雖然這篇องค์ประกอบ鄉民發文沒有被收入到精華區:在องค์ประกอบ這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 องค์ประกอบ產品中有63篇Facebook貼文,粉絲數超過178萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Facebook貼文中提到, สรุปประเด็นจากห้อง Clubhouse ทำไมเงินถึงไหลเข้ากองทุน ESG ถึง 1,000,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ? Clubhouse BBLAM x ลงทุนแมน ถ้าพูดถึง Theme การลงทุนพล...
同時也有7部Youtube影片,追蹤數超過1萬的網紅PYONG : Traveller X Doctor,也在其Youtube影片中提到,สวัสดีครับ ผมเปียง ในช่วงเวลาที่ผ่านมา การเดินทางไปพักในโรงแรมใด ๆ มักจะนำมาซึ่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่มีความคล้ายกัน แต่ที่ไม่ซ้ำกัน สำหรับสถานที่ที่ผมก...
「องค์ประกอบ」的推薦目錄
- 關於องค์ประกอบ 在 Momybowy Instagram 的最佳貼文
- 關於องค์ประกอบ 在 GamingDose Instagram 的最讚貼文
- 關於องค์ประกอบ 在 อ. Gundam Instagram 的精選貼文
- 關於องค์ประกอบ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於องค์ประกอบ 在 BorntoDev Facebook 的最佳解答
- 關於องค์ประกอบ 在 Momybowy Beauty Facebook 的最佳貼文
- 關於องค์ประกอบ 在 PYONG : Traveller X Doctor Youtube 的最佳解答
- 關於องค์ประกอบ 在 เสกสรร ปั้น Youtube Youtube 的最讚貼文
- 關於องค์ประกอบ 在 PYONG : Traveller X Doctor Youtube 的最佳貼文
องค์ประกอบ 在 Momybowy Instagram 的最佳貼文
2021-09-24 13:12:43
คืนนี้โบว์หยิบมาส์กตัวใหม่มาลองใช้ค่า ชื่อว่า Hydro Whitening Lavender Jelly Mask มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเรียบเนียน ชุ่มชื้นและต่อต้านริ้วรอย สำหรับส่วน...
องค์ประกอบ 在 GamingDose Instagram 的最讚貼文
2021-06-15 05:26:51
ระหว่างการถ่ายทอดสดรายการ Xbox & Bethesda Games Showcase ทางทีมงาน Xbox และ Obsidian Entertainment ได้สร้างเซอร์ไพรส์เกมเมอร์หลายคน ด้วยการเปิดตัว The...
องค์ประกอบ 在 อ. Gundam Instagram 的精選貼文
2020-07-02 21:45:51
#โฟกัสสิ่งนี้_จะทำให้ลดน้ำหนัก_ลดไขมันได้ผลมากขึ้น (ตอน2) ตอนที่แล้วเราพูดกันไป2อันดับนะครับ มาดูความสำคัญลำดับถัดไปกันครับ 🔴อันดับที่ 3 Nutrition t...
-
องค์ประกอบ 在 PYONG : Traveller X Doctor Youtube 的最佳解答
2021-02-23 22:23:40สวัสดีครับ ผมเปียง ในช่วงเวลาที่ผ่านมา การเดินทางไปพักในโรงแรมใด ๆ มักจะนำมาซึ่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่มีความคล้ายกัน แต่ที่ไม่ซ้ำกัน สำหรับสถานที่ที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังครั้งนี้ ค่อนข้างแตกต่างจากครั้งไหน ๆ เพราะที่นี่สร้างทั้งความรู้สึกผ่อนคลาย สงบ อร่อย สดชื่น และเหนื่อยจากการออกกำลังกายไปด้วยพร้อม ๆ กัน เมื่อโรงแรมไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนที่นอน แต่ยังเป็นสถานที่สำหรับชาร์จพลังงานดี ๆ กับตัวเอง ฟื้นฟูพลังกายและใจให้กลับมาเต็มหลอดในช่วงวันหยุดสั้น ๆ THANN Wellness Destination สร้างประสบการณ์แบบใหม่ที่ฉีกภาพเดิม ๆ ของโรงแรม ด้วยสถานที่พักผ่อนรูปแบบพิเศษ ที่ผมอยากชวนทุกคนไปชมกันครับ
จาก Luxury day spa สู่ Luxury spa destination
THANN แบรนด์สปาไทยชื่อดังระดับ global ที่ได้รับเลือกให้เป็น amenities ของสายการบินและโรงแรมระดับ 5 ดาวต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงโรงแรมในเครือ Marriott ขณะนี้รวมระยะเวลากว่า 19 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2002 ที่ THANN ก้าวเข้ามาอยู่ในธุรกิจนี้ จนโด่งดังในระดับโลกเช่นนี้ ความน่าสนใจของแบรนด์คือการสร้าง customer journey แบบใหม่ ด้วยการทุ่มงบประมาณมหาศาลในการทำธุรกิจโรงแรมแห่งแรกของแบรนด์ มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ wellness ภายใต้การบริการและผลิตภัณฑ์ที่ curate มาอย่างดีสำหรับทุกคน
ความน่าสนใจคือโดยปกติแล้ว หากเราจะไปพักที่โรงแรมที่ไหนสักแห่ง เราจะนึกถึงการพักผ่อนและสถานที่เที่ยวรอบ ๆ เป็นหลัก แต่ต่างจากที่นี่ที่ตั้งใจให้คนที่จะมาพักผ่อน "อยู่แค่ในโรงแรมก็เพียงพอ" ด้วยกิจกรรม wellness หลากหลายจนสามารถทำได้ทุกอย่างไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เช็คอินยันเช็คเอาท์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ปรารถนาที่จะฟื้นฟูสุขภาพกาย อารมณ์ รวมทั้งจิตใจ แบบองค์รวมด้วย 6 องค์ประกอบ ตั้งแต่ สถานที่ที่สะดวกสบาย ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ อาหารที่อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ การออกกำลังกายที่เหมาะสม การนวดเพื่อความผ่อนคลาย รวมถึงศิลปะความงามอันจรรโลงใจ
โดดเด่นด้วยการออกแบบอาคารและตกแต่งแบบ Thai Contemporary ที่หยิบจับเรื่องราวต่าง ๆ ของแบรนด์ และหลักคติคำสอนทางพระพุทธศาสนามาเป็นตัวเล่าเรื่องโดยรวม คู่เคียงไปกับพื้นที่สีเขียว ไร่นา และแม่น้ำน้อย อยุธยา สร้างเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครในเวิ้งพื้นที่กว้างสุดลูกหูลูกตาในอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สถาปัตยกรรมผสมผสาน ตัดกันแบบแรง ๆ ด้วยความเป็นไทยและตะวันตก เสริมด้วยแนวคิดแบบ futuristic ที่อยู่ด้วยกันได้แบบลงตัวในโรงแรมแห่งนี้ครับ ถือว่าให้ความตื่นตาตื่นใจได้มากกับ Tree House ที่หน้าตาเหมือนยานอวกาศ บ่อน้ำร้อนแบบ unisex กับหน้าต่างทรงกลมสมมาตร รายล้อมด้วยวัสดุธรรมชาติ เจดีย์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะยุคสุโขทัยและอยุธยาที่ผุดขึ้นมาจากกลางน้ำ หรือ สระว่ายน้ำกลางแจ้งในวิว infinity edge pool ของแม่น้ำ ภายใต้หลังคาทรงโค้งปกคลุมด้วยเถาไม้เลื้อย แต่ละองค์ประกอบมีความโดดเด่นและน่าค้นหามาก ๆ สำหรับสถานที่แห่งนี้ครับ
