雖然這篇สินค้าอุปโภคบริโภค鄉民發文沒有被收入到精華區:在สินค้าอุปโภคบริโภค這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 สินค้าอุปโภคบริโภค產品中有12篇Facebook貼文,粉絲數超過178萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Facebook貼文中提到, กรณีศึกษา ความสำเร็จของ HarmoniQ โครงการที่อยู่อาศัยในเครือสหพัฒน์ สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง X ลงทุนแมน หากพูดถึง “สหพัฒน์” สิ่งที่คนทั่วไปจะนึกถึงคือ สิ...
สินค้าอุปโภคบริโภค 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
กรณีศึกษา ความสำเร็จของ HarmoniQ โครงการที่อยู่อาศัยในเครือสหพัฒน์
สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง X ลงทุนแมน
หากพูดถึง “สหพัฒน์” สิ่งที่คนทั่วไปจะนึกถึงคือ สินค้าอุปโภคบริโภค
อย่างเช่น ยาสีฟัน แชมพู ผงซักฟอก
หรือสินค้าที่คนไทยรู้จักกันดีที่สุดคือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แบรนด์ มาม่า
แต่..หากพูดว่าบริษัทแห่งนี้ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็อาจทำให้หลายคนนึกไม่ถึง
ทั้งที่ความจริงแล้วสหพัฒน์ ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มานานกว่า 45 ปี
ผ่านบริษัทในเครือที่ชื่อว่า “สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)”
โดยบริษัทแห่งนี้ นอกจากลงทุนในหุ้นธุรกิจสินค้าอุปโภค และเครื่องดื่ม
ก็ยังพัฒนาที่ดินสร้างเป็นสวนอุตสาหกรรมอีก 4 แห่ง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสินค้าหลากประเภท
จนถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อีกหลายรูปแบบ ทั้ง คอมมิวนิตีมอลล์, โรงแรม, โรงเรียนนานาชาติ, ที่อยู่อาศัย, สนามกอล์ฟ
โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดคือการพัฒนาโครงการ HarmoniQ 2 บ้านพักอาศัยในอำเภอศรีราชา
แล้วโครงการนี้ สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง มองเห็นโอกาสอะไรที่ซ่อนอยู่
ลงทุนแมนจะวิเคราะห์ให้ฟัง
จริงๆ แล้วโครงการนี้ เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557
โดยเกิดจากที่ในตอนนั้น ทางทีมงานผู้บริหารรุ่นใหม่ของบริษัทมองเห็นทำเล ศรีราชา เปรียบเสมือนทำเลทองในจังหวัดชลบุรี ทำเลแห่งนี้รายล้อมด้วยนิคมอุตสาหกรรมกว่า 10 แห่ง และมีโรงงานมากกว่า 1,300 แห่ง อีกทั้งที่ตั้งของโครงการ อยู่เพียงฝั่งตรงข้ามของ โรงเรียนชาวญี่ปุ่นที่ทางเครือสหพัฒน์ บริจาคที่ดินให้เพื่อทำการก่อตั้งขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีแหล่งวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่น ได้แก่ คอมมิวนิตี้มอลล์ J-Park Sriracha, โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น วาเซดะ อีกด้วย
ที่น่าสนใจกว่านั้น ในอนาคตอันใกล้ ศรีราชา จะกลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมสมบูรณ์แบบ
เมื่อ EEC หรือโครงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเกิดขึ้น
ภาพในอนาคตที่ถูกวางไว้ก็คือ จะมีบริษัทต่างๆ มาลงทุนสร้างโรงงานเพิ่มขึ้นในพื้นที่โดยรอบ
ผลที่ตามมาก็คือการจ้างงานก็จะเติบโตเป็นทวีคูณเช่นกัน
โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นที่ทำงานในโรงงานบริษัทญี่ปุ่น และบริษัทอื่นๆ
ที่จากเดิมอยู่ในศรีราชามากกว่า 10,000 คน ก็น่าจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
ซึ่งพฤติกรรมคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ เลือกจะเช่าที่อยู่อาศัย โดยดูจากเจ้าของผู้พัฒนาโครงการเอง
และความน่าเชื่อถือของผู้ก่อสร้างที่อยู่อาศัยด้วย
เพียงแต่..สิ่งที่ขาดหายไปก็คือใน ศรีราชา ตอนนี้ ยังไม่มีที่อยู่อาศัย
ที่มาตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นให้เสมือนอยู่ในบ้านเกิดตัวเอง
กลายเป็นช่องวางที่ทำให้ สหพัฒน์ มีความคิดพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ในสไตล์ที่คนญี่ปุ่นชอบ
