[爆卦]เบียว ภาษาอังกฤษ是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇เบียว ภาษาอังกฤษ鄉民發文沒有被收入到精華區:在เบียว ภาษาอังกฤษ這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 เบียว產品中有7篇Facebook貼文,粉絲數超過124萬的網紅หนังโปรดของข้าพเจ้า,也在其Facebook貼文中提到, Bangkok Breaking (สามารถดูได้ใน Netflix) • ว่ากันตามจริงถ้าบอกว่าโคตรแย่ก็ใจร้ายเกินไป ถึงคุณภาพมันจะไม่ได้ดีขนาดนั้นก็ตาม • เนื้อหาตื้นมาก ไม่ได้มี...

 同時也有4部Youtube影片,追蹤數超過7萬的網紅Pangchom,也在其Youtube影片中提到,ช่องหลัก สามารถติดตามสตรีมแบบสดได้ๆที่ https://www.twitch.tv/pangchom เวลา ตั้งแต่ 21.00 - 05.00 น. ได้ทุกวัน ช่องทางอื่น Facebook : https://www.face...

  • เบียว 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最佳貼文

    2021-09-24 12:30:01
    有 2,609 人按讚

    Bangkok Breaking (สามารถดูได้ใน Netflix)

    • ว่ากันตามจริงถ้าบอกว่าโคตรแย่ก็ใจร้ายเกินไป ถึงคุณภาพมันจะไม่ได้ดีขนาดนั้นก็ตาม
    • เนื้อหาตื้นมาก ไม่ได้มีความกล้าในการแตะปัญหาอะไรเลย วนอยู่กับทุจริตในกู้ภัยที่ใช้เวลาเล่าเป็นส่วนน้อยของเรื่อง แตะบาง ๆ และที่สำคัญคือไม่ได้แตะอะไรที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการ ราวกับว่าการทุจริตทุกอย่างคนร้ายทำได้เองหมดโดยไม่ต้องพึ่งอำนาจรัฐ
    • สิ่งที่ปลอมที่สุดสักสามอย่างในซีรีส์ 1) ตำรวจทำงานจับคนมีอิทธิพล 2) ฉากอุบัติเหตุตอนเปิดเรื่อง และ 3) ฉากเปิดเสียงโทรศัพท์เสียงแมว
    • เปิดดูได้ 5 นาที จิตสัมผัสบอกว่าซีรีส์คัลท์มาก ดูจนจบเรื่องมั่นใจว่าคัลท์ มีแต่ฉากชวนหลุดขำ ขนาดตอนจบที่ป้ายพังยังฮาเลย
    • สองตอนแรกรู้สึกเวียร์แสดงปกติ แต่รอบตัวเวียร์มีแต่คนแสดงเลเวลการ์ตูน เบียว ๆ ไปเลยก็มี แต่พอเข้าสักกลางเรื่องเริ่มจะไม่การ์ตูนกันละ
