แบ่งปันความรู้สึกดีๆ ..

"เราเป็นเลิศที่สุดในโลก ประเสริฐที่สุดในโลก การเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเรา"

เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงเปล่งพระวาจา หลังจากที่พระองค์ทรงประสูติ และทรงดำเนินด้วยพระบาท 7 ก้าว โดยมีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับพระบาท

ณ ที่แห่งนี้ คือ สวนลุมพินีวัน หนึ่งในสี่สังเวชนียสถาน สถานที่สำคัญของพระพุทธศาสนา

ณ วันที่ 6 ของการเดินทางบนเส้นทางเเห่งศรัทธา กับ ธรรมดีทัวร์

คณะของเราได้มีโอกาสมาเยี่ยมชม สวนลุมพินีวัน วิหารมายาเทวี สระโบกขรณี และเสาอโศก

เรื่องราวประวัติเเต่ละสถานที่ เราสามารถหาอ่านได้ในเน็ต ในกูเกิ้ล

เเต่สิ่งหนึ่งที่เราหาไม่ได้ และไม่มีทางได้รับรู้ คือ...

ความรู้สึกในจิตใจ และประสบการณ์ต่างๆ เมื่อตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ ได้หล่อหลอม สัมผัส ผสมผสาน เป็นหนึ่งเมื่อยามได้มายังสถานที่เหล่านี้

บริเวณนี้คือ สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า

การเดินทางมาสักการะ ณ ที่แห่งนี้ ในความรู้สึกของกิ๊บ มันช่างยิ่งใหญ่มาก เหมือนว่าเรามาเกิดใหม่

เกิดใหม่ของกิ๊บ คือ การเห็นคำสอนของพระพุทธองค์ การได้รับรู้เรื่องราวของพระองค์ท่าน และการตั้งมั่นในความดี และหมั่นนำคำสอนน้อมเข้ามาในใจตนเอง

ทุกขณะที่เดินย่างก้าวเข้าสถานที่เเห่งนี้ เราเหมือนค่อยๆ เข้าใกล้พุทธองค์มากขึ้น

ภายนอกวุ่นวาย หากแต่ภายในใจกลับสงบ

ที่นี่...กิ๊บประทับใจ ตรงที่คณะเรามีการร้องเพลง 'ค่าน้ำนม' ตอนเเรกๆ ก็เฉยๆ พอหันไปเห็น พี่ๆ ที่เขามาพร้อมกับคุณเเม่ และคุณพ่อ กราบเท้าท่าน กอดกัน

เราอยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ก็สุดจะกลั้น น้ำตามันไหลเอง มันเป็นความปลื้มปิติ เรารู้สึกว่ารักพ่อกะแม่จัง และคิดถึงท่านมากมาย

ในฐานะที่เราได้มีโอกาสมา ก็ขอเป็นตัวเเทนผู้มีพระคุณทุกท่าน ทำบุญทำทานภาวนาเท่าที่ตัวเราจะทำได้

การมาสี่สังเวชนียสถาน อินเดีย เนปาล ในครั้งนี้ ถือว่าคุ้มที่สุดแล้วในการเกิดมาชาติหนึ่ง

ดีใจ ที่ได้มาพร้อมกับกัลยาณมิตรที่น่ารักทุกท่าน
ดีใจ ที่ได้มาพร้อมกับเจ้านายผู้มีบุญ Danai Chanchaochai

ทำให้การเดินทางมาอินเดียครั้งนี้ มีเเต่ความสบาย ตั้งเเต่การเดินทาง การกิน การนอน ความรู้สึกอบอุ่น เหมือนเดินทางกับญาติ และความรู้ที่ได้รับจากพระวิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งสองท่าน

สุดท้าย... ข้อคิดที่ได้จากพระมหาน้อย เจ้าอาวาสวัดไทยนิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์ เนปาล

ท่านเมตตาให้ข้อคิดว่า...
สถานที่ประสูติของพระพุทธองค์

คือ การหันกลับมาพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา
พัฒนาทั้งกาย และใจ ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น

และเเล้วครั้งหนึ่งจึงได้ชื่อว่า...

