[爆卦]สรุปแล้ว ภาษาอังกฤษ是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇สรุปแล้ว ภาษาอังกฤษ鄉民發文沒有被收入到精華區:在สรุปแล้ว ภาษาอังกฤษ這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 สรุปแล้ว產品中有374篇Facebook貼文,粉絲數超過0的網紅,也在其Facebook貼文中提到, #ออนเบชี้เป้า 💘 อัพเดทหลังกินครบ 3 เดือน! Vitamin Gummies ที่ถูกจริตที่สุดจากอเมริกา กินแล้วป่วยน้อยลงจนสั่งเพิ่มมาจุกๆ + แจกส่วนลดสูงสุด 35% 🍎✨🇺🇸 ถ...

 同時也有25部Youtube影片,追蹤數超過100萬的網紅LDA World,也在其Youtube影片中提到,ฉีดวัคซีนดีไหม? สรุปแล้ว Vaccine กับ COVID-19 อะไรน่ากลัวกว่ากัน? . ทุกวันนี้จากที่เคยกลัวโควิด กลับกลายเป็นกลัววัคซีนเสียเอง.... ทั้งคุณภาพของวัคซีน...

สรุปแล้ว 在 peach? ❹❷❽❾ Instagram 的最佳貼文

2021-08-18 08:36:24

🐷ซี่โครงหมูตุ๋นกิมจิ 🇰🇷 ชั้นคิดถึงเกาหลีแบบชักดิ้นชักงอ ร้านโปรดในห้างก็ปิด เศร้าาาาาาาาาา ปลุกวิญญาณซังกุงตุ๋น ชั่วโมงนึง ✨ ซอส - กระเทียมสับเยอะๆ ...

สรุปแล้ว 在 I Love Japan TH Instagram 的最讚貼文

2021-08-02 05:10:45

#บันทึกเอริค เราตั้งใจกันว่าจะไปพิพิธภัณฑ์ตำรวจกัน เอริคตั้งหน้าตั้งตาคอยเป็นอย่างมาก นั่งรถมา30นาที แต่ระหว่างกินข้าวที่ร้านอาหาร เอริคทำอย่างนึงที่...

สรุปแล้ว 在 กระแต อาร์สยาม ॐKT_Rsiam ॐ Instagram 的最佳貼文

2021-07-05 14:35:24

. . 📍แตรลงทุนซื้อสูตรที่ได้รางวัลที่ 1 ของโลก กับ 2 รางวัลเหรียญทอง จากสวิสและเกาหลี จดสิทธิบัตรและมีใบเซอร์พร้อม 🏆 ✔️สูตรเข้มข้นบำรุงลึกถึงเซลล์ราก...

  • สรุปแล้ว 在 Facebook 的最佳貼文

    2021-09-28 21:00:41
    有 465 人按讚

    #ออนเบชี้เป้า 💘
    อัพเดทหลังกินครบ 3 เดือน! Vitamin Gummies ที่ถูกจริตที่สุดจากอเมริกา กินแล้วป่วยน้อยลงจนสั่งเพิ่มมาจุกๆ + แจกส่วนลดสูงสุด 35% 🍎✨🇺🇸

    ถ้าใครเคยดูคลิปเก่าๆของออน หรือติดตามกันมา จะพอรู้ว่าออนชอบกิน Vitamin Gummies หรือ "วิตามินในรูปแบบเยลลี่" มากๆ เรียกว่ากินตลอด กินไม่เคยขาด และกินต่อเนื่องมา 5-6 ปีได้แล้ว เพราะส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบกินวิตามินที่เป็นเม็ดๆกับน้ำ รู้สึกเหมือนกินยา ทำให้ไม่มีความอยากกินเท่าไหร่ ส่วนพวกแบบผงชงน้ำ บางครั้งก็แอบขี้เกียจนั่นนี่ ก็เลยมีหลายครั้งที่ขี้เกียจจนลืมกิน

    จนหลายปีก่อนที่เริ่มกิน Vitamin Gummies และค้นพบว่าถูกจริตมากกก นี่คือทางออกของคนอยากกินวิตามิน แต่กินยาก ขี้เกียจ ชอบลืม หรือไม่มีอะไรดึงดูดใจแบบออนสุดๆ เพราะการกิน Vitamin Gummies มันได้ฟีลแบบกินขนม กินของหวาน เลยทำให้ออนอยากกินและไม่ลืมที่จะกิน

    ซึ่ง Goli คือแบรนด์วิตามินจากอเมริกาที่ฮิตมาก ดังมากกก และออนกินมาตลอดในช่วง 3 เดือนหลัง และกินแค่ตัวนี้ตัวเดียว เพราะอยากรู้ว่าผลลัพธุ์ของเค้าจะเป็นยังไง ดีจริงมั้ย กระแสรึเปล่า โดยตัวที่ออนกินก็คือ Apple Cider Vinegar (ACV) หรือน้องกระปุกแดง

    เผื่อใครยังไม่รู้จักแบรนด์นี้ จริงๆออนเคยทำ Full Review ไว้ก่อนแล้ว แต่วันนี้มาสรุปผลทั้งที ก็ขอแปะอัพเดทรวมทีเดียวไปเลย จะได้อ่านกันสะดวกๆค่ะ

    🍎 Goli คืออะไร? แบรนด์จากไหน?

    Goli เป็นแบรนด์วิตามินจากอเมริกาในรูปแบบกัมมี่ เหมือนเยลลี่หนึบหนับ จุดเด่นของแบรนด์คือเป็น Organic, vegan, gluten-free, non-gmo และ unfiltered ซึ่งเป็นแบรนด์แรกในโลกกับการเป็น Apple Cider Vinegar Gummy เหตุผลที่เกิดน้อง ACV ขึ้นมา เพราะทางแบรนด์พบว่ามีหลายศาสตร์ทางการแพทย์ที่ใช้ Apple Cider Vinegar ในการรักษาและบำรุงสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระบบการย่อย ระบบลำไส้ รวมถึงความอยากอาหาร และใน Gummy 1 ชิ้น ยังมีวิตามินอื่นๆเพิ่มเติมอย่าง Vitamin B9 และ Vitamin B12 รวมถึงสารสกัดจาก Pomegranate, Beetroot, Citric Acids และ Pectin นั่นเอง ดังนั้นในกระปุกนึงจะช่วยบำรุงหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การสร้างภูมิคุ้มกัน (Immunity), การเผาผลาญ (Metabolism), การควบคุมการอยากอาหาร (Appetite Control) รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่นด้วย Energy รวมถึง Antioxidant นั่นเอง

    🍎 กิน Goli ACV ครบ 3 เดือนแล้วเป็นยังไง?