ทีนี้หากเราอยากจะขายสินค้าให้คนญี่ปุ่น ก็น่าจะต้องให้คนญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิต
ถึงจะได้สินค้าที่ตอบโจทย์โดนใจมากที่สุด
แนวคิดนี้จึงเป็นที่มาให้ สหพัฒน์ ตัดสินใจร่วมทุนกับกลุ่มโตคิวในประเทศญี่ปุ่น
เพื่อก่อตั้งบริษัท สห โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการ HarmoniQ
โดยมีมูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท บนพื้นที่ 50 ไร่ ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
เรื่องนี้หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่า กลุ่มโตคิว เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น
ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นานกว่า 98 ปี ไม่ใช่เพียงแต่ธุรกิจห้างสรรพสินค้าเท่านั้น แต่ยังมี ที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน, โรงแรม ซึ่งขนาดใหญ่กว่าธุรกิจห้างสรรพสินค้า จนถึงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนทั้งรถบัส และรถไฟ ในญี่ปุ่น โดยบริษัทแห่งนี้มีมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น หรือ Market Cap กว่า 2.3 แสนล้านบาท
พอได้กลุ่มโตคิว ที่สั่งสมประสบการณ์พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากมายนับไม่ถ้วนในประเทศญี่ปุ่น ก็เลยทำให้ HarmoniQ ที่เปิดโครงการเมื่อ 4 ปีแล้ว ซึ่งมีจำนวน 180 ยูนิต ถูกจับจองหมดในเวลาอันรวดเร็ว
สูตรสำเร็จนี้ มาจากฝีมือของกลุ่มโตคิว ที่สร้างที่อยู่อาศัยตอบโจทย์ครอบครัวญี่ปุ่น
ที่ดูเรียบง่าย สบายตา บรรยากาศผ่อนคลายรายล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียว
ขณะเดียวกันก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้ง ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, สนามเด็กเล่น
จนถึงการใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างสมัยใหม่คุณภาพสูงอย่าง SCG Heim
ที่ป้องกันเสียงรบกวน, รักษาอุณหภูมิ, ประหยัดพลังงาน และมีความปลอดภัยสูง
เมื่อโครงการแรกสำเร็จอย่างงดงาม ก็เลยทำให้เกิดการต่อยอดมาถึง HarmoniQ 2
ซึ่งก็อยู่ในทำเลเดียวกัน
โดยโครงการนี้จะมีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 41,000 ตารางเมตร ซึ่งมีบ้านทั้งหมด 141 หลัง และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2565
ที่น่าสนใจก็คือยังมีการเพิ่มมูลค่าการลงทุนในโครงการ 2 อีก 800 ล้านบาท
เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยที่มาตอบโจทย์ครอบครัวชาวญี่ปุ่น ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นไปอีก
ทั้งหมดนี้ก็น่าจะทำให้ HarmoniQ 2 ประสบความสำเร็จเหมือนอย่างโครงการแรกได้ไม่ยาก
โดยการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้ของ สหพัฒน์ ทำให้เราเรียนรู้ว่า…
การทำธุรกิจหากเรามองเห็นสิ่งที่เป็นช่องว่างตลาด ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน
ถึงแม้ความต้องการในตลาดไม่ได้มีมากมายมหาศาล
แต่หากเราเป็นคนแรก และคนเดียวที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการนั้นได้
ก็จะทำให้เราประสบความสำเร็จเหมือนอย่าง เครือสหพัฒน์ ที่ทำให้เห็นมาแล้วผ่านโครงการ HarmoniQ..
สินค้าอุปโภคบริโภค 在 Ohlalastory Facebook 的最佳貼文
'DKSH Fair 2020' โปรแรงสุดปังส่งท้ายปี!! ยกขบวน 50 แบรนด์ดัง ลดสูงสุด 80%
เริ่ม 23-28 พ.ย. 63 ที่ Lazada, Shopee, JD Central เท่านั้น
.
กลับมาอีกครั้งกับงานเซลล์แห่งปีที่ทุกคนรอคอย ดีเคเอสเอช ประเทศไทย จัดงานเซลล์ส่งท้ายปี 'DKSH Fair 2020' ยกขบวนสินค้ากว่า 50 แบรนด์ดัง ลดสูงสุด 80% ที่ปีนี้มาในแบบ New Normal ให้ได้เลือกช้อปสินค้าผ่านทางออนไลน์ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วผ่าน 3 แพลตฟอร์มช่องทางออนไลน์ชื่อดัง ได้แก่ Lazada, Shopee และ JD Central แล้วรอรับสินค้าที่บ้านได้เลย เริ่มวันที่ 23-28 พ.ย. 63 งานดีๆ แบบนี้จัดปีละครั้งเท่านั้น
.