เราโชคดีมากเเค่ไหน ที่ได้มาสี่สังเวชนียสถาน อินเดีย เนปาล กับธรรมดีทัวร์

ขอบคุณรูปสวยๆ จากพี่ป๋อ แะคุณเเม่จ๊ะค่ะ 😄😄

The best of Indai - Napal#6
24 ธ.ค. 60 - 2 ม.ค. 61

พระปางนาคปรก คือการแสดงความเป็น "พญานาคราชผู้พิทักษ์ เคยมีอยู่จริง เคยเกิดขึ้น เมื่อครั้งในสมัยพุทธกาล"
โดยมีต้นเรื่องตามพุทธประวัติมีอยู่ว่า
...พญามุจลินทนาคราช บังเกิด ณ สระโบกขรณี (สระบัวหรือตระพังน้ำ) ซึ่งอยู่ใกล้ต้นจิกที่ประทับของพระพุทธองค์ หลังจากที่ประทับภายใต้ต้นอัชปาลนิโครธ (ต้นไทร) ครบ 7 วันแล้ว ได้เสด็จไปสู่มุจลินท์ไม้จิก (ต้นจิก) ประทับภาคใต้ร่มไม้จิกอีก 7 วัน ระหว่างนั้นมีเมฆครึ้มและฝนตกตลอดทั้ง 7 วัน พญามุจลินทนาคราช ทราบเหตุแห่งความแปรปรวนดังกล่าวจึงขึ้นมาจากสระ ก็แลเห็นบุรุษหนึ่งนั่งอยู่ใต้ต้นจิก ลักษณะงดงามเปล่งปลั่ง นึกในใจว่า “ท่านผู้นี้มีสิริวิลาศเลิศ ชะรอยจะเป็นเทพยดาพิเศษ ประดับด้วยฉัพพรรณรังสี” ก็ทราบชัดว่าเป็น “พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้” และที่เสด็จมาสู่นิวาสสถานแห่งตนนั้นก็ด้วยพระมหากรุณา เป็นมหาบุญลาภอันใหญ่ยิ่ง สมควรที่ตนจะต้องช่วยปกป้องมิให้พระองค์ถูกต้องลมฝน จึงเข้าไปขดขนดกายได้ 7 รอบ แวดล้อมองค์พระศาสดา แล้วแผ่พังพานอันใหญ่ขึ้นป้องปกเบื้องบน เพื่อให้พ้นจากแดด ลม และฝน ทั้งป้องกันเหลือบ ยุง ริ้น ไร และสัตว์เลื้อยคลานทั้งมวล ครั้งฝนหายแล้ว พญามุจลินทนาคราชจึงคลายขนดจากที่ล้อมพระวรกายพระพุทธเจ้า จำแลงเพศเป็นมาณพน้อยน้อมกายถวายอัญชลีเฉพาะพระพักตร์สมเด็จ พระสัพพัญญู ด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า

พระพุทธจริยาที่เสด็จประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขภายในวงขนดของพญานาคมุจลินทนาคราช ที่ขดแวดล้อมพระกายอยู่นี้เอง เป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปขึ้นมา เรียกว่า “ปางนาคปรก”
หากศรัทธาสาธุชน ชาวพุทธ มั่นคง ในพระพุทธศาสนา สร้างบุญสร้างกุศล ยึดมั่นในศีลในธรรม แล้ว มีความศรัทธา ในพญานาคราช ว่าท่านมีอยู่จริง ระลึกนึกถึง บูชาท่านในคุณความดีของท่าน ปาฏิหาริย์ ใน บารมี แห่งพญานาคราช จะบังเกิดขึ้นกับท่านครับ
ลักษณ์ เรขานิเทศ
ภาพ พระนาคปรก ทองคำ สมัยอยุธยา /พระนาคปรกแกะจากงากำจัดงากำจายของพญาคชสาร หลวงพ่อเดิม
#โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