    ด้วยความที่อยากรู้ว่ากินแล้วเป็นยังไง เห็นผลแค่ไหน เลยตัดสินใจหยุดวิตามินอื่นๆทั้งหมด และกินแค่น้อง ACV อย่างเดียว โดยออนกินวันละ 3-4 Gummies (สามารถกินได้มากสุดวันละ 6 Gummies) ซึ่งจากที่กินมาตลอด บวกกับการใช้ชีวิตของออนที่ผ่านมา

    ส่วนตัวรู้สึกว่า..ออนป่วยน้อยลง ปกติแล้วออนจะไม่ใช่คนป่วยใหญ่ๆถึงขนาดไปหาหมอหรือแอดมิท แต่มันจะเป็นป่วยแบบหมดแรง ป่วยเครียดแล้วนอนซม ป่วยแล้วนอนไม่หลับ แต่พอกินตัวนี้มา อาการพวกนั้นน้อยลงมาก เหมือนออนมีแรงเยอะขึ้น มี Energy แบบกระปรี้กระเป่า สดชื่นขึ้นมีพลังงานเหลือเยอะขึ้น ดังนั้นเลยคิดว่าตัวนี้เค้าช่วยเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันและการบำรุงสุขภาพโดยรวมทั่วไปได้จริงๆ

    ส่วนเรื่องการเผาผลาญและควบคุมความอยากอาหาร อันนี้พูดยากมาก เพราะตั้งแต่ออนทำ IF 16/8 และน้ำหนักลดมาสิบกว่าโล ออนมีวินัยในการกินขึ้นมากๆ ยังคงกินทุกอย่างที่ชอบ แต่อยู่ในช่วงเวลาที่กินได้ เพราะไม่อยากกลับไปน้ำหนักขึ้นเหมือนเดิม นึกออกมั้ยว่า..กว่าจะลงมาเท่านี้ มันไม่ง่าย แต่ถ้าถามว่าความอยากกินลดลงมั้ย ออนว่ามันลดลงนิดนึง คือบางครั้งดูแล้วอยากกิน น่ากิน แต่ไม่ได้ต้องการที่จะกิน คือมันคุมตัวเองได้ ส่วนเรื่องการเผาผลาญ อันนี้มองว่าน่าจะช่วยอยู่ เพราะออนทำ IF 16/8 มาปีครึ่งกว่าๆแล้ว บางคนก็คือไม่ลง น้ำหนักเด้ง แต่สำหรับออนคือน้ำหนักยังเท่าเดิม ไม่เด้งขึ้น และลดอยู่ในจุดที่พอใจคือ 42.5-43.5

    🍎 สรุปแล้ว..ถือว่าออนชอบ ถูกใจกับ Goli ACV มากกกก เพราะเป็นวิตามินรวมบำรุงร่างกายที่ทำให้อยากกินทุกวัน ด้วยความที่รสเค้าจะเปรี้ยวอมหวาน บวกกับความหนึบหนับของ Gummies ทำให้เสพติดการกินน้องเค้ามากๆ เฝ้ารอที่จะได้กินทุกวัน เลยกลายเป็นว่าคนที่กินวิตามินยากแบบออน กินได้ไม่เคยสม่ำเสมอแบบออน สามาราถ Enjoy การกินวิตามินได้แบบไม่เคยขาด ไม่เว้นซักวัน

    ตอนแรกแบรนด์ส่งมาให้ลอง 3 กระปุก จบที่ออน คุณแฟน และคุณแม่แฟนสั่งเพิ่มมาเองจุกๆอีก 11 กระปุก พร้อมได้กระปุกจิ๋วแบบ Travel Size แถมมา รอบนี้เลยตัดสินใจสั่งอีก 2 สูตรมาเพิ่มด้วย จะเป็นสูตร Ashwa น้องกระปุกฟ้า และสูตร Superfruit น้องกระปุกส้ม ความพีคคือ..เค้าส่งฟรีทั่วโลก เน้นว่าส่งฟรีทั่วโลกเลย ที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีค่ะ ทางแบรนด์จัดการให้หมด ถูกใจกับสิ่งนี้มาก!!

    ซึ่งตอนนี้ออนกินน้อง ACV กับน้อง Ashwa ควบกันอยู่ค่ะ เดี๋ยวลองกิน Ashwa อีกซักพัก แล้วจะมาอัพเดทนะคะ ว่าเป็นยังไง ผลลัพธุ์แบบไหน แต่คุณแฟนที่กิน Ashwa ไป บอกว่าเห็นผลดีมากกกก ช่วยผ่อนคลาย ช่วยคลายเครียด ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นสุดๆ

    ใครกำลังมองหาวิตามินที่กินง่าย อร่อย หรือเป็นคนกินวิตามินยาก อยากแนะนำตัวนี้เลย จากใจคนกินวิตามินยากมากๆคนนึง

    🍎 ราคา USD 19/กระปุก (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 600 บาท)
    🍎 จัดส่งฟรีทั่วโลกโดย DHL แบบไม่ต้องห่วงเรื่องภาษี ถ้าติดขัด สามารถติดต่อทางแบรนด์ได้ (อันนี้ออนอีเมล์ไปถามมาเอง เพราะตอนสั่งแอบกังวล)

    🍎 1 กระปุกมี 60 gummies
    🍎 พิกัดไปช๊อป >> https://go.goli.com/onnbaby ที่สำคัญอย่าลืมใส่ Code : Onnbaby นะคะ เพราะจะได้รับส่วนลดเพิ่มแบบคุ้มๆเลย (ทางแบรนด์ให้ Code ส่วนลดพิเศษมา)

    ใครอยากสั่งซื้อพร้อมส่วนลดสูงสุด 35% สามารถสั่งทาง Link ได้เลยนะคะ โปรโมชั่นนี้ตั้งแต่วันนี้ - 1 ตุลาคม 2021 เท่านั้น หลังจากนั้นจะเป็นส่วนลดปกติ 10% ค่ะ)

    Disclaimer : Non-sponsored. All opinions are my own.

  • สรุปแล้ว 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文

    2021-09-27 18:00:25
    有 4,328 人按讚

    สรุปประเด็นจากห้อง Clubhouse
    ทำไมเงินถึงไหลเข้ากองทุน ESG ถึง 1,000,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ?
    Clubhouse BBLAM x ลงทุนแมน

    ถ้าพูดถึง Theme การลงทุนพลังงานสะอาด หลายคนก็มักจะติดภาพความน่าเบื่อ และไม่ตื่นเต้น
    แต่หลังจากที่ ลงทุนแมน ได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์คือ คุณมทินา วัชรวราทร CFA®, Head of Investment Strategy กองทุนบัวหลวง ในวันพุธที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา

    ก็พบว่า Theme พลังงานสะอาด ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่หลายคนคิด นอกจากนั้นยังเป็น Theme ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงรอบใหญ่ของโลก และยังเกี่ยวโยงกับหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตในอนาคต อีกด้วย

    ความน่าสนใจของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร
    ลงทุนแมนจะมาสรุปให้ฟังง่าย ๆ 9 ข้อ..

    1. ทำไมกระแส ESG จึงกลายเป็นที่พูดถึงในตอนนี้ ?

