[爆卦]อาการชา ภาษาอังกฤษ是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇อาการชา ภาษาอังกฤษ鄉民發文沒有被收入到精華區:在อาการชา ภาษาอังกฤษ這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 อาการชา產品中有10篇Facebook貼文,粉絲數超過0的網紅,也在其Facebook貼文中提到, รายงานผลการพิจารณากรณีเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน 68 ราย เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว รวม 7,003,783 โดส วินิจฉัยเสร็จแล้ว 13 ราย ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีน อีก ...

อาการชา 在 Healthymeijianorma Instagram 的精選貼文

2020-05-09 08:17:49

#ใครมีอาการปลายนิ้วมือปลายนิ้วเท้าชากันบ้างหรือยังคะ❓🤚🏻👣 🤚🏻 👉🏽วันนี้เมจิได้ไปMeet & Talk กับ นพ.วรัท ทรรศนะวิภาส ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ Orthopedic (เส้...

  • อาการชา 在 Facebook 的最讚貼文

    2021-06-17 21:30:29
    有 16,542 人按讚

    รายงานผลการพิจารณากรณีเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน 68 ราย เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว รวม 7,003,783 โดส วินิจฉัยเสร็จแล้ว 13 ราย ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีน อีก 55 รายยังรอผลอยู่ครับ …

    ส่วนอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีน …

    ซิโนแวค 20 รายต่อแสนโดส
    แอสตร้าเซนเนกา 24 รายต่อแสนโดส

    #ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด

    สธ.เผยรายงาน เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน 68 ราย ผู้เชี่ยวชาญสรุปแล้ว 13 ราย ไม่เกี่ยววัคซีน ส่วนอีก 55 รายยังรอสอบสวนโรค ขณะที่พบผลข้างเคียง ‘แอสตร้าเซนเนกา” มากกว่า ‘ซิโนแวค’ เล็กน้อย

    วันที่ 17 มิ.ย.64 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงถึงการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังการรับวัคซีนโควิด 19 ว่า ประเทศไทยเริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 16 มิ.ย. รวม 7,003,783 โดส แบ่งเป็น

    การฉีดวัคซีนซิโนแวค 3,214,385 โดส มีอาการไม่พึงประสงค์ในกลุ่มที่มีอาการจนต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล 993 ราย คิดเป็นอัตรา 20 รายต่อการฉีดแสนโดส อาการที่พบบ่อย คือ เวียนศีรษะ 20% คลื่นไส้ 15% ปวดศีรษะ 12% อาเจียน 8% ผื่น 7% ปวดกล้ามเนื้อ 6% ท้องเสีย 5% และคัน 4% ถือเป็นอาการที่เจอได้เหมือนวัคซีนตัวอื่นที่เจอกันมา

    ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ฉีดแล้ว 1,943,693 โดส มีอาการไม่พึงประสงค์ที่เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน 472 ราย คิดเป็นอัตรา 24 รายต่อการฉีดแสนโดส สูงกว่าซิโนแวคเล็กน้อย อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ไข้ 31% ปวดศีรษะ 27% เวียนศีรษะ 21% คลื่นไส้ 21% อาเจียน 20% ปวดกล้ามเนื้อ 15% อ่อนเพลีย 13% และถ่ายเหลว 7%

    นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ถึงขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตหลังรับวัคซีนโควิด 19 จำนวน 68 ราย คณะผู้เชี่ยวชาญพิจารณาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคส่วนกลาง ได้ประชุมพิจารณาและมีข้อสรุปแล้ว 13 ราย ไม่มีรายใดที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนหรือตัววัคซีน เป็นเหตุการณ์ร่วมเท่านั้น ประกอบด้วย หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 8 ราย. ลิ่มเลือดเป็นจ้ำเลือด 1 ราย, ลิ่มเลือดอุดตันในปอด 1 ราย, เยื้อหุ้มสมองอักเสบเป็นหนอง 1 ราย, เลือดออกในช่องท้อง 1 ราย และเลือดออกในสมองจากความผิดปกติของเส้นเลือดในสมอง 1 ราย

