าง
มันผลักดันให้เราปรี่ไปหาวิธีดับทุกข์โน่นนี่นั่น
ไปอ่านหนังสือเพื่อหาทางลัดดับทุกข์
ไปเรียนโน่นนี่เพื่อจะดับทุกข์ได้ไวไว
สังเกตตัวเองไหม
เวลาเราทุกข์แล้วพยายามหายทุกข์อ่ะ
เผลอ ๆ มันจะทุกข์กว่าเดิม
และเหมือนยิ่งกดดันตัวเองให้ทุกข์เพิ่มขึ้น
จริง ๆ แล้ว “มันไม่มีหรอกทางลัดของการดับทุกข์”
เพราะแต่ละคนทุกข์ด้วยเรื่องแตกต่างกัน
น้อยใหญ่ไม่เหมือนกัน และเทียบกันไม่ได้
===
และตรง ๆ นะ “การคิดบวก”
บางทีก็ไม่ได้ช่วยอย่างยั่งยืน
เพราะตอนทุกข์ก็คิดเยอะอยู่แล้ว
พอพยายามคิดบวก
เหมือนเอา “ความคิดมาแทรกความคิด”
คราวนี้มันยิ่งฟุ้งซ่านเข้าไปอีกครับ
และความคิดว่า “ช่างแม่ง”
บางทีก็เป็นการผลักใสทุกข์
ทำให้เกิด “กองทุกข์” สุมกัน
วันดีคือดีเดี๋ยวก็ระเบิดบึ้ม
สิ่งที่เราควรทำคือ “เป็นมิตรกับความทุกข์”
เปรียบความทุกข์เป็น “เพื่อนบ้าน”
บางทีเขาก็เคาประตูบ้านบ้างเป็นครั้งคราว
ต้องรู้ว่าความทุกข์เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ผิดปกติ
มันเป็นเรื่องที่ใครก็เป็น
.
ความทุกข์เกิดจากเหตุบางอย่างที่กระทบเรา
อาจจะเป็นภาพ เสียง ความรู้สึก สัมผัส ว่าไป
มันมาเอง เราไม่ได้บังคับ
ดังนั้น ตอนมันจะไป
เราก็ไปบังคับไม่ได้หรอกครับ
แค่ “เห็น” และ “รู้สึก” ถึงมันก็พอ
รู้ว่ามันมาแล้วนะ มันอยู่ตรงนี้
เหมือนรู้ว่า “อ้อ เพื่อนบ้านมาแล้วจ้า”
หากกำลังเกิดความคิด ปรุงแต่งอะไรอยู่
กำลังเพ้อ กำลังเครียด ฟุ้งซ่าน หรือเศร้าอยู่
รับรู้ไปตามนั้นเลย ว่าตอนนี้จิตใจเป็นแบบนี้
มันห้ามไม่ได้ มันเกิดขึ้นเอง
ไม่ต้องต่อว่าตัวเองที่ทุกข์ มันปกติครับ
.
และต้องรู้ว่าทุกสิ่งอยู่ภายใต้ “กฏธรรมชาติ”
นั่นคือทุกสิ่งเกิดเพื่อดับ อยู่เพื่อเปลี่ยน มาเพื่อไป
ทุกสิ่งเป็นแบบนี้หมด ไม่มีข้อยกเว้น
ตั้งแต่จักรวาล ดวงดาว ภูเขา ทะเล และใจคน
เหมือนที่หลักธรรมะพูดว่า “ไตรลักษณ์”
(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
แปลว่า ไม่มีอะไรหรอกที่เที่ยงแท้ หรือ ยั่งยืน
มันมาเอง เปลี่ยนแปลง และไปเอง คุมไม่ได้
ความทุกข์เช่นกัน มันมาเดี๋ยวก็ไปได้
ไม่ต้องไปเร่งมัน ต้องแต่รู้ความจริงนี้ให้ได้
ไม่มีความทุกข์ใดหรอก อยู่นานตลอดกาล
เช่นกัน ไม่มีแสงสว่างใดหรอก อยู่ตลอดกาล
ความมืดมีช่วงเวลาของมัน
แสงสว่างก็มีช่วงเวลาของมัน
และในแต่ละวัน มันก็ไม่เคยมีช่วงเวลาชัดเจนเท่าเดิม
ไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องผลักไส แค่รู้ว่ามันมาแล้ว
และรู้ว่ามันจะผ่านไป
.
