AppHarvest นวัตกรรม ปลูกพืชทั้งปี โดยไม่ต้องง้อฤดูกาล /โดย ลงทุนแมน
สหประชาชาติ คาดการณ์ว่าในปี ค.ศ. 2050 หรือราว 30 ปีข้างหน้า
โลกของเราจะต้องการอาหารมากขึ้นกว่า 70% ของปริมาณที่ผลิตได้ในปัจจุบัน
สะท้อนให้เห็นว่าในอนาคต มนุษย์ต้องการพื้นที่สำหรับเพาะปลูกเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

ที่ผ่านมา ปัญหาหลักของการทำเกษตรกรรมก็คือ การหาพื้นที่ ที่เหมาะสมกับการเพาะปลูก
ซึ่งก็มีทั้งสภาพดิน น้ำ และอากาศ เป็นไปตามเงื่อนไขของพืชแต่ละชนิด

แต่ปัญหาเหล่านี้กำลังถูกแก้ไขด้วยนวัตกรรมการทำการเกษตรสมัยใหม่
หนึ่งในนั้นก็คือบริษัท ที่ชื่อว่า “AppHarvest” ที่ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้กับการเพาะปลูก
จนทำให้ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใดในโลก เราก็จะสามารถปลูกพืชผักไว้บริโภคเองได้
แล้ว AppHarvest นำเทคโนโลยีอะไร มาประยุกต์ใช้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จากที่ได้เกริ่นไปว่าปัญหาสำคัญสำหรับการทำการเกษตร คือ การค้นหาแหล่งที่มีสภาพดินฟ้าอากาศเหมาะสมและมีแหล่งน้ำปริมาณมากพอ

เรื่องดังกล่าวจึงส่งผลให้แปลงเพาะปลูกมักจะถูกกระจายตัวไปตามพื้นที่ชนบทเนื่องด้วยเหตุผลด้านราคาที่ดินที่ถูกกว่าหรือสภาพพื้นที่ที่เหมาะสมกว่า

และเมื่อแหล่งการผลิตอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง จึงก่อให้เกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งตามมา
ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระยะเวลาการขนส่งที่นาน รวมถึงคุณภาพของผลผลิตที่ได้ตกต่ำลงตามระยะเวลา

ไอเดียของการทำการเกษตรแบบระบบปิด หรือ Indoor Farming จึงถูกพูดถึงกันมากขึ้น
ซึ่งบริษัท AppHarvest ก็ถือเป็นผู้นำในด้านนี้ เพราะบริษัทแห่งนี้ถือเป็นบริษัทที่มีฟาร์มระบบปิดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา

แล้ว AppHarvest มีนวัตกรรมการทำการเกษตรแบบปิดอย่างไร ?

สำหรับพืชที่ AppHarvest เลือกใช้ในการปลูกเริ่มแรก คือ “มะเขือเทศ”

เหตุผลก็เพราะว่ามะเขือเทศเป็นพืชที่ประเทศสหรัฐอเมริกานำเข้าจากประเทศเม็กซิโกมากที่สุด
โดยสิ่งที่ AppHarvest นำมาใช้ในการเพาะปลูกแบบใหม่คือ

Hydroponic หรือ การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน

วิธีนี้จะอาศัยการปลูกในน้ำที่เติมสารอาหารที่จำเป็นต่อพืชที่ปลูก เช่น แร่ธาตุต่าง ๆ

วิธีนี้มีข้อดีคือ น้ำจะถูกใช้ได้อย่างคุ้มค่ากว่าการทำการเกษตรแบบเดิม โดยการวิจัยของทางบริษัทพบว่าสามารถใช้น้ำได้น้อยกว่า 90% เมื่อเทียบกับการปลูกด้วยดิน เลยทีเดียว

นอกจากระบบ Hydroponic จะใช้ปริมาณน้ำในการเพาะปลูกน้อยแล้ว
อีกข้อดีก็คือ ระบบนี้ไม่ต้องพึ่งพาแหล่งน้ำธรรมชาติจากใต้ดินหรือลำธารเลย มันจึงช่วยลดข้อจำกัดของสถานที่ในการเพาะปลูกให้มีอิสระมากขึ้น อีกด้วย