    ส่วนที่กำลังรอสอบสวนโรคและรอผลชันสูตร 55 ราย ซึ่งเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. มีการพิจารณาเพิ่มเติมไปหลายแล้ว จะมีการสรุปและรายงานเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า

    นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในการพิจารณาของคณะผู้เชี่ยวชาญฯ เลขานุการของคณะจะรวบรวมข้อมูลมาจากโรงพยาบาลหรือพื้นที่ว่าผู้เสียชีวิตที่มีอาการไม่พึงประสงค์รุนแรง มีลักษณะอาการป่วยอย่างไร ฉีดวัคซีนเมื่อไร เริ่มมีอาการอย่างไร โรคประจำตัวและการรักษาเดิมเป็นอย่างไร ให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยผลการพิจารณาแบ่งออกเป็น 7 ประเภท คือ 1.เกี่ยวข้องกับวัคซีน 2.เกี่ยวข้องกับคุณภาพของวัคซีน เรื่องนี้ป้องกันตั้งแต่ต้นโดยการตรวจคุณภาพของวัคซีน แต่หากมีข้อสงสัยจะมีการเก็บขวดวัคซีนที่ฉีดแล้วมาตรวจซ้ำ

    3.เกี่ยวข้องกับการให้บริการฉีดวัคซีน 4.เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนที่ไม่ได้มีสาเหตุทางกายภาพ เช่น อาการชา เอกซเรย์สมองไม่มีสาเหตุ หายได้เองทุกราย 5.เป็นเหตุการณ์ร่วมที่ไม่เกี่ยวกับวัคซีนแต่บังเอิญเกิดร่วมกัน ก่อนฉีดวัคซีนมีโรคเกิดอยู่แล้ว อธิบายสาเหตุการตายได้ เกิดได้เองไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีน 6.ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีน ซึ่งสาเหตุการตายชัดเจน แต่ความเชื่อมโยงกับวัคซีนอาจเป็นโรคใหม่ๆ มีข้อที่ต้องพิสูจน์ต่อ จึงต้องเก็บรวบรวมข้อมูล หากเจอกรณีคล้ายกันหรือมีข้อสรุปอื่นใดเพิ่มเติมก็นำมาพิสูน์ทราบเพิ่มเติมได้ และ 7.ข้อมูลยังไม่เพียงพอที่จะสรุป

    นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีนมีทุกประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา มีประชากร 328 ล้านคน ปกติเสียชีวิตปีละ 3.3 ล้านคน ขณะนี้ฉีดวัคซีน 312 ล้านโดส ฉีดวัคซีนตั้งแต่ 14 ธ.ค. 2563 – 3 พ.ค. 2564 รวม 259 ล้านโดส มีรายงานเสียชีวิตหลังฉีด 4,173 ราย คณะผู้เชี่ยวชาญได้ข้อสรุปว่าไม่มีสาเหตุจากวัคซีนโควิด 19 แต่อย่างใด

    เช่นเดียวกับประเทศไทย ประชากรเกือบ 70 ล้านคน เสียชีวิตประมาณ 5 แสนกว่ารายต่อปี หรือประมาณหลักหมื่นรายต่อเดือน เวลาพิสูจน์สาเหตุมีหลายกรณีที่เห็นสาเหตุการตายแล้วต้องมาเทียบอัตราการเสียชีวิตของสาเหตุนั้น เพื่อจะช่วยสรุปหรือบ่งบอกว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังมีการฉีดวัคซีนหรือไม่ เกี่ยวโยงกันหรือไม่

    “สธ.ให้ความสำคัญสูงสุดเรื่องความปลอดภัยของประชาชน หากมีข้อมูลใดนำมาพิสูจน์ทราบเพื่อให้เห็นความชัดเจนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อข้อสรุปที่น่าเชื่อถือและมั่นใจ จนถึงตอนนี้วัคซีนยังมีความปลอดภัยเช่นเดียวกับวัคซีนหลากหลายยี่ห้อที่ฉีดทั่วโลกหลายร้อยล้านโดสที่มีความปลอดภัยและยังฉีดต่อไป” นพ.เฉวตสรรกล่าว

