雖然這篇เข่น หมายถึง鄉民發文沒有被收入到精華區:在เข่น หมายถึง這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 เข่น產品中有45篇Facebook貼文,粉絲數超過35萬的網紅สมองไหล,也在其Facebook貼文中提到, เวลามีคนถามว่า ต้องทำอย่างไร ถึงจะประสบความสำเร็จได้ ตั้งแต่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ . สิ่งที่ผมตอบกลับไปเหมือนเดิมทุกครั้ง ก็คือ ให้เริ่มล้มเหลว ตั้งแต่ยังเ...
同時也有5部Youtube影片,追蹤數超過59萬的網紅Healthy Natural นานา สมุนไพร,也在其Youtube影片中提到,กฎเหล็กสำคัญระหว่าง “ลดความอ้วน ลดไขมัน” ที่ทำไห้ น้ำหนักลดได้แน่นอน 1. ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลง (เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล อาทิเช่น ขนมปัง ขนม น้ำผลไม้ น้ำ...
「เข่น」的推薦目錄
- 關於เข่น 在 grace Instagram 的最讚貼文
- 關於เข่น 在 Kunyarat Pladisai Instagram 的最讚貼文
- 關於เข่น 在 Poomjai Tangsanga Instagram 的最讚貼文
- 關於เข่น 在 สมองไหล Facebook 的最佳貼文
- 關於เข่น 在 sittikorn saksang Facebook 的精選貼文
- 關於เข่น 在 Fit Kab Dao Facebook 的最讚貼文
- 關於เข่น 在 Healthy Natural นานา สมุนไพร Youtube 的精選貼文
- 關於เข่น 在 CarDebuts Youtube 的最佳貼文
- 關於เข่น 在 SunitJo Travel Youtube 的最讚貼文
เข่น 在 grace Instagram 的最讚貼文
2021-09-24 10:38:43
ผมยาวดูแลยังไง?สระให้สะอาด ใช้ครีมนวดเยอะ เยอะ แค่ตรงปลาย ไม่ต้องทั้งหัวเปลืองค่ะ แล้วใส่เซรั่มบำรุงตรงปลายผมไม่โคลนผมนะค่ะ ไม่งั้นจะดูมันมันเหมือนคนไ...
เข่น 在 Kunyarat Pladisai Instagram 的最讚貼文
2021-09-21 05:13:06
หลักการง่ายๆในการจัด Cheese Platter: 1. Cheese ที่เลือกมาไม่ควรเกิน 3-5 อย่าง เพราะอาจจะทำให้คนที่ทานจำอะไรไม่ได้เลยว่าทาน cheese อะไรไปบ้าง😛 2. เลือ...
เข่น 在 Poomjai Tangsanga Instagram 的最讚貼文
2021-09-03 21:09:05
Mindset หรือ ความคิดของเราคือสิ่งที่โครตสำคัญ เพราะมันสามารถกำหนด ได้ทั้งอารม และการกระทำของเรา… ถ้าเราตื่นขึ้นมาแล้วเราถอนหายใจ คิดไปว่า เห้ยย ง่วงจั...
-
เข่น 在 Healthy Natural นานา สมุนไพร Youtube 的精選貼文
2018-11-15 13:39:20กฎเหล็กสำคัญระหว่าง “ลดความอ้วน ลดไขมัน” ที่ทำไห้ น้ำหนักลดได้แน่นอน
1. ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลง (เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล อาทิเช่น ขนมปัง ขนม น้ำผลไม้ น้ำปั้น )
แนะนำ การดื่มน้ำผลไม้คือเรื่องที่ผิดเพราะน้ำตาลสูงถ้าเลือกกินขอกินแบบเป็นผลดีกว่า
2. งดของมัน ทอด ถ้างดไม่ได้ก็ลดไปทีละนิด
เข่น ลดเนื้อสัตว์ติดมัน ของชุบแป้งทอด
3. ให้มีผักในทุกๆมื้อ มีกากใบช่วยดักไขมันได้ ช่วยการขับถ่ายท้องยุบ มีวิตามินช่วย
เคล็ดลับ ผักกินได้เยอะกินเท่าไรก็ได้ แต่ล้างให้สะอาด ใครที่ไม่กินผักก็กินโยเกิร์ลได้ช่วยขับถ่าย (ดูฉลากเรื่องน้ำตาลและแคลอลี่ดีๆ)
4. กินมื้อเช้าเพื่อกระตุ้นการเผาพลาญเต็มสูบ
เคล็ดลับ กินมื้อเช้าช่วยให้เริ่มการเผาพลาญให้พลังงานแก่สมอง และจะไม่หิวโหยให้มื้อต่อๆไป
...............................................
เคล็ดลับดีๆแบบนี้ ก็อย่าลืม แชร์ให้เพื่อนๆ หรือคนที่เพื่อนๆรักและ ห่วงใยด้วยคะ..
เพราะความสุขที่ยิ่งใหญ่ คือการเป็นผู้ให้ ขอให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ร่ำรวยความสุข ถ้วนหน้ากันทุกท่าน ตลอดไปเลยนะคะ..
อย่าลืม! ถ้าคุณชอบโปรดกด like. ถ้าคุณถูกใจโปรด subscribe! เพื่อเป็นกำลังใจ ให้แก่พวกเราด้วยคะ..ขอบคุณค่า..