พลาดไม่ได้กับมหกรรมลดราคาสุดร้อนแรงแห่งปี ทั้ง เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง สินค้าอุปโภคบริโภค ของกินของใช้ ฯลฯ นำโดยแบรนด์ชั้นนำอย่าง LEGO, Levi’s, Braun, Physiogel, Hada La-bo, Himalaya, Hiruscar, Blackmores, Mondelez, โอวัลติน, ทิปโก้, อิชิตัน และอีกมากมาย พิเศษกับวัน D-Day ที่จะมอบส่วนลดและของแถมสุดพิเศษมากกว่าที่เคย ที่ 3 ช่องทางออนไลน์ ได้แก่
Lazada เริ่มวันที่ 23-28 พฤศจิกายน 63 / D Day วันที่ 25 และ 28 พฤศจิกายน 63
JD Central เริ่มวันที่ 23-27 พฤศจิกายน 63 / D Day วันที่ 26 พฤศจิกายน 63
Shopee เริ่มวันที่ 23-27 พฤศจิกายน 63 / D Day วันที่ 27 พฤศจิกายน 63
.
พร้อมแล้วเตรียมช้อปและเพิ่มสินค้าใส่รถเข็นได้เลยระหว่าง 23-27 พ.ย. 63 และทุกการช้อปสินค้าอย่าลืมกดผ่านแอพพลิเคชั่น ShopBack เพื่อรับเงินคืนเข้าบัญชีเพิ่มอีกหนึ่งต่อ !!
.
#DKSHFair2020 #Lazada #Shopee #JD Central #ohlalastory
สินค้าอุปโภคบริโภค 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
โอกาสเติบโตไปกับประเทศจีน พร้อมลดหย่อนภาษีด้วย RMF
กองทุนบัวหลวง x ลงทุนแมน
ในช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 ได้ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศก็ได้แตกต่างกันออกไป
แต่หากให้เราพูดถึงประเทศที่กลับมาฟื้นตัวทั้งในด้านสาธารณสุข และเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของประเทศจีน
เรื่องดังกล่าวก็ได้สะท้อนไปยังดัชนีตลาดหลักทรัพย์ประเทศจีนอย่างดัชนี A-Shares ที่ได้ปรับตัวสูงขึ้น 8.6% เมื่อเทียบกับต้นปี
แล้วเราจะมีโอกาสการเติบโตไปกับเรื่องนี้ อย่างไรบ้าง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับดัชนีหุ้นจีน A-Shares กันก่อน
A-Shares เป็นดัชนีหุ้นจีนที่นำหุ้นทั้งหมดในสองตลาดหลักทรัพย์หลักนั่นก็คือ Shanghai และ Shenzhen มาคำนวณแบบถ่วงน้ำหนัก
โดยดัชนีดังกล่าวถือเป็นดัชนีที่มีจำนวนหลักทรัพย์ และมีมูลค่ามากที่สุดในบรรดาดัชนีทั้งหมดในประเทศจีน และได้ใช้สกุลเงินหลักในการซื้อขายก็คือ หยวน นั่นเอง..
แม้ว่าจะเป็นดัชนีใหญ่สุดในประเทศจีน แต่นักลงทุนทั่วโลกก็ยังให้น้ำหนักความสำคัญกับ A-Shares ในระดับที่ต่ำ เมื่อเทียบกับอิทธิพลของจีนบนเวทีโลกทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และมูลค่าทางการค้า
ตรงนี้เราสามารถเปรียบเทียบได้จากการที่ประเทศจีน
มีขนาดเศรษฐกิจ คิดเป็น 16.9% ของขนาดเศรษฐกิจทั่วโลก
มีมูลค่าการค้า คิดเป็น 10.2% ของมูลค่าการค้าทั่วโลก
มีการบริโภค คิดเป็น 11.6% ของการบริโภคทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ดัชนี MSCI AC World ที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานของหุ้นทั่วโลก กลับมีสัดส่วนหุ้นจีนจากดัชนี A-Shares อยู่เพียง 0.5%
ในขณะเดียวกัน A-Shares ก็ยังมีสัดส่วนการถือครองหุ้นจากนักลงทุนต่างชาติเพียง 3.3% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เราสามารถมองเรื่องดังกล่าวเป็นโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดแห่งนี้ตามการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศจีนในอนาคต
นอกจากนั้น ตลาดหุ้น A-Shares ก็ยังประกอบไปด้วยกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย เช่น เฮลธ์แคร์ เทคโนโลยี สินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม ซึ่งกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ก็เป็นเศรษฐกิจยุคใหม่ของประเทศจีน ที่กำลังเติบโต
แล้วเราจะเป็นส่วนหนึ่งกับการเติบโตของ A-Shares ได้อย่างไร?