โดย AppHarvest ได้มีการออกแบบหลังคาของโรงเรือนเพาะปลูก
ให้สามารถรวบรวมน้ำฝนมากักเก็บไว้ในสระน้ำขนาดใหญ่

หลังจากนั้น หากมีการนำน้ำฝนไปใช้ก็จะถูกนำไปผ่านขั้นตอนการกรองและฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวี
จากนั้นจึงนำไปใช้เพาะปลูก ซึ่งน้ำที่ใช้ในการเพาะปลูกมาจากน้ำฝนรีไซเคิลทั้งหมด

อีกเรื่องพื้นฐานที่การเพาะปลูกดั้งเดิมควบคุมไม่ได้เลย
ก็คือเรื่อง “แสงจากธรรมชาติ” ที่ไม่สม่ำเสมอและมีจำกัดในแต่ละวัน
ซึ่งแสงก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อการให้ผลผลิตของพืช

AppHarvest จึงได้นำพลังงานแสงแบบผสมผสาน (Hybrid Lighting) มาใช้ในฟาร์ม

โดยเริ่มจากการออกแบบหลังคาของโรงเรือนให้เป็นกระจกที่ช่วยกระจายแสงแดดไปทั่วพื้นที่ปลูกในเวลากลางวัน

รวมทั้งติดตั้งหลอด LED จำนวนมากที่ให้แสงมากกว่าหลอดทั่วไป 40%
เพื่อใช้สำหรับเวลากลางคืนหรือเมื่อปริมาณแสงน้อยกว่าที่ต้องการ

อีกทั้งแสง LED ที่ใช้ จะมีระบบที่ควบคุมปริมาณแสงสีแดงและฟ้าซึ่งเป็นแสงที่พืชนำไปใช้ในการเจริญเติบโต และจุดนี้เองที่ทำให้ AppHarvest มีผลผลิตจากการเพาะปลูกตลอดทั้งปีโดยไม่มีเรื่องของฤดูกาลตามธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง

เมื่อองค์ประกอบพื้นฐานของการทำฟาร์มถูกสร้างขึ้นมาแล้ว
โจทย์ต่อไปคือการควบคุมคุณภาพของผลผลิตที่ได้

AppHarvest ได้นำระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาใช้ควบคู่กับเซนเซอร์และกล้องหลายร้อยตัวสำหรับการประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ ภายในโรงเรือนเพาะปลูก เช่น

การวิเคราะห์สุขภาพของพืช
การควบคุมความชื้นและอุณหภูมิ
การตรวจสอบข้อมูลที่บ่งชี้ถึงโรคหรือศัตรูพืชภายในโรงเรือน

นอกจากนี้ ก็ยังมีการใช้ระบบเซนเซอร์ในการตรวจสอบความสดของผลผลิตก่อนการส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายสินค้า เช่น หากตรวจสอบพบว่ามะเขือเทศที่มีความสดใหม่มาก
มะเขือเทศชุดนั้น ก็จะเหมาะสมสำหรับการส่งไปยังปลายทางที่ไกลกว่า

แต่ที่สำคัญคือ ความสามารถในการคำนวณผลผลิตที่ผลิตได้แม่นยำในแต่ละช่วงเวลา
โดยข้อมูลนี้เป็นประโยชน์อย่างมากกับการวางแผนตารางการเก็บเกี่ยว การบรรจุหีบห่อ การขนส่ง
รวมถึงการขาย ทำให้แต่ละส่วนใช้ทรัพยากรที่มีได้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น AppHarvest ยังทดลองใช้หุ่นยนต์ในการเก็บเกี่ยวผลผลิตแทนแรงงานคนโดยอาศัยเทคโนโลยี Machine Learning ที่จะเลือกเก็บเฉพาะลูกที่ถูกกำหนดค่าไว้ว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน
เช่น มาตรฐานระดับความสุกหรือขนาด นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ปัญหาบางอย่างเทคโนโลยีก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ และยังคงจำเป็นต้องให้ธรรมชาติช่วยเหลือ เช่น การผสมเกสรของมะเขือเทศที่มีระยะเวลาออกดอกและผสมเกสรที่สั้นเพียง 3 วัน