    พลังงานสะอาดคือ เทรนด์การลงทุนที่สำคัญมากในอนาคต และไม่ใช่แค่เทรนด์ระยะสั้น
    สังเกตได้จากเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน ESG ทั่วโลกแตะ 1,000,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ อ่านว่า “1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ” เป็นครั้งแรก

    ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในยุโรป และการลงทุนใน ESG ยังให้ผลตอบแทนที่ดีด้วย จึงเป็นหลักของการลงทุนที่เรียกว่า Green and Great Return

    ถ้าเราลองมาดูผลตอบแทนของ กองทุน Pictet Global Environmental กองทุนรวมที่ลงทุนในธุรกิจที่ดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกองทุนหนึ่งที่ B-SIP เข้าไปลงทุน ก็ให้ผลตอบแทนดีในหลายไตรมาส

    และหากลงทุนตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนในปี 2014 ก็จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 14.92% ถือว่าทำได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับการลงทุนในดัชนีโลกที่มีทั้ง ESG และไม่มี ESG ที่ให้ผลตอบแทนเพียง 10%

    สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การลงทุนกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจที่ดูแลสิ่งแวดล้อมให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
    ก็เป็นเพราะว่าบริษัทที่ยึดหลัก ESG จะมีคุณภาพทั้งด้านรายได้ กำไร และผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น ดีกว่า บริษัททั่ว ๆ ไป

    ทำให้สามารถกำหนดราคาสูงขึ้นได้ ดึงดูดคนที่มีความสามารถเข้ามาร่วมงานได้ง่าย รวมทั้งยังมีโอกาสด้านต้นทุนการกู้ยืมที่ถูกกว่า เสียดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า และธนาคารปล่อยสินเชื่อง่ายกว่าอีกด้วย

    2. ทำไม พลังงานสะอาด จะเป็นการเปลี่ยนแปลงรอบใหญ่ของโลก ?

    สิ่งที่ทำให้ กองทุนบัวหลวงมองว่า พลังงานสะอาดจะไม่ใช่เทรนด์ระยะสั้น
    ก็คือการสังเกตคลื่นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ผ่านมาแล้ว 5 คลื่นด้วยกัน นั่นคือ
    - คลื่นที่ 1 คือ การปฏิวัติอุตสาหกรรม
    - คลื่นที่ 2 คือ การเริ่มใช้พลังงานไอน้ำ
    - คลื่นที่ 3 คือ การใช้รถยนต์แทนม้า
    - คลื่นที่ 4 คือ การเดินทางโดยเครื่องบิน
    - คลื่นที่ 5 คือ โลกออนไลน์ เช่น Microsoft, Facebook, Amazon, Netflix

    สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่กินระยะเวลายาวนานหลายสิบปี และนำมาซึ่งกิจการขนาดใหญ่ที่มีความมั่งคั่งมากขึ้น

    แต่ในโลกอีก 25 ปีข้างหน้า สิ่งที่จะกลายเป็นประเด็นสำคัญ และทั่วทั้งโลกกำลังเผชิญเหมือนกันอยู่ก็คือ “ภาวะโลกร้อน”

    เพราะฉะนั้น คลื่นที่ 6 ก็คือ “เทคโนโลยีพลังงานสะอาด” ซึ่งจะเป็นหนึ่งเทรนด์ต่อจากนี้ไปอีก 25 ปี พร้อม ๆ กับ Robotics, Drones, AI, IoT สิ่งนี้เองที่จะเป็นแนวทางให้เราได้ว่า โลกในอนาคตจะเป็นไปในทิศทางไหน แล้วเราควรจะลงทุนอะไรต่อไป

    3. สัญญาณสำคัญที่ชี้ว่า โลกกำลังอยู่ในช่วงต้น คลื่นที่ 6 พลังงานสะอาด คืออะไร ?

    กองทุนบัวหลวงมองว่า Megatrends จะต้องมี 3 องค์ประกอบ คือ
    1. ความร่วมมือระดับโลก
    2. การเห็นด้วยจากรัฐบาล
    3. ความร่วมมือภาคเอกชน

    เมื่อครบทั้ง 3 องค์ประกอบนี้ เงินลงทุนก็จะหลั่งไหลมายังเทรนด์นั้น ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งเทรนด์ ESG ตอนนี้มีครบทั้ง 3 องค์ประกอบเรียบร้อยแล้ว

    เริ่มต้นด้วยความร่วมมือระดับโลกคือ ข้อตกลง Paris Agreement จาก UN
    ที่ต้องการให้ประเทศต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อน

    ต่อมาคือ การขานรับนโยบาย จากรัฐบาลของประเทศมหาอำนาจ

    เราได้เห็นประเทศต่าง ๆ ในยุโรปมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น
    - European Green Deal เพื่อที่จะลดการปล่อยคาร์บอนให้เหลือศูนย์ ภายในปี 2050
    - European Climate Law กฎหมายที่พูดถึงการลดการปล่อยมลพิษลงอย่างน้อย 55% ภายในปี 2030

    นอกจากนี้มหาอำนาจอย่าง “สหรัฐอเมริกา” ก็ได้จัดตั้งแผนงบประมาณด้านสิ่งแวดล้อม เช่น
    - แผนที่ 1 วงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการผลิตรถยนต์ EV และแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน
    - แผนที่ 2 วงเงิน 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสีเขียว ซึ่งภายในปี 2035 สหรัฐอเมริกาตั้งเป้าจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 40% ของพลังงานทั้งหมด

    ขณะเดียวกัน มหาอำนาจซีกโลกตะวันออกอย่าง “จีน” ที่แม้จะยังคงใช้พลังงานถ่านหินเป็นหลัก แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าจะมีสัดส่วนพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2035 เป็นต้นไป

    โดยล่าสุดประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังกำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อม ไว้ในแผนการพัฒนาประเทศฉบับที่ 14 ซึ่งจะลดการปล่อยคาร์บอนต่อสัดส่วนของ GDP ลง 65% และจะเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน 25% ภายในปี 2030 อีกด้วย

    หรือประเด็นรถยนต์ไฟฟ้า แม้ในปี 2020 ยุโรปขายรถยนต์ EV ไปแล้ว 1.3 ล้านคน ขณะที่จีนขายรถยนต์ EV ไปแล้ว 1.2 ล้านคัน แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าจีนจะสามารถแซงหน้าและกินส่วนแบ่ง 20% จากตลาดรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2025 ได้ไม่ยากเลย

    4. แล้วภาครัฐและภาคเอกชน เชื่อมั่นใน Megatrends เรื่องพลังงานสะอาด แค่ไหน ?