  • อาการชา 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的精選貼文

    2021-05-12 13:34:10
    有 694 人按讚

    จากวันนี้ที่มีการแถลงข่าวร่วมระหว่างคณะแพทย์ 3 สถาบันเกี่ยวกับข้อสงสัยต่างๆของวัคซีนโรค covid-19 นั้น

    ทางอาจารย์ @May Puapattanakun กรุณาสรุปออกมาเป็นแผนภาพ ดังต่อไปนี้ครับ
    -------
    (เพิ่มเติมข้อมูลจากข่าว https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E/147279)

    คำแรกที่ได้รับความน่าเชื่อถือจากทีมหมอ คือ

    “ ยืนยันยังไม่มีใครตายจากการฉีดวัคซีนขณะที่โควิด-19 มีคนตาย 1-2 คน จากผู้ป่วย 100 คนทุกวัน ” ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ

    เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่น่ากลัวกว่าวัคซีนคือโรคโควิด-19 ที่อยู่รอบตัวเรา

    ศ.พญ.กุลกัญญา อธิบายต่อว่า ในส่วนของผลข้างเคียงที่เป็นแพ้ มี 1 ใน 100,000 คน ส่วนผลข้างเคียงอย่างอาการ ไข้ ปวด บวม แดง ร้อน มีรายงานมีไม่ถึงร้อยละ 10 และอาการไข้ ที่เกิดขึ้นเป็นอาการปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองต่อวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน และจะเกิดกับผู้ที่มีอายุน้อยเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจาก ภูมิต้านทานยังมีมากกว่า ผู้สูงอายุ เกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

    “ อย่าตกใจถ้าไข้ขึ้น เพราะร่างกายเราเริ่มทำงาน ไข้สูงภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูง ภูมิคุ้มกันจะขึ้นดี แสดงถึงปฏิกิริยาของร่างกายตอบสนองต่อวัคซีน ยิ่งอายุน้อยจะไข้เยอะหน่อย ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาการประมาณ 1-2 วันจะกลับมาเป็นปกติ ”

    หมอชี้แจ้งว่า โดยหลักการของวัคซีนไม่ได้เพิ่มโอกาสให้เกิดโรคนี้โดยทั่วไป และเมื่อดูตัวบ่งชี้ทางพันธุกรรมประชากรไทย ชาวเอเชีย มีโอกาสเกิดโรคนี้ต่ำกว่าคนผิวขาว ปถบยุโรป ประมาณ 10 เท่า แต่ในยุโรปถึงแม้จะมีภาวะดังกล่าวแต่มีโอกาสเจอ1 ใน 100,000 คน ถึง 1 ใน 1,000,000 คน

    แต่ในกรณีที่เป็นเช่นนั้น รุนแรงจนไปกระตุ้นเกร็ดเลือดให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน แต่รีบให้การวินิจฉัยและรักษาก็จะสามารถรักษาได้ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ กรณีที่เกิดติดเชื้อโควิด-19 จะยิ่งมีโอกาสเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันมากกว่าด้วยซ้ำ

    ในทางกลับกันพบว่ามีภูมิต้านทานตัวหนึ่งสัมพันธ์กับภาวะลิ่มเลือดอุดตันพิเศษชนิดนี้ คือต้านทานต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันสูงกว่าปกติ ส่วนคนไข้ที่เป็นลิ่มเลือดอุดตันอยู่แล้วยิ่งควรฉีดวัคซีนเพราะหากติดโควิด-19 จะยิ่งไปกระตุ้นให้เกิดภาวะนี้มากขึ้นได้

    ผู้ป่วยในโรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่มีเคสติดโควิด-19 ปอดอักเสบ อยู่ในไอซียู มีโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ร้อยละ 20 ซึ่งมากกว่าเกิดจากวัคซีน