ร้อยเรียงเรื่องราวผ่านแง่มุมต่าง ๆ ในโรงแรม พร้อมกับกิจกรรม wellness ต่าง ๆ ที่ยกทัพมาเติมเต็มวันหยุดเพื่อเติมพลังให้เราแบบไม่เหมือนที่ไหน เราลองเข้าไปชมข้างในกันครับ
เปียง
#STAYCATIONINGWITHPYONG
#PYONGDOCTOR
#THANNWELLNESSDESTINATION
Director - Kantaphong Thongrong
Video Creator - Marut Nonya
FACEBOOK - PYONG Traveller X Doctor
INSTAGRAM - pycaptain -
องค์ประกอบ 在 เสกสรร ปั้น Youtube Youtube 的最讚貼文
2020-08-27 17:00:12https://sekyoutube.com/how-to-design-youtube-thumbnail/ ออกแบบปกคลิปยังไง ให้คนอยากคลิกดู มีโอกาสได้วิวเพิ่มมากขึ้น
หลักการออกแบบหน้าปกวิดีโอ คือ เข้าใจ + อ่านออก + จำได้
จะมี 3 องค์ประกอบ
1. รูปภาพประกอบ สอดคล้องกับเนื้อหาในวิดีโอ
2. ข้อความ คัดเลือกเฉพาะคำหลัก และมีขนาดใหญ่
3. รูปตัวเรา เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์เพื่อให้คนจำช่องยูทูปของเราได้
ถ้าต้องการออกแบบหน้าปกสวยๆ สามารถเข้าไปติดตามได้ที่ช่องของน้องเซฟครับ
https://youtube.com/channel/UChDXtYexyuN7QtDjZ8RWGPQ
สมัครสมาชิกเสกสรร ปั้น Youtube
ไลฟ์สดตอบปัญหาการสร้างรายได้ พร้อมวิเคราะห์ช่องยูทูปของแต่ละคน
https://sekbuddy.com/my-youtube-membership/
===========================================
Ebook คู่มือยูทูปเบอร์
https://sekyoutube.com/ebook-youtuber/
เสกสรร ปั้น Youtube
ครูสอนทำการตลาดออนไลน์ด้วยวีดีโอ
? ไม่พลาดคลิปความรู้ดีๆ กดติดตามได้เลยเด้อ
http://www.youtube.com/smileprovideo?sub_confirmation=1
✅ ถามตอบปัญหาเกี่ยวกับวีดีโอ
https://know.sekyoutube.com/
? ฟัง Podcast
https://sekyoutube.podbean.com/
ประวัติเสกสรร ปั้น Youtube
https://sekyoutube.com/ทำความรู้จัก/
=========================================== -
องค์ประกอบ 在 PYONG : Traveller X Doctor Youtube 的最佳貼文
2019-12-19 19:00:02WONDERFRUIT EXPERIECE 2019
เสพศิลป์ อินกับเสียงเพลง เปิดใจรับสิ่งใหม่ และใส่ใจโลกอย่างยั่งยืน
สวัสดีครับ ผมเปียง ครั้งนี้ผมอยากพาทุกท่านไปสัมผัสประสบการณ์งานเทศกาลไลฟ์สไตล์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยอย่าง Wonderfruit กับผมพร้อมๆกันครับ Wonderfruit ผลไม้ไทยอันทรงพลัง เรียกได้ว่าเฟสติวัลระดับโลกก็ว่าได้ครับ จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 6 แล้ว พร้อมกับความนิยมและคำชมที่มากขึ้นเรื่อยๆทุกๆปี ผมร่วมงานนี้เป็นปีที่ 2 ครับ สำหรับปี 2019 นี้ main concept คือ เป็นการเฉลิมฉลองเรื่องของการผลักดันและพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนบนแนวทางสร้างสรรค์ (sustainable environmental development) เพื่อเชื่อมต่อชุมชนทั่วโลกเข้าหากัน โดยแฝงเข้าไว้ในการจัดเทศกาลต่อเนื่องตลอด 4 วัน 4 คืน เปิดโอกาสให้คนจากทั่วโลกมาสัมผัสประสบการณ์ร่วมกัน จะเรียกว่าเทศกาลดนตรีก็ไม่ถูกนัก เพราะภายในงานมีหลาย dimention ที่ควบรวมเข้าไว้ด้วยกัน ผู้จัดงานให้คำจำกัดความไว้ว่า มันคือ “Lifestyle Festival” วันเดอร์ฟรุตจึงเป็น platform ใหญ่ในการจุดประกายความสร้างสรรค์ใหม่ที่ส่งผลดีต่อสังคมโลกให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น
องค์ประกอบ 6 อย่างภายในงาน ที่ผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกจะได้สัมผัส ได้แก่ Arts, Music, Farm to feasts, Wellness & Adventures, Talks and Workshops และ Family พื้นที่จัดงานโดยรวมที่ The Field at Siam Country Club Pattaya ถือว่ามีอาณาบริเวณที่กว้างขวาง มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ สอดคล้องการทำงานของวันเดอร์ฟรุตในเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเซทบรรยากาศของพื้นที่เป็น tropical forestใช้ไม้ไผ่เป็นโครงสร้างหลักในการทำซุ้มและเวที มีต้นมะพร้าวสลับคั่นด้วยทะเลสาบขนาดย่อม ในเวลาพระอาทิตย์ตกของทุกวันสามารถชมวิวได้อย่างสวยงาม
ภายในงานได้ติดตั้ง art installation ไว้หลายจุดด้วยฝีมือของศิลปินนักสร้างสรรค์หลายท่าน รวมไปถึงการแสดงของศิลปินหลากหลายโชว์ตลอด 4 วันที่ผู้เข้าร่วมงานเข้าใจและเข้าถึงได้ง่าย สามารถร่วมกิจกรรม workshop ได้ตลอดทั้งวัน ความเป็นศิลปะที่หลากหลายนี้ก็สามารถเพิ่มบรรยากาศของงานให้ดูน่าประทับใจไม่น้อย
