雖然這篇อาการของจิต คือ鄉民發文沒有被收入到精華區:在อาการของจิต คือ這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 อาการของจิต產品中有2篇Facebook貼文,粉絲數超過102萬的網紅ข้าวทิพย์ ธิดาดิน,也在其Facebook貼文中提到, 🙏 สาธุ 🙏 AmenTranslated "ร่างกาย" ของเรานี้เป็น "เรือนมูตร เรือนคูถ" เป็น "อสุภะ" ร่างกายอันนี้ให้ชำนิชำนาญ เจริญให้มาก ทำให้มาก ให้มี “สติ” หรือ พ...
อาการของจิต 在 parnthanaporn Instagram 的精選貼文
2021-06-21 23:33:54
"...ฝึกใจให้เหมือนฝั่งของทะเล คือไม่หลง ไม่ตาม อาการของจิต จิตเปรียบคลื่นลมที่เอาแน่ไม่ได้ รังแต่จะให้เกิดตัณหาอุปาทาน..." ธรรมในภาพถ่ายและลายมือ ท่าน...
อาการของจิต 在 parnthanaporn Instagram 的最佳貼文
2021-05-12 04:02:23
"...ตั้งจิต เห็นอาการของกาย อาการของจิต เห็นตามที่มันเป็น ฝึกให้มากๆ จะเกิดสติ-สมาธิ รักษากายและใจให้หายทุกข์..." ... ธรรมในภาพถ่ายและลายมือ ท่านอาจาร...
อาการของจิต 在 ข้าวทิพย์ ธิดาดิน Facebook 的精選貼文
🙏 สาธุ
🙏 AmenTranslated
"ร่างกาย" ของเรานี้เป็น "เรือนมูตร เรือนคูถ" เป็น "อสุภะ" ร่างกายอันนี้ให้ชำนิชำนาญ เจริญให้มาก ทำให้มาก
ให้มี “สติ” หรือ พิจารณาในที่ทุกสถาน ในกาล ทุกเมื่อ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำ คิด พูด ก็ให้ “มีสติ” รอบคอบในกายอยู่เสมอ จึงจะชื่อว่า ทำให้มาก
แบ่งส่วนแยกส่วน ออกเป็น ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม พิจารณาให้เห็นไปตามนั้น แต่อย่าละทิ้ง “หลักเดิม” ที่ตน “ได้รู้ครั้งแรก”
ให้พิจารณาก้าวเข้าไป ถอยออกมาเป็น อนุโลม ปฏิโลม
เข้าไปสงบในจิต แล้ว ถอยออกมาพิจารณากาย อย่าพิจารณากายอย่างเดียว หรือสงบที่จิตแต่อย่างเดียว
พิจารณาอย่างนี้ชำนาญแล้ว ทุกสิ่งรวมลงเป็นอันเดียว ญาณสัมปยุตต์ คือ “รู้” เกิด จึงชื่อว่า “ยถาภูตญาณทัสสนวิปัสสนา” คือ ทั้งเห็นทั้งรู้ตามความเป็นจริง
ขั้นนี้เป็นเบื้องต้น ในอันที่จะดำเนินต่อไป ไม่ใช่ที่สุด
"สังขาร" ความปรุงแต่ง อันเป็นความสมมติว่าโน่นเป็นของของเรา โน่นเป็นเรา เป็น "ความไม่เที่ยง" อาศัย "อุปาทาน" ความยึดถือ จึงเป็น "ทุกข์"
"อาการของจิต" ของขันธ์ ๕ ได้แก่ "รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ" ไปปรุงแต่งสำคัญมั่นหมาย ทุกภพ ทุกชาติ นับเป็น อเนกชาติเหลือประมาณ มาจนถึงปัจจุบันชาติ จึงทำให้ "จิตหลง" อยู่ตาม "สมมติ"
"ธรรมชาติทั้งหลาย มีวิญญาณหรือไม่ก็ตาม เขาหากมี หากเป็น เกิดขึ้นเสื่อมไป มีอยู่อย่างนั้นทีเดียว"
ความข้อนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงปฏิญาณพระองค์ว่า “เราไม่ได้ฟังมาแต่ใคร มิได้เรียนมาแต่ใคร" เพราะ "ของเหล่านี้ มีอยู่ มีมาแต่ก่อนพระองค์” ดังนี้