    ผลสำรวจของ UBS หรือธนาคารเพื่อการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์
    ที่ได้สอบถามองค์กรต่าง ๆ ว่าอยากลงทุนใน Theme อะไรเป็นอันดับหนึ่ง
    ปรากฏว่า 2 ใน 3 ตอบว่า จะลงทุนในพลังงานสะอาด เพราะเป็นปัญหาที่โลกเราต้องแก้ไข และยังให้ผลตอบแทนที่ดีด้วย

    ซึ่งหากลงทุนในด้านพลังงานทดแทนเป็นระยะเวลา 5 ปี เมื่อเทียบกับการลงทุนในพลังงานแบบเก่า
    จะเห็นว่า ผลตอบแทนแตกต่างกันค่อนข้างมาก จุดนี้เองที่บอกว่ามันคือ Green and Great Return

    นอกจากนี้กองทุนใหญ่ ๆ ก็ประกาศเข้ามาลงทุนในเรื่องพลังงานสะอาดเช่นกัน

    เช่น Cathie Wood ผู้จัดการกองทุน ETF ARK
    ประกาศว่าจะทำกองทุน ETF ใหม่ ที่ใช้ ESG Score ทั้งสามด้าน
    คือ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
    โดยจะไม่ลงทุนในบริษัทที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือไม่ส่งผลดีต่อสังคม

    ขณะเดียวกัน กองทุนมหาวิทยาลัย Harvard ที่มีขนาด 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ประกาศหยุดการลงทุนในบริษัทที่ผลิตพลังงานฟอสซิลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    รวมทั้งบริษัทผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Saudi Aramco ก็ประกาศลงทุนในพลังงานสะอาด
    โดยลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในซาอุดีอาระเบีย

    นอกจากนี้ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ยังวางเป้าหมายประเทศว่าจะใช้พลังงานสะอาดให้ได้ 50% ภายในปี 2030 และจะไม่ได้ลงทุนแค่พลังงานลมและแสงอาทิตย์ แต่ยังลงทุนในพลังงานไฮโดรเจน อีกด้วย

    5. แล้วอะไรคือ ความเสี่ยงของเทรนด์ ESG และพลังงานสะอาด ?

    ความเสี่ยงของ ESG พลังงานสะอาดอย่างแรกคือ กองทุนที่เสนอขายเป็น ESG จริงหรือไม่ แล้วมีมาตรฐานขอบเขตการลงทุนด้านพลังงานสะอาดที่ชัดเจนจริง ๆ หรือไม่

    ความเสี่ยงที่สองคือ ต้องระวังว่าบริษัทที่เกี่ยวกับพลังงานสีเขียวนี้ มีราคาแพงไปแล้วหรือยัง มีฟองสบู่ที่เรียกว่า Green Bubble จากเม็ดเงินที่เข้าไปลงทุน 1.65 แสนล้านในปี 2019 และอีกกว่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 อยู่หรือไม่

    ดังนั้น วิธีการลงทุนที่สำคัญ คือ การเลือกกองทุนที่ใส่ใจเรื่อง Valuation และใช้เรื่องมูลค่ามาเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญในการลงทุน

    6. แล้วเราควรเลือกลงทุนใน ธุรกิจพลังงานสะอาด อย่างไร ?

    เราลองมาดูตัวอย่างธุรกิจที่เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้า การขนส่ง การทำการเกษตร ว่าจะสามารถ Green and Great Return ไปพร้อมกับการให้ผลตอบแทนที่ดีได้จริงหรือไม่

    เริ่มต้นที่ Orsted บริษัทพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกของเดนมาร์ก เดิมทีเคยเป็นบริษัทพลังงานถ่านหินเก่าแก่มาตั้งแต่ปี 1972 โดย 85% ของการผลิตไฟฟ้ามาจากฟอสซิล

    จากนั้นในปี 2008 ก็พลิกธุรกิจครั้งใหญ่มาสู่เส้นทางพลังงานสะอาด โดย 85% ของการผลิตไฟฟ้ามาจากพลังงานสีเขียว และเดินทางสู่การเป็นบริษัทพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดของโลกได้สำเร็จ

    ซึ่งรู้หรือไม่ว่า กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF บริษัทพลังงานของไทย ก็ได้ร่วมลงทุนใน Orsted เช่นกัน เพราะมองเห็นนวัตกรรมของพลังงานลมที่ดีที่สุดในโลกของ Orsted โดย 1/3 ของพลังงานลมของโลก มาจากบริษัทนี้

    ที่น่าสนใจก็คือ ราคาของพลังงานลม ถูกกว่า ราคาพลังงานของถ่านหินไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2018 และยังคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 พลังงานลมและแสงอาทิตย์จะเป็นแหล่งพลังงานที่ถูกที่สุดในโลก

    ในแง่ของ Green and Great Return อย่าง Orsted เริ่มเข้าตลาดปี 2016 ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ราคาปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 96% ต่อปี
    ขณะเดียวกันยังมีรายได้เติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปี และจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอย่างน้อยถึงปี 2050 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังมีโอกาสขยายตลาดไปยังประเทศต่าง ๆ ได้อีกมาก เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น

    7. ธุรกิจพลังงานสะอาดที่ไม่พูดไม่ได้ในตอนนี้ ก็คือ EV ?

    เราทราบดีอยู่แล้วว่า หนทางลดปัญหามลภาวะจากการใช้รถยนต์ก็คือ การหันมาใช้รถยนต์ EV หรือรถไฟฟ้า แต่สงสัยไหมว่า ทำไมเทรนด์นี้จึงกลายเป็นโอกาสลงทุนมหาศาลในอนาคต

    จากข้อมูลคาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ EV จะเพิ่มขึ้น 18 เท่าในอีกสิบปีข้างหน้า แสดงว่าอาจเพิ่มขึ้นสองเท่าทุก ๆ ปี ซึ่งในอนาคตรถยนต์ทั่วโลกจะกลายเป็นรถยนต์ EV อย่างน้อย 80%

    เหตุผลก็เพราะว่า ราคารถยนต์ไฟฟ้าจะถูกลงเรื่อย ๆ สังเกตได้จาก ลิเทียมไอออนแบตเตอรี่ ที่มีราคาถูกลง 88% เมื่อเทียบกับสิบปีก่อน หากราคายังคงลดลงเรื่อย ๆ ก็เชื่อว่า ราคารถยนต์ EV และรถยนต์สันดาป จะมีระดับราคาใกล้เคียงกัน

    นอกจากนี้ นโยบายของประเทศแถบยุโรปยังให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยจะยกเลิกการขายรถยนต์สันดาปแล้วจริง ๆ เช่น สวีเดน ประกาศยกเลิกในปี 2025 หรืออังกฤษ ก็ประกาศยกเลิกในปี 2035

    พอเป็นแบบนี้ แบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ จึงต้องปรับตัวกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เก่าแก่อย่าง Honda, Toyota หรือแบรนด์ใหม่อย่าง Tesla, BYD, XPeng แม้กระทั่งค่ายเก๋าอย่าง Harley-Davidson, Porsche ก็ต้องปรับตัวตามเช่นกัน

    ที่น่าสนใจก็คือ การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมรถยนต์รอบนี้ ทิศทางเงินลงทุนไม่ใช่แค่ส่วนของรถยนต์ EV เพียงอย่างเดียว แต่จะไปถึง Supply Chain ต่าง ๆ ทั้งหมด เช่น
    - บริษัทผลิตแบตเตอรี่
    - บริษัทชิป Semiconductor
    - บริษัท Software ที่ทำ ADAS (รถยนต์ไร้คนขับ Autonomous Driving) และบริษัท Simulation ทำการจำลองการขับรถ