    ส่วนอาการข้างเคียงอื่น เช่น อาการชา หมออธิบายว่า ไม่เกี่ยวกับตัววัคซีนและเป็นอาการที่เกิดขึ้นชั่วคราว เป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่มีอาการกลัวในช่วงก่อนได้รับวัคซีน ทำให้ร่างกายไม่พร้อม อ่อนเพลีย และอาจเกิดอาการเหมือนชาครึ่งตัว อ่อนแรงครึ่งตัว เบื้องต้นประมาณ 1-3 วัน จะหายเป็นปกติ หรือบางรายใช้เวลาเป็นสัปดาห์ แต่ยังมีรายงานว่าเสียชีวิตหรือพิการถาวรจากวัคซีนโควิด-19

    ส่วนอาการข้างเคียงอื่น เช่น อาการชา หมออธิบายว่า ไม่เกี่ยวกับตัววัคซีนและเป็นอาการที่เกิดขึ้นชั่วคราว เป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่มีอาการกลัวในช่วงก่อนได้รับวัคซีน ทำให้ร่างกายไม่พร้อม อ่อนเพลีย และอาจเกิดอาการเหมือนชาครึ่งตัว อ่อนแรงครึ่งตัว เบื้องต้นประมาณ 1-3 วัน จะหายเป็นปกติ หรือบางรายใช้เวลาเป็นสัปดาห์ แต่ยังมีรายงานว่าเสียชีวิตหรือพิการถาวรจากวัคซีนโควิด-19

    ในส่วนของผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ทีมหมอระบุว่า ในวัยหนุ่มสาว หลังได้รับวัคซีนจะมีอาการมากกว่าสูงอายุ แต่อย่างที่กล่าวไปสะท้อนว่าร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี

    แต่ในส่วนของ ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ปอด หัวใจ ถ้าติดโควิด-19 จะมีอาการรุนแรง ดังนั้น จึงสนับสนุนให้ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ก่อน เพื่อให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดความรุนแรงของโรค

    ส่วนในเด็ก รศ.พญ.ธันยวีร์ ภูธนกิจ รอง หัวหน้าภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะหมอเด็ก ระบุว่า ปัจจุบันยังอนุญาตให้เฉพาะผู้มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปได้รับวัคซีนได้ ดังนั้น ระหว่างที่รอวัคซีนสำหรับเด็ก สิ่งที่เราจะช่วยได้คือทุกครอบครัว ทุกที่ทำงาน ทุกโรงเรียน ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ที่คลอบคลุมเป็นวงกว้าง เพราะเมื่อผู้ใหญ่ไม่ป่วย เด็กย่อมไม่ป่วย ซึ่งรอบนี้ผู้ติดเชื้อเด็กมากขึ้น ยกตัวอย่าง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1,000 คน มีเด็กเกือบ 100 คน

    อย่างไรก็ตาม หากเกิดผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีนโควิด ตามมาตรฐานของการฉีดวัคซีนในกับประชาชน โดยมีข้อกำหนดว่ามีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ

    ยาประเภท อะดีนาลีน หรือ แอพพิเทน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะเข้ามาดูแลอาการ ณ จุดฉีดทันที หากมีอาการจะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง ซึ่งสำหรับประเทศไทยมองว่ามีความพร้อมมากในการเตรียมการเพื่อฉีดประชาชนครั้งนี้

    ผมร่วมรับผิดชอบการฉีดวัคซีนของประเทศไทยมา ผมคิดว่าการฉีดวัคซีนโควิดครั้งนี้มีการเตรียมพร้อม และการดูแลดีที่สุด รวมถึงการเก็บข้อมูลหลังฉีดวัคซีนแบบเรียลไทม์ ว่าใครฉีดล็อตไหนสามารถตรวจสอบได้ทันที

    ทีมหมอทั้ง 6 ท่าน ยืนยันว่า “ต่างกันมาก” เพราะเมื่อฉีดวัคซีนโอกาสที่จะติดโรคลดลงครึ่งหนึ่งทันที และยิ่งนานไปก็จะยิ่งเห็นความแตกต่าง เช่น ภูมิต้านทาน เพิ่มขึ้นๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งจะอยู่ในระยะปลอดภัย ซึ่งตรงนี้มีผลการศึกษาจากทีมระบาดวิทยาของโรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

    ปัจจุบันประเทศไทยใช้วัคซีนหลักๆ อยู่ 2 ยี่ห้อคือ ของแอสตร้าเซเนก้า และ ซิโนแวค หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า วัคซีนโควิด-19 แต่ละยี่ห้อดีหรือไม่ดีต่างกันอย่างไรซึ่งทีมหมอ ชี้แจงว่า ถ้าดูเฉพาะตัวเลขตัวประสิทธิภาพจะเห็นความแตกต่าง แต่หากเจาะลึกลงไปการทดลองของวัคซีนแต่ละตัว เป็นการทดลองต่างสถานที่กันและคนละเวลาเพราะฉะนั้นคงเปรียบเทียบประสิทธิภาพตรงๆ ไม่ได้ ขณะเดียวกันในพื้นที่ทดลองอาจจะมีความต่างเรื่องสายพันธุ์

    แต่โดยภาพรวมได้เห็นประสิทธิภาพของวัคซีน ซึ่งถ้าเแรียบเทียบกันแล้วจำนวนคนที่วัคซีนสามารถป้องกันได้จากการฉีด 1,000 คน ป้องกันได้ 10 คน ผลตรงนี้ใกล้เคียงกันมาก นั่นหมายความว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนไม่แตกต่างกันมาก โดยเฉพาะ 2 ตัวที่ประเทศไทยมี ผลการฉีดแทบจะเป็นเส้นเดียวกันในกราฟ และยิ่งเวลานานไปโอกาสติดโรคจะมากขึ้น แต่ถ้ายิ่งฉีดโอกาสติดโรคจะยิ่งน้อยลง

    วัคซีนไม่ควรไปเทียบว่าบริษัทไหน เพราะมันเป็นวัคซีนของโรคระบาดระดับโลก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องวัดคือ ฉีดวัคซีนประชากร ร้อยละ 20 ร้อยละ 40 หรือร้อยละ 70 ผลที่เกิดขึ้นจะต่างกัน ต้องไปวัดที่จำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีน เห็นชัดเจนว่า ประเทศที่มีการฉีดขึ้นไประดับสูงๆ เช่น อังกฤษ ตอนนี้เห็นชัดเจนว่าจำนวนเคสลดลง เพราะฉะนั้นเวลาวัดผลไม่ได้วัดผลว่าฉีดยี่ห้อใด แต่วัดผลว่าพื้นที่ไหน กลุ่มประชากรไหนได้วัคซีนครบถึงร้อยละ 50-70 อันนั้นจะเกิดประสิทธิภาพระดับประชากร

    มีกรณีที่ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนต้านโควิด19 หรือไม่

    ทีมหมอระบุ มี 3 กรณีคือ

    1.กำลังเจ็บป่วย

    2..มีโรคประจำตัวที่ยังอยู่ในภาวะที่ควบคุมไม่ได้ เช่น หัวใจกำลังอยู่ในภาวะเต้นผิดจังหวะ ภาวะหัวใจวาย ต้องให้แพทย์ประจำตัวประเมินก่อน

    3. หญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก หรือ น้อยกว่า 12 สัปดาห์ เพราะในช่วงแรกจะมีความอ่อนไหวต่อทารกในครรภ์ แต่ในกรณีที่ฉีดแล้วเพิ่งมารู้ว่าตั้งครรภ์ แนะนำให้เลื่อนเข็มที่สองไปฉีดหลังตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์

    ส่วนหญิงตั้งครรภ์ที่มากกว่า 12 สัปดาห์ ควรได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 เพราะหากติดโควิด-19 อาการจะรุนแรงกว่าหญิงไม่ตั้งครรภ์ ขณะเดียวกัน หากฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แล้วภูมิต้านทานจะสามารถออกมาทางน้ำนม

