หนีฝรั่งไปเที่ยวฟาร์มกับเพื่อนคนไทย (ภาคต่อ)
รอบนี้พากันเก็บผักเมืองนอก ตื่นเต้นผักแปลก ๆ เยอะแยะไปหมด
.
Picking Vegetable at Bells Farm Shop, UK
Location : Stourport-on-Severn DY13 9SA
Open 9am-5pm, 7 days a week
ราคาผัก ณ วันที่ 15/08/2021
.
👉 ราคาโคราบี้ กิโลกรัมละ 1.50 ปอนด์ หรือ 60 บาท (ใช้แทนเส้นมะละกอ)
👉 ราคา Marrow ตกลูกละ 1 ปอนด์ 40 บาท (เอาไปต้มจะได้รสชาติเหมือนฟักบ้านเรา)
.
คลิปนี้แขมรไปช่วงบ่ายแล้ว แถมฝนตกด้วย ก็จะไม่ได้พาดูผักอย่างอื่นมาก
ไว้ถ้ามีโอกาสจะไปถ่ายคลิปสวนผักเมืองนอกมาให้ชมกันแบบจุก ๆ เลยค่า
.
#เก็บผักเมืองนอก
#PickingVeggies
#แขมรอินเตอร์

วันนี้คงไม่มีประเด็นไหนใหญ่กว่าเรื่องนี้แล้ว (ประเทศนี้มันอะไรวะ มีข่าวใหญ่แม่งแทบทุกวัน)
ล่าสุดตามที่เป็นข่าวว่ามีมติแบนการใช้สามสารนี้ จะมีผลกระทบยังไงกับสังคมไทยมั่ง ขอแสดงความเห็นในมุมคนที่เคยสัมผัสคนไข้ที่รับสารพาราควอทนะ

1. ในส่วนพาราควอท ตัวนี้ที่ยกเลิกไป ไม่ค่อยกระทบกับผู้บริโภคในแง่สุขภาพ เพราะตัวนี้ไม่ปนเปื้อนในผักผลไม้ แต่หลักๆมันจะไปปนเปื้อนในดิน แต่ตัวนี้ที่เป็นปัญหาในแง่ของสุขภาพ คือมีการใช้ในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเอาไปใช้ฆ่าตัวตาย หรือสัมผัสสารพิษโดยอุบัติเหตุ เช่น พ่นพาราควอทโดยไม่มีความรู้ ไม่ใส่ชุดป้องกันที่เหมาะสม จนสัมผัสพาราควอทในปริมาณที่เพียงพอจะถึงแก่ชีวิตได้ และความน่ากลัวของพาราควอทที่ต่างจากตัวอื่นๆ คือ เป็นสารพิษที่ ไม่มียาต้านพิษหรือวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพ ถ้าได้รับสารตัวนี้เข้าไปถึงโดสอันตราย โอกาสตายสูงมากๆ พอยกเลิกตัวนี้ไป แน่นอนว่าฝั่งหมอ ฝั่งบุคลากรสาธารณสุขย่อมรู้สึกว่า เออ ดี คนมันจะได้ตายจากสาเหตุนี้ลดลงซะที แต่ในฝั่งเกษตรกรที่ใช้ตัวนี้น่าจะกระทบพอควรเพราะมันเป็นสารกำจัดวัชพืชที่ราคาถูกมาก

2. คลอร์ไพรีฟอส ตัวนี้ไม่รู้ ไม่เคยเจอคนไข้แดกตัวนี้มา กำลังอ่านงานวิจัยที่เกี่ยวข้องอยู่

3. แต่ตัวไกลโฟเสตนี่เอาจริงๆยังไม่มั่นใจ เพราะข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มันยังจัดว่ามีความเป็นพิษไม่สูง มีงานวิจัยเกี่ยวกับผลของไกลโฟเสตในแง่การก่อมะเร็ง แต่ยังไม่ชัดเจน ยังสรุปไม่ได้ ต้องศึกษาเพิ่ม จริงๆตัวนี้ส่วนตัวเห็นว่า ให้ใช้ไปซักพักจนกว่าข้อมูลจะชัดเจนก็ได้ แต่ก็นะ มีมติแบนไปละนิ
จริงๆส่วนตัวกรูอยากให้ แบนพาราควอท ส่วนคลอไพรีฟอสนี่ไม่รู้ ส่วนไกลโฟเสต จริงๆแค่ควบคุมการใช้ให้รัดกุมก็น่าจะโอเค แต่ก็นะ แบนไปสามตัวละนี่