AppHarvest จึงได้เลี้ยงผึ้งไว้กว่า 500 รัง เพื่อรองรับสำหรับการผสมเกสรดอกมะเขือเทศกว่า 7 แสนต้น

อีกทั้งยังมีการปล่อยให้แมลงบางชนิดอาศัยอยู่ภายในฟาร์มเพื่อคอยกำจัดและควบคุมแมลงที่เป็นศัตรูพืชของพืชที่ปลูก ทำให้ภายในโรงงานไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลงเลย

ผลที่ได้จากการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีของ AppHarvest ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่าอย่างมาก
เพราะผลการทดลองฟาร์มแบบระบบปิดชุดนี้ ทำให้ปริมาณผลผลิตมากเป็น 30 เท่า
เมื่อเทียบกับการเกษตรแบบดั้งเดิม

และด้วยความที่โรงเรือนการเกษตรระบบปิดแบบนี้สามารถสร้างขึ้นบนพื้นที่ใดก็ได้โดยแทบไม่ต้องสนสภาพแวดล้อม

AppHarvest จึงตั้งโรงเรือนเพาะปลูกขนาดใหญ่ในเมือง Morehead รัฐ Kentucky ซึ่งสามารถกระจายผลผลิตไปให้ 70% ของประชากรทั่วประเทศภายใน 1 วัน และประหยัดพลังงานในการขนส่งกว่า 80% เมื่อเทียบกับการนำเข้าจากเม็กซิโก

นอกจากนี้ AppHarvest ยังตั้งเป้าไว้ว่าจะมีโรงเรือนเพาะปลูกกว่า 12 แห่ง และขยายไปยังพืชชนิดอื่น ๆ เช่น ผลไม้หรือผักใบเขียว

น่าสนใจว่าโมเดลธุรกิจของ AppHarvest ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาการเกษตรดั้งเดิม
ที่เหมือนกับว่าต้องรอคอยสภาพอากาศตามแต่ละฤดูที่ควบคุมไม่ได้
ให้กลายเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ จะสามารถเติบโตไปได้มากขนาดไหน

ในอนาคต หากการเกษตรระบบปิดได้เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น
ก็จะทำให้การเพาะปลูกมีผลผลิตที่มากขึ้น ในขณะที่ใช้พื้นที่เพาะปลูก และทรัพยากรน้อยลงกว่าเดิม..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.appharvest.com/agtech/
-https://investors.appharvest.com/static-files/5fe4670f-144a-4788-9728-01b72186f02b
-https://investors.appharvest.com/static-files/9cc351c5-b95d-4212-bfad-d11d1b4b646a
-https://www.nytimes.com/2021/07/06/dining/hydroponic-farming.html
-https://www.producegrower.com/article/cover-story-inside-appharvest/
-https://www.just-food.com/news/vertical-farmer-appharvest-buys-robotics-start-up-root-ai/
-https://www.nfc.or.th/content/7487