    ศ.นพ.ยง ระบุว่า ภาพรวมประสิทธิภาพวัคซีนก็ยังเพียงพอต่อการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น สายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์บราซิล แม้กระทั่งสายพันธุ์แอฟริกา ส่วนสายพันธุ์อินเดีย (พันธุกรรมส่วนหนึ่งคล้ายที่แพร่ระบาดในอังกฤษ และส่วนหนึ่งคล้ายที่แพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกา) ทำให้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่ามีผลต่อประสิทธิภาพวัคซีน เพียงแต่เป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่แพร่กระจายเร็ว เพราะฉะนั้นแล้วแม้ประสิทธิจะน้อยลงแต่ก็ยังคงประสิทธิภาพในระดับที่สามารถปกป้องความรุนแรงของโรคได้ และการฉีดวัคซีนในคนหมู่มากทำให้เกิดการป้องกันไม่ให้เกิดการกลายพันธุ์ใหม่อีกด้วย

    ในท้ายที่สุดแล้ว ศ.นพ.ยง ภู่สุวรรณ หน.ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิค กล่าวเสริมว่า วิกฤตครั้งนี้จะแก้ปัญหาได้ด้วยวัคซีน ทั่วโลกต้องฉีดให้ได้เป้าหมาย 10,000 ล้านโดส (ตอนนี้ฉีดวัคซีนได้ประมาณ 3,000 ล้านโดส) ส่วนประเทศไทยต้องฉีดให้ได้ 100 โดส ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด ตามแผนคือ ต้องใช้เวลาเดือนละ 10 ล้านโดส (รวม เสาร์ -อาทิตย์) เป็นไปได้หรือไม่ถ้าจะขยับมาเป็น 4-5 แสนโดสให้ได้เดือนละ 40 ล้านโดส ภายใน 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ ก็จะสามารถกลับสู่ภาวะปกติได้

    ขอให้กลัวโควิด-19 อย่ากลัววัคซีน ฉีดก่อนปลอดภัยก่อน เราจะทำให้โควิด-19 จากโรคร้ายกลายเป็นโรคหวัดธรรมดาด้วยวัคซีนเพราะฉะนั้นแล้ว ทีมหมอทั้ง 3 สถาบัน ยืนยันว่า “วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่เข้าร่างกายได้เร็วที่สุด” และการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครั้งนี้เป็นการเตรียมการที่ปลอดภัยกว่าทุกครั้งที่เคยมีมา

  • อาการชา 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最讚貼文

    2021-04-07 11:33:11
    有 151 人按讚

    "อาหารเสริม ไม่มีสิทธิโฆษณาว่า รักษาโรค" นะครับ

    มักจะมีหลังไมค์ถามกันมาเรื่อยๆ ว่า อาหารเสริมยี่ห้อนั้น สมุนไพรยี่ห้อนี้ มันใช้ได้จริงมั้ย หลอกขายหรือเปล่า? ... ผมขอให้หลักการง่ายๆ เลยว่า ถ้าเค้าโฆษณาว่าอาหารเสริมนี้ รักษาโรคต่างๆ ได้ บรรเทาอาการหรือทำให้หายจากโรคได้ ก็ตัดใจไปเลยว่า "หลอกขาย" อีกแล้วนะครับ

    ตัวอย่างเช่น อาหารเสริมในรูปประกอบนี้ ที่เอาสมุนไพรจีนอย่างเก๋ากี้มาโฆษณาขายว่า รักษาต้อได้ .. แค่นี้ก็ฟันธงได้เลย ว่าหลอกขายนะ (นอกจากคำว่า รักษาต้อได้ คำอื่นๆ ที่ปรากฏ ก็เป็นการโฆษณาเกินจริงเป็นส่วนใหญ่)

    ในอดีตก็มีอาหารเสริมหลายยี่ห้อมาก ที่หลอกขายว่ารักษาต้อ รักษาโรคตาได้ ... อย่างล่าสุด เมื่อวันที่ 18 เมษายน ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (หรือ อย.) ก็เตือนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยี่ห้อหนึ่ง โฆษณาโอ้อวดสรรพคุณว่า ช่วยให้สายตาดีขึ้นใน 3 อาทิตย์เท่านั้น (https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2145744)

    ซึ่ง อย. ได้เตือนว่า ไม่มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยี่ห้อใด สามารถรักษาหรือทำให้สายตาดีขึ้นได้ ขอให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคทางตา โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อย่าหลงเชื่อไปใช้ เพราะอาจทำให้โรคตาที่เป็นอยู่มีความรุนแรงขึ้น อาจถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาจากจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