“สังขาร” เป็น “อาการของจิต” เปรียบเหมือน “พยับแดด” ส่วนสัตว์เขาก็อยู่ประจำโลกแต่ไหนแต่ไรมา “ฐีติภูตํ จิตตั้งอยู่เดิมไม่มีอาการ” เป็น “ผู้หลุดพ้น”
“สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา” “ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตน”
พิจารณาให้เห็นแจ้งประจักษ์ตามนี้จนทำให้ “จิตรวมพึ่บลงไป” เห็นจริงแจ้งชัดตามนั้น "จิตรวมทวนกระแส” แก้ “อนุสัยสมมติเป็นวิมุตติ” หรือ “รวมลงฐีติจิต” อันเป็นอยู่ มีอยู่อย่างนั้น จนแจ้งประจักษ์ในที่นั้นด้วย “ญาณสัมปยุตต์” ว่า “ขีณา ชาติ ญาณํ โหติ” ดังนี้
ในที่นี้ ไม่ใช่สมมติ ไม่ใช่ของแต่งเอาเดาเอา ไม่ใช่ของอันบุคคลพึงปรารถนาเอาได้ เป็นของที่เกิดเอง เป็นเองรู้เอง โดยส่วนเดียวเท่านั้น
“วิมฺตติธรรม” มิใช่สิ่งอันบุคคลจะ “พึงปรารถนา” เอาได้ คนผู้ “ปรารถนาวิมุตติธรรม” แต่ “ปฏิบัติไม่ถูกต้อง” หรือ “ไม่ปฏิบัติ” มัวเกียจคร้านจนวันตายจะ “ประสบวิมุตติธรรมไม่ได้เลย” ด้วยประการฉะนี้
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน
อาการของจิต 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳解答
"ตัวคอร์รัปชัน...มันอยู่ที่ไหน?
Friday, 31 October, 2014 - 00:00. ไทยโพสต์ออนไลส์
โดยเปลวสีเงิน
"เดือนตุลาคม" นี่...แฝงกลิ่นอายยังไงบอกไม่ถูก มันเป็นอาการรู้สึก-นึก-คิด "แปลกๆ" ซึ่งไม่ได้นึก-ไม่ได้คิด แต่มันก็เกิดขึ้นเอง และตอบกับตัวเองก็ไม่ได้ว่า "มันคืออะไร" จะเป็นสัญญาณดีก็ไม่ใช่ สัญญาณร้ายก็ไม่เชิง
และวันนี้ วันที่ ๓๑......
เป็นวันสิ้นสุดของเดือนตุลา!
แต่มันจะเป็นวัน "เริ่มต้น" ของอะไร "ด้านดีหรือด้านร้าย" และของใคร แหม......มันอึดอัด-ขัดอก ก็อยากจะยกออกอยู่หรอก
แต่ติดตรงว่า มันเป็นแค่ "อาการของจิต" ไม่มีตัวตนให้จับต้องได้ ฉะนั้น ก็อดใจรอดู "ความเป็นไป" ก็แล้วกันว่า
ช่วงเวลาต่อจากนี้ จะมีข่าวคราวหรือเหตุการณ์อะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ให้ตื่นเต้น-เร้าใจกันบ้างหรือไม่?
ก็ทั้งดีและร้ายนั่นแหละ!
หมู่นี้ ภาพ-ข่าว "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" เวียนเข้าชมตำหนักฮ่องเต้ในพระราชวังโบราณที่ปักกิ่งเผยแพร่ถี่ยิบเป็นรายวัน แอคชั่นบนยี่ภู่เหลืองบ้าง อธิษฐานขอพรบ้าง รวมทั้งไปดูหมี
ในขณะที่ทางเมืองไทย ประธาน สนช.ประกาศ "๑๒ พฤศจิกา นำคดีถอดถอนยิ่งลักษณ์เข้าสภา"
และมีการปล่อยข่าว ทักษิณเป็นนั่น-เป็นนี่บ้าง ทักษิณถูกทางการจีนรวบตัวบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้ว ทักษิณยังคงเป็นทักษิณที่คนไทยส่วนใหญ่สาปแช่ง ๓ เวลา ก่อนอาหาร-หลังอาหาร เหมือนเดิม!