หนึ่งในโอกาสการลงทุนกับหุ้น A-Sharesในช่วงนี้ ก็คือ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีนเอแชร์เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ B-CHINAARMF
กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนในรูปแบบ RMF ที่จะเข้าไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศกองทุนเดียวชื่อ Allianz China A-Shares ที่จะลงทุนในหุ้นจีนที่อยู่ในดัชนี A-Shares โดยเฉพาะ
สำหรับแนวทางการลงทุนของ Allianz China A-Shares จะโฟกัสการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีนวัตกรรมใหม่ ที่มีแนวโน้มที่จะก้าวไปเป็นแบรนด์พรีเมียมได้ในอนาคต
ทั้งนี้ก็เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรจีน ที่เติบโตสูงขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
โดยกองทุนดังกล่าวก็ได้ถูกบริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารหุ้นจีน
ทีนี้ เราลองมาดูตัวอย่างบริษัทที่ Allianz China A-Shares เข้าไปลงทุน เช่น
Luxshare Precision Industries ทำธุรกิจผลิตสินค้าให้กับ Apple
Citic Securities สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน
Ping An Insurance Group บริษัทประกัน และการเงินครบวงจร
Jiangsu Heng ผู้ผลิตไฮดรอลิกรายใหญ่สุดในประเทศจีน
ในขณะเดียวกัน Allianz China A-Shares ก็ยังกระจายการลงทุนไปยังหลายกลุ่มธุรกิจ โดยที่จะถือครองหุ้นราว 40 ถึง 60 บริษัทที่มีศักยภาพ และมีแนวโน้มในการเติบโตในระดับราคาที่เหมะสม
แล้วที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของ Allianz China A-Shares เป็นอย่างไร?
(อ้างอิงข้อมูลของกองทุน ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2020 ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ)
3 เดือน
Allianz China A-Shares 27.3%
เกณฑ์มาตรฐาน 16.0%
1 ปี
Allianz China A-Shares 38.6%
เกณฑ์มาตรฐาน 12.2%
3 ปี
Allianz China A-Shares 21.6% ต่อปี
เกณฑ์มาตรฐาน 2.0% ต่อปี
5 ปี
Allianz China A-Shares 13.5% ต่อปี
เกณฑ์มาตรฐาน -5.6% ต่อปี
10 ปี
Allianz China A-Shares 15.4% ต่อปี
เกณฑ์มาตรฐาน 4.9% ต่อปี
ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน
Allianz China A-Shares 13.9% ต่อปี
เกณฑ์มาตรฐาน 4.9% ต่อปี
จากผลตอบแทนข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่า Allianz China A-Shares เป็นหนึ่งในกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะในมุมมองการลงทุนเพื่อเป็นเงินออมระยะยาว
ซึ่งก็สอดคล้องกับการที่ กองทุนบัวหลวง เลือกกองทุนดังกล่าวมาเป็นกองทุนหลักใน B-CHINAARMF ที่นอกจากจะทำให้เราเติบโตไปกับเศรษฐกิจประเทศจีนในระยะยาวแล้ว เราก็ยังสามารถได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษี
ซึ่งนอกจากข้อดีในเรื่องของสิทธิการนำเงินลงทุนของเราไปลดหย่อนภาษีแล้ว
ค่าธรรมเนียมในการจัดการของกองทุนก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ และไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการขาย ซึ่งก็ถือว่าต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรายอื่นที่นำเสนอกองทุนในลักษณะเดียวกันในประเทศไทย
ถึงตรงนี้ เราก็สามารถสรุปได้ว่า B-CHIANAARMF เป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนระยะยาวกับธุรกิจในประเทศจีนที่กำลังเติบโต พร้อมกับเป็นเครื่องมือในการลดหย่อนภาษีให้เราได้ในเวลาเดียวกัน
สำหรับผู้ที่สนใจ B-CHIANAARMF กำลังจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม ถึง 3 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-674-6488 กด 8 หรือที่ธนาคารกรุงเทพ ทุกสาขา
คำเตือน: ผลการดำเนินงานในอดีต ไม่ได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน