ชวนเที่ยวภูเก็ตกันครับ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดใน ประเทศไทย ช่วงนี้ค่าบัตรผ่านคุ้มที่สุด คนละ 180 เองครับ สถานที่แห่งนี้คือ Aquaria Phuket ตั้งอยู่ภายในชั้นใต้ดินของ Central Floresta นั่นเองครับ

ขอพูดถึงสถานที่แห่งนี้นิดนึงนะครับ

Aquaria Phuket คืออควาเรียมที่รวบรวมพันธุ์สัตว์น้ำ ทั้งน้ำเค็มและน้ำจืดกว่า 300 สายพันธุ์ รวมทั้งหมด 51,000 ตัว โดยแบ่งพื้นที่จัดแสดงเป็น 5 โซน ถือว่าใหญ่สุดในภูเก็ตและประเทศไทย โดยแต่ละโซนแบ่งเป็นแบบนี้

ป่าลึกลับ (Mystic Forest) จำลองสภาพป่าหิมพานต์ ส่วนใหญ่จะเป็นปลาน้ำจืดทั้งขนาดจิ๋วและขนาดใหญ่ เช่น ปลาช่อนยักษ์อะเมซอน ปลากระเบนลาว ปลาบึก

อัญมณีแห่งป่า (Jewel of the Jungle) มีสัตว์เลื้อยคลานหลากหลายสายพันธ์ที่ไม่น่าจะเห็นได้ง่ายๆ โดยเฉพาะตระกูลจิ้งจกน้ำกซาลามันเดอร์

ถ้ำแห่งสายธาร (River Caves) เจอกับน้องนากตัวเล็กๆน่ารัก (small-clawed otters)

สวรรค์แห่งท้องทะเล (Coastal Haven) น่าจะเป็นสถานที่เดียวในภาคใต้ ที่เราจะมีโอกาสได้เห็น นกเพนกวิน สายพันธุ์ Humboldt จากทวีปอเมริกาใต้ น้องอาจจะว่ายน้ำโชว์หรืออาจจะเดินเล่นโชว์เราอยู่

อ่าวปลากระเบน (Stingray bay) แหล่งที่อยู่ของปะการังหลากสีสันและปลากระเบนหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ต้องไปดำน้ำก็มาดูกระเบนตัวยักษ์ได้ที่นี่ เด็กๆน่าจะชอบมาก มาได้ถูกเวลาจะมีโชว์การให้อาหารด้วยครับ

เรือดำน้ำลาการ์โต (Largato)โซนจำลองเรือดำน้ำ ยู เอส เอส ลาการ์โต ที่จมลงที่อ่าวไทยมาไว้ที่นี่

ทะเลจีนใต้ (South China Sea) ไฮไลต์ของที่นี่ที่ใหญ่ที่สุดของ อควาเรีย ภูเก็ต มีมวลน้ำรวมอยู่กว่า 3.5 ล้านลิตร ที่รวมรวมปลามากกว่า 100,000 ตัว จาก 500 สายพันธุ์ ที่นี่มีอุโมงค์ให้เราเดินผ่าน สัตว์เจ๋งๆของที่นี่ เช่น ฉลามเสือดาว (Leopard shark) ปลาไหลมอเรย์ โรนัน กระเบน ปลาเก๋ายักษ์ ฯลฯ มาที่นี่ทีเดียวก็คุ้มแล้ว

โซนสุดท้าย สถานีวิจัยโลกใต้น้ำ (Station Aquarius) พบรูปแบบกิจกรรม Interactive ที่ให้ความรู้เรื่องบรรดาสัตว์น้ำสายพันธุ์ต่าง ๆ เช่น ฉลามหลากหลายสายพันธุ์ เต่าทะเลหลายชนิด ทั้งเต่ากระ เต่าหญ้า เต่าตนุ รวมถึงสัตว์น้ำอื่น ๆ อีกมากมาย

จริงๆแล้วที่นี่มี ภัตตาคาร Andasi ภัตตาคารเสมือนใต้ทะเลแห่งเดียวของประเทศไทย แต่ว่าตอนนี้ปิดอยู่ครับ

สุดท้ายนี้ ถ้าใครเป็นคนภูเก็ตหรือละแวกนี้ ถ้ามีโอกาสถือว่าน่าแวะมาเที่ยวมากๆ ใช้เวลา 2 ชั่วโมงน่าจะกำลังดีครับ ถ้ามีเด็กๆพามาด้วยน่าจะยิ่งชอบเลย