    ที่สำคัญ ตอนนี้ ก็เพิ่งมีการออกราชกิจจาฯ ประกาศ "คำและข้อความต้องห้าม" ห้ามนำมาใช้ในโฆษณาอาหาร ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคม โดยมีผลบังคับใช้ 31 มี.ค. 64 ดังตัวอย่างด้านล่าง

    ลองตรวจเช็คกันดูนะครับ ว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ท่านสนใจ มีคำโฆษณาเกินจริงเหล่านี้อยู่หรือเปล่าครับ
    ----------------
    (ข่าวจาก https://ch3plus.com/news/program/235667)

    สำหรับคำและข้อความต้องห้าม นำมาใช้ในการโฆษณา มีดังนี้

    1.คําที่ไม่อนุญาตในการโฆษณา คุณภาพ คุณประโยชน์หรือสรรพคุณของอาหาร เช่น
    - ศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์ ปาฏิหาริย์วิเศษ
    - เลิศที่สุด ดีเลิศ ชนะเลิศ ชั้นเลิศ เลิศเลอ ล้ำเลิศ เลิศลํ้า
    - ยอด ยอดเยี่ยม ยอดไปเลย เยี่ยมยอด เยี่ยมไปเลย สุดยอด
    - ที่หนึ่ง หนึ่งเดียว ที่หนึ่งเลย
    - ที่สุด ดีที่สุด ดีเด็ด สูงสุด
    - เด็ดขาด หายห่วง หายขาด หมดกังวล
    - สุดเหวี่ยง
    - ไม่มีผลข้างเคียง ไร้ผลข้างเคียง
    - อย. รับรอง ปลอดภัย
    - เห็นผลเร็ว

    2.ข้อความที่ไม่อนุญาตในการโฆษณาอาหาร รวมถึงการใช้ภาพที่สื่อให้เข้าใจได้ในความหมายเดียวกัน

    2.1 ข้อความที่สื่อแสดงสรรพคุณอันทําให้เข้าใจว่าสามารถบําบัด บรรเทา รักษา ป้องกัน โรคหรืออาการของโรคหรือความเจ็บป่วย เช่น
    - ลดโคเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเส้นเลือด ลดระดับน้ำตาลในเลือด
    - ป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็ง เนื้องอก โรคเบาหวาน หลอดเลือดแข็งตัว ภูมิแพ้หอบหืด
    - บรรเทาอาการปวดหัว ไมเกรน อาการชา บวมและเส้นเลือดขอด
    - แก้ปัญหาปวดประจําเดือน ประจําเดือนมาไม่ปกติอาการตกขาว
    - ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
    - ป้องกันหรือต่อต้านเชื้อโรค เช่น เชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ไข้หวัด แบคทีเรีย เป็นต้น
    - รักษาโรคติดเชื้อ
    - เพิ่มความจํา แก้อาการหลงลืม ความจําเสื่อม รักษาโรคอัลไซเมอร์
    - รักษาอาการซึมเศร้า นอนไม่หลับ
    - รักษาโรคไวรัสตับอักเสบ ไขมันพอกตับ
    - รักษาโรคไตเสื่อม นิ่วในไต
    - รักษาโรคเกาต์รูมาตอยด์เอสแอลอี
    - บรรเทาอาการข้ออักเสบ ข้อเข่าเสื่อม ปวดเข่า ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออักเสบ
    - รักษาโรคต้อ วุ้นในตาเสื่อม กระจกตาเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม ตาแห้ง เคืองตา แสบตา
    - บรรเทาอาการหูอื้อ ฟื้นฟูการได้ยิน
    - รักษาโรคริดสีดวงทวาร กรดไหลย้อน
    - รักษาโรคปอดอักเสบ วัณโรค หลอดลมอักเสบ ไอเรื้อรัง
    - รักษาโรคผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน

    2.2 ข้อความที่สื่อแสดงให้เข้าใจว่ามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกาย หน้าที่อวัยวะ หรือระบบการทํางานของร่างกาย เช่น
    - ปรับสมดุลให้ร่างกาย ฟื้นฟูร่างกายหรืออวัยวะ
    - เพิ่มน้ำนม กระตุ้นน้ำนม
    - เพิ่มการไหลเวียนของเลือด
    - บํารุงสมอง บํารุงประสาท บํารุงตับ บํารุงไต บํารุงสายตา หรือบํารุงอวัยวะของร่างกาย
    - เสริมสร้างหรือกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย เพิ่มภูมิคุ้มกัน เพิ่มภูมิต้านทาน
    - Detox/ ล้างสารพิษ ล้างลําไส้
    - ปรับสายตาสั้น-ยาว ให้เป็นปกติ
    - ขับน้ำคาวปลา ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ลดอาการวัยทอง ร้อนวูบวาบ
    - กรอบหน้าชัดเหนียงหาย หน้ายก หน้าเรียว หนังตาตกเป็นตาสองชั้น รอยขมวดคิ้วหาย รองแก้มตื้น จมูกเข้ารูป

    2.3 ข้อความที่สื่อแสดงให้เข้าใจว่ามีสรรพคุณบํารุงกาม บํารุงเพศ หรือเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์เช่น
    - ช่วยบํารุงและเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ เสริมสร้างศักยภาพทางเพศ
    - เพิ่มสมรรถภาพท่านชาย/หญิง เพิ่มความต้องการทางเพศชาย/หญิง
    - อาหารเสริมสําหรับชาย/หญิง
    - เพิ่มฮอร์โมนเพศ
    - เพิ่มประสิทธิภาพน้ำอสุจิให้แข็งแรง
    - เพิ่มขนาดอวัยวะเพศ ช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้นาน
    - ลดอาการหลั่งเร็ว
    - เพิ่มขนาดหน้าอก อัพไซส์
    - กระชับช่องคลอด
    - ปลุกความเป็นชาย ปลุกเซ็กส์อึด ถึก ทน ปลุกไวฟื้นง่าย
    - กระตุ้นความเป็นหญิง
    - คืนความเป็นหนุ่ม คืนความสาว

    2.4 ข้อความที่สื่อแสดงให้เข้าใจว่ามีสรรพคุณเพื่อบํารุงผิวพรรณและความสวยงาม เช่น
    - ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ลดสิว ฝ้า กระ จุดด่างดํา
    - ผิวขาว กระจ่าง ใส นมุ่ เด้ง เปล่งปลั่ง ออร่า
    - กระชับรูขุมขน/ ฟื้นฟูผิว
    - ลดริ้วรอย/ ลดความมันบนใบหน้า
    - ยกกระชับผิวหน้า
    - ชะลอความแก่ดูอ่อนกว่าวัย
    - แก้ผมร่วง ผมหงอก
    - ช่วยให้ผมและเล็บแข็งแรง
    - กันแดด ท้าแดด
    - ช่วยดับกลิ่นตัว กลิ่นปาก

    2.5 ข้อความที่สื่อแสดงให้เข้าใจว่ามีสรรพคุณในการลดน้ำหนัก ลดความอ้วนหรือข้อความอื่นใดในทํานอง เดียวกัน เช่น
    - ลดความอ้วน
    - ช่วยให้ระบายท้อง
    - สลายไขมันที่สะสมในร่างกาย ดักจับไขมัน ลดไขมันส่วนเกิน
    - ลดน้ำหนัก
    - Block/ Burn/ Build /Break/ Firm
    - การใช้ภาพสายวัด/ เครื่องชั่งน้ำาหนัก/ กางเกง Over Size
    - ภาพ Before/ After
    - Weight Loss
    - เพรียว สลิม Slim Slen
    - ไม่โยโย่
    - กระชับสัดส่วน ลดต้นแขน ลดต้นขา ลดหน้าท้อง พุงหาย ช่วยให้แขนขาเรียว
    - หุ่นดีหุ่นสวย หุ่นเป๊ะ
    - ผอม ผอมเร่งด่วน ลดน้ำาหนักถาวร
    - ลดยาก/ ดื้อยา/ ลดความอยากอาหาร

    ข้อมูล : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/073/T_0014.PDF

你可能也想看看

搜尋相關網站