🇪🇹🇪🇹🇪🇹…..เอธิโอเปีย ตอนที่ 3…..🇪🇹🇪🇹🇪🇹
ในตอนนี้จะรวมรูปของ 4 ชนเผ่าเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งเผ่าชายเปลือย...เผ่าสาวห้าว...เผ่าขี้เล่น และ เผ่าศิลปิน.....ไปชมกันค่าาาาาาา.....😘😘😘

(1) ภาพปิดท้าย ฟินาเล่ (Finale) ของตอน 3 เป็นภาพชายที่เปลือยทั้งตัว มีเพียงการตกแต่งร่างกายด้วยสีเท่านั้น
จะเป็นภาพเปิดตัวของ ตอนที่ 4 ซึ่งจะนำภาพชุดเต็มมาให้ชมกัน “ชนเผ่าคาร่า” (Kara)
อยากให้ตื่นเต้นกันเล็กน้อย …… ถือว่าเป็นน้ำจิ้มให้ติดตามกันตอนต่อไป……555😂😂😂

(2) รูปแรก ของภาพชุดนี้ เป็น “ชนเผ่าบานา” (Bana) ที่นิยมเอาดินปูนสีขาวมา ทาตัว เพื่อตกแต่งร่างกาย มีประชากรประมาณ 23,700 คน การละเล่นที่เป็นเอกลักษณ์จะเป็นการใช้ไม้สูงในการเดิน

(3) & (4) “ชนเผ่าอะบอร์เร่” (Abore) และ “ชนเผ่ามูซี” (Mursi) สามารถแยกความแตกต่างได้คือ
“ชนเผ่ามูซี” (Mursi) ผู้หญิง มีเครื่องประดับเป็น เขาวัว และ เขี้ยวหมูป่า นิยมเจาะปากใส่ แผ่นดินเผ่า ตามลำตัวมีรอยแผลนูน ดูดุดัน และ น่ากลัว ส่วนผู้ชายมีเครื่องประดับเป็นเขี้ยวหมูป่าเช่นกัน

⚜️⚜️“ชนเผ่าอะบอร์เร่” ผู้หญิงจะโกนศรีษะ มักสวมใส่ลูกปัดหลากสี สดใส ที่คอและแขน มาพร้อมกับผ้าคลุมสีดำ ส่วนผู้ชายมีเครื่องประดับเป็นลูกปัดเช่นกัน หน้าตาดูเหมือนศิลปินนักร้อง เท่ห์ๆ ไรงี้
เผ่านี้ที่พักใหญ่ กว้างขวางกว่าเผ่าอื่นๆ และ สะอาด ชอบที่บริเวณที่ตั้งมีดอกไม้ขึ้นเต็มไปหมด เสียดายที่เป็นเผ่าที่อยู่ไกล เดินทางไปกลับใช้เวลาหลายชั่วโมงมาก

ทั้ง 2 เผ่าต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเอง แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

📌“ชนเผ่ามูซี” (Mursi) หรือเรียกตัวเองว่า “มุน” (Mun)
เป็นชนเผ่าที่ดูดุดัน และขึ้นชื่อว่าเป็นพวกที่ก้าวร้าวที่สุดใน เอธิโอเปีย
พยายามเข้าใจว่า เป็นเพราะ ชนเผ่านี้อาศัยอยู่ทางด้านใต้ติดกับพรมแดนของซูดาน และ โซมาเรีย ที่ยังมีการสู้รบภายในกันอยู่ เลยต้อง ก้าวร้าว กว่าปกติ ^^

📌เครื่องประดับของเผ่ามูซี มีความเฉพาะตัวเป็นอย่างยิ่ง โดยจะนำ เขี้ยวหมูป่า และเขาวัว มาทำเป็นเครื่องประดับ แขวนคอหรือ ประดับศรีษะ ส่วนตัวชอบมากเหมือนกัน ดู ดิบ เถื่อน สมกับได้ชื่อว่า เป็นเผ่าที่ดุดันสุดจริงๆ

📌ผู้หญิง “ชาวเผ่ามูซิ” มีค่านิยมเรื่องความงามไม่ต่างจาก “ชนเผ่าซูริ” ที่ได้เล่าเอาไว้ในตอนที่ 1 ก็คือ การเจาะริมฝีปากล่าง ตั้งแต่สมัยวัยรุ่น พร้อมถอนฟันล่าง 2 ซี่ เพื่อใส่ แผ่นดินเผา ว่ากันว่าขนาดใหญ่สุดมีถึง เส้นผ่านศูนย์กลาง 25 ซม. ยิ่งใหญ่ ถือว่ายิ่งสวย และ เวลาผู้ชายมาขอจะสามารถเรียก จำนวนวัว เพื่อเป็นสินสอดได้มากขึ้น
**นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยในลอนดอนกล่าวว่า วัฒนธรรมนี้มีมานานกว่าสามหมื่นปี เพื่อให้ตัวเองโดดเด่น และมัดใจผู้ชายในเผ่า**

📌ค่านิยมเรื่องความงามที่เหมือนกันอีกอย่างก็คือ การใช้ใบมีดกรีดตามร่างกายให้เป็นรอยสัก มีลวดลายต่างๆกันออกไป ตอนที่ขอถ่ายภาพพวกเธอก็จะนำเสนอรอยสัก และเชิญชวนให้ถ่ายด้วยความภูมิใจ ชี้ไปที่รอยนูนบนหัวไหล่ แขน และ หลัง พร้อมทั้งพูดว่า กู๊ด……กู๊ด………

🔆🔆เรียกได้ว่า ผู้หญิงซูริ สวยหวาน ส่วน ผู้หญิงมูซิ สวยห้าว 🔆🔆

📌การแบ่งงานกันทำของชนเผ่ามูซิ คือผู้ชาย จะเลี้ยงวัว เลี้ยงแพะและดื่มกินเท่านั้น จะไม่ทำงานบ้านและตามไร่สวนเลย…….งานบ้าน ทำไร่ ตักน้ำ หาฟืน หาอาหาร ต้องผู้หญิงทำ…….