.
ผมว่าช่วงวิกฤตอะไร ๆ ก็ดูแย่ไปหมด
และในมุมเล็ก ๆ มันก็ซ่อนโอกาสน่ารัก ๆ อยู่บ้าง
ได้เห็นความรู้สึกตัวเอง ได้ใช้เวลากับตัวเอง
ได้มีเวลาว่างทำงานอดิเรกเล็ก ๆ อยู่กับครอบครัว
หรือได้พักผ่อนได้
**คุณไม่จำเป็นรีบลุกขึ้นมาทำอะไรตอนนี้
ถ้าคุณไม่พร้อม**
ค่านิยมสังคมบางกลุ่มอาจผลักดันให้คุณต้องขยัน
คุณอาจถูกกดดันให้ต้องสร้างตัวตน
คุณอาจเข้าใจว่าต้องดิ้นรน ต่าง ๆ นานา
หรือก็ไม่ก็ต้องเร่งสร้างสรรค์อะไรสักอย่างตอนนี้
มันไม่จำเป็นเสมอไป
คุณไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองอะไรเพื่อใครเลยตอนนี้
ดูแลจิตใจตัวเองก่อน และดูแลจิตใจคนที่อยู่ข้าง ๆ คุณนะครับ นี่คือช่วงเวลาที่เราจะได้ฝึกการปล่อยวางจากเรื่องที่ไม่จำเป็น คือการได้เห็นความเรียบง่ายของีวิต หรือการฝึกปรับตัวเข้ากับสิ่งที่เปลี่ยนไป
รายจ่ายอะไรไม่จำเป็น ตัดทิ้งไป ชีวิตจะเบาขึ้นนะ
อะไรที่เคยฟุ่มเฟือย โละออกไป ใช้ชีวิตให้เรียบง่าย
บางครั้งคุณเครียดเพราะอาจอยากได้ อยากมี อยากเป็นเกินตัว เรื่องนี้อาจกำลังบอกคุณว่า “ชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรมากขนาดนั้น”
ลองอยู่อย่างคนปกติสักพัก
ทำมาหากินตามพอเพียง
หากมีแรงทำมากไหวก็ทำ
แต่ต้องทำในขณะที่เราพร้อมจริง ๆ
ไม่ต้องดิ้นรนจนเป็นอะไรที่เหนือคนทั่วไปสักแป๊บนึง
บางทีเมื่อพ้นช่วงนี้ไปได้ คุณอาจค้นพบว่า
“โอ้ ชีวิตฉัน จริง ๆ อยู่ง่ายขึ้นเยอะเนอะ เมื่อไม่มีต้องยึดติดบางสิ่ง”
ทุกข์ใจเมื่อไหร่ ก็เห็นมัน ดูมันผ่านมาผ่านไปนะครับ
อินกับมันก็รู้ว่าอิน ดิ่งก็รู้ว่าดิ่ง จมก็รู้ว่าจม
พอรู้เดี๋ยวมันจะผ่านไปได้เองครับ
.
.
ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกข์ที่กำลังทุกข์ใจตอนนี้
มันปกติที่เราจะทุกข์ เพราะเราเป็นคนเดินดิน
อย่าพยายามเป็นยอดมนุษย์ที่ทุกข์ไม่เป็น
ขอให้ทุกคนสบายกาย สบายใจ
รักษาตัวจากภัยใด ๆ ทั้งสิ้นครับ
<3
#Siwapat #WhiteRoad
ไตรลักษณ์ 在 DjFiat LinkCorner Facebook 的最佳解答
วันนี้ไม่ได้มาแชร์ ประวัติวันมาฆบูชา เพราะแชร์ไปหลายรอบแล้ว และ เสิร์ชหาเองได้ แต่ขออนุญาตแชร์อีกมุมมองต่อพุทธบ้าง ในยุคที่สังคมวิพากษ์ศาสนาพุทธกัน
-การ Discredit ลดความน่าเชื่อถือ ของพระพุทธ
ขอข้ามเรื่องพระพุทธมีจริงหรือไม่ เพราะไม่มีความรู้มากพอที่จะเล่าเรื่องนี้ แต่เรื่องการ discredit ลดความน่าเชื่อถือ พระพุทธ ก็มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
ไม่ว่าจะเป็นการต่อว่า กระทบกระเทียบ การสร้างข่าวลืออันเป็นเท็จ เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ในปัจจุบัน มีทั้งมีมล้อเลียนพระพุทธเจ้า และข้อหายอดนิยม "พระพุทธเจ้าทิ้งลูกเมีย ไปหาความสุขตัวเอง"
ถ้าดูตามประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะแต่งงานเมื่ออายุ 16 ปี จะด้วยความรักหรือไม่ ไม่ทราบ แต่บริบทของการแต่งงานในวงศ์กษัตริย์สมัยก่อน มีนัยยะเรื่องการเมือง การปกครอง ความมั่นคงของประเทศเกี่ยวข้องเสมอ เมื่อท่านมีอายุ 29 ปี ท่านก็มีลูกชาย 1 คน ชื่อราหุล -ท่านตัดสินใจหนีออกจากวัง ทิ้งทุกอย่าง ครอบครัว ฐานันดร สมบัติ เพื่อหาวิธีพ้นทุกข์
จริงๆแล้ว เราไม่สามารถเอามุมมองของเรา ตัดสินเรื่องส่วนตัวของคนอื่นได้ เพราะเราไม่รู้เรื่องจริงทั้งหมด ยิ่งบริบทของกาลเวลา วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ถึง 2 พันกว่าปี เรายิ่งตัดสินไม่ได้
โดยส่วนตัว ก็ไปคิดแทนท่านไม่ได้ว่า เหตุผลคืออะไร- แต่ถ้าเป็นเรา มีเป้าหมาย มีอุดมการณ์ที่ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ โดยจะทำได้หรือ เปล่า จะทำได้เมื่อไหร่ ลูกเมีย จะเข้าใจมั้ย แล้วจะเอาลูกเล็ก และ เมียออกไปลำบากด้วยกันหรือ?
แต่เมื่อท่านทำสำเร็จ ท่านบรรลุธรรม รักแบบเดิมที่มีต่อลูก และ ภรรยา ก็เปลี่ยนเป็นเมตตา และท้ายที่สุด ทั้ง ลูกและภรรยา ก็มีความเข้าใจ พ้นทุกข์ และบรรลุธรรมเช่นเดียวกัน
คุณของพระพุทธเจ้ามีมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ท่านเป็น Activist เป็นนักรณรงค์สิทธิมนุษยชน ท่านเป็นแกนนำปลดแอกเรื่องนี้ ในยุคที่คนแบ่งวรรณะ เลือกปฏิบัติ เหยียดเพศ เหยียดฐานะ กันขั้นสุด ท่านปฏิบัติทุกคนเท่าเทียม บวช สอน คนทุกวรรณะ ทำในสิ่งที่วัฒนธรรมนั้นไม่เคยมี คำสอนทวนกระแสวิธีคิด ความเชื่อ แต่ท่านใช้สติปัญญา ไม่ได้ใช้กำลัง - คิดดูว่าท่านจะต้อง strong ขนาดไหน ทุกที่ๆไป มีแต่คนมองว่าประหลาด *ซึ่งปัจจุบันอินเดีย ก็ยังไม่เลิกระบบวรรณะเลย