เจ้าถิ่นประจำเกาะแปด สิมิลัน
ใหญ่สุดที่เจอในทริปนี้ละเนี่ย
#เต่าตนุ

รวมภาพสัตว์น่ารักกลับคืนสู่ธรรมชาติจากทั่วโลก 🐼🎋
พักจากเรื่องร้ายๆที่ทำให้เราต้องเศร้าใจ มาดูภาพสัตว์น่ารักให้ยิ้มแก้มแตกกันดีกว่า

💘 วันนี้เรามีเรื่องดีๆจากหลายๆที่มาแชร์ให้เพื่อนๆดูกัน เพื่อยืนยันว่า หากเราคิดถึงธรรมชาติให้มากขึ้น เราจะได้เจอบางอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เมื่อโควิดผ่านพ้นไป อยากให้ช่วยกันดูแลธรรมชาติให้น่าอยู่ และน่ารัก แบบที่เราเห็นกันในตอนนี้ค่ะ 🐬🌈

😻 หวังว่าจะช่วยสร้างรอยยิ้มให้ทุกคนไม่มากก็น้อยนะคะ ไปดูกันเลยยย

ขอบคุณภาพและข้อมูลจากกรมอุทยานและอีกหลายๆแหล่งที่มา
สำหรับภาพที่ทำให้เรายิ้มและมีความสุขในวันนี้นะคะ 🤟🌳

#SneakOutหนีเที่ยว #SneakNews #SneakOut #หนีเที่ยว #ส่งกำลังใจไป #สัตว์กลับคืนสู่ธรรมชาติ #อนุรักษ์ป่าไทย #ธรรมชาติ #สัตว์ป่า #เต่ามะเฟือง #ค่างแว่น #โลมาสีชมพู #เต่าตนุ

ติดต่อ..งานรีวิวร้านอาหาร ร้านยำ ร้านส้มตำ แนะนำสินค้า แนะนำเข้ามาได้ ที่นี่ ไต้คอมเม้นต์คลิป ขอบคุณที่ติดตามชม กดแชร์ กดติดตาม
Hello For All My channel is dedicated to interesting thing one can see travelling around the world.
I try to record every thing I find interesting in all places I go.
I hope viewers will share my interests and find the videos fun and worth watching.
The channel touches a large variety of subjects, but you can find many videos about food and restaurants, streetfood Seafood and animals and Traveling
I hope you all enjoy my channel. SunitJoTreavel ...
Please subscribe to let us keep doing next new clips .Thanks.you sir..
https://www.youtube.com/channel/UCaVlNf0tI2jOl9LT4xIuhkQ

เต่ากระ หรือ เต่าปากเหยี่ยว (อังกฤษ: Hawksbill sea turtle; ชื่อวิทยาศาสตร์: Eretmochelys imbricata) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลังชั้นสัตว์เลื้อยคลาน และเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Eretmochelys[1]

มีลักษณะคล้ายเต่าตนุ (Chelonia mydas) โดยที่เป็นเต่าทะเลขนาดกลาง มีลำตัวไม่ใหญ่มากนัก จะงอยปากแหลมงองุ้มคล้ายกับจะงอยปากของนกเหยี่ยว มีเกล็ดบริเวณหัวด้านหน้า 2 คู่ และเกล็ดบริเวณด้านข้างข้างละ 4 เกล็ด ลักษณะของกระดองมีลวดลายและสีสันสวยงาม ขอบกระดองเป็นหยักโดยรอบ ซึ่งในอดีตมักจะถูกนำไปทำเป็นเครื่องประดับและข้าวของต่าง ๆ เช่น หวี เมื่อโตเต็มที่ จะมีขนาดความยาวประมาณ 100 เซนติเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 120 กิโลกรัม[2]

เต่ากระพบกระจายพันธุ์ในเขตอบอุ่นในมหาสมุทรทั่วทั้งโลก โดยมักอาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่งที่สงบเงียบไม่มีการรบกวน จากการศึกษาพบว่า เต่ากระกินทั้งได้พืชและสัตว์ โดยใช้ปากที่งองุ้มนี้กินทั้งสาหร่ายทะเล, หญ้าทะเล รวมทั้งสัตว์น้ำประเภทต่าง ๆ รวมถึงปะการังด้วย[3] วางไข่บนชายหาดครั้งละ 150-250 ฟอง