ความน่าสนใจอีกอย่างของวันเดอร์ฟรุตคือ การเปิดพื้นที่ที่สามารถแชร์เรื่องราวของการสร้างแรงบันดาลใจของผู้นำทางความคิดจากทั่วมุมโลก โดยปีนี้ ใช้ธีมว่า Live , Love and Wonder สำหรับคนที่อยากจะหาโอกาสในการปรับสมดุลทาง physical & mental นั้น วันเดอร์ฟรุตก็จัดพื้นที่ wellness & adventures ให้ โดยในปีนี้มีทั้งโยคะ การฝึกร่างกายด้วยเสียง และมีการนำกิจกรรมที่แฝงด้วยภูมิปัญญาของไทยเข้ามาร่วมด้วย โซนอาหารปีนี้ วันเดอร์ฟรุตก็ยังใส่ใจอย่างมากไม่แพ้กว่าปีก่อนๆ โดยยังคงนำสตรีทฟู้ดและอาหารนานาชาติเข้ามาจำหน่ายในโซน Farm to Feasts ถึง 3 โซน และได้เชิญเชฟชื่อดังจากร้านอาหารหลายที่เข้ามาปรุงเมนูเด็ดๆต้อนรับผู้เข้าร่วมงานด้วย แนวคิดน่ารักที่น่าชื่นชมสุดๆของงานนี้คือ "No Single Use Cups" นั่นก็คือ แนวทางที่ผู้จัดงานได้สานต่อมาอย่างต่อเนื่องแต่ครั้งแรกของการจัดงาน โดยงดมิให้นำเข้าพลาสติกมายังบริเวณงาน เพื่อสานต่อไอเดียเรื่องของการลดการใช้พลาสติกเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วทิ้งหรือแม้กระทั่งการสร้างภาระให้โลกด้วยการใช้ถุงพลาสติกโดยไร้วิธีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ วันเดอร์ฟรุตจึงร่วมมือกับหลายองค์กรในปีนี้ เพื่อให้พื้นที่สร้างสรรค์นี้เห็นเป็นรูปธรรมต่อเนื่องมากขึ้น โดยจะเห็นว่ามีการจัดจำหน่ายแก้วน้ำ ที่ทำจากเหล็ก ใช้ดื่ม ใช้กิน ล้างได้ และนำไปใช้ต่อได้ ตลอดจน จานชาม ช้อนส้อม ขวดน้ำที่ทำจากชานอ้อยที่ย่อยสลายง่าย หากไม่ได้ต้องการซื้อแก้วที่งาน ก็สามารถนำแก้วส่วนตัวพกมาจากบ้านได้เช่นกัน
สำหรับผมในฐานะผู้ร่วมงานคนหนึ่ง ผมชอบบรรยากาศโดยรวมของที่นี่มากๆครับ มันเป็นความกลมกล่อมที่หลอมรวมกันอยู่ในที่แห่งนี้ สนุก สดใส มีพลัง และกระปรี้กระเปร่า มันไม่ใช่งานที่คนแต่งตัวมาสู้กัน แต่มันเป็นงานเรามีโอกาสได้ express ความเป็นตัวเองได้มากขึ้น และสามารถเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เพื่อค้นหาความเป็นตัวเองในทางอื่นๆ คุณจะสัมผัสได้ถึงพลังบวกที่ลอยมาในอากาศ คุณสามารถเลือกทำกิจกรรมที่ตัวเองคิดว่าเหมาะมากที่สุด โดยไม่ต้องสนใจความคิดเห็นคนอื่นว่าใครจะว่าคุณ คุณจะเล่นโยคะ ฟังนิทาน พายเรือ เล่นน้ำ ถ่ายภาพ นอนเฉยๆในกระโจมไม้ไผ่ หรือ คุณจะ stage hopping ไปเรื่อยๆ ย่อมแล้วแต่ที่คุณชอบ สมกับคำว่า “Lifestyle Festival” อย่างแท้จริง และหากมีโอกาสคงได้กลับไปเยือนในปีหน้าๆอีกอย่างแน่นอนครับ
ผมเล่าข้อมูลที่รวบรวมมากับทุกคนจบแล้ว หลังจากนี้ลองไปไปชมคลิปวิดีโอสั้นๆที่สรุปทุกเรื่องราวใน Wonderfruit 2019 ไปด้วยกันครับ
เปียง
#WONDERFRUIT2019 #WONDERFRUITFESTIVAL
#PYONGDOCTOR
For More Information - https://wonderfruit.co
Director - Kantaphong Thongrong
Assistant Content Creator - Pratchawin Sara
Video Team - Bhumipat Tippayaamnat, Chanakan Pranakorn
FACEBOOK - PYONG Traveller X Doctor
INSTAGRAM - pycaptain
YOUTUBE CHANNEL - PYONG : Traveller X Doctor
WEBSITE - www.pyongtravellerxdoctor.com
องค์ประกอบ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
สรุปประเด็นจากห้อง Clubhouse
ทำไมเงินถึงไหลเข้ากองทุน ESG ถึง 1,000,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ?
Clubhouse BBLAM x ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึง Theme การลงทุนพลังงานสะอาด หลายคนก็มักจะติดภาพความน่าเบื่อ และไม่ตื่นเต้น
แต่หลังจากที่ ลงทุนแมน ได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์คือ คุณมทินา วัชรวราทร CFA®, Head of Investment Strategy กองทุนบัวหลวง ในวันพุธที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา
ก็พบว่า Theme พลังงานสะอาด ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่หลายคนคิด นอกจากนั้นยังเป็น Theme ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงรอบใหญ่ของโลก และยังเกี่ยวโยงกับหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตในอนาคต อีกด้วย
ความน่าสนใจของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะมาสรุปให้ฟังง่าย ๆ 9 ข้อ..
1. ทำไมกระแส ESG จึงกลายเป็นที่พูดถึงในตอนนี้ ?
พลังงานสะอาดคือ เทรนด์การลงทุนที่สำคัญมากในอนาคต และไม่ใช่แค่เทรนด์ระยะสั้น
สังเกตได้จากเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน ESG ทั่วโลกแตะ 1,000,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ อ่านว่า “1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ” เป็นครั้งแรก
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในยุโรป และการลงทุนใน ESG ยังให้ผลตอบแทนที่ดีด้วย จึงเป็นหลักของการลงทุนที่เรียกว่า Green and Great Return
ถ้าเราลองมาดูผลตอบแทนของ กองทุน Pictet Global Environmental กองทุนรวมที่ลงทุนในธุรกิจที่ดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกองทุนหนึ่งที่ B-SIP เข้าไปลงทุน ก็ให้ผลตอบแทนดีในหลายไตรมาส
และหากลงทุนตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนในปี 2014 ก็จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 14.92% ถือว่าทำได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับการลงทุนในดัชนีโลกที่มีทั้ง ESG และไม่มี ESG ที่ให้ผลตอบแทนเพียง 10%
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การลงทุนกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจที่ดูแลสิ่งแวดล้อมให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
ก็เป็นเพราะว่าบริษัทที่ยึดหลัก ESG จะมีคุณภาพทั้งด้านรายได้ กำไร และผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น ดีกว่า บริษัททั่ว ๆ ไป
ทำให้สามารถกำหนดราคาสูงขึ้นได้ ดึงดูดคนที่มีความสามารถเข้ามาร่วมงานได้ง่าย รวมทั้งยังมีโอกาสด้านต้นทุนการกู้ยืมที่ถูกกว่า เสียดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า และธนาคารปล่อยสินเชื่อง่ายกว่าอีกด้วย
2. ทำไม พลังงานสะอาด จะเป็นการเปลี่ยนแปลงรอบใหญ่ของโลก ?
สิ่งที่ทำให้ กองทุนบัวหลวงมองว่า พลังงานสะอาดจะไม่ใช่เทรนด์ระยะสั้น
ก็คือการสังเกตคลื่นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ผ่านมาแล้ว 5 คลื่นด้วยกัน นั่นคือ
- คลื่นที่ 1 คือ การปฏิวัติอุตสาหกรรม
- คลื่นที่ 2 คือ การเริ่มใช้พลังงานไอน้ำ
- คลื่นที่ 3 คือ การใช้รถยนต์แทนม้า
- คลื่นที่ 4 คือ การเดินทางโดยเครื่องบิน
- คลื่นที่ 5 คือ โลกออนไลน์ เช่น Microsoft, Facebook, Amazon, Netflix
สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่กินระยะเวลายาวนานหลายสิบปี และนำมาซึ่งกิจการขนาดใหญ่ที่มีความมั่งคั่งมากขึ้น
แต่ในโลกอีก 25 ปีข้างหน้า สิ่งที่จะกลายเป็นประเด็นสำคัญ และทั่วทั้งโลกกำลังเผชิญเหมือนกันอยู่ก็คือ “ภาวะโลกร้อน”
เพราะฉะนั้น คลื่นที่ 6 ก็คือ “เทคโนโลยีพลังงานสะอาด” ซึ่งจะเป็นหนึ่งเทรนด์ต่อจากนี้ไปอีก 25 ปี พร้อม ๆ กับ Robotics, Drones, AI, IoT สิ่งนี้เองที่จะเป็นแนวทางให้เราได้ว่า โลกในอนาคตจะเป็นไปในทิศทางไหน แล้วเราควรจะลงทุนอะไรต่อไป
3. สัญญาณสำคัญที่ชี้ว่า โลกกำลังอยู่ในช่วงต้น คลื่นที่ 6 พลังงานสะอาด คืออะไร ?
กองทุนบัวหลวงมองว่า Megatrends จะต้องมี 3 องค์ประกอบ คือ
1. ความร่วมมือระดับโลก
2. การเห็นด้วยจากรัฐบาล
3. ความร่วมมือภาคเอกชน
เมื่อครบทั้ง 3 องค์ประกอบนี้ เงินลงทุนก็จะหลั่งไหลมายังเทรนด์นั้น ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งเทรนด์ ESG ตอนนี้มีครบทั้ง 3 องค์ประกอบเรียบร้อยแล้ว
เริ่มต้นด้วยความร่วมมือระดับโลกคือ ข้อตกลง Paris Agreement จาก UN
ที่ต้องการให้ประเทศต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อน
ต่อมาคือ การขานรับนโยบาย จากรัฐบาลของประเทศมหาอำนาจ
เราได้เห็นประเทศต่าง ๆ ในยุโรปมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น
- European Green Deal เพื่อที่จะลดการปล่อยคาร์บอนให้เหลือศูนย์ ภายในปี 2050
- European Climate Law กฎหมายที่พูดถึงการลดการปล่อยมลพิษลงอย่างน้อย 55% ภายในปี 2030
นอกจากนี้มหาอำนาจอย่าง “สหรัฐอเมริกา” ก็ได้จัดตั้งแผนงบประมาณด้านสิ่งแวดล้อม เช่น
- แผนที่ 1 วงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการผลิตรถยนต์ EV และแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน
- แผนที่ 2 วงเงิน 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสีเขียว ซึ่งภายในปี 2035 สหรัฐอเมริกาตั้งเป้าจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 40% ของพลังงานทั้งหมด
ขณะเดียวกัน มหาอำนาจซีกโลกตะวันออกอย่าง “จีน” ที่แม้จะยังคงใช้พลังงานถ่านหินเป็นหลัก แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าจะมีสัดส่วนพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2035 เป็นต้นไป
โดยล่าสุดประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังกำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อม ไว้ในแผนการพัฒนาประเทศฉบับที่ 14 ซึ่งจะลดการปล่อยคาร์บอนต่อสัดส่วนของ GDP ลง 65% และจะเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน 25% ภายในปี 2030 อีกด้วย
หรือประเด็นรถยนต์ไฟฟ้า แม้ในปี 2020 ยุโรปขายรถยนต์ EV ไปแล้ว 1.3 ล้านคน ขณะที่จีนขายรถยนต์ EV ไปแล้ว 1.2 ล้านคัน แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าจีนจะสามารถแซงหน้าและกินส่วนแบ่ง 20% จากตลาดรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2025 ได้ไม่ยากเลย
4. แล้วภาครัฐและภาคเอกชน เชื่อมั่นใน Megatrends เรื่องพลังงานสะอาด แค่ไหน ?
ผลสำรวจของ UBS หรือธนาคารเพื่อการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์
ที่ได้สอบถามองค์กรต่าง ๆ ว่าอยากลงทุนใน Theme อะไรเป็นอันดับหนึ่ง
ปรากฏว่า 2 ใน 3 ตอบว่า จะลงทุนในพลังงานสะอาด เพราะเป็นปัญหาที่โลกเราต้องแก้ไข และยังให้ผลตอบแทนที่ดีด้วย
ซึ่งหากลงทุนในด้านพลังงานทดแทนเป็นระยะเวลา 5 ปี เมื่อเทียบกับการลงทุนในพลังงานแบบเก่า
จะเห็นว่า ผลตอบแทนแตกต่างกันค่อนข้างมาก จุดนี้เองที่บอกว่ามันคือ Green and Great Return
นอกจากนี้กองทุนใหญ่ ๆ ก็ประกาศเข้ามาลงทุนในเรื่องพลังงานสะอาดเช่นกัน
เช่น Cathie Wood ผู้จัดการกองทุน ETF ARK
ประกาศว่าจะทำกองทุน ETF ใหม่ ที่ใช้ ESG Score ทั้งสามด้าน
คือ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
โดยจะไม่ลงทุนในบริษัทที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือไม่ส่งผลดีต่อสังคม
ขณะเดียวกัน กองทุนมหาวิทยาลัย Harvard ที่มีขนาด 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ประกาศหยุดการลงทุนในบริษัทที่ผลิตพลังงานฟอสซิลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รวมทั้งบริษัทผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Saudi Aramco ก็ประกาศลงทุนในพลังงานสะอาด
โดยลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในซาอุดีอาระเบีย
นอกจากนี้ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ยังวางเป้าหมายประเทศว่าจะใช้พลังงานสะอาดให้ได้ 50% ภายในปี 2030 และจะไม่ได้ลงทุนแค่พลังงานลมและแสงอาทิตย์ แต่ยังลงทุนในพลังงานไฮโดรเจน อีกด้วย
5. แล้วอะไรคือ ความเสี่ยงของเทรนด์ ESG และพลังงานสะอาด ?