4.หลังจากแบนสามสารนี้ ในส่วนของไกลโฟเสตกับพาราควอต เกษตรกรก็คงต้องไปหาสารทดแทนมาใช้แทน ปัญหาคือ สารทดแทนที่มีการพูดถึง กลูโฟซิเนต อันนี้น่ากังวล เพราะในแง่ความเป็นพิษ ข้อมูลที่อ่านมา กลูโฟซิเนต ก็ไม่ค่อยต่างกับไกลโฟเสตมาก แต่ราคาสูงกว่าเยอะมวากกกก หลายเท่าเลย ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาตัวนี้มาทดแทนไกลโฟเสตทำไมวะ อันนี้เป็นโจทย์ใหญ่ ถ้ารัฐหลังจากนี้ หาสารทดแทนที่ราคาพอๆกับสองตัวที่แบนไปมาให้เกษตรกรใช้ไม่ได้ ราคาผักในประเทศพุ่งเละแน่ หรือไม่ต่อให้ตรึงราคาผักผลไม้ไว้ เกษตรกรก็ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น เด๋วน่าจะมีประเด็นในระยะยาว

5.เรื่องทำเกษตรอินทรีย์ ถ้าทำได้ก็ดี แต่การจะทำให้แมสแบบใช้ระดับมหภาคทั่วประเทศได้ เป็นโจทย์ใหญ่ ว่ารัฐจะหาทางเชิญชวนและจูงใจให้เกษตรกรมาทำเกษตรอินทรีย์ยังไง เพราะเท่ที่เคยคุยกับฝั่งเกษตรกรที่ใช้สารเคมีและฝรั่งเกษตรอินทรีย์ ต่างฝ่ายต่างก็มีธงในใจตัวเอง ฝั่งที่ใช้สารเคมีเขาก็จะบอกว่าเกษตรอินทรีย์มันไม่สามารถเอาไปทำการเกษตรแบบมหภาคที่ผลิตผักผลไม้จำนวนมหาศาลมาเลี้ยงปากท้องคนในประเทศได้ อีกฝั่งก็บอกว่าทำได้ ถ้าลงมือลงแรงทำจริง ซึ่งอันนี้แม่งก็ไม่รู้จะแสดงความเห็นยังไงนะ ไอ้เรามันก็คนในเมืองที่ไม่ได้ปลูกผักผลไม้ด้วยสิ เป็นเรื่องเกษตรกรทั้งสองสายเขาต้องถกกันต่อไป แต่ประเด็นสำคัญคือ

ผักที่ปลูกแบบอินทรีย์ ณ ปัจจุบัน มันคือผักแบบพรีเมี่ยมที่ราคาแพงกว่าผักทั่วไปพอควร เพราะมีจุดขายด้านสุขภาพ ข้อสงสัยคือ หากจะให้เกษตรกรไปปลูกแบบอินทรีย์กันหมด ราคาผัก จะเป็นไงวะ มันจะกลายเป็นผักอินทรีย์ก็จะกลายเป็นผักทั่วๆไปราคาถูกๆไม่แพงที่เห็นตามท้องตลาด แบบนั้นจะทำได้มั้ย เกษตรกรจะมีจุดคุ้มทุนที่เท่าไหร่ อันนี้น่าคิด

แต่สรุปคือ การยกเลิกสามสารในวันนี้ ไม่ใช่บทสรุป แต่มันคือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่จะตามมาอีกเป็นหางว่าว และปัญหานี้เป็นโจทย์ใหญ่สัสๆของรัฐบาล เพราะการยกเลิกสามสารจะมีปัญหาตามมาอีกยุ่บยั่บ ทั้งผลดีผลเสียผสมๆกันไป ถ้าแก้ปัญหาได้ก็ดี ถ้าไม่ได้ก็ เตรียมตัวเตรียมใจกันไว้หน่อยก็ดี เพราะเห็นฝั่งเกษตรกรที่ไม่พอใจเขาเตรียมเผาพริกเผาเกลือกันเรียบร้อยแล้ว