    • ไม่แปลกใจเลยที่ซีรีส์จะพูดถึงสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนปีละ 20,000 ครั้ง ก็นางเอกเล่นไปยืนกลางถนนรอให้รถชน 2 ครั้งในเรื่องเดียว โชคดีนะพระเอกคว้าตัวมากอดได้ทันทุกรอบ งงมากแม่
    • ฉากสุดเหวอ คนแต่งชุดกู้ภัยยืนเต็มไปหมด แต่คนบ้านไฟไหม้วิ่งมาขอความช่วยเหลือจากพี่เวียร์ที่แต่งชุดเหมือนไทยมุง โธ่ จะเขียนบทชงให้เป็นพระเอกอะไรขนาดนั้น
    • ถ้าใครดูไปสัก 4 ตอนแล้วสงสัยว่านี่ซีรีส์ขุดคุ้ยทุจริตจริงเหรอ ไม่ต้องแปลกใจไป อันนี้ซีรีส์กู้ภัยตีกัน เล่าไป 4 ชั่วโมง เนื้อเรื่องขุดคุ้ยทุจริตแทบไม่ขยับ
    • ไหน ๆ แล้ว ทั้งกทม. มีกู้ภัยอยู่แค่ 2 เจ้า ทำงานกัน 10 กว่าคนเนี่ยแหละครับ ไปทุกที่
    • เห็นคุณปราบดาบอกอยากเห็นคนมาอาสาทำงานกู้ภัย จริง ๆ ก็น่าจะนำเสนอเรื่องสวัสดิการคนทำงานกู้ภัย และอุปกรณ์กู้ภัยทั้งหลายด้วย จะได้เป็นการถ่ายทอดงานจริง ๆ ไม่ใช่ขายใจรักอย่างเดียว
    • ส่วนตัวชอบการแสดงของคุณ สหจักร บุญธนกิจ ท่ามกลางตัวละครที่เล่นเป็นการ์ตูนและเล่นไม่เป็นธรรมชาติตามไดอะล็อกที่ทื่อ เรารู้สึกว่าบทที่คุณสหจักรเล่น ดูจับต้องได้สุดละ จะมีส่วนร่วมกับเรื่องผิดกฎหมายยังไงแต่ก็ยังเล่นโหมดคนธรรมได้อยู่
    • แล้วก็มายด์ วรัทยา ฉากสุดท้ายเล่นธรรมชาติมาก เหมือนฉากอื่นไดอะล็อกมันมาแบบเน้นให้ข้อมูลคนดูก็เล่นยาก พอตอนท้ายไดอะล็อกมันให้ใส่อารมณ์เต็มที่เลยประทับใจหน่อย
    • เห็นติเยอะ แต่ถ้าดูตามเกรดคะแนนของเพจมันก็เหมาะ B- มากกว่า C+ นะ อาจจะเป็น B-- อะไรเงี้ย ฮ่าๆๆๆ
    • แถมนิดนึง ซีรีส์อินเตอร์หลายเรื่องเขาข้ามเลิฟไลน์ไปได้นะ มันไม่ได้จำเป็นต้องนำเสนอพระเอกนางเอกคู่กัน แค่คนผ่านทางมาเจอกันด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันก็พอละ

