นิยามสั้นๆว่ามันคือการมีชีวิตใหม่อย่างแท้จริงครับ

ใครที่สายตาดีหรือสายตาปกติอาจจะไม่เข้าใจ ว่ามันจะเวอร์ไปเปล่าวะ
แต่สำหรับผมนั้นคือคนที่หลังจากตื่นนอน สิ่งแรกที่ต้องทำคือควานหาแว่นตา บางทีไม่อยู่ที่เดิม ต้องล้วงตามซอกเตียงหรือใต้หมอน เพราะไม่อย่างนั้นก็เหมือนคนตาเสียดีๆนี่เอง

จะไปเตะบอลกับเพื่อนๆก็วิ่งแล้วแว่นหล่น หรือบางทีก็กลัวบอลอัดหน้าเเว่นแตก จะเล่นกีฬาทางน้ำก็ต้องถอดแว่นออกมองไม่เห็นอีก
อย่างครั้งนี้ตั้งเป้าหมายจะไปเรียนดำน้ำให้ได้ เป็นไงเป็นกันต้องทำเลสิคแล้วว่ะ 555
ถ้าใครกำลังสนใจจะทำ ขอให้อ่านตั้งแต่บรรทัดนี้แล้วค่อยดูรูปประกอบไปได้เลยครับ
————————————————

หลังจากที่ตัดสินใจทำเลสิคแล้ว
ผมก็หาข้อมูลจากที่ผมโพสต์ไปครั้งก่อน
จนได้ตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะหลายคนแนะนำเยอะคือ
หมอเกรียงไกร รพ.ยันฮี
(ที่อื่นก็คงดีนะครับ เเต่ผมเลือกทำได้ที่เดียว555)

ก็เลยโทรไปสอบถามและนัดวัน
ซึ่งข้อสรุปก็คือ

1.หาเวลาให้ได้อย่างน้อย 2 วันครับ ยิ่งมีเวลาพักยิ่งดี

2.คุณต้องมีแฟนขับครับ เพราะเราไม่สามารถขับรถกลับได้แน่นอน

3.หรือถ้าไม่มีญาติมิตรเลยก็เลือกนอนค้างที่รพ.ครับ คืนละ1,000 บาท เพราะวันรุ่งขึ้นต้องกลับมาให้หมอตรวจแผลอยู่ดี นอนนี่สะดวกดีครับ

4.อย่าคาดหวังว่าจะสวยหรือหล่อ ถ่ายรูปลงเฟซบุค เพราะข้อห้ามคือห้ามแต่งหน้าเด็ดขาดครับ ถึงแม้ก่อนเข้าผ่าตัดจะให้คลีนหน้าก็จริง แต่ไม่แต่งมาสะดวกกว่า

5.เสื้อต้องเป็นเสื้อเชิ๊ต หรือ กระดุมหน้าครับ เพราะง่ายต่อการถอด ใส่ โดยไม่โดนบริเวณตา

6.หลังจากทำแล้ว ต่ำๆต้องมี24ชั่วโมง ที่คุณต้องลาจากโลกโซเชียล เพราะถึงหมอไม่ห้าม ก็เล่นไม่ไหวหรอกครับ เคืองตา

7.มีใจ มีเงิน มีเวลา 3 อย่างนี้ถ้าพร้อมแล้ว ลุย!!!!

ขั้นแรกพี่เค้าส่งกฎระเบียบขั้นตอนการเตรียมตัวมาให้ผมทางไลน์ (มีรูปอยู่ครับ)
หลังจากนัดวันและเรานอนเต็มที่แล้วผมก็ไปแต่เช้าเลยครับ

ราวๆ8:00น. วันที่ผมไปคือวันหยุด แม่เจ้าคนเยอะมากถ้าแนะนำผมว่าไปวันจันทร์ - ศุกร์ ดีกว่า
ไปถึงปุ๊บลงทะเบียนครับ
(แต่ละขั้นตอนไม่เกิน5-10นาทีครับ)

จากนั้นขึ้นไปชั้น4แผนกจักษุ เพื่อรอเรียกชื่อ
ซักประวัติ วัดความดัน วัดสายตา วัดความดันตา พบแพทย์

ขั้นตอนด้านบนนี้ ใช้เวลาแป๊บเดียวครับ
เพราะแต่ละห้องเหมือนอยู่เป็นวงกลม เข้าห้องนี้ ออกห้องนี้ ต่อห้องนี้
ขนาดเมื่อวานคนเยอะยังถือว่าเร็วมาก
จนมาถึงห้องสุดท้ายที่พบแพทย์นี่แหละ
(เพิ่งได้เจอคุณหมอเกรียงไกรคนดัง555 และแกก็จะเป็นคนผ่าให้เราเองด้วยนะ)

หมอจะตรวจความหนาบางกระจกตา ความดันตา ถ้าไม่ติดอะไรก็ "ทำได้" ครับ
มันมีบางเคสที่ทำไม่ได้ก็เยอะครับ

หลังจากคุณหมอบอกว่าทำได้
ขั้นตอนนี้สำคัญมากครับ
ให้นึกดีๆว่าเรามีบัตรเครดิต บัตรเดบิตอะไรบ้าง หรือเงินสดก็ได้ที่นี่ตู้เยอะ ฮ่าๆ
เพราะต้องจ่ายเงินตอนนี้เลยครับ
ของผมโดนไป 4 หมื่นมีทอน
(ภรรยาจ่ายไปผมจำไม่ได้ครับ)

ตอนนี้ล่ะเตรียมเข้าห้องผ่าตัดครับ
เจ้าหน้าที่จะเรียกเราไปล้างหน้า คลีนหน้าด้วยโหม สบู่เฉพาะ และให้เราใส่หมวกใส่ชุดเขียวเตรียมการผ่าตัด