อืมมม...หรือว่าช่วงนี้ สองศรีพี่น้องตกที่นั่ง "จำต้องขื่อคา" ตามตำราพรหมชาติซะก็ไม่รู้?
เพราะยังเป็นช่วง "ดาวพุธ" เสีย ฉะนั้น เรื่องราว-ข่าวสาร รวมทั้งการเจรจาความทั้งหลาย ฟังได้ แต่เชื่อไม่ได้
๓๐-๓๑ ตุลานี้ นายกฯ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" ไปเป็นแขกบ้าน-แขกเมือง "สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน อยู่ ณ กรุงพนมเปญ ท่านบอกก่อนเดินทางไปเข้าท่า....ไปคราวนี้
"เรื่องเก่าไม่เอามาพูดใหม่!"
คนใหม่-รัฐบาลใหม่ ก็ต้องพูดกันด้วยเรื่องใหม่ๆ ความรู้สึก-นึกคิดดีๆ ใหม่ๆ แสดงถึงตัวท่านช่ำชองเชิงมิตรภาพบนการเมืองระหว่างประเทศดีมาก
ชนิดที่ "ไอ้หัวเถิก-จมูกถอก" ชิดซ้ายไปไกลๆ เลย!
ในขณะที่พุธเสีย แต่ถ้าเกี่ยวกับการพูดจาสันถวไมตรี ไปพูดกันต่างถิ่น-ต่างแดน กลับมีผลดี "ได้มากกว่าเสีย" ชนิดตรงกันข้ามแฮะ
โดยเฉพาะเรื่องที่ "ไม่คิด-ไม่ฝัน-ไม่คาดหมาย" คือที่ตั้งใจจะพูดกัน กลับไม่ค่อยได้ผล แต่กับเรื่องที่ไม่ตั้งใจ ไม่ได้คาดหวัง กลับฟลุก "ได้ผลดี" เหนือคาดหมาย มันเป็นอย่างนั้นซะด้วย....
โดยเฉพาะด้านต่างประเทศ!?
เอาล่ะ...ไม่คุยดีกว่า เดี๋ยวจะว่าทำตัวเป็นโหน ไปแย่งหน้าที่โหรเจ๊ฟองสนานเธอ
ทั้งหมดนี้เพียงจะบอกว่า เมื่อเข้าพฤศจิกา เดือนที่ ๖ ของการเข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศของพลเอกประยุทธ์
ถ้าการ "ปราบคอร์รัปชัน" ในวงราชการและการเมือง ไม่มีอะไรปรากฏเป็นรูปธรรม.....
ขณะเดียวกัน.....
คาบิเนต ของท่าน "บางคน...บางนายพล" เป็นเงาดำทะมึนทาบหลัง การปราบเดินหน้าไม่ได้ ซ้ำส่ออาการ "ถอยหลัง" แทนที่จะปราบ กลับปกป้องตัวงาบ
ระวัง....พ.พ.พ.พ. จะเกิดกับท่าน!
วันก่อน ผมแอบพอใจที่เห็น "พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา" รมว.ยุติธรรม ผลักดันให้คนนอกสายตำรวจ "นางสุวณา สุวรรณจูฑะ" จากรองปลัดยุติธรรม ขึ้นเป็นอธิบดี DSI
รัฐบาล คสช.ประกาศเป็นสัญญาประชาชาติ "จะล้างคอร์รัปชัน" แรกๆ เห็นขึงขัง ขยับคนหน่วยนั้น ดันคนหน่วยนี้
ก็ครึ่งๆ กลางๆ แล้วคาไว้ สรุปว่า ถึงวันนี้ นอกจาก ป.ป.ช.อันมีอยู่เดิม ภายใต้นโยบายหลัก "ปราบคอร์รัปชัน"
ไม่มีหน่วยงาน-องค์กร-ตัวบุคคลใดๆ ที่นายกฯ ประยุทธ์หยิบขึ้นมาใช้ หรือเป่าตูดให้มีชีวิต-ชีวาขึ้นมาทำหน้าที่ "ไอ้เสือเอาวา" ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่า "เอาจริง" เลย
แค่ ป.ป.ช.ก็ไม่ต่าง "กองขยะแพรกษา"!
เรื่องทั้งประเทศก็มาโยน "กองสุม" เป็นภูเขาคดีค้างปี-ค้างชาติอยู่ที่นี่ เป็นหมื่น-เป็นแสนคดี ชื่อก็บอก "ปราบทุจริตในวงราชการ" ดังนั้น ผู้ถูกร้องมิใช่แค่ข้าราชการการเมือง ยังมีข้าราชการประจำรวมอยู่ด้วย
แต่ "จนเกษียณ" ก็ยังไม่ชี้มูล!
ข้าราชการถูก ป.ป.ช.สอบ มีผลต่ออนาคต-ประวัติชีวิต-วงศ์ตระกูลขนาดไหน ทุกคนย่อมรู้ เมื่อพิจารณาช้า ดองไว้เป็นสิบๆ ปี สำหรับคนผิดก็แล้วไป
แต่กับคนที่ไม่ผิดล่ะ "ฆ่าเขาตายทั้งเป็น" มันยุติธรรมกับเขามั้ย?
นั่นคือ ถ้าจะเอาจริงเรื่องปราบคอร์รัปชัน ป.ป.ช.หน่วยเดียว หรือด้วยกำลังเจ้าหน้าที่เท่าที่มีขณะนี้
"ผลเสียมากกว่าผลดี"!
จะว่าเขาดองคดีก็ไม่ได้ เพราะคดีเช่นนี้มันไม่ง่าย และจะทำแบบสุกเอา-เผากินก็ไม่ได้
อย่างสดๆ ร้อนๆ นายกฯ บอก ข้าวจำนำยิ่งลักษณ์ ๑๘ ล้าน เสีย ๗๐% ดีแค่ ๑๐% หายอีกแสนกว่าตัน ให้ ป.ป.ช.รับหน้าที่สะสาง
สะสางได้ แต่เป็นคดีที่ ๑๑๑,๑๑๑ นะ.....
ถ้าไม่ตายกันก่อน ทั้งผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้ จะยิ่งใหญ่กว่า "สาว ๒,๐๐๐ ปี" อย่างอาภัสรา!?
DSI นี่เป็นหน่วยหนึ่ง สามารถช่วยด้านปราบปรามคอร์รัปชันได้ เมื่อนำคนในยุติธรรมมาตั้งเป็นอธิบดีแทนตำรวจ ผมจึงแอบพอใจ
เพราะเมื่อ "แยกหัว-แยกหาง" คือแยก DSI ออกจากการครอบงำ-ครอบอำนาจจากตำรวจ อย่างน้อยก็จะ "คานอำนาจ" กันได้บ้าง
ที่ผ่านมา DSI กลายเป็น "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สาขา ๒" เพราะทั้งหัว-ทั้งตัว-ทั้งหาง ร้อยละเกือบร้อย โอนมาจากตำรวจ
สรุปแล้ว คนเขาด่า "ตำรวจโจร"
DSI ก็พลอยโจรไปด้วย!
เมื่อเปลี่ยนหัวใหม่ เอาหัวจากคนในของยุติธรรมมาเป็นเองเช่นนี้ อย่างน้อยก็ทำให้ "ส่วนหาง" ซึ่งเป็นตำรวจ
จากที่ "คิดอย่างตำรวจ-ทำอย่างตำรวจ-รวยไร้ร่องรอยอย่างตำรวจ"
ตอนนี้ เมื่อส่วนหัวมาใหม่ ซึ่งไม่ใช่ตำรวจ ไม่ใช่สมุนการเมือง หากแต่เป็น "ข้าราชการอาชีพ" ในสายงาน ก็ไม่หวังว่าจะดีขึ้นทันใด
แต่งานในภาพ DSI ไม่น่าจะเลวลง!