ความเสี่ยงของ ESG พลังงานสะอาดอย่างแรกคือ กองทุนที่เสนอขายเป็น ESG จริงหรือไม่ แล้วมีมาตรฐานขอบเขตการลงทุนด้านพลังงานสะอาดที่ชัดเจนจริง ๆ หรือไม่
ความเสี่ยงที่สองคือ ต้องระวังว่าบริษัทที่เกี่ยวกับพลังงานสีเขียวนี้ มีราคาแพงไปแล้วหรือยัง มีฟองสบู่ที่เรียกว่า Green Bubble จากเม็ดเงินที่เข้าไปลงทุน 1.65 แสนล้านในปี 2019 และอีกกว่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 อยู่หรือไม่
ดังนั้น วิธีการลงทุนที่สำคัญ คือ การเลือกกองทุนที่ใส่ใจเรื่อง Valuation และใช้เรื่องมูลค่ามาเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญในการลงทุน
6. แล้วเราควรเลือกลงทุนใน ธุรกิจพลังงานสะอาด อย่างไร ?
เราลองมาดูตัวอย่างธุรกิจที่เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้า การขนส่ง การทำการเกษตร ว่าจะสามารถ Green and Great Return ไปพร้อมกับการให้ผลตอบแทนที่ดีได้จริงหรือไม่
เริ่มต้นที่ Orsted บริษัทพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกของเดนมาร์ก เดิมทีเคยเป็นบริษัทพลังงานถ่านหินเก่าแก่มาตั้งแต่ปี 1972 โดย 85% ของการผลิตไฟฟ้ามาจากฟอสซิล
จากนั้นในปี 2008 ก็พลิกธุรกิจครั้งใหญ่มาสู่เส้นทางพลังงานสะอาด โดย 85% ของการผลิตไฟฟ้ามาจากพลังงานสีเขียว และเดินทางสู่การเป็นบริษัทพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดของโลกได้สำเร็จ
ซึ่งรู้หรือไม่ว่า กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF บริษัทพลังงานของไทย ก็ได้ร่วมลงทุนใน Orsted เช่นกัน เพราะมองเห็นนวัตกรรมของพลังงานลมที่ดีที่สุดในโลกของ Orsted โดย 1/3 ของพลังงานลมของโลก มาจากบริษัทนี้
ที่น่าสนใจก็คือ ราคาของพลังงานลม ถูกกว่า ราคาพลังงานของถ่านหินไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2018 และยังคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 พลังงานลมและแสงอาทิตย์จะเป็นแหล่งพลังงานที่ถูกที่สุดในโลก
ในแง่ของ Green and Great Return อย่าง Orsted เริ่มเข้าตลาดปี 2016 ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ราคาปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 96% ต่อปี
ขณะเดียวกันยังมีรายได้เติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปี และจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอย่างน้อยถึงปี 2050 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังมีโอกาสขยายตลาดไปยังประเทศต่าง ๆ ได้อีกมาก เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น
7. ธุรกิจพลังงานสะอาดที่ไม่พูดไม่ได้ในตอนนี้ ก็คือ EV ?
เราทราบดีอยู่แล้วว่า หนทางลดปัญหามลภาวะจากการใช้รถยนต์ก็คือ การหันมาใช้รถยนต์ EV หรือรถไฟฟ้า แต่สงสัยไหมว่า ทำไมเทรนด์นี้จึงกลายเป็นโอกาสลงทุนมหาศาลในอนาคต
จากข้อมูลคาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ EV จะเพิ่มขึ้น 18 เท่าในอีกสิบปีข้างหน้า แสดงว่าอาจเพิ่มขึ้นสองเท่าทุก ๆ ปี ซึ่งในอนาคตรถยนต์ทั่วโลกจะกลายเป็นรถยนต์ EV อย่างน้อย 80%
เหตุผลก็เพราะว่า ราคารถยนต์ไฟฟ้าจะถูกลงเรื่อย ๆ สังเกตได้จาก ลิเทียมไอออนแบตเตอรี่ ที่มีราคาถูกลง 88% เมื่อเทียบกับสิบปีก่อน หากราคายังคงลดลงเรื่อย ๆ ก็เชื่อว่า ราคารถยนต์ EV และรถยนต์สันดาป จะมีระดับราคาใกล้เคียงกัน
นอกจากนี้ นโยบายของประเทศแถบยุโรปยังให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยจะยกเลิกการขายรถยนต์สันดาปแล้วจริง ๆ เช่น สวีเดน ประกาศยกเลิกในปี 2025 หรืออังกฤษ ก็ประกาศยกเลิกในปี 2035
พอเป็นแบบนี้ แบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ จึงต้องปรับตัวกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เก่าแก่อย่าง Honda, Toyota หรือแบรนด์ใหม่อย่าง Tesla, BYD, XPeng แม้กระทั่งค่ายเก๋าอย่าง Harley-Davidson, Porsche ก็ต้องปรับตัวตามเช่นกัน
ที่น่าสนใจก็คือ การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมรถยนต์รอบนี้ ทิศทางเงินลงทุนไม่ใช่แค่ส่วนของรถยนต์ EV เพียงอย่างเดียว แต่จะไปถึง Supply Chain ต่าง ๆ ทั้งหมด เช่น
- บริษัทผลิตแบตเตอรี่
- บริษัทชิป Semiconductor
- บริษัท Software ที่ทำ ADAS (รถยนต์ไร้คนขับ Autonomous Driving) และบริษัท Simulation ทำการจำลองการขับรถ
ทีนี้ลองมาดูตัวอย่างธุรกิจรถยนต์ EV ที่กองทุน B-SIP เข้าไปลงทุนกันบ้าง
XPeng อ่านว่า เสี่ยวเผิง เป็นบริษัทรถยนต์ EV เน้นตลาดระดับกลางเเละระดับสูงในจีน ที่เรียกได้ว่าท้าชนกับ Tesla ได้เลย เช่น รถยนต์ EV รุ่น XPeng P7 ที่มีราคาเปิดตัวล้านกว่าบาท ชาร์จหนึ่งครั้งจะวิ่งได้ 700 กิโลเมตร โครงสร้างต่าง ๆ มาจากการออกแบบของวิศวกรที่มาจาก Apple, Tesla
XPeng ยังใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ อย่าง 5G, AI ซึ่งตอนนี้ก็มีเทคโนโลยี Autonomous Driving เรียบร้อยแล้ว และยังใช้แบตเตอรี่ของ CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่จีนที่ใหญ่ที่สุด ที่เพียงใช้เวลา 30 นาที ก็สามารถชาร์จได้ 80% อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ กองทุน B-SIP จึงไม่พลาดที่จะเข้าไปลงทุน IPO ปีที่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจพลังงานสะอาดที่มี Green and Great Return เลยทีเดียว
8. นอกจาก พลังงานลม และรถยนต์ EV ยังมีธุรกิจไหนจะเป็นเทรนด์อนาคตได้อีกบ้าง ?