    -------------------------------------

    ซีรีส์มันก็จับคนตัวเล็ก ๆ สองคนมาอยู่กลางดงปัญหา 'วันชัย' (ศุกลวัฒน์ คณารศ) มาจากต่างจังหวัด เข้ากรุงเทพฯ ยังไม่ทันได้หายใจก็ต้องมาเห็นพี่ชายแท้ ๆ ตายต่อหน้าต่อตาเพราะอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ แล้วเขาก็ถูกบังคับให้ไปทำงานสกปรกภายใต้ฉากหน้าการเป็นกู้ภัยเพื่อใช้หนี้แทนพี่ชาย ส่วน 'แคท' (สุชาร์ มานะยิ่ง) เป็นนักข่าวบันเทิงกอสซิปดาราที่อยากทำข่าวเกาะติดเรื่องทุจริตลึก ๆ บ้าง แต่เจ้านายสั่งห้ามเลยหาลู่ทางมานำเสนอเรื่องทุจริตในหน่วยกู้ภัย เพราะเชื่อในความเป็นนักข่าวของตัวเอง (เกร็ดเล็กน้อย การเรียกชื่อแคท ที่ถูกต้องแม้จะอยู่ใกล้แค่ไหนก็ต้องเปิดไมค์ตั้งโต๊ะแล้วตะโกน แค็ตตตตตตตต!!!)
    .
    ภายใต้ความกล้าของตัวละครที่เป็นคนตัวเล็กเผชิญอำนาจใหญ่ คนทำซีรีส์กลับไม่มีความกล้าในการนำเสนอประเด็นอะไรลงลึกเลย ท่ามกลางข่าวทุจริตคอร์รัปชั่นมากมาย การเขียนบทเรื่องราวผิดกฎหมายใน Bangkok Breaking ดูจะวนเวียนอยู่แค่พวกคนร้ายทำงานส่งยาเสพติดและผลิตแบงค์ปลอมกันเองโดยตำรวจและข้าราชการไม่รู้เห็น เอากระทั่งการดีลงานกับรัฐยังไม่พูดถึงปัญหาจากรัฐแต่เลือกจะให้เอกชนที่ได้สัมปทานเป็นฝ่ายผิดเองด้วยการลดสเป็คภายหลัง แล้วก็มีฉากประเภทตำรวจทำงานจับคนมีอิทธิพล ทั้งที่ความจริงแค่จับบ่อนเถื่อนยังจัดฉากจับปลาซิวปลาสร้อยหรือไม่ก็ไปค้นบ่อนร้าง หรือเคสอย่างบอส อยู่วิทยา และโจ้ถุงดำ ใครมันจะมาเชื่อการทำงานของตำรวจในซีรีส์
    .
    ส่วนตัวละครเนี่ยกล้าจริง การที่คนธรรมดาจับพลัดจับผลูต้องทำงานสกปรกเพราะถูกบีบบังคับเนี่ย การจะลุกขึ้นมาต่อต้านไม่ว่าจะทางไหนก็คือยากและการพลาดเพียงครั้งเดียวหมายถึงหมดโอกาสแก้ตัว คุณจะเปิดโปงเรื่องทุจริตกับนักข่าวก็ต้องระวังไม่ให้สืบกลับมาเจอตัว, คุณเป็นนักข่าวจะทำข่าวผู้มีอิทธิพลก็เสี่ยงโดนไล่ออกตั้งแต่ในออฟฟิศยันข่มขู่คุกคามถึงตัว, ยิ่งถ้าคุณจะปราบบอสใหญ่ลำพังตัวคนเดียวยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย แค่เห็นแล้วออกไปเล่าไม่มีหลักฐานใครจะเชื่อ ยิ่งยุคสมัยนี้มีหลักฐานยังแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ กันไปได้
    .
    สิ่งที่ทุจริตประเด็นหลักของซีรีส์คือการใช้ฉากหน้าเป็นคนดีทำงานอาสากู้ภัย เป็นเกราะป้องกันการตรวจสอบ มายาคติของคนจำนวนไม่น้อยหลงยึดติดอยู่กับภาพปลอม ๆ ของการทำความดี และพร้อมจะปกป้องหรือเลือกเชื่อแค่เพราะฉากหน้าบังตา มากกว่าจะสนใจคนทำงานขุดคุ้ยและวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งก็เป็นกลไกหนึ่งในการทำให้สังคมดำรงอยู่ในโลกความเป็นจริง มีแม้กระทั่งการหาผลประโยชน์ทับซ้อนจากการทำงานกู้ภัย เอาไปใช้ประชาสัมพันธ์สัมปทานจากรัฐ หรือกระทั่งการบริจาคเงินสร้างภาพแต่เบื้องหลังเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้
    .
    ความน่าเสียดายคือซีรีส์เล่นตื้นและมือเบาต่อประเด็นต่าง ๆ แรงขับเคลื่อนตัวละครบางทีก็ดูเชยไปหน่อย ส่วนตัวชอบตอน EP.6 ค่อย ๆ แฟลชแบ็กไปเล่าช่วงพี่วันชัยกำลังจะถึงกรุงเทพฯ แม้จะแอบงุนงงนิดนึงว่าช่วงเวลารถพลิกคว่ำมันมีเวลาเหลือเฟือขนาดนั้นเลยเหรอ ในภาพรวมก็เป็นซีรีส์ที่คัลท์ใช้ได้ ไม่รู้ตั้งใจไหมแต่ดูแล้วหลุดขำได้หลายฉากว่า เอาแบบนี้จริงดิ

    Director: ก้องเกียรติ โขมศิริ (ผู้กำกับ ไชยา, อันธพาล, ขุนแผนฟ้าฟื้น, เฉือน)