จะดีขึ้นได้แน่....ถ้านายกฯ ประยุทธ์ และรัฐมนตรีไพบูลย์ ใช้ความจริงใจเป็นที่ตั้ง ด้วยหวังล้างคอร์รัปชัน
มอบหมายและเป็นแบ็กให้ "อธิบดีสุวณา" ในภารกิจนี้ ด้วยอำนาจหน้าที่ DSI ฟันกระบาลไอ้ตัวโกง-กินที่เป็นคดีคาอยู่ให้เห็นสักราย-สองราย
ชาวบ้านก็...ไชโยแล้ว!
เอาคดีที่ดินธาริต ๔๐๐ กว่าไร่ซะก่อนเป็นไง ขั้นแรกไม่ต้องทำอะไรมาก ไปตรวจสอบว่า เมื่อปี ๒๕๔๔ ธาริตประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรืออาชีพข้าราชการกันแน่?
อยากรู้น่ะว่า...ถ้าให้การเท็จต่อทางราชการ เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินนั้น มันผิดกฎหมายมั้ย และถ้าผิด มีโทษถึงคุก-ถึงตะรางมั้ย?
ผมอ่านประวัติคร่าวๆ แล้ว ท่านอธิบดีหญิงดูจะชำนาญด้านบัญชี จะทันพวกเขี้ยวงาที่ฝังรากอยู่ใน DSI หรือไม่ ก็หวั่นๆ แทนอยู่เหมือนกัน
ท่านรัฐมนตรีไพบูลย์ น่าจะให้ "พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ" อดีตรองอธิบดี DSI ที่เป็นรองปลัดยุติธรรมอยู่ตอนนี้มาเสริมเขี้ยวอีกซักคน
พ.ต.อ.ดุษฎีนั้น เดิมเป็น ๓ ทหารเสือทักษิณ "ทวี-ดุษฎี-สุชาติ" ก็จริง แต่เพราะไม่สนองอำนาจ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ นอกจากไม่โปรดแล้ว ยังโกรธอีกตะหาก เตะจาก DSI ไปเป็นเลขาฯ ป.ป.ท.
ป.ป.ท.คือ "สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ" เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมนั่นแหละ
ขึ้นชื่อว่าทอง อยู่ที่ไหนก็ทำให้ที่นั่นให้เป็นทองไปด้วย!
พ.ต.อ.ดุษฎีมาอยู่ที่นี่ ก็เลยปราบทุจริตในภาครัฐว่าด้วยการ "โกงภาษี-โกงงบประมาณ-โกงทรัพยากรธรรมชาติ" ซะข้าราชการระบอบทักษิณร้อง
"นี่...ย้ายเสือมาปราบจระเข้" หรือยังไง?
รัฐบาลคนสวยเลยปูนบำเหน็จด้วยการจับไปดองไว้ในตำแหน่ง "รองปลัดยุติธรรม" ปราบยุงซะเกลี้ยงกระทรวงถึงตอนนี้เลย!
ขอบอกพลเอกประยุทธ์ว่า......
ในขณะที่ท่านจะปราบคอร์รัปชัน ข้าราชการส่วนหนึ่ง และทหารระดับปฏิบัติการส่วนหนึ่ง ก็สนอง ทำงานกันเต็มที่ โดยเพราะเรื่องบุกรุกที่ดินรัฐ
แต่ท่านทราบมั้ย "มีอำนาจเหนือ" ที่ถนนทุกสายขณะนี้วิ่งเข้าหา ไปสั่งระงับ-ยับยั้งการทำหน้าที่จริงจังของเจ้าหน้าที่?
ก็บอกไว้แค่นี้ก่อน เพราะรักท่านหรอก แต่รักท่าน ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมต้องรักพี่-รักเพื่อนท่านด้วย
ฉะนั้น จะปราบคอร์รัปชันก่อน หรือจะปราบตัวสนับสนุนคอร์รัปชันก่อน ควรมิควร แล้วแต่ท่านจะกรุณาต่อประชาชนและประเทศชาติเถอะครับ.