ขั้นตอนนี้ใครบอกว่าไม่กลัวหรือไม่เสียวผมบอกเลยว่ามันโกหก! ครับ
ผมนี่ลุยมาเยอะทั้งบันจี้จัมพ์ ผาดโผนทุกอย่าง
แต่พอเตรียมเข้าห้องที่เขียนว่า "ผ่าตัด"
ใจสั่นพอสมควร

ระหว่างรอเข้าห้องจะมีคนไข้คนอื่นตรงนั้นด้วย 5-6คน
เจ้าหน้าที่จะเอายาฆ่าเชื้อมาหยอดให้เรา
และที่สำคัญคือจะเอายาชามาหยอดให้เราตรงนี้ครับ
ถามว่าแสบไหม? ไม่ครับ แค่เคืองๆนิดหน่อย
หยอดยาชาได้2รอบ ก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนเปิดประตูห้องผ่าตัดมาเรียกชื่อเราครับ
ให้เราขานชื่อนามสกุลว่าตรงไหม
ถ้าตรงก็เดินเข้าไปได้เลย

พอเข้าไปเห็นห้อง
ผมบอกเลยว่า ผมนับถือใจคุณแม่ทุกคนมาก
เพราะผมเคยเข้าห้องคลอดมันน่ากลัวกว่านี้100เท่า
แต่นี่มันเหมือนห้องทำฟันที่มีคนชุดเขียวยืนล้อมหลายคน
ขนาดบอกว่าห้องคลอดน่ากลัวกว่านะ ผมก็ยังอดเสียวไม่ได้ ขามีสั่นอ่ะ555

งานนี้ต้องขอชมทีมแพทย์ทุกท่านโดยเฉพาะคุณหมอเกรียงไกรครับ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคนแนะนำท่านเยอะ
งานนี้ผ่านได้ด้วยดีเพราะแกเลย นั่นเป็นเพราะว่า...

พอนอนลงเตียงคุณหมอจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มว่า

"นอนสบายๆนะครับ ลืมตาไว้ มองไฟสีเขียวนะครับ รับรองครับไม่มีคำว่าเจ็บ เดี๋ยวหมอจะพูดทุกขั้นตอนที่หมอทำให้ฟังนะครับ เดี๋ยวกำลังใช้เครื่องเปิดกระจกตานะครับ กำลังยิงเลเซอร์นะครับ เดี๋ยวมีกลิ่นไหม้นะครับ กำลังปิดกระจกตานะครับ เสร็จแล้วครับ กำลังไปทำตาซ้ายนะครับ บลาๆๆ เสร็จแล้วครับ ลุกได้เลยครับ" (นี่คือหมอพูดระหว่างทำนะ)

ผ่านไป10นาที ห๊ะ !!!! เร็วจังวะ เร็วมากจริงๆครับ

คำถามที่หลายคนอยากรู้คือ ไม่เจ็บจริงไหม?
ขอตอบว่า จริง 100% ครับ

เน้นอีกทีว่า “ไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียวครับ”

ไม่รู้ว่าเพราะเทคโนโลยีสมัยนี้หรือเพราะแกมือเบา
แต่ไม่เจ็บเลยครับ
ส่วนกลิ่นไหม้ที่คอมเม้นบอกว่าเหมือนกุ้งเผา
ผมว่ามันเหมือนกลิ่นไม้ช๊อตยุงที่เอาไปช๊อตแมลงวันแล้วกดค้างมากกว่า ฮ่าๆ
ด้วยฤทธิ์ยาชาที่ยังเหลือก็เลยไม่ได้เป็นอะไรมากครับ
หลังจากนั้นออกมาทำการปิดฝาครอบตา
และรับยากลับบ้าน โดยให้มาตรวจซ้ำอีกทีวันรุ่งขึ้น

ความรู้สึกหลังจากทำก็คือ (คุณหมอแกมีบอกก่อนแล้วนะ อาการตามนี้เป๊ะ)
มันจะเหมือนมีทรายเข้าตาครับ น้ำตาไหลเยอะครับ โคตรอยากเกาอยากขยี้ครับ แต่ติดไอ้ฝาครอบตา

สิ่งสำคัญที่หมอขอให้งดเลยคือ
หมูกระทะครับ เดี๋ยวควันเข้าตา555
นี่เรื่องจริงนะ พวกควันบุหรี่ด้วย อย่าไปขี่มอไซค์ด้วย
คือต้องเลี่ยงลม เลี่ยงน้ำ ไปสัก7วัน
สระผมได้แต่อย่าให้น้ำเข้าตา อย่าขยี้ตา
อย่าปะทะแสงแดดโดยตรง จริงๆก็มีเท่านี้ครับ

ผมใส่แว่นมานานตั้งแต่มอต้น
ตอนนี้เกือบ20ปี
ตื่นมาเช้าวันนี้ผมมองเห็นโดยไม่ต้องใส่แว่นอีกแล้ว
ลาจากกันทีนะแว่นสายตา
รีวิวนี้ผมเขียนจากใจไม่ได้มีใครจ้าง
ผมแค่อยากให้ทุกคนที่กำลังคิดเหมือนผมเมื่อก่อน
ว่าทำดีไหมวะ
เมื่อเช้านี้ตอนที่ลืมตาตื่นผมบอกตัวเองเลยว่า

"กูน่าจะทำตั้งนานแล้ว"

ปล.ที่นี่พยาบาลสวยมาก โดยเฉพาะประชาสัมพันธ์ชั้น1ที่นั่งลงทะเบียน กับ แผนกศัลยกรรมชั้น4 สวยจนอยากโสด ฮ่าๆ