    ทีนี้ลองมาดูตัวอย่างธุรกิจรถยนต์ EV ที่กองทุน B-SIP เข้าไปลงทุนกันบ้าง

    XPeng อ่านว่า เสี่ยวเผิง เป็นบริษัทรถยนต์ EV เน้นตลาดระดับกลางเเละระดับสูงในจีน ที่เรียกได้ว่าท้าชนกับ Tesla ได้เลย เช่น รถยนต์ EV รุ่น XPeng P7 ที่มีราคาเปิดตัวล้านกว่าบาท ชาร์จหนึ่งครั้งจะวิ่งได้ 700 กิโลเมตร โครงสร้างต่าง ๆ มาจากการออกแบบของวิศวกรที่มาจาก Apple, Tesla

    XPeng ยังใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ อย่าง 5G, AI ซึ่งตอนนี้ก็มีเทคโนโลยี Autonomous Driving เรียบร้อยแล้ว และยังใช้แบตเตอรี่ของ CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่จีนที่ใหญ่ที่สุด ที่เพียงใช้เวลา 30 นาที ก็สามารถชาร์จได้ 80% อีกด้วย

    ด้วยเหตุนี้ กองทุน B-SIP จึงไม่พลาดที่จะเข้าไปลงทุน IPO ปีที่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจพลังงานสะอาดที่มี Green and Great Return เลยทีเดียว

    8. นอกจาก พลังงานลม และรถยนต์ EV ยังมีธุรกิจไหนจะเป็นเทรนด์อนาคตได้อีกบ้าง ?

    เริ่มต้นด้วยเรื่องใกล้ตัว อย่างอาหารที่เรียกว่า “Beyond Meat” ซึ่งเป็นธุรกิจผู้ผลิตอาหารคล้ายเนื้อที่ไม่ได้มาจากเนื้อจริง ๆ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมเรื่องปัญหาดิน ปัญหาน้ำ และปัญหามลพิษ

    โดยในปี 2050 คาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก 2.8 พันล้านคน และจะตามมาด้วยปริมาณอาหารที่ต้องการเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

    หากเป็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ จำเป็นต้องใช้พื้นที่เลี้ยงสัตว์และปัจจัยต่าง ๆ มากกว่าการปลูกพืชอย่างมาก เช่น การเลี้ยงวัว จะใช้ที่ดินมากกว่า 18 เท่า รวมทั้งใช้น้ำและพลังงานมากกว่า 10 เท่า และยังจะปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซมีเทน ออกมาจากร่างกายอีกด้วย

    จึงไม่แปลกใจเลยว่า สัดส่วน 79% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการเกษตรมาจาก “การเลี้ยงสัตว์”

    ปัจจุบัน Beyond Meat กำลังขยายฐานลูกค้าได้ดี สังเกตได้จากแบรนด์อาหารต่าง ๆ ที่หันมานำเสนอผลิตภัณฑ์จาก Beyond Meat มากขึ้นทั่วสหรัฐอเมริกา

    เช่น แมคโดนัลด์, เอแอนด์ดับบลิว, Dunkin'
    และยังกระจายไปตามร้านสะดวกซื้อ ที่เราสามารถซื้อกลับไปปรุงอาหารที่บ้านได้เองอีกด้วย

    Beyond Meat กลายเป็นบริษัทที่น่าจับตามอง และเข้า IPO ในปี 2019 ที่มีมูลค่าบริษัท 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มาในปีนี้มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นมาเป็น 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นสองเท่ากว่า ๆ ภายในสองปี นอกจากนี้ยังมีรายได้ปี 2020 เติบโต 36% อีกด้วย

    นอกจากธุรกิจอาหารแล้ว ก็ยังธุรกิจอื่น ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น

    - Schneider Electric เป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ลิฟต์ ที่มีการคำนวณการใช้งานแบบประหยัดพลังงาน ซึ่งในอนาคตหากอาคารไหนเป็นอาคารประหยัดพลังงาน ก็จะสามารถเรียกค่าเช่าสูงขึ้นได้

    - Equinix เป็นบริษัทโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของโลก เป็นศูนย์จัดเก็บข้อมูลที่ไม่สามารถหยุดทำงานได้ ต้องใช้ไฟตลอดทั้งวันทั้งคืน ปัจจุบันบริษัทสามารถใช้พลังงานหมุนเวียน 92% ของพลังงานทั้งหมด

    - Ansys เป็นบริษัทจำลองผล จำลองสถานการณ์สำหรับรถยนต์, เครื่องบิน และอื่น ๆ เพื่อช่วยลดปริมาณการสูญเสียทรัพยากรในช่วงของการทดสอบ

    เช่น Dyson แบรนด์เครื่องเป่าผมของผู้หญิง ทำให้แห้งเร็วขึ้นและดีขึ้น
    Ansys เข้ามาช่วยคำนวณทิศทางลม, ลมแรง และค้นหาประสิทธิภาพที่ดีที่สุด โดยใช้ซอฟต์แวร์จำลองผลการทดสอบ ช่วยประหยัดทรัพยากร และประหยัดต้นทุนไปได้อย่างมาก

    สรุปแล้ว แค่ Theme พลังงานสะอาดอย่างเดียว ก็ทำให้เราเห็นโอกาสของธุรกิจหลากหลายสาขา
    ไม่ว่าจะเป็น การผลิตไฟฟ้าที่จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนด้วยพลังงานลม
    หรือจะเป็นการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์ที่จะเปลี่ยนทั้ง EV Supply Chain
    รวมทั้ง การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วยอุตสาหกรรมอาหาร และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือมากขึ้น นั่นเอง

    9. แล้วเราจะเข้าถึงโอกาสการลงทุนในบริษัทเหล่านี้ได้อย่างไร ?

    กองทุน B-SIP เป็นหนึ่งกองทุนเพื่อตอบโจทย์การลงทุนในพลังงานสะอาดโดยตรง และมีจุดเด่นด้วยสไตล์การลงทุนของกองทุนบัวหลวง ที่จะเฟ้นหาธุรกิจดีมีคุณภาพและเติบโต ซึ่งจะสร้างความแตกต่างจากกองทุนอื่นทั่วไป นั่นคือ

    1. เน้นลงทุนธุรกิจรักษาสิ่งแวดล้อม ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในอนาคตที่เรียกว่า Green and Great Return นั่นเอง

    2. มองว่าเทรนด์รักษาสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด จะเป็น Megatrends ของโลกที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น จึงเชื่อว่า Theme นี้มีความน่าสนใจและสามารถลงทุนระยะยาวได้

    3. เปลี่ยนภาพจำว่า การลงทุนในพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อมไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้นน่าเบื่อหรือหุ้นโครงสร้างพื้นฐานเสมอไป

    เพราะการลงทุนของ B-SIP ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นเติบโต มีนวัตกรรม มีเทคโนโลยี และยังคำนึงถึงการประเมิน Valuation ด้วย

    ถ้าฉายภาพใหญ่ ๆ ก็คือ กองทุน B-SIP จะลงทุนทั้งในฝั่ง Global Environmental Opportunities และ Clean Energy นั่นเอง

    โดยฝั่ง Global Environment จะมีสัดส่วนธุรกิจเทคโนโลยี 40% นอกจากนั้นจะเป็นบริษัทอุตสาหกรรม, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มเคมีภัณฑ์
    ซึ่งจะมีรูปแบบลงทุน Active Management เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า

    ส่วนในฝั่งของพลังงานสะอาด จะมีสัดส่วนธุรกิจเทคโนโลยี 48% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้เข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรม EV ทั้ง Supply Chain ราว 33% ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทฝั่งสหรัฐอเมริกา และยุโรป เพราะเป็นผู้นำเรื่องเทคโนโลยีพลังงานสะอาด

    เช่น Orsted ธุรกิจพลังงานลมนอกชายฝั่งมากว่า 10 ปี มีเทคโนโลยีน่าสนใจ และยังมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก

    ทั้งหมดนี้ จึงสะท้อนได้ว่า กองทุน B-SIP เป็นอีกหนึ่งช่องทางลงทุนใน Theme พลังงานสะอาดที่จะสร้างการเติบโตในระยะยาวได้แบบ Green and Great Return นั่นเอง..