📌ในขณะที่ “ชนเผ่าฮามาร์” เด็กผู้ชายต้องผ่าน “พิธีกระโดดข้ามวัว” (Bull Jumping) เพื่อแสดงว่า ได้เติบโตเป็นผู้ชายเต็มตัว พร้อมที่จะมีครอบครัว ตามที่เคยเล่าไว้ในตอนที่ 2

📌เด็กผู้ชาย “ชนเผ่ามูซี่” ก็ต้องผ่าน “พิธีการต่อสู้ดองก้า” (Donga Fighting) ก่อนถึงจะแต่งงานได้
โดยพิธีนี้ เด็กผู้ชายมูซี่ ทุกหมู่บ้าน จะมารวมตัวกัน แล้วเอากิ่งไม้ยาวประมาณ 2-2.5 เมตร มาตีต่อสู้กัน
ใช้เวลา 4 ถึง 7 วัน ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด และจริงจังมาก ถึงขั้นเลือดตกยางออกกันเลยที่เดียว เป็นการพิสูจน์ความกล้าและเข้มแข็งของชายมูซี่

ฝากติดตาม ตอนสุดท้ายของเอธิโอเปียใต้ เร็วๆนี้ด้วยนะค่ะ ^^

🎖🎖ใครอยากไป Ethiopia หรือประเทศอื่นๆ และได้มีโอกาสถ่ายภาพแบบนี้ ลองติดตามข่าวสารทริปท่องเที่ยวถ่ายภาพดีๆได้ที่ https://lin.ee/62Sr8ZV หรือ line id:@FotoJourney🎖🎖

*ข้อมูลที่นำมาเล่าได้จากการสอบถามคนท้องถิ่น และ ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม หากมีข้อมูลเพิ่มติมนำมาแชร์กันได้นะคะ*

#Ethiopia #FotoJourney FotoJourney ทริปถ่ายภาพท่องเที่ยว

ร้านนี้มีที่มา : โยชิโนยะ
.
หากจะต้องพูดถึงร้านข้าวหน้าเนื้อ พี่งัวเชื่อว่าหลายคนคงต้องนึกถึงร้าน โยชิโนยะ อย่างแน่นอน เพราะร้านนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านข้าวหน้าเนื้อที่มีคุณภาพจากประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง จึงไม่แปลกที่ร้านนี้จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆของผู้บริโภค
.
.
ร้านนี้ก่อตั้งเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว(นานป้ะล่ะ)...ได้มีร้านอาหารที่ญี่ปุ่นและขึ้นชื่อมากๆเรื่องข้าวหน้าเนื้อ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือสัญลักษณ์ เขาวัว ที่อยู่ในโลโก้ โดยเขาวัวนั่น มีนัยยะเป็นตัว Y ซึ่งเป็นอักษรตัวแรกของชื่อ โยชิโนยะนั่นเอง ส่วนเชือก ล้อมเป็นวงกลมมีเกลียว 27 ขด สื่อถึงคุณภาพอาหารขั้นสุดของร้านนี้ และที่สำคัญที่สุดคือเมล็ดข้าวบนเขาวัว มี 7 เมล็ด หมายถึงเป็นร้านอาหารที่สามารถกินได้ทั้ง 7 วันเลยทีเดียว !!!
.
มาพูดถึงคุณภาพข้าวหน้าเนื้อกันบ้าง โดยเนื้อที่นี่ขึ้นชื่อด้วยคุณภาพ(ถ้าไม่คุณภาพ คงไม่นึกถึงเป็นอันดับต้นๆหรอก) ส่วนเนื้อเขาก็คัดมาเป็นอย่างดี ดูจากรสสัมผัสที่มันลงตัวกับข้าว พร้อมกับผสมซอสสูตรลับจากโตเกียว บวกกับข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ หอมหัวใหญ่หน่อยๆ อาโหร่ยยยยยยยยยยยยยย
สั่งถ้วยเดียวบวกชาขียวเย็นรีฟีล อิ่มยาวในราคาที่ จ่ายเงิน 200 บาท ยังมีทอน (ไม่ใช่ว่ามีแต่เนื้อนะเว้ย หมูก็มี คุณตะภาพเน้นๆ)
.
ใครที่เคยกินร้านนี้มาคุยกันหน่อยว่าชอบเมนูไหนกันบ้าง ?
ส่วนตัวพี่งัวเองชอบข้าวหน้าเนื้อนี่แหละ เด็ดสุดแล้ว ก็เลยนำเรื่องราวของร้านนี้มานำเสนอให้ได้ดูกันนี่แหละจ้า
#ผู้บริโภค