เริ่มต้นด้วยเรื่องใกล้ตัว อย่างอาหารที่เรียกว่า “Beyond Meat” ซึ่งเป็นธุรกิจผู้ผลิตอาหารคล้ายเนื้อที่ไม่ได้มาจากเนื้อจริง ๆ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมเรื่องปัญหาดิน ปัญหาน้ำ และปัญหามลพิษ
โดยในปี 2050 คาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก 2.8 พันล้านคน และจะตามมาด้วยปริมาณอาหารที่ต้องการเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
หากเป็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ จำเป็นต้องใช้พื้นที่เลี้ยงสัตว์และปัจจัยต่าง ๆ มากกว่าการปลูกพืชอย่างมาก เช่น การเลี้ยงวัว จะใช้ที่ดินมากกว่า 18 เท่า รวมทั้งใช้น้ำและพลังงานมากกว่า 10 เท่า และยังจะปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซมีเทน ออกมาจากร่างกายอีกด้วย
จึงไม่แปลกใจเลยว่า สัดส่วน 79% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการเกษตรมาจาก “การเลี้ยงสัตว์”
ปัจจุบัน Beyond Meat กำลังขยายฐานลูกค้าได้ดี สังเกตได้จากแบรนด์อาหารต่าง ๆ ที่หันมานำเสนอผลิตภัณฑ์จาก Beyond Meat มากขึ้นทั่วสหรัฐอเมริกา
เช่น แมคโดนัลด์, เอแอนด์ดับบลิว, Dunkin'
และยังกระจายไปตามร้านสะดวกซื้อ ที่เราสามารถซื้อกลับไปปรุงอาหารที่บ้านได้เองอีกด้วย
Beyond Meat กลายเป็นบริษัทที่น่าจับตามอง และเข้า IPO ในปี 2019 ที่มีมูลค่าบริษัท 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มาในปีนี้มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นมาเป็น 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นสองเท่ากว่า ๆ ภายในสองปี นอกจากนี้ยังมีรายได้ปี 2020 เติบโต 36% อีกด้วย
นอกจากธุรกิจอาหารแล้ว ก็ยังธุรกิจอื่น ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น
- Schneider Electric เป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ลิฟต์ ที่มีการคำนวณการใช้งานแบบประหยัดพลังงาน ซึ่งในอนาคตหากอาคารไหนเป็นอาคารประหยัดพลังงาน ก็จะสามารถเรียกค่าเช่าสูงขึ้นได้
- Equinix เป็นบริษัทโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของโลก เป็นศูนย์จัดเก็บข้อมูลที่ไม่สามารถหยุดทำงานได้ ต้องใช้ไฟตลอดทั้งวันทั้งคืน ปัจจุบันบริษัทสามารถใช้พลังงานหมุนเวียน 92% ของพลังงานทั้งหมด
- Ansys เป็นบริษัทจำลองผล จำลองสถานการณ์สำหรับรถยนต์, เครื่องบิน และอื่น ๆ เพื่อช่วยลดปริมาณการสูญเสียทรัพยากรในช่วงของการทดสอบ
เช่น Dyson แบรนด์เครื่องเป่าผมของผู้หญิง ทำให้แห้งเร็วขึ้นและดีขึ้น
Ansys เข้ามาช่วยคำนวณทิศทางลม, ลมแรง และค้นหาประสิทธิภาพที่ดีที่สุด โดยใช้ซอฟต์แวร์จำลองผลการทดสอบ ช่วยประหยัดทรัพยากร และประหยัดต้นทุนไปได้อย่างมาก
สรุปแล้ว แค่ Theme พลังงานสะอาดอย่างเดียว ก็ทำให้เราเห็นโอกาสของธุรกิจหลากหลายสาขา
ไม่ว่าจะเป็น การผลิตไฟฟ้าที่จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนด้วยพลังงานลม
หรือจะเป็นการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์ที่จะเปลี่ยนทั้ง EV Supply Chain
รวมทั้ง การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วยอุตสาหกรรมอาหาร และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือมากขึ้น นั่นเอง
9. แล้วเราจะเข้าถึงโอกาสการลงทุนในบริษัทเหล่านี้ได้อย่างไร ?
กองทุน B-SIP เป็นหนึ่งกองทุนเพื่อตอบโจทย์การลงทุนในพลังงานสะอาดโดยตรง และมีจุดเด่นด้วยสไตล์การลงทุนของกองทุนบัวหลวง ที่จะเฟ้นหาธุรกิจดีมีคุณภาพและเติบโต ซึ่งจะสร้างความแตกต่างจากกองทุนอื่นทั่วไป นั่นคือ
1. เน้นลงทุนธุรกิจรักษาสิ่งแวดล้อม ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในอนาคตที่เรียกว่า Green and Great Return นั่นเอง
2. มองว่าเทรนด์รักษาสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด จะเป็น Megatrends ของโลกที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น จึงเชื่อว่า Theme นี้มีความน่าสนใจและสามารถลงทุนระยะยาวได้
3. เปลี่ยนภาพจำว่า การลงทุนในพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อมไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้นน่าเบื่อหรือหุ้นโครงสร้างพื้นฐานเสมอไป
เพราะการลงทุนของ B-SIP ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นเติบโต มีนวัตกรรม มีเทคโนโลยี และยังคำนึงถึงการประเมิน Valuation ด้วย
ถ้าฉายภาพใหญ่ ๆ ก็คือ กองทุน B-SIP จะลงทุนทั้งในฝั่ง Global Environmental Opportunities และ Clean Energy นั่นเอง
โดยฝั่ง Global Environment จะมีสัดส่วนธุรกิจเทคโนโลยี 40% นอกจากนั้นจะเป็นบริษัทอุตสาหกรรม, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มเคมีภัณฑ์
ซึ่งจะมีรูปแบบลงทุน Active Management เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า
ส่วนในฝั่งของพลังงานสะอาด จะมีสัดส่วนธุรกิจเทคโนโลยี 48% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้เข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรม EV ทั้ง Supply Chain ราว 33% ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทฝั่งสหรัฐอเมริกา และยุโรป เพราะเป็นผู้นำเรื่องเทคโนโลยีพลังงานสะอาด
เช่น Orsted ธุรกิจพลังงานลมนอกชายฝั่งมากว่า 10 ปี มีเทคโนโลยีน่าสนใจ และยังมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก
ทั้งหมดนี้ จึงสะท้อนได้ว่า กองทุน B-SIP เป็นอีกหนึ่งช่องทางลงทุนใน Theme พลังงานสะอาดที่จะสร้างการเติบโตในระยะยาวได้แบบ Green and Great Return นั่นเอง..