ภาพวีดีโอนี้...หาดูยาก ครับ แอบส่อง เต่าตนุวางใข่ริมหาด Green turtle
เต่าตนุ [ตะ-หฺนุ] (อังกฤษ: Green turtle) เป็นเต่าทะเลชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Chelonia mydas อยู่ในวงศ์ Cheloniidae และเป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Chelonia [1]

เป็นเต่าทะเลที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักมากเมื่อโตเต็มที่ โดยมีความยาวตั้งแต่หัวจรดหางประมาณ 1 เมตร น้ำหนักราว 130 กิโลกรัม หัวป้อมสั้น ปากสั้น เกล็ดเรียงต่อกันโดยไม่ซ้อนกัน กระดองหลังโค้งนูนเล็กน้อย บริเวณกลางหลังเป็นแนวนูนเกือบเป็นสัน ท้องแบนราบขาทั้ง 4 แบน เป็นใบพาย ขาคู่หลังมีขนาดเล็กกว่าขาคู่หน้ามาก ขาคู่หน้ามีเล็บแหลมเพียงข้างละชิ้น สีของกระดองดูเผิน ๆ มีเพียงสีน้ำตาลแดงเท่านั้น แต่ถ้าหากพิจารณาให้ละเอียด จะพบว่าเกล็ดแต่ละเกล็ดของกระดองหลังมีสีน้ำตาลแดงหรือน้ำตาลอมเขียว ขอบเกล็ดมีสีอ่อน ๆ เป็นรอยด่างและมีลายเป็นเส้นกระจายออกจากจุดสีแดงปนน้ำตาล คล้ายกับแสงของพระอาทิตย์ที่ลอดออกจากเมฆ จึงมีชื่อเรียกเต่าชนิดนี้ว่าอีกชื่อหนึ่งว่า "เต่าแสงอาทิตย์" ขณะที่ชาวตะวันตกเรียกว่า "เต่าเขียว" อันเนื่องจากมีกระดองเหลือบสีเขียวนั่นเอง [2]

พบกระจายพันธุ์ทั้งในมหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก ในน่านน้ำไทยพบทั้งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน นับเป็นเต่าทะเลชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในน่านน้ำไทย โดยมักพบในเขตที่มีอุณหภูมิน้ำที่ค่อนข้างอุ่น คือ สูงกว่า 20 องศาเซลเซียสขึ้นไป

เต่าตนุเป็นเต่าที่กินทั้งพืชและสัตว์ แต่จะกินพืชเป็นหลัก โดยกินอาหารจำพวก หญ้าทะเลหรือสาหร่ายทะเล โดยมีสัตว์น้ำขนาดเล็กทั่วไป เช่น ปลาหรือแมงกะพรุน เป็นอาหารรองลงไป

โตเต็มที่เมื่ออายุได้ 4-7 ปี เชื่อว่าอายุยืนถึง 80 ปี[3] ฤดูวางไข่ตกอยู่ในราวเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนกันยายนในบริเวณอ่าวไทยและอยู่ในราวเดือนกันยายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ในทะเลอันดามัน จำนวนไข่ต่อครั้งมีตั้งแต่ 70-150 ฟอง เต่าขนาดโตเต็มที่แล้วจะว่ายน้ำหากินไปเรื่อย ๆ แต่จะกลับมาวางไข่บนชายหาดที่ถือกำเนิด

เป็นเต่าที่มักพบในเขตน้ำตื้นใกล้ชายฝั่งหรือตามเกาะต่าง ๆ สำหรับในน่านน้ำไทย พบเต่าชนิดนี้ขึ้นวางไข่มากที่เกาะครามและเกาะกระในอ่าวไทย และทางฝั่งทะเลอันดามันพบวางไข่มากที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา บนชายหาดและเกาะหลายแห่งในจังหวัดภูเก็ตและพังงา[4]

ในอดีต นิยมใช้เนื้อและไข่เพื่อการบริโภค กระดองใช้ทำเครื่องประดับ โดยเนื้อมีรสชาติอร่อยและมีไขมันสีเขียวจำนวนมาก และไข่ของเต่าตนุ เรียกในภาษาไทยว่า "ไข่จะละเม็ด" จึงทำให้เต่าชนิดนี้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่าเต่าจะละเม็ดด้วย[5]

เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535