  • สรุปแล้ว 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文

    2021-09-20 18:00:52
    有 2,034 人按讚

    สรุป SiriHub Investment Token โทเคนดิจิทัลแรกที่อ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ ช่วยให้คนทั่วไปได้รับส่วนแบ่งรายได้จากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์
    ลงทุนแมน X เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล

    มีเงินเพียงหลักสิบบาท ก็สามารถลงทุนเพื่อได้รับส่วนแบ่งรายได้จากค่าเช่าอสังหาฯ ได้ ประโยคนี้อาจดูเป็นไปไม่ได้ในสายตาคนส่วนใหญ่ แต่วันนี้ สิ่งนี้กำลังจะเกิดขี้นแล้วในประเทศไทย
    ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี โลกของการลงทุนก็ได้พัฒนาตาม
    ทำให้มีช่องทางการระดมทุนและลงทุนใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์นักลงทุน รวมถึงคนทั่วไปในปัจจุบันมากขึ้น
    ภาพจำเดิม ๆ ที่ว่าหากเราต้องการลงทุนในอสังหาฯ สักแห่ง เพื่อที่จะได้รับค่าเช่าที่จะเป็นกระแสเงินสดเข้ากระเป๋า
    เราก็ต้องมีเงินทุนหลักล้านบาทนั้น อาจไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
    เพราะสิ่งที่จะมาปูทางสร้างทางเดินใหม่ให้เกิดขึ้นในเมืองไทย
    และกลายเป็นการปฏิวัติการระดมทุนและการลงทุนของวงการอสังหาฯ คือ SiriHub (สิริฮับ)

    SiriHub เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token)
    ที่อ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์
    หรือที่เรียกว่า Real Estate-backed Token
    และรู้หรือไม่ว่า SiriHub ยังถือเป็น Real Estate-backed Token ตัวแรกของประเทศไทยที่ได้รับการอนุญาตจาก ก.ล.ต. อีกด้วย

    แล้วโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน คืออะไร ?
    โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนคือโทเคนดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนเทคโนโลยี Blockchain และมีกลไกการให้สิทธิแก่ผู้ถือโทเคนผ่านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง โปร่งใส และสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ตลอดเวลา
    ซึ่งผู้ถือโทเคนดิจิทัลจะได้รับสิทธิในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการ เพื่อรับผลตอบแทนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ส่วนแบ่งรายได้จากค่าเช่า หรือสิทธิอื่นใด ตามที่กำหนดไว้ใน White Paper หรือหนังสือชี้ชวน

    คล้าย ๆ กับการถือหุ้นในบริษัท ที่ทำให้ผู้ถือหุ้นมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการ มีสิทธิในส่วนแบ่งกำไรและได้รับเงินปันผลจากบริษัท

    เพียงแต่การถือโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน ปกติแล้วผู้ถือโทเคนดิจิทัลจะมีเพียงสิทธิในการร่วมลงทุนเฉพาะในโครงการนั้น ๆ ที่เราสนใจ และรับผลตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ แต่ไม่ได้มีสิทธิในการเป็นเจ้าของโครงการแต่อย่างใด

    สำหรับโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน SiriHub ออกโดยบริษัท เอสพีวี 77 จำกัด
    และเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกโดยบริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด (XSpring Digital)
    ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.
    โดยมีความเชี่ยวชาญในการเป็นที่ปรึกษาด้านการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคนดิจิทัล
    และมีทรัสตีคือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เก็บทรัพย์สินและกำกับดูแลการดำเนินงานของผู้ออกโทเคนดิจิทัลให้เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือชื้ชวน

    ซึ่งวัตถุประสงค์ของการออกโทเคนดิจิทัล SiriHub ก็เพื่อระดมทุนเป็นจำนวน 2,400 ล้านบาท ประกอบด้วย

    (1) การลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินจำนวน 2,186 ล้านบาท โดย
    (ก) ลงทุนในสัญญา RSTA (Revenue Sale and Transfer Agreement) เพื่อรับกระแสรายรับ เช่น ค่าเช่า รายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการ และผลตอบแทนอื่น ๆ จากกลุ่มอาคารสำนักงาน “Siri Campus (สิริ แคมปัส)” จากบริษัท สิริพัฒน์ โฟร์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโครงการ
    (ข) ลงทุนในหุ้นร้อยละ 100 ของบริษัท สิริพัฒน์ โฟร์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในกลุ่มอาคารสำนักงาน สิริ แคมปัส และโอนเข้ามาเป็นทรัพย์สินของกองทรัสต์

    (2) การชำระต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัล ชำระคืนเจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนครั้งนี้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทผู้ออกโทเคนดิจิทัลจำนวน 214 ล้านบาท

    ซึ่งผลประโยชน์หลัก ๆ ที่ผู้ถือโทเคนดิจิทัล SiriHub ได้รับก็คือกระแสรายรับสุทธิที่ได้จากกลุ่มอาคารสำนักงาน Siri Campus ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้อ้างอิงในการระดมทุนนี้

    แล้ว Siri Campus น่าสนใจขนาดไหน?
    Siri Campus เป็นกลุ่มอาคารสำนักงาน ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพสูงอย่าง T77 Community ในซอยสุขุมวิท 77 ที่เป็นเมืองต้นแบบแห่งอนาคตในย่านอ่อนนุช บนพื้นที่ 7 ไร่ 1 งาน 42.2 ตารางวา
    ซึ่งในย่านนี้ รายล้อมไปด้วยแหล่งที่อยู่อาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
    ทั้งรถไฟฟ้า BTS ไลฟ์สไตล์คอมมิวนิตีมอลล์ “HABITO Mall” โรงเรียนนานาชาติ “Bangkok Prep International School” และอื่น ๆ อีกมากมาย

    โดย Siri Campus มีทั้งหมด 5 อาคาร ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นออฟฟิศยุคใหม่
    ที่เน้นคำนึงถึงการทำงานของคนรุ่นใหม่ ผ่านการดีไซน์พื้นที่ทำงานและสภาพแวดล้อมให้มีความยืดหยุ่น จนเกิดการ Collaboration และสื่อสารกันได้ตลอดเวลา เพื่อกระตุ้นให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ และความคิดสร้างสรรค์
    มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ห้องสมุด ฟิตเนส และสวน
    เป็นสถานที่ซึ่งรวมพื้นที่ทำงานและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตไว้ในที่เดียวกันได้อย่างลงตัว