องค์ประกอบ 在 BorntoDev Facebook 的最佳解答
รักออกแบบ รักเขียนโค้ด ชอบแต่งหน้าเว็บ ต้องนี่… “Front-End Developer” 🎨 👨💻
.
หนึ่งในอาชีพสายเดฟที่มาแรงไม่แพ้กัน !! แล้วถ้าอยากทำอาชีพนี้จะต้องมีสกิลอะไรบ้าง ? ซึ่งวันนี้แอดได้รวบรวม 10 สกิลสำคัญที่ต้องมีก่อนจะเป็น Front-End Developer มาให้เพื่อน ๆ หรือน้อง ๆ ที่กำลังอยากเริ่มต้นในสายอาชีพนี้ จะมีอะไรบ้าง หากพร้อมแล้วไปดูกันเลยจ้า~~
.
มาเริ่มกันเลย !! 🔥
.
🌟 1) HTML & CSS
ทักษะพื้นฐานที่สำคัญมาก ๆ สำหรับ Front-End Dev เพราะเป็นโครงสร้างของหน้าเว็บ เปรียบเสมือนกระดูกสันหลัง ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดรูปแบบอักษร โครงสร้าง การจัดเลย์เอาท์ และอื่น ๆ ซึ่งเราควรเรียนรู้โครงสร้าง วิธีการเขียน และ กฎที่จำเป็นของ HTML และ CSS ก่อนที่จะไปเรียนรู้ส่วนอื่น ๆ ต่อไป ทั้งสองสามารถเรียนรู้ได้ง่าย แต่อาจจะต้องใช้เวลาเพื่อให้มีความเชี่ยวชาญนั่นเอง
.
.
🌟 2) Javascript
ในเมื่อมี HTML และ CSS ที่เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของเว็บแล้วนั้น การจะทำให้เว็บมีลูกเล่น มีชีวิตชีวา มีการประมวลผลข้อมูล สิ่งสำคัญที่ต้องมีนั่นคือ JavaScript เพราะมันเป็นเหมือนมันสมองของเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บสามารถทำฟังก์ชันต่าง ๆ เพื่อให้เว็บมีการโต้ตอบกับผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และในปัจจุบันก็มี Framework สำหรับ JavaScript มากมาย เช่น React.js, Angular.js, Vue.js และอีกมากมาย ที่ช่วยให้เราสร้างหน้าเว็บได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
.
.
🌟 3) ECMA ES6
เป็นมาตรฐานหรือข้อกำหนดในภาษา Scripting ซึ่ง JavaScript ก็จัดเป็นอีกหนึ่งในภาษา Scripting นั่นเอง ซึ่งมีการพัฒนาเปลี่ยนฟีเจอร์ และ Syntax ใหม่ ๆ เพื่อรองรับการเขียนแอปที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันพัฒนามาจนถึง ES6 แล้ว ซึ่ง Front-End Dev จะต้องเรียนรู้โครงสร้างและวิธีการเขียน JavaScript แบบมาตรฐาน ES6 เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การพัฒนาเว็บมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
.
.
🌟 4) DOM / Virtual DOM
DOM (Document Object Model) เป็นวิธีการเก็บ Document ในรูปแบบ Object แบบ Tree Structure และจะใช้ JavaScript เพื่อไปเข้าถึงหรือจัดการ HTML ในแต่ละส่วน แต่เมื่อมีโครงสร้างใหญ่ขึ้นทำให้อาจจะจัดการได้ยาก ส่วน Virtual DOM ก็ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของ DOM จัดการสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และไม่ส่งผลกระทบกับ Real DOM นั่นเอง ซึ่ง Front-End Dev จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ DOM / Virtual DOM เพื่อเข้าใจส่วนประกอบ โครงสร้าง องค์ประกอบ และวิธีการแสดงผลของหน้าเว็บอย่างละเอียด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาหน้าเว็บนั่นเอง
.
.
🌟 5) Browser Developer Tools
เป็นเครื่องมือต่าง ๆ ที่อยู่บนเบราว์เซอร์ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างและปรับปรุงหน้าเว็บให้มีประสิทธิภาพ นักพัฒนาจะต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยให้การทำงานรวดเร็วและง่ายมากขึ้น อย่างเช่น Chrome DevTools จาก Google ที่มีเครื่องมือต่าง ๆ ช่วยในการทดสอบ แสดงผลหน้าเว็บ ดูผลลัพธ์ของ CSS และสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ ซึ่งมันสามารถใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาเว็บได้นั่นเอง
.
.
🌟 6) Frameworks และ Libraries
ในปัจจุบันก็มีเครื่องมือต่าง ๆ มากมายที่ช่วยให้การพัฒนาเว็บง่าย สะดวก และประหยัดเวลามากขึ้น และเว็บไซต์ส่วนใหญ่ก็ได้ใช้ Frameworks และ Libraries เพื่อพัฒนาเว็บมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่างเช่น React, Angular, Vue ที่เป็น Framework ยอดนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ทั้งสามต่างก็มีข้อดีและข้อจำกัดกันคนละแบบ ขึ้นอยู่กับว่าเรานำไปใช้กับงานแบบใด เลือกอันที่เหมาะกับตัวเอง แล้วไปเริ่มเรียนรู้กันเลย !!
.
.
🌟 7) Version Control
ไม่ว่าจะเป็นเดฟในตำแหน่งใด ก็จะต้องทำงานกับเพื่อนร่วมทีมอย่างแน่นอน การจะทำงานเป็นทีมได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น เราก็ต้องรู้จักกับ Version Control เมื่อตอนเราเดฟก็จะต้องมีไฟล์ Source Code ต่าง ๆ มากมายทั้งของเราและเพื่อนร่วมทีม ซึ่งเจ้า Version Control ก็จะเข้ามาช่วยเราในการจัดการ ควบคุม จัดเก็บ Source Code ต่าง ๆ ไว้บน Server ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกใช้ได้อย่างหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น Git, GitHub, GitLab และอื่น ๆ อีกมากมาย
.