Subscribe to Healthy Natural นานา สมุนไพร
Youtube : https://goo.gl/urmvNp
Follow us on Twitter : https://goo.gl/HKZaG4
Like us on Facebook : https://goo.gl/urmvNp
Follow us on Google Plus : https://goo.gl/E1ku0J
Follow us on pinterest : https://goo.gl/TB7RkC -
เข่น 在 CarDebuts Youtube 的最佳貼文
2017-10-22 18:08:01All-New BMW X3 รุ่นปี 2018 โฉมใหม่มี 3 รูปแบบ คือ xLine, M Sport และ Luxury Line ที่รุ่นหลังสุดถูกเพิ่มเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ โดยมีอุปกรณ์เฉพาะต่างๆในแบบ BMW individual มาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการความแตกต่างในแบบของตัวเอง ล้ออัลลอยรุ่นมาตรฐานเป็นขนาด 18 นิ้ว จากเดิมที่มีขนาด 17 นิ้ว โดยลูกค้าสามารถเลือกขนาดล้อและยางได้ไปจนถึงขนาด 21 นิ้ว
ทั้ง 3 รุ่น นอกจากจะให้ความแตกต่างในเรื่องรูปโฉมภายนอกแล้ว ภายในห้องโดยสารก็ได้รับการตกแต่งแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อย โดยมีการใช้วัสดุคุณภาพสูงในการตกแต่งส่วนต่างๆที่ BMW อ้างว่า ดูหรูหรามีราคามากกว่ารุ่นเดิม
ในเรื่องของความสะดวกสบายก็ได้รับการยกระดับขึ้นไปด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีใหม่ต่างๆที่เพิ่มเข้ามา เช่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน ชุดกลิ่นหอมปรับอากาศ Ambient Air ระบบระบายอากาศเบาะนั่งแบบอัตโนมัติ ความสามารถในการจุสัมภาระที่สามารถแยกพับเบาะนั่งด้านหลังลงในอัตราส่วน 40:20:40 ได้ หลังคาแก้วแบบพาโนรามิคช่วยเพิ่มอากาศจากภายนอกเข้าสู่ห้องโดยสาร
นอกจากนั้นยังมีอ็อปชั่นเช่น ระบบ BMW Display Key ที่ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ล็อคและปลดล็อครถด้วยสัญญาณสวิทยุระยะไกลเท่านั้น แต่ยังสามารถแสดงข้อมูลสถานะต่างๆของรถยนต์ และทำงานเป็นตัวควบคุมอุปกรณ์บางอย่าง เข่น ระบบทำความร้อน เป็นต้น
ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความแม่นยำในการขับขี่และความสะดวกสบายในการโดยสาร
วิศวกรจาก BMW ได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างตัวถังอย่างขนานใหญ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ เสถียรภาพการทรงตัว และความรู้สึกในการควบคุมผ่านพวงมาลัยให้ดียิ่งขึ้น ซึ่ง X3 ใหม่ มีความสปอร์ตมากกว่าเดิม แต่ความสะดวกสบายในการโดยสารไม่ได้ลดลงไปแต่อย่างใด ซึ่ง BMW มีอ็อปชั่นต่างๆให้เลือกทั้งระบบกันสะเทือน M Sport, Dynamic Damper Control, ชุดห้ามล้อ M Sport และ ระบบบังคับเลี้ยวแบบแปรผัน ตามการหมุนของพวงมาลัย
BMW X3 ใหม่ มาพร้อมขุมพลังที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม พร้อมการออกแบบที่ทำให้น้ำหนักลดลง ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยมาพร้อมทางเลือกที่เป็น 2 เครื่องยนต์ดีเซล และ 3 เครื่องยนต์เบนซิน ดังนี้
X3 รุ่น M40i ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ แถวเรียง ความจุ 2998 ซีซี มาพร้อมเทคโนโลยี M Performance TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 360 แรงม้า ที่ 5500–6500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1520–4800 รอบ/นาที อัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 11.9-12.2 กม/ลิตร อัตราการปล่อยมลพิษอยู่ที่ 188-193 กรัม/กม อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 4.8 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กม/ชม
ส่วนรุ่น X3 xDrive30i ให้กำลังสูงสุด 252 แรงม้า อัตราบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 13.5 กม/ลิตร มีอัตราการปล่อยมลพิษอยู่ที่ 168 กรัม/กม โดย X3 รุ่น xDrive20i มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้า อัตราบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 13.5-13.9 กม/ลิตร มีอัตราการปล่อยมลพิษอยู่ที่ 165-169 กรัม/กม
สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลได้แก่รุ่น X3 xDrive20d เครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง ความจุ 1995 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1750-2500 รอบ/นาที มีอัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 18.5-20 กม/ลิตร
อีกรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลก็คือ รุ่น X3 xDrive30d เครื่องยนต์ 6 สูบ แถวเรียง ความจุ 2993 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 265 แรงม้า ที่ 4000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตรที่ 2000-2500 รอบ/นาที อัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 16.67-17.54 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนอัตราการปล่อยมลพิษอยู่ที่ 149-158 กรัม/กิโลเมตร โดยทุกรุ่นย่อยจะมาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
สำหรับรุ่นระบบขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive และขับเคลื่อนล้อหลัง จะมีการทำตลาดในภายหลัง ขึ้นอยู่กับแต่ละตลาด
มีการนำเอาแนวคิด BMW EfficientDynamics ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่มีเป้าหมายเพื่อลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และระดับการปล่อย CO2 พร้อมเพิ่มสมรรถนะและความพึงพอใจในการขับขี่ มาใช้กับ BMW X3 รุ่นใหม่นี้อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการใช้เครื่องยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน และการออกแบบชิ้นส่วนต่างๆให้มีน้ำหนักเบา เช่น การใช้วัสดุอลูมิเนียมในส่วนของเครื่องยนต์และระบบกันสะเทือน ส่งผลให้ BMW X3 ใหม่ มีน้ำหนักลดลงไปจากเดิมเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นย่อยเดียวกันถึง 55 กิโลกรัม
นอกจากนั้น X3 ใหม่ ยังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน คือที่ 0.29 -
เข่น 在 SunitJo Travel Youtube 的最讚貼文
2014-11-13 08:30:43ไปเที่ยวฝั่งพม่า บ้านมูด่องรัฐตะนาวศรี ชิมอาหารท้องถิ่นกันครับ Myanmar
ช่วงนี้ใครที่จะเอารถยนต์ข้ามฝั่งไปพม่า เขาจะไม่อนุญาตินะครับต้องใช้รถทะเบียนพม่าเท่านั้น ตรวจเข้มก่อนเปิด AEC จากชายแดนไทย ด่านสิงขร-ไปบ้านมูด่องพม่า จะมีเจ้าหน้าที่ของทางการพม่าอยู่กันครบ เกือบจะทุกหน่วยงาน เข่น ศุลกากร ตำรวจตรวจตนเข้าเมือง กองควบคุมโลกติดต่อ ทหาร ตำรวจ พร้อมส่งตรงจากส่วนกลางของพม่า พร้อมกำหนดเข้มกฎระเบียบทุกอย่าง ไม่ง่ายและสะดวกเหมือนเมื่อก่อน การเข้าออกยังมีการอนุโลมกันได้บ้างครับ สำหรับคนไทย ไม่มีวีซ่าเช้าไปเที่ยวได้แต่บ้านมูด่อง สะพาน2 วัดเจดีย์ โรงงานปาล์มน้ำมัน ระยะทางประมาณ10 กม. กรณีจะไปเมืองมะริด ประเทศพม่าฝั่งอันดามันแดนสวรรค์ที่หลายคนอยากไปสัมผัสกับกลิ่นอายของความเป็นพม่าแบบเต็มตัว และมีอารยธรรมอลากหลาย ประวัติศาสตร์บางอย่าสอดคล้องกับประเทศไทยเรา เพราะดินแดน มะริด ตะนาวศรี
ทวาย ในอดีตเมื่อกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นเมืองเหล่านี้เคยเป็นของไทยแทบทั้งสิ้น เพิ่งจะโดนแบ่งดินแดนให้กับฝร้่งมังค่าเมื่อไม่นานมานี้เอง เป็นที่น่าเสียดายนะครับ แต่นั่นคือความทรงจำอันเลวร้ายที่ทุกคนไม่อยากให้เห็นขึ้นอีกหรอกนะครับ sunitjoไปเที่ยวเมืองทวาย เห็นบ้านเมืองของพม่า ยังมีกลิ่นอายของรูปแบบ สถาปัตยกรรม อาคาร บ้านเรือน สถานที่ราชการ ยังมีรูปแบบฝรั่งจ๋าแบบ 60 เปอร์เซ็นต์ในเมืองทวายนะครับ ขณะนี้อัพเดทล่าสุดยังคงมีการรักษาไว้ในรูปทรงอาคาร บ้านเก่า มีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี งดงามอลังกาล คิดว่าอีกไม่นานนี้ถ้าพม่าเปิดเมืองเต็มที่เปิดใจเต็มร้อยรับ นานาอารยะประเทศเหมือนประเทศอื่นๆในเอเซียร์ตะวันออกเฉียงไต้ ก็คงจะมีเมืองในประเทศพม่าหลายเมือง ไดัรับการเสนอชื่อให้เป็นแหล่งมรดกโลก ได้หลายเมือง ในด้านโบราณคดี โบราณสถาน ศาสนา วัฒนธรรม รวมถึงเมืองทวาย มะริด นี้ด้วย แน่นอน เชิญทุกท่านเที่ยวประเทศพม่าหนึ่งในสมาชิกเพื่อนบ้าน AEC ครับ บทความโดย sunitjo
เข่น 在 สมองไหล Facebook 的最佳貼文
เวลามีคนถามว่า ต้องทำอย่างไร ถึงจะประสบความสำเร็จได้ ตั้งแต่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ
.
สิ่งที่ผมตอบกลับไปเหมือนเดิมทุกครั้ง ก็คือ ให้เริ่มล้มเหลว ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบครับ
.
เพราะมันคือ วัคซีน ชั้นดี ที่จะช่วยป้องกันโรคกลัวความไม่แน่นอนในวันที่คุณต้องเผชิญกับโลกความจริงภายนอกหลังเรียนจบได้
.
ในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ วิกฤตที่คาดเดาไม่ได้ การบริหารที่ล้มเหลวของรัฐบาล สิ่งที่เด็กวัย 20 เกือบทุกคนเป็นกังวลที่สุด ก็คือ ไม่รู้จะเอายังไงกับอนาคตของตัวเอง กลัวว่าเรียนจบไปจะไม่มีงานทำ
.
อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่า ผมในฐานะเด็กวัย 24 ที่ผ่านตรงนั้นมาได้ และ สำเร็จในระดับนึงแล้ว อยากจะแนะนำอะไรให้กับเด็กวัย 20 ที่กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนบ้าง ก็คงจะมี 3 ข้อนี้ ครับ
.
1) อย่ารออนาคต ในเมื่อปัจจุบันสามารถทำได้เลย
.
สิ่งแรกที่เด็กวัย 20 ควรทำ คือ การทิ้ง Mindset ที่ว่า การทำงาน เริ่มต้นหลังเรียนจบ เพราะนั่นเป็นวิธีคิดที่เก่าและล้าหลังแล้ว เพราะจริงๆ การทำงานมันสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้เลย ทำไมต้องรอให้อนาคตมาถึงก่อนแล้วค่อยทำ ในเมื่อในปัจจุบันก็ลงมือทำได้
.
เอาจริงๆ ก่อนหน้านี้ทุกคนก็สามารถทำงานได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ ยิ่งยุคนี้โอกาสยิ่งเปิดกว้างเข้าไปใหญ่ ส่วนตัวผมเองเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 12 ปี ทั้งชั่งตะปูขาย ทาสีเหล็กกับแรงงานต่างด้าว พอโตหน่อยเป็นนักกีฬาเทควันโด ก็ใช้ความรู้ที่มีมาเปิดชมรมสอนในโรงเรียน และ ต่อยอดไปเปิดโรงเรียนของตัวเองข้างนอก
.
เพราะพ่อแม่ปลูกฝังความคิดที่ว่า ถ้าอยากได้อะไร ต้องทำงานหาเงินมาซื้อเอง ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะมีเงินที่จะซื้อให้ได้ แต่ท่านก็ไม่ให้ เพราะท่านรู้ดีว่า ถ้าซื้อให้ ลูกได้ของไป มันก็จบแค่นั้น แต่ถ้าให้ทำงานหาเงินเอง ถึงแม้จะได้ของที่ต้องการไปแล้ว แต่ทักษะ และ วิธีการหาเงินยังคงอยู่ติดตัว
.
ถามว่ามีล้มเหลวไหม คำตอบ คือ นับไม่ถ้วน ทุกอย่างที่เคยทำมานั้น ล้มเหลวมาแล้วทั้งหมด เจ๊งมาแล้วทั้งหมด ถึงขนาดต้องยืมเงินเพื่อน 100 บาท มาซื้อมาม่า และ ไข่ไก่ กินทั้งสัปดาห์ ต้องขอไปอาศัยนอนบนพื้นบ้านของเพื่อนมาแล้วก็มี
.
ชีวิตมหาลัยตลอด 4 ปี เพื่อนๆ เลิกเรียนก็กลับไปนอน วันหยุดก็เที่ยวกลางคืน แต่ผมจะรีบออกจากห้องเรียนแล้วไปทำงานทันที
.
ทุกวันนี้ผมมีเพื่อน มีรุ่นน้อง และ คนรอบข้าง ที่ประสบความสำเร็จ ทำเงินล้านได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ หรือ เพิ่งจบใหม่มากมาย
.