    นอกจากนี้ Siri Campus ยังถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
    ด้วยการสอดแทรกธรรมชาติ ไว้ทุกพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
    และติดตั้งนวัตกรรมที่แปลงแสงและลมให้เป็นพลังงานยามค่ำคืน เช่น แผง Solar Cell

    ที่สำคัญ กลุ่มอาคารสำนักงาน Siri Campus ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
    ที่เป็นผู้เช่าระยะยาว ด้วยสัญญาเช่า 12 ปี ยังเป็นอาคารที่ได้รับการประเมินมาตรฐาน Fitwel Certificate ระดับสูงสุด 3 ดาวจากองค์กร Center for Active Design (CfAD) ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นโครงการที่ส่งเสริมสุขภาวะที่ดีต่อผู้ใช้อาคาร ทั้งด้านส่งเสริมสุขภาพ และประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี

    สรุปแล้ว ผู้ถือโทเคนดิจิทัล SiriHub ก็จะได้รับผลตอบแทนส่วนหนึ่งมาจากส่วนแบ่งค่าเช่าจากสัญญาเช่าระยะยาวของแสนสิริ นั่นเอง

    ซึ่ง SiriHub มีอายุโครงการ 4 ปี (เว้นแต่มีการต่ออายุโครงการ เนื่องจากเหตุจำเป็นตามที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน) โดยในปีสุดท้ายของโครงการ ผู้ออกโทเคนดิจิทัลจะดำเนินการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการ เพื่อนำมาจัดสรรเป็นส่วนแบ่งรายได้ ให้แก่ผู้ถือโทเคนดิจิทัลตอนครบกำหนดอายุโครงการ

    แล้วผู้ถือโทเคนดิจิทัล SiriHub จะได้รับผลตอบแทนอย่างไร ?
    โทเคนดิจิทัลของ SiriHub จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ SiriHubA และ SiriHubB
    โดยทั้งสองประเภท เสนอขายในราคา 10 บาทต่อโทเคน

    1) SiriHubA จำนวน 160 ล้านโทเคน (มูลค่าเสนอขาย 1,600 ล้านบาท)
    ผู้ถือจะได้รับส่วนแบ่งรายได้ เป็นรายไตรมาส (ทุก ๆ 3 เดือน) ไม่เกิน 4.5% ต่อปี และได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการจําหน่ายทรัพย์สินโครงการ สูงสุดไม่เกิน 1,600 ล้านบาท ก่อนผู้ถือโทเคนดิจิทัล SiriHubB
    พร้อมกับมีสิทธิในการลงมติอนุมัติให้มีการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการ
    หากรายได้ส่วนสุดท้ายที่ได้รับจากการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท

    2) SiriHubB จำนวน 80 ล้านโทเคน (มูลค่าเสนอขาย 800 ล้านบาท)
    ผู้ถือจะได้รับส่วนแบ่งรายได้ เป็นรายไตรมาส (ทุก ๆ 3 เดือน) ไม่เกิน 8.0% ต่อปี
    และได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการจําหน่ายทรัพย์สินโครงการ เฉพาะส่วนที่เกิน 1,600 ล้านบาทเป็นต้นไป ต่อจากผู้ถือโทเคนดิจิทัล SiriHubA
    แต่จะไม่มีสิทธิในการลงมติอนุมัติให้มีการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการ
    หากรายได้ส่วนสุดท้ายที่ได้รับจากการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท

    มาถึงตรงนี้สรุปได้ว่าโทเคนดิจิทัล SiriHub มีความน่าสนใจหลากหลาย เช่น
    - ได้รับส่วนแบ่งรายได้เป็นรายไตรมาส ซึ่งไม่เกิน 4.5% หรือ 8.0% ต่อปี ขึ้นอยู่กับประเภทของโทเคนดิจิทัล
    - ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการเมื่อสิ้นสุดโครงการ
    - อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้อ้างอิงมีผู้เช่าระยะยาว โดยผู้ถือโทเคนจะได้รับมีส่วนแบ่งรายได้มาจากค่าเช่า Siri Campus ที่มีแสนสิริ เป็นผู้เช่าระยะยาว 12 ปี ซึ่งปัจจุบันเหลือระยะเวลาการเช่าอีก 10 ปี และแสนสิริได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ จาก Tris Rating
    ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับกระแสเงินสดที่ค่อนข้างแน่นอน
    - ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Blockchain และ Smart Contract ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความโปร่งใสในเรื่องของการทำธุรกรรม การใช้สิทธิ และการจัดสรรผลตอบแทน
    - เป็นโทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก็คือ สัญญา RSTA และทรัพย์สินโครงการ Siri Campus
    จึงมีความเสี่ยงต่ำกว่าโทเคนดิจิทัลที่ไม่มีอะไรมาอ้างอิง
    - ถูกต้องตามกฎหมายไทย และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.
    - สามารถลงทุนเริ่มต้นเพียง 10 บาท และสามารถลงทุนได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ
    ทำให้เกิดการกระจายโอกาสการลงทุนไปยังนักลงทุนรายย่อยมากขึ้น
    ผู้ลงทุนธรรมดาที่ไม่มีทรัพย์สินมากก็สามารถลงทุนเพื่อรับส่วนแบ่งรายได้จากค่าเช่าจากอสังหาฯ ได้
    - มีสภาพคล่อง ด้วยการซื้อขาย SiriHub ในตลาดรอง
    ซึ่งสามารถซื้อขายโทเคนดิจิทัล ได้ในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น ERX ที่เปิดบริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

    ทั้งนี้ SiriHub Investment Token ทั้งสองประเภท ปัจจุบันผ่านการอนุมัติจาก ก.ล.ต. แล้ว และจะเปิดให้จองซื้อ ICO ระหว่างวันที่ 21 กันยายน 2564 เวลา 00.01 น. - 4 ตุลาคม 2564 เวลา 15.30 น. ผ่านแอปพลิเคชัน XSpring
    โดยมีมูลค่าการจองซื้อขั้นต่ำเพียง 10 บาทต่อโทเคน (ชำระเป็นเงินบาทเท่านั้น)
    โดยนักลงทุนรายย่อยจะสามารถลงทุนได้ไม่เกินรายละ 300,000 บาทต่อโครงการ ตามกฎของ ก.ล.ต. ในขณะที่ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ นิติบุคคลร่วมลงทุน หรือกิจการเงินร่วมลงทุน สามารถลงทุนได้ไม่จำกัดจำนวน

    อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจสงสัยว่า
    แล้วการลงทุนใน SiriHub จะต่างจากการลงทุนใน REITs (ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์) อย่างไร ?