    6 Episodes (เฉลี่ยตอนละ 60 นาที)
    B-

    #หนังโปรดxซีรีส์Netflix

  • เบียว 在 horrorclub.net Facebook 的最讚貼文

    2021-05-27 06:50:48
    有 505 人按讚

    Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี... อีหยังวะ?
    .
    ตอนแรกบอกตรงๆ ว่าค่อนข้างอคติ คือดูขัดตาเหลือเกินกับภาพไอซ์ พาริสใส่เสื้อกาวน์เก๊กหน้าประกาศก้องว่า "กูว่ากูเกิดมาเพื่อพิสูจน์ว่าผีมีจริง!!" (โอ้วก็อช เท่เหี้ยๆ) คือมันไม่เชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่ามึงเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่ก็อ่ะ คนเราไม่ควรตัดสินหนังสือจากคำนิยมหลังปก รอดูให้จบแล้วค่อยมาด่าละกัน
    .
    และตอนนี้ก็ดูจบแล้ว หึหึ
    .
    คือมัน... จะว่าไงดีล่ะ เอาเรื่องที่ดีก่อนละกัน เรื่องที่ดีคือไม่มี 555 พูดกันตรงๆ ก็ต้องบอกว่า โปรดักชันดี งานภาพดี แอ็กติ้งดี นักแสดงดี แต่พอเอามารวมกันเป็นหนังแล้ว แม่งอีหยังวะมากๆ
    .
    ปัญหาก็คงหนีไม่พ้นพล็อตเรื่องอีกนั่นแหละ ที่หน้าหนังโฆษณาไว้ว่าเป็นแนวไซไฟ-สยองขวัญ เอาเข้าจริงมันคือหนังสยองขวัญ... ที่ก็ไม่ได้มีอะไรให้สยองเท่าไรนอกจากมุกตุ้งแช่ Jump Scare แบบไร้ชั้นเชิงมาก ประเภทเดินอยู่ในที่มืด บิ้วเพลงให้ถึงขีดสุดแล้วก็...! เงียบ... ผ่าง!!! อะไรแบบเนี้ย (แล้วเหมือนกับกลัวไม่สะใจ ใส่จังหวะแบบนี้มาทุกๆ 1 นาทีเลยจ้า ในช่วงแรกๆ ที่กำลังสำรวจผีกันอยู่เนี่ย)
    .
    สิ่งที่เราว่าเป็นจุดอ่อนมากๆ คือ การนำเสนอที่ตัดโฉ่งฉ่าง (สไตล์ผู้กำกับเขาล่ะ) จนมันไม่รู้สึกว่าเป็นจริง บวกกับการเล่นใหญ่แบบละครเวทีของตัวละคร ก็เลยไม่ค่อยรู้สึกอิน ยังไงก็ดูเป็น "ละครเวที" อยู่ดี แล้วก็เรื่องของการทดลองวิทยาศาสตร์ ที่ตัวละครพยายามย้ำนักย้ำหนาว่า เราจะใช้วิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ผี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่กระบวนการทางวิทยาศาสตร์สักเท่าไรเลย
    .
    ลองนึกไปถึงวิทยาศาสตร์สมัยม.ต้น ที่ครูสอนว่ามันเริ่มต้นจากการตั้งสมมติฐาน ทำการทดลองซ้ำๆ เก็บข้อมูล แล้วก็สรุปผล แต่การพิสูจน์ผีของพวกตัวเองเหมือนกับแค่กำลังเก็บข้อมูลๆๆ ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย ไม่มีทิศทางที่ชัดเจนว่าต้องการอะไรกันแน่ แถมบางช่วงยังมีการแทรกมุกตลกแปลกๆ ลงไปจนเสียอารมณ์ (คิดภาพว่าคุณนำเสนองานซีเรียสๆ แล้วลูกค้าแม่งเล่นมุกขัดจังหวะคุณตลอดเวลานั่นแหละ) องก์แรกของหนังเลยเป็นการเล่าว่า ผีมีจริงนะ แต่เราจะพิสูจน์ยังไง จนไปถึงไคลแม็กซ์ของช่วงแรกที่พอพิจารณาดีๆ ก็งงกับการตัดสินใจของตัวละครอีก นี่ยังไม่พูดถึงความ "เบียว" ของสองตัวเอกที่ดูยังไงก็ไม่อินอ่ะ ไม่เชื่อว่าสองคนนี้ฉลาดจริง ดูยังไงก็เป็น "ต่อกับไอซ์" พยายามทำตัวเป็นหมอ ไม่ได้ดูเป็นหมอที่เป็นหมอทดลองวิทยาศาสตร์เลย
    .
    พอเข้าองก์ที่สองนี่เริ่มน่าสนใจ มีการแทรกปริศนาเข้ามาเป็นระยะ แต่ก็ถูกคลี่คลายไปในเวลาไม่นานจนไม่เหลืออะไรให้เก็บไปเชื่อมโยงต่อตอนท้าย ซึ่งก็คือองค์ที่สามของหนัง ที่จู่ๆ ก็กลายเป็นแบบ... อะไรวะเนี่ย คือเราว่าน่าสนใจนะเรื่องอารมณ์และการกระทำของตัวละครในองก์นี้ แต่พอมันไม่ได้ปูมาตั้งแต่แรก ก็เลยเหมือนจู่ๆ จับยัดเข้ามาเพื่อปิดเรื่องให้ได้งั้นแหละ
    พูดถึงเรื่องการปูตัวละคร ตัวละครมันไม่ได้เป็นกราฟที่เริ่มจากศูนย์แล้วลากไปเรื่อยๆ จนมาถึงตอนท้ายเลย การกระทำของตัวละครดูขัดกันเอง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย อย่างตัวลครตัวนึงตอนแรกบอกว่าทุ่มเทให้กับการทดลอง พอตอนหลังจู่ๆ ก็ไม่อยากให้ทดลองแล้วเพราะห่วงเพื่อน ส่วนเพื่อนที่ตอนแรกดูไม่ค่อยอยากจะทดลองเท่าไร จู่ๆ ก็กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์สติวิปลาสขึ้นมาซะงั้น
    .
    แล้วก็มีอัลฟ่าซอมบี้โผล่มาตอนท้ายด้วย... จริงๆ นะ! เพิ่งดู Army of the Dead มา คิดว่าครอสโอเวอร์กัน (ฮา)
    .
    ต่อไปนี้มีสปอยล์นะที่จะบ่น
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    - ช่วงก่อนจบองก์แรก หมอวี (ต่อ) ยอมฆ่าตัวตายเพื่อกลายเป็นผี ทั้งที่ก่อนหน้านั้นดูไม่เชื่อในโปรเจ็กต์ของเพื่อน อันนี้พอจะเข้าใจได้เพราะเพิ่งสูญเสียแม่ไป สภาพจิตใจยังไม่ปกติ แต่หมอกล้า (ไอซ์) เนี่ยสิ ตอนแรกห้ามเพื่อนจะเป็นจะตายแท้ๆ ถึงขั้นทะเลาะกันใหญ่โต แต่พอเห็นเพื่อนได้สติไม่ฆ่าตัวตายแล้ว ก็แย่งปืนมากรอกปากตัวเอง ขยิบตาหนึ่งทีอย่างเท่ก่อนจะลั่นไกตายเองซะงั้น อะไรวะ!?
    - องก์ที่สอง หลังจากพบว่าผีหมอกล้าแสดงพลังได้เพราะจะช่วยชีวิตหมอวีในยามคับขัน หมอวีก็พยายามให้เพื่อนปรากฏตัวออกมาอยู่เรื่อยๆ จะได้พิสูจน์การมีอยู่ของผี เดี๋ยวนะ... มึงลืมไปรึเปล่าว่าเพื่อนมึงติดต่อกับมึงผ่านคอมพิวเตอร์ได้ง่ายยิ่งกว่าผีถ้วยแก้ว ทำของกระเด็นก็ได้ นี่แม่งไม่ต้องอะไรแล้ว ตั้งกล้องถ่ายพิสูจน์ได้เลย ชัดเจน!