มองภายนอก เราอาจจะคิดว่า ทำไมเขาถึงสำเร็จเร็ว ?
.
แต่ความจริงเบื้องหลังที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ก็คือ พวกเขาล้มเหลวมาก่อนหน้านั้นเป็น 10 ปี แล้ว
.
2) อย่ามองสิ่งที่เป็นอยู่ แต่ให้ดูสิ่งที่เป็นไปได้
.
เศรษฐกิจก็ไม่ดี จะไปทำอะไรได้ เรียนก็ยังไม่จบ ใครเขาจะรับทำงาน ถึงเรียนจบออกไปทำงานเงินเดือนก็น้อย ถ้าพ่อแม่ไม่รวย ไม่มีมรดก ไม่มีทางสร้างตัวในยุคแบบนี้ได้หรอก
.
แน่นอนคำพูดพวกนี้ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะมันคือสิ่งที่คุณอาจเป็นอยู่ในปัจจุบัน
.
แต่สิ่งที่ผมมักจะทำเมื่อมีคนมาพูดแบบนี้ให้ฟังก็คือ การตั้งคำถามกลับไปว่า “แล้วยังไงต่อ ?”
.
- เศรษฐกิจไม่ดี แล้วยังไงต่อ ?
- จบใหม่เงินเดือนน้อย แล้วยังไงต่อ ?
- พ่อแม่ไม่รวย แล้วยังไงต่อ ?
.
คือ ถ้าคุณอยากจะสำเร็จ คุณต้องเลิกพูดคำว่า “ไม่ได้เพราะ…..” แต่ให้เปลี่ยนเป็นพูดว่า “ได้ถ้า…”
.
เช่น
- เริ่มหาเงิน “ไม่ได้เพราะ” เศรษฐกิจไม่ดี
- รวย “ไม่ได้เพราะ” เงินเดือนน้อย
- จบไปก็หางานทำ “ไม่ได้เพราะ” รัฐบาลห่วย
.
โอเค สิ่งที่พูดมันก็ไม่ได้ผิด แต่การจมปลัก มองแต่สิ่งที่เป็นอยู่ มันไม่ได้ช่วยให้คุณก้าวหน้า
.
ถ้าคุณอยากจะสำเร็จ อยากจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ตั้งแต่เด็ก คุณต้องรู้จักมองสิ่งที่เป็นไปได้ โดยใช้คำพูดว่า “ได้ถ้า…”
.
เข่น
- เราจะหาเงินตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ “ได้ถ้า” ลองศึกษาวิธีขายออนไลน์
- เราจะมีรายได้สูง “ได้ถ้า” เพิ่มพูนความรู้ และ ทักษะ นอกห้องเรียนให้กับตัวเอง
- เรียนจบไปเราจะมีงานทำ “ได้ถ้า” เริ่มสร้างงานของตัวเองตั้งแต่วันนี้
.
ถ้าวันนี้ยังไม่มีเงินทุน ลองถามตัวเองว่า มันเป็นไปได้ไหม ที่จะเริ่มต้นธุรกิจได้โดยไม่มีเงินทุน เช่น Dropship, เป็นตัวกลาง, ทำยูทูป ฯลฯ
.
ถ้าวันนี้ยังไม่มีความรู้ ลองถามตัวเองว่า มันเป็นไปได้ไหม ที่จะเพิ่มความรู้ให้ตัวเอง เช่น หนังสือ, คลิปในยูทูป, พอดแคสต์, การเลือกคบคน ฯลฯ
.
การมองความจริงที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่ดี แต่การมองความเป็นไปได้ในอนาคตจะทำให้คุณเดินไปข้างหน้าและสำเร็จได้
.
3) ใช้เครื่องมือออนไลน์
.
90% ของคนที่ประสบความสำเร็จในวัย 20 ต้นๆ ที่ผมรู้จัก พวกเขาล้วนเติบโตโดยการใช้ออนไลน์เป็นเครื่องมือ
.
นั่นก็เพราะ ออนไลน์ ไม่ต้องการใบปริญญา ไม่ต้องการคนมีเส้นสาย ไม่ต้องการคนมียศใหญ่ ไม่ต้องการคนมีมรดก
.
ออนไลน์ ต้องการเพียงคนที่รู้จักเรียนรู้วิธีการใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่านั้น
.
เพื่อนหลายคนชอบบอกว่าผมเก่ง อายุเท่านี้ ประสบความสำเร็จไปไกลแล้ว แต่สิ่งที่ผมมักตอบกลับไปก็คือ ผมไม่ได้เก่งไปกว่าใครเลย แต่ผมแค่ใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในยุคนี่เท่านั้นเอง
.
เมื่อพูดถึงออนไลน์ ไม่ได้หมายความว่าต้องขายออนไลน์อย่างเดียวนะครับ เพราะนอกจากออนไลน์จะเป็นช่องทางการขายที่ไม่มีขีดจำกัดแล้ว มันยังช่วยเพิ่มมูลค่าในสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วได้ด้วย
.
อย่างตัวผม ชอบการเขียน ออนไลน์ก็ช่วยทำให้งานเขียน ของผมมีมูลค่า จนต่อยอดไปทำธุรกิจขายออนไลน์ และ อื่นๆ ได้อีก 5 ธุรกิจ ภายใน 2 ปี
.
หรือ รุ่นน้องของผมคนหนึ่ง ชื่อฟาอัล เขาพิการเดินไม่ได้ตั้งแต่เกิด ที่บ้านถือว่ายากจนมากๆ และถึงแม้วันนี้จะผ่าตัดแล้ว แต่ก็ยังเดินแบบปกติอย่างคนทั่วไปไม่ได้ แต่ด้วยความที่น้องชอบพวกเครื่องสำอาง ก็เลยเปิดช่องยูทูป เปิด Tiktok รีวิวเครื่องสำอางในชีวิตประจำวัน เริ่มตั้งแต่รีวิวของใน 7-eleven จนกระทั่งมีแบรนด์มากมายส่งเครื่องสำอางมาให้รีวิว เริ่มทำรายได้จากยูทูป และ ค่ารีวิว จนเก็บเงินได้ 1 ล้านบาท และด้วยฐานแฟนที่น้องได้สร้างมาตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่าๆ น้องก็นำเงินเก็บที่มีไปลงทุนสร้างแบรนด์สินค้าของตัว มีคนมาสมัครขอเป็นตัวแทนมากมาย และ ประสบความสำเร็จได้ ตั้งแต่ยังเรียนอยู่แค่ปี 3 ทั้งที่น้องก็ไม่ได้มีต้นทุนเท่ากับใคร เรียกได้ว่าติดลบด้วยซ้ำไป
.
หรือ บางคนเรียนคณะอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ เรียนถ่ายภาพ เรียนการท่องเที่ยว ตัดต่อได้ ทำกราฟฟิกเป็น หรือ จะเป็นความชอบ เช่น ชอบรถ ชอบกาแฟ ชอบเครื่องสำอาง ชอบอ่านหนังสือ ชอบดูหนัง ฯลฯ
.
ผมก็เห็นพวกเขาใช้ความรู้ทักษะที่มีมาสร้างตัวตนบนออนไลน์แทนที่จะเรียนแล้วเก็บไว้คนเดียว จนสุดท้ายก็สามารถสร้างรายได้ได้
.
เผลอๆ คือ สร้างงานให้ตัวเองเลยด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่คนที่ทำออนไลน์ตั้งแต่ยังเรียน เมื่อเรียนจบมามักไม่ต้องเดินหางานทำ เพราะพวกเขาสร้างงานของตัวเองเอาไว้แล้ว
.
ทุกวันนี้ในคลาส Online Signature มีนักศึกษาหลายคนที่เริ่มทำเงินจากออนไลน์ได้ในระดับนึง สมัครเข้ามาเรียน แม้กระทั่งนักศึกษาแพทย์ก็ยังมี เพราะเขามองว่าออนไลน์จะทำให้เขามีอิสรภาพมากกว่าการจบไปแล้วเป็นหมอทำงานในโรงพยาบาล
.
เพราะเด็กเหล่านี้เขารู้ดี ว่าความรู้ในคลาสนี้ คือ ความรู้ที่เขาจะใช้ทำมาหากินได้ มากกว่าความรู้ในห้องเรียนเสียอีก
.
.
นี่แสดงให้เห็นว่า แท้จริงแล้วคนที่เขาประสบความสำเร็จเร็ว ตั้งแต่ยังเรียนจบใหม่ๆ ไม่ใช่ว่าเขาเก่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยล้มเหลว แต่พวกเขาแค่เริ่มทำก่อน เริ่มล้มเหลวก่อน ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ เพียงแค่คนส่วนใหญ่เพิ่งมาเห็นในวันที่เขาสำเร็จแล้วเท่านั้นเอง…
เข่น 在 sittikorn saksang Facebook 的精選貼文
ทบทวนความทรงจำอีกครั้ง : "เส้นทางชีวิตการเป็นนักวิชาการของผม"
รศ.สิทธิกร ศักดิ์แสง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
เส้นทางในชีวิตการเป็นนักวิชาการของผม เริ่มจากการเป็นนักมวยและต่อยมวยหารายได้เรียนหนังสือด้วยตัวเองจนจบการศึกษาระดับปริญญาโทและได้ทำงานเข้าสู่การเป็นนักวิชาการ ดังนี้
1.เส้นทางชีวิตพื้นฐานที่ช่วยเสริมทำให้ผมเกิดเป็นนักวิชาการ
จากชีวิตเด็กบ้านนอกตัวเล็กๆ ในอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ปี 2529 เรียนจบชั้นประถมที่โรงเรียนวัดสมุหเขตตาราม และ
สอบเข้าเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 (ม.1)โรงเรียนสวนศรีวิทยา โรงเรียนประจำอำเภอ ในขณะเดียวกันก็ชกมวยไทยและชกมวยสากลสมัครเล่นให้โรงเรียนควบคู่กับการเรียนไปด้วย จนมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 และ ปี 2536 ได้ทุนการศึกษาทุนนักกีฬามวยสากลสมัครที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ คณะนิติศาสตร์
เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต ปี 2540 ก็สอบเข้าศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา กฎหมายมหาชน มหาวิทยาลัยเดียวกัน ซึ่งรับอิทธิพลทางความคิดจาก ศ.(พิเศษ) ดร. วรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ในการเลือกเรียนสาขากฎหมายมหาชน และได้รับทุนการศึกษาทุนกีฬามวยสากลสมัครเล่น
หมายเหตุในช่วงเป็นนักมวยไทยและนักมวยสากลสมัครเล่น
มวยไทย (ชื่อมวยไทย รุ่งศักดิ์ ส.วรพิน) ผมเริ่มชกมวย ปี 2527 และเลิกชกมวยไทย ปี 2538 ในปี 2535 -2537 ติดยอดไอ้แอ๊ดระดับประเทศ ต่อยคู่เอกราชดำเนนินและลุมพินีหลายครั้ง
มวยสากลสมัครเล่น เริ่มชกปี 2532 แชมป์โรงเรียน แชมป์จังหวัด เหรียญทองแดงเยาวชนแห่งชาติ แชมป์กีฬามหาวิยาลัยแห่งประเทศไทย 5 สมัย แชมป์กีฬาแห่งชาติและเหรียญทองแดงชิงแชมป์ประเทศไทย
2.เส้นทางชีวตินักวิชาการ
เมื่อผมได้สำเร็จการศึกษานิติศาสตรมหาบัณฑิต (ระดับปริญญาโท) สาขากฎหมายมหาชน ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (ปี 2543) และได้เป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยณิวัฒนา (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยเวสเทริ์น) ซึ่งในช่วงสมัยผมเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยณิวัฒนา ผมก็มักจะเข้าไปหาอาจารย์ ดร.พีระพันธุ์ พาลุสข คณบดีบัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในขณะนั้น (ปัจจุบันท่านอาจารย์ได้เสียชีวิต ด้วยเส้นโลหิตตีบ ในขณะที่ท่านรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์) อาจารย์สั่งสอนและส่งเสริมผมให้เขียนผลงานทางวิชาการ เริ่มต้นจากการเขียนเอกสารประกอบการสอน โดยอาจารย์ได้แปลคู่มือการเขียนตำรา ที่เป็นคู่มือภาษาฝรั่งเศส มาเป็นภาษาไทย โดยให้ผมจับจดขึ้นมาในเรื่องวิธีการเรียบเรียงและวิธีการเขียน ให้เป็นเอกสารประกอบการสอน/เอกสารคำสอน/ตำรา/หนังสือและงานวิจัย ขึ้นมา
และที่สำคัญผมโชคดีที่ได้ทำวิทยานิพนธ์ กับ ศาสตราจารย์ ดร. สมคิด เลิศไพทูรย์ ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ (อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ท่านสอนวิธีการเขียนวิทยานิพนธ์ วิธีคิดค้นคว้าด้วยตนเอง ทำให้ผมพื้นฐานในการเขียนและเรียบเรียงผลงานทางวิชาการ จนเกิดผลงานทางวิชาการและได้เป็นเคล็ดลับในการเขียนผลงานทางวิชาการที่ผมเขียนผลงานทางวิชาการให้สอดคล้องกับการประกันคุณภาพการศึกษา ซึ่งผมได้รับโอกาสเข้าอบรมประกันคุณภาพการศึกษามาตลอด จนทำให้ผมได้มีรายชื่อที่สามารถเป็นประธานผู้ประเมินประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ในสถาบันการศึกษา ของ สกอ. (สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา) และผมก็ได้เขียนผลงานทางวิชาการตามที่กำหนดตามประกันคุณภาพการศึกษามาตลอด จึงเกิดประโยชน์ของตัวผมเองและตัวสถาบันที่ทำงาน และที่สำคัญจงมีความสุขกับการทำงานต้องคิดว่า "การทำงานเยอะยิ่งได้ความรู้เยอะ" สามรถพัฒนาตนเองได้เร็วกว่าคนอื่น อย่าคิดว่าตัวเองทำงานแล้วคนอื่นไม่ทำงานและคิดน้อยใจแล้วไปว่าคนอื่นโวยวายไป นั่นคือ "สิ่งที่บั่นทอนจิตใจเราทำให้เราไม่สามารถที่จะพัฒนาไปข้างหน้าได้เลย"
ผมเริ่มทำงาน เป็นอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาครั้งแรก วันที่ 16 ตุลาคม 2544 ผมเสียเวลา 3 ปีกับการรับงานบริหาร คือ เป็นหัวหน้าแผนกวินัยและพัฒนานักศึกษา ที่มหาวิทยาลัยณิวัฒนา (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยเวสเทริ์น) จังหวัดสุพรรณบุรี (ปี 2544-2546) และได้ลาออกไปช่วยเพื่อนทำหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตและเป็นเลขานุการ คณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยสันตพล จังหวัดอุดรธานี (ปี 2546-2548) อยู่ดูแลหลักสูตรจนได้รับรองมาตรฐาน แล้วก็เริ่มเขียนผลงานทางวิชาการ คือ การเขียนตำรากฎหมายเบื้องต้น เอกสารประกอบการสอนวิชา นิติปรัชญา บทความ
ปลายปี 2548 เริ่มมีปัญหากับผู้บริหารสถาบัน (ปัญหาที่ผมออกรายโทรทัศน์ท้องถิ่น วิพากษณ์การทำงานของตำรวจ การทำงานของรัฐบาลทักษิณ ในเชิงหลักวิชาการ แต่ได้การถูกเรียกให้ไปพบผู้บริหารวิทยาลัย ให้ผมทำหนังสือขอโทษต่อรัฐบาลผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ผมยืนยันที่จะไม่ทำหนังสือขอโทษ โดยระบุว่าถ้าผมพูดอะไรล่วงละเมิดหรือหมิ่นประมาท ดำเนินทางกฎหมายต่อผมได้เลย จึงเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างผมกับผู้บริหาร) ประจวบกับคิดอยากกลับบ้าน อยากอยู่ใกล้แม่ จึงลาออกมาอยู่ วิทยาลัยตาปี (ปัจจุบัน เป็นมหาวิทยาลัยตาปี) จังหวัดสุราษฎ์ธานี (ปี 2548) ผมมาอยู่มหาวิทยาลัยตาปี ก็เขียนผลงานทางวิชาการโดยการสนับสนุนจาก ท่านอาจารย์ รองศาสตราจารย์ ดร.โกเมศขวัญเมือง คณบดี ในการเขียนผลงานทางวิชาการ เอกสารประกอบการสอน ตำรา และบทความทางวิชาการ และ
ในขณะเดียวกันท่านอาจารย์ โกเมศ ขวัญเมือง ท่านได้เสนอให้ผมเป็นผู้ช่วย ส.ส. (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดชุมพร) ให้ผมเข้าเรียนรู้งานในฝ่ายนิติบัญญัติในฐานะอนุกรรมาธิการป้องกันและปรามปรามการทุจริตประพฤติมิชอบสภาผู้แทนราษฎร ทำให้ผมได้พบนักกฎหมาย ที่เป็นนักการเมือง นักวิชาการที่เข้ามาเป็นกรรมาธิการที่มีความรู้ทางกฎหมายโดยเฉพาะทางด้านกฎหมายมหาชน ทำให้ผมมีความรู้เพิ่มมากขึ้นในการเขียนตำรา/บทความความ และทางกรรมาธิการมีการจัดอบรมเสวนาให้ความรู้กฎหมายแก่ประชาชน ผมได้รับแต่งตั้งเป็นวิทยากรของคณะกรรมาธิการเพื่อบรรยายกฎหมายทำให้ผมต้องค้นคว้าเอกสารเพิ่มมากขึ้นและสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมได้ความรู้เพิ่มมากขึ้นทำให้ผมสามารถเขียนผลงานวิชาการได้อีก
ในเดือนตุลา 2550 ผมก็เสนอขอตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) และซึ่งในขณะนั้นผมได้รับมอบหมายให้ทำหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชากฎหมายมหาชนด้วย (หลักสูตร ปโท) และจัดทำหลักสูตรสำเร็จ เปิดดำเนินการผมทำหน้าที่เป็นกรรมการและเลขานุการบริหารหลักสูตรฯ หน้าที่ของผมต้องทำงานดูแลหลักสูตรเกือบทั้งหมด ไม่ว่าเป็นด้านการจัดเอกสาร การจัดทำงบประมาณ และประสานงานต่างๆ รวมไปถึงการจัดตารางเรียนตารางสอน ประสานงานอาจารย์ผู้สอน ปโท ในช่วงเวลานี้เองผมได้เขียนผลงานทางวิชาการเสนอต่ออาจารย์ที่มาสอนพิเศษในหลักสูตร ป.โท ทำให้ผมมีความรู้เพิ่มมากขึ้นและมีงานเพิ่มมากขึ้น เข่น ความรู้ในการเขียนบทความ เขียนตำรา เขียนงานวิจัย
และในขณะเดียวกัน (ปี 2551-2553) ผมได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการไกล่ข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นพนักงานสอบสวน ต่อมาได้รับการแต่งตั้งอนุกรรมาธิการคณะเดียวกัน ในคณะกรรมาธิการการยุติธรรมการตำรวจ วุฒิสภา อีกตำแหน่งหนึ่ง
ในคณะอนุกรรมาธิการทำหน้าท่ียกร่างกฎหมายไกล่ข้อพิพาทในชั้นสอบสวน และได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ด้วยกันในเวลานั้น ผมจึงรู้เรียนงานจากประสบการณ์ประชุม การสัมมนา ต่างๆ
และสิ่งที่สำคัญในช่วงเวลานั้น ผมทำงาน 7 วัน คือ 3 วัน จันทร์ อังคาร พุธ อยู่กรุงเทพฯ (วันหยุดผมจันทร์ อังคาร ส่วนวันพุธ ขออนุญาติโดยมีหนังสือขอตัวจากวุฒิสภา) 4 วัน พฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ทำงานที่มหาลัยตาปี ผมใช้ชีวิตแบบนี้ 3 ปี (2551-2553) เต็มในการทำงานแบบไม่มีวันหยุด อยู่ในแหล่งข้อมูลที่สำคัญ ห้องสมุดรัฐสภา ทำให้มีโอกาสค้นคว้าเอกสารและเขียนงานวิจัย เขียตำรา เขียนบทความวิชาการ และหนังสือเพิ่มมากขึ้น เกิดตำราและหนังสือที่ได้ตีพิมพ์หลายเล่ม รวมไปถึงบทความที่ได้รับตีพิมพ์มากกว่า 30 เรื่อง
เดือนตุลา ปี 2554 (ผมใช้เวลาอีก 4 ปี หลังจากได้รับตำแหน่ง ผศ. ซึ่งผมขอ ผศ.ปี กย.2550) ผมก็ยื่นเสนอขอตำแหน่งรองศาสตราจารย์ (รศ.) และได้ผ่านการอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัยตาปี ในปี 56 มีผลย้อนหลัง ปี 2554 และขณะเดียวกันผมได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักวิจัยควบคู่กับผู้อำนวยการบริการวิชาการ
อีกงานหนึ่งเป็นการบริการวิชาการให้กับท้องถิ่น ซึ่งทางมหาลัยได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับ องค์การบริหารส่วนตำบลตะเคียนทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎ์ธานี โดยมอบหมายให้ผมเป็นผู้ประสานงาน ผมได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายและแผนนโยบายให้กับ องค์การบริหารส่วนตำบล (ปี2552-2556) ไปด้วย ได้วางแผนพัฒนา จนองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งนี้ได้รับรางวัลชมเชยพระปกเกล้า ในการบริหารงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล ซึ่งในช่วงที่เป็นที่ปรึกษาให้กับ องค์การบริหารส่วนตำบล ได้มีการร้องขอให้คณะนิติศาสตร์ ให้ศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นตะเคียนทอง ก็ได้ทำโครงการวิจัยดังกล่าว โดย มี รองศาสตราจารย์ ดร.โกเมศ ขวัญเมือง เป็นหัวหน้าโครงการ ผมเป็นผู้ร่วมวิจัยในโครงการวิจัยนี้ด้วย
ต่อมาผมได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยตาปี เมื่อมีนาคม 2556 ผมได้มาทำงานที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (เริ่มงาน ตุลา 2556)
ในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ราชภัฏสุราษฎร์ธานี ตำแหน่ง รองศาสตราจารย์ของรศ.ผมต้องให้ เกิดปัญหา คือ
ตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ของสถาบันเอกชนต้องให้ สกอ.รับรอง ซึ่งสถาบันได้ส่งเอกสารชี้แจงให้กับ สกอ.รับรอง ช้า ทำให้ สกอ.พิจารณารับรองโดยใช้เกณฑ์ ประกาศ กพอ. เผยแพร่ผลงานวิชาการ 2556 มาพิจารณาเผยแพร่ผลงานผม ทั้งที่ผมเผยแพร่ผลงาน ปี 2552 แต่เอาเกณฑ์ปี 56 มาพิจารณา และสภามหาวิทยาลัยแห่งนั้นไม่นำเสนอเอกสารพิจารณายืนยันให้กับผม ทำให้ ทำให้สกอ.ไม่รับรอง ตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ในส่วนของการเผยแพร่ผลงาน แต่รับรองผลงานวิชาการทั้งหมด
ทำให้ต้องยื่นเสนอ รศ.ใหม่ คือ ด้วยการ การเขียนผลงานเผยแพร่ คือ บทความวิจัย 2 เรื่อง (ส่วนงานวิจัย หนังสือ ตำรา รับรองใช้ได้ )
ผมจะยื่นใหม่ในปี 2557 ในสถาบันใหม่ก็ยื่นไม่ได้ เพราะไม่มีระเบียบการขอและการเทียบตำแหน่งทางวิชาการของมหาลัยรอวรับ และต้องรอให้ระเบียบออกมารองรับ
และผมได้ยื่น รศ. เสนอใหม่ ในปี 2558 แต่คณะได้พิจารณาว่าผมเผยแพร่ผลงานซ้ำผิดจรรยาบรรณ เสนอให้มหาวิทยาลัยพิจารณา มหาวิทยาลัยได้ทำหนังสือขอหารือ ไปที่ สกอ. ซึ่ง ใช้เวลาพิจารณาตอบข้อ หารือ มาถึง มหาลัย ปลายปี 2559 ว่าไม่ได้มีการซ้ำซ้อน เพราะการเผยแพร่ใหม่ คือ บทความวิจัย ไม่ใช่บทความรายงานวิจัย ถ้าบทความรายงานวิจัยเผยแพร่ได้ครั้งเดียว แต่บทความวิจัย คือ ส่วนหนึ่งส่วนใดของการงานวิจัย และทำให้ผมเสียเวลาไป ปี กว่า
และสุดท้าย มหาวิทยาลัย รับการยื่น รศ. เป็นทางการในเดือนธันวาคม 2559 ส่งให้ผู้ทรงอ่าน บทความวิจัย 2 เรื่อง ผลงานการอ่านส่งมาครบ ในต้นปี 2562
ปัญหาต้องเกิดอีกครั้ง คือ มีคนร้องเรียนถึงรักษาการอธิการบดีว่าผลงานผมเผยแพร่ซ้ำและเผยแพร่ผลงาน นั้นมีชื่อผม คนเดียว แต่งานวิจัย ทำกันหลายคน ให้ผมทำหนังสือชี้แจง และผมได้ทำหนังสือชี้แจงต่อมหาลัย