ท่านเชื่อในศักยภาพ การพัฒนาของคน ท่านถึงกับเอ่ยว่า คนเป็นสัตว์ประเสิรฐได้ เพราะ มีความสามารถในการฝึกฝน พัฒนาตนเอง -ความเมตตาของท่าน โปรดแสดงธรรม ชี้ความเห็นให้ตรง มีให้แม้แต่คนเสียสติ หรือ ฆาตกรต่อเนื่อง อย่างองคุลีมาล
- พระพุทธเจ้าไม่ได้สร้างกฏของธรรมชาติเอง
ท่านเอาเรื่องของ กฏธรรมชาติ ที่มีอยู่แล้วมาเผยแผ่ และจัดรูปแบบให้เข้าใจง่ายขึ้นในรูปแบบ "พระธรรม" ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การจัดการความทุกข์(อริยสัจ 4) ลักษณะ 3 อย่างของธรรมชาติ (ไตรลักษณ์) ความเป็นเหตุเป็นผลกันของสรรพสิ่ง กฏแห่งกรรม ฯลฯ
และอีก หมวดสำคัญที่สุด ที่ท่านเน้น คือ" การเจริญสติ" Mindfullness ที่โลกพัฒนาแล้ว ล้วนกำลังให้ความสนใจ มีงานวิจัย มีจัดสัมนา เปิดคอร์สเรียนกันราคาแพง แต่จริงๆแล้ว หาเรียนกันได้ ใกล้ๆบ้าน ไม่เสียเงินซักบาท ของดีใกล้ตัวเราแท้ๆ
พระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ท่านไม่หวง จะศาสนาไหน ใครจะไม่นับถือท่าน แต่จะนำไปใช้ เพื่อพัฒนาตัวเอง ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนคนอื่น และโลก เป็นไปเพื่อการพ้นทุกข์ ท่านเปิดกว้างทั้งนั้น
- อิทธิปาฏิหาร์ยต่างๆ
ถึงแม้มีการพูดถึง ปาฏิหารย์ต่างๆในพุทธศาสนา แต่พระพุทธเจ้าทรงพูดชัดว่า ปาฏิหารย์เดียวที่ท่านสรรเสริญคือ อนุศาสนีปาฏิหารย์ คือความสามารถในการสอนผู้อื่น ให้เห็นตรงตามความเป็นจริงได้
เพราะฉะนั้น ปาฏิหารย์อื่นใด จะมีหรือ ไม่ ไม่รู้ - จะมี หรือ ไม่มี ชีวิตเราก็ไม่ได้ดีขึ้น แต่ถ้าเรามี mindset ที่ดี มีตรรกะที่ไม่หลอกตัวเอง มีสัมมาทิฐิ แค่นี้ ชีวิตก็ดีขึ้นมากแล้ว
ความรู้ในโลกนี้เหมือนใบไม้บนต้นไม้ คือมีจำนวนมากมาย แต่ความรู้ที่เราควรรู้ มีแค่เท่าใบไม้ 2-3ใบในมือ - คือศึกษาแค่เรื่องที่เป็นประโยชน์ เป็นไปเพื่อการพ้นทุกข์ก็พอ
( http://www.tipitaka.com/baimai.htm )
-ความเสื่อมศรัทธาต่อ สถาบันสงฆ์
สงฆ์ปฏิบัติไม่เหมาะสม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีมาแต่สมัยพุทธกาล และจะยังมีไปเรื่อยๆ ฆราวาสเห็นสามารถตำหนิ ติเตียน ได้ -พระสงฆ์หลายรูป ก็ไม่ต่างจาก ปุถุชนธรรมดานี่แหละ เพราะท่านยังไม่ได้สำเร็จ อรหันต์ ยังมี โลภ โกรธ หลง ไม่ต่างจากเรา เพียงแต่ท่านอยู่ในสถานะ ที่มีโอกาสฝึกตน มากกว่า ฆราวาส ชาวบ้านธรรมดาแบบเรา มีหน้าที่ในการศึกษาธรรมะ เผยแผ่ศาสนา ตามหน้าที่ - พระปฏิบัติมิชอบ เราก็แค่ ตำหนิ งดการสนับสนุน -และส่งเสริม พระปฏิบัติดีที่มีอีกมากมาย ก็เท่านั้นเอง
คนจำนวนไม่น้อย ที่กล่าวต่อว่า discredit พุทธศาสนา ทั้งๆที่ไม่เคยศึกษา หรือ มีความรู้เลย -ซึ่งจริงๆแล้ว ใครจะศรัทธา หรือไม่ศรัทธา ไม่มีปัญหาหรอก แต่ปัญหามักเกิดขึ้น เมื่อไปตัดสิน ต่อว่าความศรัทธาของผู้อื่น ซึ่งก่อนจะตัดสินความเชื่อของคนอื่น อยากให้ลองศึกษาอย่างละเอียด และลองปฏิบัติด้วยตัวเองก่อน