    - หมอกล้าลุ่มหลงอยู่กับการทดลองถึงขั้นยอมตายเป็นผีเพื่อกลับมาสื่อสารกับเพื่อนให้พิสูจน์การมีอยู่ของผี แต่จู่ๆ ก็ทิ้งภารกิจของตัวเอง ไปขอกินต้มข่ากับเที่ยวทะเล เพื่อให้แม่และแฟนคลายเศร้า แล้วก็หายไปไม่ค่อยติดต่อกับเพื่อนแล้ว เฮ ดีจัง... ภารกิจมึงล่ะเฮ้ย!?
    - จริงๆ ไม่คิดอยู่แล้วว่าสองคนนี้จะได้ขึ้นปกนิตยสารระดับโลกอะไรหรอก งานวิจัยมึงทำผิดขั้นตอนมาตั้งแต่แรกแล้ว เหมือนตั้งใจจะเปิดร้านกาแฟ แต่ไปโฟกัสกับการซื้อผัดกะเพรามาทำอาหารประจำร้านให้อร่อยอ่ะ แล้วสุดท้ายก็ทะเลาะกับเพื่อนเพราะว่าไม่อยากให้เพื่อนลุ่มหลงกับการเปิดร้านกาแฟ เดี๋ยวๆ...
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    จริงๆ เราว่าถ้ามั่นใจตัวเองกว่านี้อีกสักหน่อย น่าจะมีวิธีนำเสนอได้น่าสนใจเลยนะ เช่นเสนอด้วยการทำเป็น Vlog สไตล์กึ่งๆ Found Footage หรือเน้นความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ลดการแสดงแบบโอเวอร์แอ็กติ้งลง โฟกัสที่การทดลองและความลุ่มหลงจนขาดสติ แทนที่จะเอาเวลาไปขยี้ดราม่าเยอะๆ (ที่เป็นแค่ซับพล็อต) ไม่ต้องพยายามเอาใจคนดูที่เป็นแฟนคลับสองหนุ่ม ไม่ต้องกลัวว่าคนไทยจะเข้าไม่ถึง คือเราเชื่อว่าฝีมือระดับผู้กำกับที่ชื่นชอบหนังสยองขวัญอย่างพี่กอล์ฟเนี่ยคงดูหนังมาไม่น้อย แต่อาจจะติดเรื่องการตลาดและทิศทางของหนังที่ผู้อำนวยการสร้างอยากให้เป็น ผลลัพธ์เลยออกมาแบบนี้ สุดท้ายแล้ว GDH ก็ยังเป็น GDH คือมีไอเดียและฝีมือในการทำ แต่สุดท้ายก็เลือกทำแบบเพลย์เซฟอยู่ในคอมฟอร์ตโซนเหมือนเดิม
    .
    เอาไป 6/10 พอจ้ะ
    .
    ปล. จะว่าไป ถ้านับ "มาตรฐานหนัง Netflix" ที่ผ่านๆ มาซึ่งมักจะออกมาในแนวเบลนด์ๆ เรื่อยๆ ไม่มีอะไรดีเด่ Ghost Lab ถือว่าฉีกออกมาไม่น้อย มีจุดพีค มีจุดระทึก มีการคิดพล็อตไลน์ที่ดีเลยแหละ แต่อย่างที่บอก พอจัดเรียงทุกอย่างได้ไม่ค่อยดีมันก็เลยล้มตึง น่าเสียดาย

  • เบียว 在 Ad-Aof TV Facebook 的最讚貼文

    2021-05-20 21:42:32
    有 382 人按讚

    เชี่ยยยย มันมาถึงจุดนี้จนได้555555555555555
    #HONKAI X #GENSHIN !!! เกมพี่ collab น้อนนนนน
    เจอกัน V4.9 (ต่อจากแพทช์ NYX 4.8 เด้อ) /กำตัง

    เบียว / เค่อฉิง เป็นตัวละครให้เล่น , ป้าเทริ ใส่ชุดคลี555555555555 , ไปม่อนลอยตาม , บอสพิเศษ หมาป่า ก็มา ฯลฯ มากมายยยยย

    แคปมาจาก Honkai 3rd Guy เด้อ ลิ้งเต็ม >> https://www.youtube.com/watch?v=eJb03eJsjU4

你可能也想看看

搜尋相關網站