คือ ผมได้เผยแพร่ ผลงานบทความวิจัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งงานวิจัย และเผยแพร่ในส่วนงานวิจัยในบทหรือส่วนที่ผมรับผิดชอบ ไม่ได้เขียนในส่วนที่ไม่ได้รับผิดชอบ ส่วนบทความรายงานวิจัยที่ผมเขียนไปครั้งแรกที่เผยแพร่ใน ปี 2552 นั้นเสนอชื่อไปทุกคนที่ทำวิจัย
และต่อมาผ่านมาอีก 3 เดือน มีหนังสือให้ผมทำหนังสือชี้แจงและให้ผู้วิจัยร่วม ทำหนังสือยินยอมว่าไม่มีส่วนร่วมในการเขียนบทความวิจัย รับทราบและยินยอมการเขียนบทความวิจัยนี้ ผมต้องใช้ความพยายามประสานงานกับผู้ร่วมวิจัย โดยให้ภรรยาไปรับเอกสารจากผู้ร่วมวิจัย ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่เป็นภาระอย่างมาก แต่ภรรยาก็สามารถเอาเอกสารนั้นมาได้ทั้งหมด เสนอต่อมหาวิทยาลัย
และได้ผ่านการประชุมพิจารณาของผู้ทรงคุณวุฒิ อีกครั้ง ผ่านคณะกรรมพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ ผ่านสภาวิชาการ และวันนี้ 17 กันยายน 2562 ผ่านสภามหาวิทยาลัยอนุมัติแต่งตั้งให้ผม ดำรงตำแหน่ง “รองศาสตราจารย์” อีกครั้ง มีผลย้อนหลังปี เดือนธันวาคม 2559
สรุป นับได้ว่าตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ของผมได้รับการอนุมัติ จากสภามหาวิทยาลัย 2 ครั้ง และภายใต้กฎหมาย 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติสถาบันเอกชน พ.ศ .2546 กับพระราชบัญญัติราชภัฏ พ.ศ. 2547 โดยปัญหาทึ่เกิดจากเทคนิคที่ไม่ได้เกิดจากปัญหาคุณภาพของผลงานเลยสักนิดเดียว แต่เป็นปัญหาในเรื่องทางเทคนิครูปแบบขั้นตอน (เงื่อนไข)
เข่น 在 Fit Kab Dao Facebook 的最讚貼文
ใน 1 วัน ร่างกายต้องได้รับสารอาหารอะไรบ้าง❓
.
1️⃣โปรตีน🍖🥚
โปรตีนจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สร้างภูมิคุ้มกันและฮอร์โมนควรได้รับ 10 – 15 % ของพลังงานทั้งหมด ได้แก่ เนื้อสัตว์ต่าง ๆ แนะนำเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมันและหนัง นม ถั่วเมล็ดแห้ง ผลิตภัณฑ์จากถั่วต่าง ๆ เป็นต้น
.
2️⃣คาร์โบไฮเดรต🍠🥔
สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ซึ่งจะให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถทำงานได้ และยังให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายอีกด้วย ได้แก่ ข้าว แป้ง เผือก มัน ข้าวโพด ธัญพืช แนะนำข้าวไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นต้น ควรได้รับ 55 % ของพลังงานทั้งหมด
.
3️⃣ไขมัน🥥🥑
ให้พลังงานและความอบอุ่น รวมถึงกรดไขมันที่จำเป็นต่อระบบประสาท และช่วยในการละลายและดูดซึมวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน ควรได้รับ 30 % ของพลังงานทั้งหมด ได้แก่ ไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู ไขมันที่ได้จากพืช เข่น กะทิมะพร้าว น้ำมันรำ น้ำนมถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม เป็นต้น นอกจากนั้นจะมีไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ด้วย
.
4️⃣วิตามิน🥬🥝
สำคัญต่อปฏิกิริยาการสลายอาหารให้ได้พลังงานมีมากในธัญพืช ผักและผลไม้ นอกจากนี้ผักและผลไม้ยังช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลและโคเลสเตอรอล ช่วยเสริมสร้างระบบขับถ่าย ควรได้รับพลังงานจากผักต่างๆประมาณ 5% ต่อวัน และควรได้รับพลังงานจากอาหารผลไม้ประมาณ 3% ของพลังงานทั้งหมด
.
5️⃣แร่ธาตุ🥛🐟
👉🏻แร่ธาตุ เป็นองค์ประกอบของเซลล์และกล้ามเนื้อ คือ แคลเซียม ช่วยสร้างกระดูก แหล่งแคลเซียม ได้แก่ นม ผลิตภัณฑ์จากนม ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งเล็ก กะปิ ปลากระป๋อง และผักใบเขียว
👉🏻ฟอสฟอรัส เป็นองค์ประกอบของกระดูก แหล่งอาหาร ได้แก่ ถั่ว ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ นม และเนยแข็ง
👉🏻เหล็ก เป็นองค์ประกอบของเม็ดเลือดแดงผู้หญิงมีความต้องการมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากเสียไปกับประจำเดือน แหล่งอาหาร ได้แก่ เครื่องในสัตว์ ตับ เลือด และเนื้อสัตว์ที่มีสีแดง
.
💁🏻♀️ในหนึ่งวันร่างกายของคนเราต้องการสารอาหารหลัก 5 หมู่ เพื่อให้เกิดการเผาผลาญ
และถูกนำไปใช้เป็นพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ สารอาหารต่างๆ จึงสำคัญ
ต่อการเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ป้องกันขาดสารอาหาร ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อีกด้วย❤️
.
💥 สำหรับใครที่อยากรู้ว่าตัวเองต้องทานสารอาหารอะไรบ้าง วันละเท่าไหร่ สามารถเข้าดูวิดีโอเทรนนิ่งของดาวได้ในกลุ่ม Workshop นะคะ คลิกลงทะเบียนได้เลยค่า 👉🏻 https://m.me/fitkabdao?ref=w15342845