ยิ่งถ้าเราเป็นพุทธจริงๆ เราควรหาความรู้ ลงมือปฏิบัติ เพิ่มความเข้าใจ ไม่เป็นพุทธที่งมงาย ถ้ามีสัมมาทิฐิ ก็จะไม่หวั่นไหวในศรัทธา แล้วมาดูกันว่าพุทธศาสนา ช่วยให้เราลด หรือ พ้นทุกข์ ได้จริง หรือไม่ อย่าเพิ่งเชื่อ.. มาพิสูจน์ด้วยตัวเอง
ไตรลักษณ์ 在 อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก Facebook 的最佳解答
อันเนื่องมาจากหล่อแล้วเปลี่ยนไป
#ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของเราสักอย่าง
คือติดตามเรื่องราวของคุณเอ็กซ์ หนุ่มหน้าตาไม่ดีที่ไปร่วมรายการ Let Me In Thailand ด้วยการไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีกลับมาแล้วหล่อขึ้นเหมือนคนละคน และนอกจากนี้เค้ายังได้เปิดตัวแฟนสาวประเภทสองที่คบกันมาตั้งแต่ก่อนทำศัลยกรรม พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักกันแบบนี้ตลอดไป ส่วนตัวผมเองมองว่าการได้เปลี่ยนแปลงตัวเองมันเป็นเรื่องที่ดี แต่เราเองก็ต้องมองว่า การเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนไปมันเป็นธรรมดาของโลกใบนี้จริงๆ แต่คนสองคนนี้เค้าจะเลิกกันด้วยเหตุผลอะไรเราก็ไม่รู้ได้อาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องหน้าต่างก็ได้
.
เราจะไปเอาอะไรกับภาพมายา รายการ Let Me In Thailand พาไปทำหน้าจนหล่อ มันก็มายา นั่นก็คือการเปลี่ยนไป แล้วเค้าก็เลิกกับแฟนสาว ปภ2 ไปแต่งกับหญิงแท้ ถ้าเข้าใจใน ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ทุกอย่างไม่มีตัวตน ไม่มีอะไรเป็นของเราเราคงไม่ต้องมาเป็นทุกข์แบบนี้ คนสวยคนหล่อตายไปก็เป็นซากศพหมด คือคนเราทุกคนควรจะมีสติให้มากๆ หน้าคนทีติดตัวมาตลอดตั้งแต่เกิดมันยังเปลี่ยนไปได้เลย จริงไหม แล้วคนเราทำไมจะเปลี่ยนไปไม่ได้
.
ดูเอาเถอะ คู่รักบางคู่ ผู้ชายเป็นไฮโซ ผู้หญิงเป็นดาราสวยมากกกก กิริยามรรยาทนิสัยดีทุกกระเบียดนิ้ว ผู้ชายก็ยังนอกใจได้ คือถ้าเราตั้งต้นที่รูปร่างหน้าตาภายนอก ทุกอย่างมันก็จะเปลี่ยนไปด้วยการที่เค้าไปเจอคนหน้าตาดีกว่า หรือแม้แต่กรณีนี้ เอาเข้าจริงๆ ในฐานะที่เราเป็นบุคคลที่สาม เฝ้ามองการเปลี่ยนไป เราเองก็ควรมองแบบเป็นเรื่องปกติ เรื่องธรรมดาของมนุษย์ ที่ทุกๆอย่างเปลี่ยนไปได้เหมือนธรรมชาติ
.
อย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่าทุกๆอย่างจะต้องอยู่เหมือนเดิม ความรักต้องไม่มีวันเปลี่ยนแปลง คนรักกันมากแคไหน อย่างมากที่สุดก็อยู่กันแค่ตายจากกัน ความตายก้คือการพลัดพราก ถึงเวลาทุกคนก็ต้องจากกันอยู่ดี พิจารณาดีๆ อย่าไปยึดติด ยึดติดมากก็จะทุกข์มาก รักและใช้ชีวิตอย่างมีสติดีที่สุดนะครับ
#คำสัญญาว่าจะรักตลอดไปไม่มีจริงบนโลก เพราะสุดท้ายทุกคนก็ต้องจากกันอยู่ดี จากกันแบบต่างคนต่างไปไม่รู้ใครไปอยู่ไหนด้วยซ้ำ