ทำเงินจากธุรกิจเกษตรสู่อายุน้อยร้อยล้าน

หลายครั้งเมื่อเศรษฐกิจมีปัญหา ก็มักจะพาทำให้สินค้าการเกษตรราคาตกต่ำไปด้วย ดังนั้นการแปรรูปหรือการเพิ่มมูลค่าสินค้า จึงเป็นเรื่องจำเป็นต่อการทำธุรกิจของชาวเกษตรกรไทย วันนี้ขอนำเสนอ ไอเดียแนวคิดการทำเงินจากธุรกิจเกษตร เพื่อสร้างยอดขายให้กลายเป็นธุรกิจ 100 ล้าน จาก 4 ธุรกิจอายุน้อยร้อยล้าน
.
1. ธุรกิจกล้วยไม้ Air Orchid
ซูเปอร์มาร์เก็ตกล้วยไม้แห่งแรกของประเทศไทย แหล่งช้อปปิ้ง เรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงเกษตร สร้างยอดขาย 100 ล้านบาทภายใน 2 ปี
.
คุณพันธพัฒน์ คุ้มวิเชียร และคุณไชยพันธุ์ คุ้มวิเชียร 2 พี่น้อง ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ได้เข้ามาดูแลสืบทอดธุรกิจเพาะปลูกกล้วยไม้ของครอบครัว ทำให้ชีวิตในวัยรุ่นไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนอื่น ๆ แต่มุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจ เพื่อปลดหนี้ของครอบครัวและทำให้ธุรกิจมั่นคงต่อไป
.
จากเดิมที่ธุรกิจกล้วยไม้เน้นขายส่งให้กับพ่อค้าคนกลาง แต่พอมาถึงรุ่นคุณพันธพัฒน์ และคุณไชยพันธุ์ จึงมองเห็นโอกาสในการค้าปลีก ได้สร้างศูนย์ช้อปปิ้งแห่งแรกของเมืองไทย ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ชมและซื้อขายกล้วยไม้หลากสายพันธุ์ ในชื่อว่า Airorchid Supermarket โดยสามารถมาเรียนรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูก พร้อมกับมีตัวอย่างของกล้วยไม้ให้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง
.
นอกจากนี้ Air Orchid มีการพัฒนาสายพันธุ์กล้วยไม้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเพาะเนื้อเยื่อ ปลูกต้นกล้าจาก 1 ต้น ให้เพิ่มผลิตการปลูกเป็นหมื่นต้นได้ เพื่อพัฒนากล้วยไม้ให้มีสีสันหลากหลาย มีความแตกต่าง ให้เหนือกว่ากล้วยไม้ในท้องตลาด จนได้กล้วยไม้สายพันธุ์ใหม่ และได้ชื่อพระราชทาน “ชมพูนครินทร์” และ “โสมสวลี”
.
กล้วยไม้ไทย เติบโตได้อีกมากในตลาดโลก
ดอกกล้วยไม้สำหรับคนไทยอาจคิดว่าเป็นดอกไม้ทั่ว ๆ ไป ที่เห็นได้ตามตลาดนัด หรือที่วัดสำหรับกราบไว้บูชา แต่ในทางตรงข้ามชาวต่างชาติกับให้มูลค่ากับดอกกล้วยไม้ว่าเป็นสินค้านำเข้า ที่มีราคา เนื่องจากในต่างประเทศเพาะปลูกได้ยาก ทำให้เป็นสินค้าที่ต้องการในตลาดโลก ยกตัวอย่างในฮาวาย ใช้ดอกกล้วยไม้เป็นของต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยนำเข้าจากเมืองไทย ในขณะที่ Air Orchid ยังสามารถขายต้นกล้วยไม้ไปทั่วเอเชีย จนไปถึงประเทศโซนตะวันออกกลาง นี่คือสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจกล้วยไม้ทำยอดขายถึง 100 ล้านบาทต่อปีได้

ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/MjyZhrsFD6w
.
2. ธุรกิจมะขามแปรรูป สารัช
มะขามแปรูปหลากชนิด เพิ่มมูลค่าสินค้าและส่งขายทั่วประเทศ กลายเป็นสินค้าของฝากขึ้นชื่อเมืองเพชรบูรณ์ และส่งออกไปสู่ต่างประเทศ สร้างยอดขาย 140 ล้านบาท
.
คุณสารัช กมลธรไท หนุ่มชาวเพชรบูรณ์ที่ผูกพันกับมะขามมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะคุณพ่อคุณแม่ที่ประกอบอาชีพครูข้าราชการ หารายได้เสริมจากการขายมะขามแปรรูป คือ ลูกอมมะขามแก้ว โดยการฝากขายตามท่ารถต่าง ๆ ในเมืองเพชรบูรณ์
.
จุดเริ่มต้นของคุณสารัช เมื่อครอบครัวได้ไปออกงานเกษตรแฟร์และงานนิทรรศการสวนอัมพร ทำให้รู้สึกว่าคุณแม่และคุณพ่อ ลำบากและเหน็ดเหนื่อยจากการขายมะขาม คุณสารัชจึงคิดว่าควรเพิ่มมูลค่าของสินค้า ด้วยการพัฒนามะขามแปรรูปให้ทุกคนทั่วโลกกินได้ ครอบครัวจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเหมือนที่ผ่านมา
.
ตั้งแต่นั้นมา คุณสารัชเริ่มต้นด้วยการนำมะขามมาแปรรูปและให้เพื่อน ๆ ชิม จนในที่สุดได้มะขามแปรรูปจี๊ดจาด และมะขามเคี้ยวหนึบหนับ
.
หลังจากที่คุณสารัชเรียนจบในวัย 24 ปี ก็ได้มาช่วยทำธุรกิจอย่างเต็มตัว จากความเชื่อที่ว่ามะขามเมืองเพชรบูรณ์ เป็นมะขามดี หวานอร่อย สามารถทำธุรกิจไปต่อได้ เขาได้วางแผนปรับปรุงรสชาติ รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
.
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของคุณสารัช คือการนำมะขามแปรรูปเข้าไปขายในร้าน 7-11 ที่มีกว่า 8,000 สาขาทั่วประเทศ โดยที่เรียกว่าทุบหม้อข้าวหม้อแกง เพราะมีเงื่อนไขที่ว่าจะต้องเพิ่มการผลิตสินค้าจากเดิมขึ้นเป็น 100 เท่า ทำให้เขาจำเป็นต้องกู้เงินแบงก์ สร้างโรงงาน และขยายฐานการผลิตให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงที่ไม่ได้ตัดสินใจกันได้ง่าย ๆ แต่เขาเชื่อว่าโอกาสครั้งนี้จะทำให้พัฒนาสินค้า และเพิ่มยอดขายได้
.
การตัดสินใจในครั้งนี้ทำให้คุณสารัชนอนไม่หลับ เพราะกังวลว่าธุรกิจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่เพราะเขาเห็นชีวิตครอบครัวของพนักงาน ทำให้เขารู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ไม่ใช่แค่ตัวเอง แต่ทำเพื่อพวกเขาทุกคน จึงทำให้เป็นแรงผลักดันมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ที่จะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
.
กว่าจะทำให้ธุรกิจแปรรูปมะขามก้าวสู่ธุรกิจร้อยล้านได้ คุณสารัชได้นำสินค้าไปขายในต่างประเทศ และเปิดร้านขายของฝากในจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมมีโรงงานขนาดย่อมในเมือง ทำให้คนไทยและคนต่างประเทศมาเที่ยวและซื้อของฝาก จนสามารถสร้างยอดขาย 140 ล้านบาทต่อปี

ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/d9yz91MUEKo
.
3. ธุรกิจน้ำผึ้งแปรรูป แสงผึ้ง
เลี้ยงผึ้งในสวนลำไยที่จังหวัดลำพูน "น้ำผึ้งแสงผึ้ง" ผลิตได้ปีละ 400 ตัน ขายในไทยและต่างประเทศ สร้างยอดขาย 100 ล้านบาทต่อปี
.
คุณเอกสิทธิ์ จันทกลาง ลูกชาวสวนจังหวัดลำพูน ที่ทิ้งอาชีพทนายกลับมาพัฒนาธุรกิจเกษตรสวนลำไยที่บ้านเกิด เพราะครอบครัวเป็นหนี้ 10 ล้านบาท จากการขาดทุนของราคาลำไยที่ตกต่ำ จากลำไยกิโลกรัมละ 60 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 20 บาท จนชาวสวนลำไยทั้งหมู่บ้านเจ๊งกันถ้วนหน้า
.
จังหวัดลำพูนมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการปลูกลำไยมากที่สุด จนได้ขึ้นชื่อว่า “ลำพูนคือลำไย ลำไยคือลำพูน” คนในพื้นที่ทำสวนปลูกลำไยเป็นจำนวนมาก ทำให้มีปริมาณลำไยมีเพิ่มเป็นจำนวนมาก ก็ทำให้ราคาลำไยตกลง
.
คุณเอกสิทธิ์ กลับมาช่วยเหลือธุรกิจเกษตรของครอบครัวในวัย 26 ปี กับหนี้ 10 ล้านบาท จนวันหนึ่งได้เข้าไปที่สวนลำไย ได้ไปพบกับรังผึ้งที่ต้นลำไยกว่า 6 รัง เลยคิดที่จะนำรังผึ้งมากิน ด้วยวิธีภูมิปัญญาชาวบ้าน คือการรมควันไล่ผึ้ง ทำให้ได้รังผึ้งมาคั้นกินแบบสด ๆ รสชาติหวาน หอมอร่อย ถึงขั้นมีคนมาขอซื้อต่อขวดละ 400 – 500 บาท จึงเกิดไอเดียที่ว่าน้ำผึ้งจากสวนลำไยมีมูลค่า สามารถขายได้ เป็นรายได้เสริมเพื่อกอบกู้หนี้ของครอบครัว
.
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงของธุรกจิสวนลำไย คุณเอกสิทธิ์มีความหวัง ได้มองเห็นโอกาสแล้วว่าน้ำผึ้งจากสวนลำไย เป็นอีกหนึ่งหนทางของการสร้างรายได้ เขาไม่รอช้ารีบหาวิธีผลิตน้ำผึ้งให้ได้จำนวนมาก ๆ ไปศึกษาวิธีการเลี้ยงผึ้ง ยอมถูกผึ้งกัดต่อยโดยที่ไม่คิดจะย้อท้อ
.
ครั้งแรกที่ทดลองการเลี้ยงผึ้ง 10 ลัง ขายน้ำผึ้งกิโลกรัมละ 85 บาท ผลิตจนมีรายได้หลัก 10,000 บาท และสามารถขยายการเลี้ยงรังผึ้งได้ถึง 40 รัง จนชาวบ้านเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของคุณเอกสิทธิ์ และสนใจที่จะเข้าร่วมการเลี้ยงผึ้งเป็นอุตสาหกรรมของชุมชน
.
จุดเปลี่ยนของธุรกิจครั้งสำคัญ คุณเอกสิทธิ์คิดที่จะเพิ่มมูลค่าสินค้าน้ำผึ้ง จากที่เคยขายน้ำผึ้งใส่ถังกิโลกรัมละ 85 บาท เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์มาใส่ขวดให้สวยงาม พร้อมทั้งเพิ่มมาตรฐานการผลิตให้น่าเชื่อถือ โดยการสร้างโรงเรือน เลือกใช้ภาชนะที่สะอาด และต้องลงทุนกว่า 3 ล้านบาท ทำให้เขาต้องตัดสินใจคุยกับพ่อแม่ ยอมที่จะเอาที่บ้านแปลงสุดท้ายของครอบครัวไปจำนองเพื่อหาเงินทำทุนในผลิต
.
จุดก้าวกระโดดที่ทำให้น้ำผึ้งก้าวสู่ธุรกิจร้อยล้าน คือการเอาน้ำผึ้งไปแปรรูปเป็นสินค้าอื่น ๆ เช่น รวงผึ้งสด เครื่องดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว เกสรผึ้ง สมุนไพรอบน้ำผึ้ง และเครื่องสำอาง พร้อมทั้งสร้างจุดขาย เพราะน้ำผึ้งที่ดีสุดนั้น ต้องเป็นน้ำผึ้งจากดอกลำไย คุณเอกสิทธิ์มีเรื่องราวของสินค้าและสื่อสารให้คนเข้าถึงได้มากขึ้น รวมไปถึงการส่งออกไปต่างประเทศ เป็นการช่วยสร้างมูลค่าให้กับสินค้า สร้างรายได้ให้กับครอบครัว และสร้างอาชีพให้กับชุมชน

ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/6rUZ6ePS9Hw
.
4.ธุรกิจกระเทียมดำ B-Garlic
กระเทียมดำทำเงิน เพิ่มมูลค่ากระเทียมสดโลละ13 บาท กลายเป็นกระเทียมดำที่มียอดขาย 300 ล้านบาท
.
หลายคนพยายามวิ่งหนีสิ่งที่อยู่กับตัวเองมาทั้งชีวิต จนอาจจะลืมความเป็นตัวเอง หากคุณเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองมี และเอาชนะความยากลำบาก คุณก็จะค้นพบความสำเร็จได้เช่นกัน
.
คุณนพดา อธิกากัมพู หนุ่มลูกพ่อค้ากระเทียม จ.ลำพูน ที่เคยหลีกหนีอาชีพการเกษตร เพราะในอดีตคุณพ่อคุณแม่ทำอาชีพเป็นครูสอนหนังสือบนดอย ที่มีรายได้ 1,500 – 2,000 บาท และรับซื้อสินค้าเกษตรจากชาวบ้าน เช่น พืชผัก และกระเทียม เขามีหน้าที่ในการเย็บกระสอบบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าเกษตร เย็บกันตั้งแต่ตี 05.00 น. ไปจนถึง 18.00 น. ทำให้ไม่อยากกลับไปทำงานเกษตรในจุดเดิมที่เคยลำบาก
.
หลังจากที่คุณนพดา เรียนจบปริญญาตรี เขาเลือกที่จะไปทำงานที่กรุงเทพ ฯ เป็นพนักงานขายผลิตภัณฑ์เคมีเกษตร เช่น ปุ๋ย ยาเคมี ขายตระเวณในหลายจังหวัด และในขณะนั้นเอง น้องชายของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน คุณแม่จึงขอร้องให้เขากลับบ้าน เพราะเป็นห่วงเรื่องการขับรถในต่างจังหวัด ทำให้ต้องกลับมาสร้างอาชีพที่บ้านเกิด
.
การกลับมาในครั้งนี้ คุณนพดา ไม่ได้อยากกลับมาทำอาชีพเกษตรเหมือนเช่นเคย เขาได้ขอเงินจากครอบครัว พร้อมกับกู้เงินมาเปิดร้านขายสินค้าเคมีเกษตร การทำธุรกิจในครั้งนี้ทำให้เขาต้องผิดหวัง เพราะไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ ทำให้ธุรกิจเจ๊งและเป็นหนี้กว่า 7 แสนบาท
.
เมื่อฝันการทำธุรกิจนั้นไม่ประสบความสำเร็จ คุณนพดา แต่แล้วก็ต้องกลับมามองเห็นคุณค่าอาชีพขายกระเทียมอีกครั้ง เพราะเขามีประสบการณ์มาตั้งแต่วัยเด็ก ใช้เวลานานกว่า 10 ปี สะสมประสบการณ์ขายกระเทียม 0 บาท จนไปถึง 200 ล้านบาท
.
ในตอนนั้น คุณนพดามีความคิดว่าชาวเกษตรกรญี่ปุ่น ประกอบอาชีพได้อย่างสบาย ๆ เขาจึงเก็บเงินสะสมเพื่อไปศึกษาดูงานเกษตรในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ค้นพบสินค้าเกษตรที่น่าสนใจ นั่นคือ “กระเทียมดำ” ที่ญี่ปุ่นขายกิโลกรัมละ 3,000 – 5,000 บาท เป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า ทำให้เขามุ่งมั่นที่จะพัฒนากระเทียมของไทย ให้สามารถเพิ่มมูลค่าขึ้นได้
.
คุณนพดาใช้เวลาศึกษากระบวนการทำกระเทียมดำกว่า 1 ปี จากการลองผิดลองถูกกับหม้อหุงข้าว แล้วนำกระเทียมดำไปฝากขายที่มหาวิทยาเชียงใหม่ เพราะเป็นศิษย์เก่าที่นั่น หลังจากที่เขามีความเชี่ยวชาญและมีความมั่นใจกับการผลิตกระเทียมดำ ทำให้เขาสั่งซื้อเครื่องจักรโดยมีเป้าหมายทำกระเทียมดำให้ก้าวสู่อุตสหกรรมการผลิตให้ได้ จนได้สูตรกระเทียมที่มีรสชาติหวาน ไม่ร้อนฉุน และมีประโยชน์มากกว่ากระเทียมสดทั่วไปถึง 13 เท่า
.
ปัจจุบันคุณนพดา มุ่งมั่นที่จะพัฒนาแก้ไขปัญหาราคากระเทียมที่ตกต่ำ จนสามารถพัฒนาต่อยอดธุรกิจกระเทียมดำส่งออกไปที่ประเทศสิงคโปร์และประเทศญี่ปุ่น สร้างยอดขาย 300 ล้านบาท

ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/KAXKrK3fb_s

#อายุน้อยร้อยล้านNEWS #อายุน้อยร้อยล้าน #เกษตรกร #Farmer #Business #100NEWS

ผลงานการ์ตูนฝืมือคนไทย มีผมร่วมพากย์ด้วยนะ อิอิ

📣「Highlight - EP1」- BOSS SLAYER! : ฉันฆ่าได้แค่บอสเท่านั้นแหละค่ะ!
.
เชิญรับชม EP1 ฉบับเต็มต่อได้ใน Youtube ตามลิงค์นี้ได้เลยครับ
👉 https://bit.ly/32BMr0i
.
--------------------------------------------------------------
BOSS SLAYER! : ฉันฆ่าได้แค่บอสเท่านั้นแหละค่ะ!
เรื่องย่อ ตอนที่ 1 : มือปราบไร้ค่า
.
เมื่อโลกได้เปลี่ยนไป และทุกคนได้รับรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่า "รัง" จนมันกลายเป็น เกมส์กีฬาระดับโลก ที่มีเงินรางวัลและชีวิตเป็นเดิมพัน
.
เมอร์ซี่ ลอเรนคลาวน์ สาวน้อยจากร้านขนมหวาน "มาสเตอร์แพน"
แห่ง เมือง "ลิเวอร์พูล" เธอเองก็มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็น "มือปราบ" เหมือนกับ เหล่านักกีฬาคนอื่นๆ ในสโมสรดังๆ
.
ถ้าหาก ได้เป็น "มือปราบ" สิ่งที่จะได้กลับมาก็คือ เงิน,ชื่อเสียง,สวัสดิการ และอื่นๆ รวมถึงสิทธิประโยชน์อีกมากมายที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ที่ทำอาชีพ "มือปราบ" แต่สิ่งนั้น ก็ต้องแลกกับความเสี่ยงที่ต้องเข้าไปต่อสู้ภายใน "รัง" และเดิมพันด้วย"ชีวิต"
.
เมอร์ซี่ จึงเข้ารับการตรวจสอบ "คุณสมบัติการเป็นมือปราบ" แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็คือ!....
--------------------------------------------------------------
✨Offical Trailer : https://bit.ly/3veYehB
✨Facebook : https://bit.ly/32Ja5YY
✨YOUTUBE : https://bit.ly/32BMr0i
✨Twitter : https://bit.ly/3dGHolV
.
✨อ่าน E-book ได้ที่นี่ : https://writer.dek-d.com/Kuriko21/writer/view.php?id=1983960
.
✨เพลง "หนึ่งดาบสังหาร" สามารถฟังได้เเล้วที่นี่ : https://spoti.fi/3nhamM6
.
©K.Kuriko・GlitZ／BOSS SLAYER! : ฉันฆ่าได้แค่บอสเท่านั้นแหละค่ะ!
#GlitZ #GlitZoriginal

ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook
- https://www.facebook.com/pramlivingro...

--------สามารถสนับสนุนผมได้ที่--------
TrueMoney Wallet : 0639360606

ติดต่องานได้ที่
FB:pram attavit (ส่วนตัว)
- https://www.facebook.com/pram.attavit
IG :pram704 (ส่วนตัว)
- https://www.instagram.com/pram704/?hl=th
Gmail : 5815pram@gmail.com

เคยเห็นข้างในของนวมกันไหม ถ้าไม่ เรามาดูไปพร้อมๆกันเลยจร้า

Editor : ติชิลา

????????????

#เพื่อนซี้ตัวแสบ #มีอะไรข้างใน #นวม
#มวย #พิสูจน์ #experiment

♡ Facebook: https://www.facebook.com/zeejhk
♣ Fanpage: https://www.facebook.com/555infinity/
♤ Instagram: https://www.instagram.com/555_infinity/
♦ สำหรับส่งIntro : [email protected]
♧ ร้านขายของเล่นของผม: https://goo.gl/CMkYT

***

☞ ติดต่องาน : [email protected]

ติดตามชุลิได้ที่
FB https://www.facebook.com/chulita.klaharn
IG : Chulita_litar
ติดต่องานได้ที่
เพจ https://www.facebook.com/CHULi-1559481804129490/?_rdc=2&_rdr