    จริง ๆ แล้ว Real Estate-backed Token จะมีความคล้ายคลึงกับกอง REIT
    แต่ยังมีจุดที่แตกต่างกันไปตามกฎเกณฑ์ของแต่ละประเทศ
    อย่างในประเทศไทยมีจุดที่ต่างกันคือ ส่วนใหญ่ REITs จะลงทุนในอสังหาฯ หลายประเภทหรือหลายโครงการ และสามารถเพิ่ม-ลดทรัพย์สินในกองทรัสต์ได้ อีกทั้งนักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าลงทุนได้ไม่จำกัดมูลค่า
    แต่ Real Estate-backed Token ส่วนใหญ่จะเข้าลงทุนในทรัพย์สินหรือโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น
    และไม่มีการเพิ่ม-ลดทรัพย์สิน รวมถึงนักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนได้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อโครงการ
    และความต่างที่สำคัญก็คือเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง โดย Real Estate-backed Token จะใช้เทคโนโลยี Blockchain และ Smart Contract ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความโปร่งใสในการทำธุรกรรม การใช้สิทธิ และการจัดสรรผลตอบแทน นั่นเอง..

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับ SiriHub ได้ที่ https://xspringdigital.com/th/project/sirihub

    นักลงทุนที่สนใจลงทุนในโทเคนดิจิทัลผ่าน XSpring Digital สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน XSpring ได้ที่ http://onelink.to/efumnu
    และดูวิดีโอคำแนะนำการเปิดบัญชีกับ XSpring Digital ได้ที่ https://youtu.be/bPSTTUTDgxI

    คำเตือน: ก่อนตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนเพื่อทำความเข้าใจลักษณะของผลิตภัณฑ์ เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

  • สรุปแล้ว 在 LDA World Youtube 的最佳貼文

    2021-04-27 22:23:02

    ฉีดวัคซีนดีไหม?
    สรุปแล้ว Vaccine กับ COVID-19 อะไรน่ากลัวกว่ากัน?
    .
    ทุกวันนี้จากที่เคยกลัวโควิด กลับกลายเป็นกลัววัคซีนเสียเอง....
    ทั้งคุณภาพของวัคซีน, ความเสี่ยง และผลข้างเคียงที่ตามมา
    .
    ส่วนเชื้อไวรัสก็ยังระบาดอยู่ และการรักษาที่ดีที่สุดในตอนนี้ คือการฉีดวัคซีนเท่านั้น
    ถ้าถึงเวลาที่ต้องฉีด เราควรดูหรือเลือกวัคซีนอย่างไร?
    .
    สุดท้ายแล้ววัคซีนจะปลอดภัยจริงไหม? ควรกังวัลอะไรมากกว่ากัน
    @oil-LDA มาชวนคุยและทำความเข้าใจเรื่องวัคซีน ใน #FasterFuture EP. นี้ไปด้วยกันค่ะ
    .
    ขอบคุณข้อมูลจาก
    ?? https://www.facebook.com/ThaiMedicalStudents/
    ?? https://www.facebook.com/thinkfuturegroup

    #โควิด-19 #COVID-19 #วัคซีนโควิด
    #Covid19Vaccine #FutureIsFun #OilLDA
    -------------------------------------------------------------
    ABOUT US
    Instagram: http://www.instagram.com/ldaworld
    Facebook: http://www.facebook.com/LDAworld
    Twitter: http://twitter.com/ldaworlds
    Blog: http://www.ldaworld.com

    PODCAST
    Spotify : https://spoti.fi/2v8nNY9
    Apple Podcast : https://apple.co/35NteJc
    Podbean : https://ldapodcast.podbean.com

    ติดต่องาน/ลงโฆษณา : contact@flourish.co.th
    โทร : 086-363-6683

  • สรุปแล้ว 在 แมวดํานําโชค Youtube 的最佳貼文

    2020-08-27 11:54:40

    อย่าลืมนะเลขขึ้น 14 ค่ำ!! หวยลาววันนี้ 2 แอดมิน จิ้มพารวย vs แอดวินัย ได้ตรงกัน?
    สมัครวีไอพี https://www.youtube.com/channel/UCLPHjuxfkfvKsKJJuuGGC8A/join
    แมวดำนำโชค ช่องยูทูป ทีจัดทำข้อมูล รวบรวมสถิติ รางวัลที่ 1 สูตรสถิติ สลากกินแบ่งรัฐบาล สลากออมสิน สลาก ธกส ข้อมูลการลงทุน ต่างๆรวมถึง เลขซอง การรีวิว เลขซอง ที่เป็นแนวทาง สำหรับ การซื้อสลากกินแบ่งฯ แต่ละงวด เราสนับสนุนรัฐบาล ให้ซื้อสลากของรัฐบาลเท่านั้น
    แมวดำนำโชค ยังสนับสนุนช่วยเหลือ องค์กร การกุศล เช่น WDT แมวจร และ สุนัขจรจัด เป็นต้น

    คำแนะนำ : โปรดใช้ข้อมูล อย่างระมัดระวัง
    ข้อมูลเป็นเพียงการนำเสนอ ทางสถิติและความน่าจะเป็นของตัวเลขเท่านั้น
    ขอบคุณทีติดตามรับชม และสนับสนุนช่องของเรา
    #คู่มือเสี่ยงโชค,#โกญจาพาโชค,#แมวดำนำโชค

  • สรุปแล้ว 在 Ceemeagain Youtube 的精選貼文

    2020-07-31 20:00:11

    AI คืออะไร ?
    ทำไมช่วงนี้ถึงมีแต่คนพูดถึง !?

    บางทีจุดเริ่มต้นมันอาจจะไม่ใช่แค่ชัยชนะของ Alpha Go ที่พลิกกลับมาทำให้ผู้คนส่วนมากเริ่มหันมาสนใจ AI มากยิ่งขึ้น จริง ๆ แล้ว ‘คุณ’ หรือเปล่า? ที่สอนให้ปัญญาประดิษฐ์ เก่งขึ้นในทุกวัน

    ทุกวันนี้ AI อยู่ส่วนไหนของชีวิตเราบ้าง ? เราจะมีความรักกับ AI ได้ไหม?

    AI สามารถออกแบบชีวิตให้เราได้หรือเปล่า สร้างสรรค์ตัวตนแบบใหม่ให้เรา ไม่มุมที่เราไม่เคยเป็นได้ไหม กับวงการแฟชั่น

    สรุปแล้ว AI ไ ก ล หรือใกล้ เรากันแน่?
    ขอเชิญรับชมคลิปจาก AI Virtual Seminar 2020 หรือโครงการสัมมนา AI แนวใหม่ครั้งแรกของไทย ตอนที่ 1 แล้วมีความคิดเห็นมุมมองอย่างไรมาคุยกันต่อในกลุ่ม Community ของเรากัน

    ลงทะเบียนเลย https://line.amn-corporation.com/nia/register

    Please Subscribe:
    http://Youtube.com/chatpawee
    http://Facebook.com/chatpawee
    http://Twitter.com/ceemeagain

    ติดต่อโฆษณากับรายการ : Sociallab.co.ltd 091-819-7925

    --------------------------------------------------
    #AIVirtualSeminar2020 #AIVirtualSeminar

你可能也想看看

搜尋相關網站