.
🌟 8) Test และ Debug
เมื่อเราเดฟแล้วสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือการทดสอบ ซึ่งในที่นี้เราไม่ต้องรู้ Process การทดสอบแบบละเอียดก็ได้ เพราะในบางบริษัทก็จะมีตำแหน่ง Tester แยกอยู่แล้ว ในการทดสอบฝั่งเดฟจะเป็นแบบ Unit Test เพื่อทดสอบว่าแต่ละฟังก์ชันว่าทำงานได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เราอาจจะทำการทดสอบเอง หรืออาจจะใช้เครื่องมือเพื่อช่วยให้การทดสอบง่ายขึ้นได้เช่นกัน
.
.
🌟 9) SEO
หัวใจสำคัญสำหรับการทำเว็บ หรือการให้หน้าเว็บติดอันดับ SEO ซึ่งเราจะต้องเรียนรู้สถาปัตยกรรมเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงหน้าเว็บให้ติดอันดับ SEO อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของข้อมูล ความปลอดภัย ประสิทธิภาพ การเข้าถึง และอื่น ๆ อีกมากมาย Front-End Dev ห้ามมองข้ามเด็ดขาด !!
.
.
🌟 10) Performance Analysis
สิ่งสำคัญในการทำเว็บอีกหนึ่งอย่างนั่นคือประสิทธิภาพ ! จะมีหน้าเว็บสวย อลัง ขนาดไหน แต่ถ้ามันทำงานได้ช้า กว่าจะกดปุ่มอะไรแต่ละทีต้องนั่งรอ มันไม่ทันใจวัยรุ่นเอาซะเลย ถ้าเราเป็นผู้ใช้เว็บลองคิดดูว่ามันน่าหัวเสียขนาดไหน เราต้องทำความเข้าใจการควบคุมประสิทธิภาพและการประมวลผลของหน้าเว็บ ฟังก์ชันไหนที่ไม่จำเป็นก็ให้กำจัดออกไป ใส่มาก็ไม่ได้ใช้งาน หรือบางอันก็ลืมลบทำให้เว็บช้าลงไปอีก ซึ่งในปัจจุบันก็มีเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยจัดการประสิทธิภาพบนหน้าเว็บให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย เลือกสักหนึ่งเครื่องมือ แล้วไปเรียนรู้วิธีการใช้งานเพื่อมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บ
.
และทั้งหมดนี้ก็เป็น Hard Skills ที่คนอยากเป็น Front-End Developer ต้องมี และยังต้องมี Soft Skills อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม การวางแผนงาน เพื่อช่วยให้การทำงานนั้นมีประสิทธิภาพ ซึ่งสกิลเหล่านี้ไม่ว่าจะทำอาชีพไหนก็ต้องมี 😊
.
และพี่ ๆ คนไหนที่กำลังทำอาชีพนี้ แล้วอยากแนะนำหรือบอกอะไรเพิ่มเติม สามารถมาคอมเมนต์พูดคุยกันได้เลยน้า 🥰
.
borntoDev - 🦖 สร้างการเรียนรู้ที่ดีสำหรับสายไอทีในทุกวัน
#frontend #frontenddeveloper #BorntoDev
องค์ประกอบ 在 Momybowy Beauty Facebook 的最佳貼文
คืนนี้โบว์หยิบมาส์กตัวใหม่มาลองใช้ค่า ชื่อว่า Hydro Whitening Lavender Jelly Mask มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเรียบเนียน ชุ่มชื้นและต่อต้านริ้วรอย สำหรับส่วนผสมในมาส์กเจลตัวนี้น่าสนใจทั้งนั้นเลยเรามารู้จักกันทีละตัวเลยน๊าเริ่มจาก
สารสกัดเข้มข้นจากว่านหางจรเข้ ช่วยเติมความชุ่มชื้นแบะปลอบประโลมผิวให้กลับมาเรียบเนียนอิ่มน้ำและปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น
น้ำแร่จากแหล่งที่ดีที่สุดที่ผ่านกระบวนความคิดและการทดลองจากแล็ปชั้นนำของ Mask Mellowที่แคนนาดา จนออกมาเป็น Advance Skin Booster ผสานกับคุณสมบัติของ Castor Oilหรือน้ำมันละหุ่ง จะช่วยต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย ชะลอการเเกิดริ้วรอยต่างๆบนใบหน้า ผิวหน้าจึงอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เค้ามาเป็นซองแบบนีค่ะ จะประกอบด้วย2องค์ประกอบ
โดยซองสีขาวจะเป็น Booster Vitamin มีส่วนผสมของ Niacinamide, Castor Oilและสารสกัดจากว่านหางจรเข้
ซองสีม่วงจะมีส่วนผสมของ สารสกัดจากว่านหางจรเข้, Niacinamide, Sodium Hyaluronateและสารสกัดจากดอกลาเวนเดอร์
จากนั้นก็นำมามิกซ์ให้เข้ากันจนได้เป็นเจลสีฟ้าๆแบบนี้ค่ะ หลังจากนั้นก็นำมาทาบนใบหน้าให้ทั่วรวมถึงลำคอด้วย เพราะลำคอก็เป็นส่วนบ่งบอกอายุได้เช่นกัน ถ้าผิวหน้าอ่อนเยาว์แต่คอเหี่ยวก็ไม่ได้นะจ๊ะดังนั้นอย่าละเลยลำคอของเราน๊า
จากนั้นทิ้งไว้20นาที ตอนแรกโบว์ก็คิดนะว่ามันจะลอกออกได้แน่หรอเพราะเจลมันนิ่มๆดูไม่น่าจะเกาะตัวแล้วลอกออกเหมือนมาส์กโคลนที่เคยใช้ แต่แบบพอผ่านไป20นาทีเจลเซ็ตตัวก็ลอกออกได้จริงค่ะ ลอกออกง่ายด้วยชอบๆๆ
หลังใช้สิ่งแรกที่รู้สึกคือผิวดูกระจ่างใสขึ้นและชุ่มชื้นขึ้นค่ะ แล้วเนื้อเจลแบบนี้ไม่ทำให้ผิวแห้งหรือคันเลย ดีงามมาก อยากให้เพื่อนๆลองใช้กันจะได้ผิวสวยไปพร้อมกันค่า
ตอนนี้มีวางขายแล้วนะคะ 1กล่องมี4เซ็ต ราคากล่องละ 1,490บาทเท้าน้านนน
พิกัดช้อป 🛒
💙 FB : https://www.facebook.com/maskmellow.th
🧡 IG : maskmellow.th
🌐 https://maskmellow.co/
Mask Mellow #maskmellow #MaskJelly #thaiblogger #beautyblogger #bownewitem #bowyreview2021 #makeup #cosmetics #skincare #momybowy