[爆卦]รถสปอร์ตเปิดประทุน是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇รถสปอร์ตเปิดประทุน鄉民發文沒有被收入到精華區:在รถสปอร์ตเปิดประทุน這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

  • รถสปอร์ตเปิดประทุน 在 CarDebuts Youtube 的最讚貼文

    2021-05-06 18:08:33

    มาสด้าแถลงความสำเร็จการดำเนินธุรกิจ ประจำปีงบประมาณ 2563 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ด้วยตัวเลขยอดขายรถยนต์ใหม่ ทะลุ 4 หมื่นคัน ขยายตัวลดลง 23% ครองส่วนแบ่งการตลาด 5.1% ในขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ ลดลง 17% ด้วยตัวเลขยอดขายรวมทั้งสิ้น 786,877 คัน โดยทั้งรถเก๋ง และรถอเนกประสงค์ ต่างเก็บยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะ Mazda2 และ CX-30 ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างล้นหลาม ซึ่งแม้ว่าจำนวนยอดขายรวมรถยนต์มาสด้า จะลดลง แต่มาสด้า ประเทศไทย ก็ยังคงเป็น 1 ใน 10 ของประเทศที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุด ของมาสด้าทั่วโลก พร้อมประกาศเดินหน้าท้าโควิด ด้วยการตั้งเป้ายอดขาย สูงถึง 52,000 คัน ชิงส่วนแบ่งการตลาด 6.2% หรือเติบโตเพิ่มขึ้น ถึง 30%

    สรุปยอดขายรถยนต์มาสด้า ประจำปีงบประมาณ 2563 อยู่ที่ 40,004 คัน แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ด้วยจำนวนที่สูงถึง 23,548 คัน โดยเฉพาะมาสด้า2 ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ด้วยยอดขายเกินกว่าครึ่ง มีจำนวนสูงถึง 20,741 คัน ตามมาด้วยรถเก๋งมาสด้า3 อีกจำนวน 2,800 คัน ในขณะที่รถปิกอัพ บีที-50 มียอดขายที่ 2,471 คัน ส่วนรถยนต์อเนกประสงค์ตระกูล CX-Series จำนวน 13,985 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นมากที่สุด ถึง 134% อันได้แก่ CX-30 มียอดขายสูงสุดถึง 7,582 คันตามมาด้วย CX-3 จำนวน 3,100 คัน CX-8 จำนวน 1,917 คัน CX-5 จำนวน 1,386 คัน และสุดท้าย MX-5 รถสปอร์ตเปิดประทุน มียอดขายรวมอีก 7 คัน

    สำหรับสถานการณ์ตลาดรถยนต์ ในไตรมาสแรกของปี 2564 แม้จะมีหลายปัจจัย ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในภาพรวม โดยเฉพาะจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจปีนี้ ชะลอตัวลง แต่รถยนต์มาสด้า ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า อันเนื่องมาจากแผนกลยุทธ์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาด การนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และการยกระดับมาตรฐาน การให้บริการหลังการขาย ที่ล้วนทำให้ได้รับความเชื่อมั่น จากทั้งลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ จึงทำให้มาสด้า สามารถปิดยอดขายในไตรมาสแรก ได้สูงถึง 10,890 คัน เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสแรกของปีก่อน ซึ่งมียอดขายรวม ที่ 10,152 คัน

    มาสด้า2 ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยจำนวน 5,686 คัน, มาสด้า3 จำนวน 704 คัน ตามมาด้วยรถปิกอัพ บีที-50 มียอดขายรวม 429 คัน ส่วนรถอเนกประสงค์ตระกูล CX-Series มียอดรวมทั้งสิ้น 4,071 คัน เพิ่มขึ้นสูงถึง 126% นำโด่งโดย CX-30 จำนวน 2,298 คัน ตามมาด้วย CX-3 จำนวน 1,189 คัน CX-8 มียอดขายสูงถึง 354 คัน และ CX-5 จำนวน 230 คัน ตามลำดับ

    มาสด้าจะยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้กลยุทธ์ “Product and Technology Value Enhancement” เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาด และนำเสนอแต่สิ่งที่ดีให้แก่ลูกค้า และเมื่อเร็วๆนี้ มาสด้าได้รับการอนุมัติ การส่งเสริมการลงทุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV) จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ HEV, PHEV และ BEV เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงได้เตรียมพร้อม เพื่อจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย ตามนโยบายภาครัฐ ซึ่งการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย จะเป็นไปทีละขั้นตอน จากวิสัยทัศน์ Mazda Building Block Strategy ซึ่งมี 3 องค์ประกอบคือ

    1. กรอบเวลาของการนำเอาเทคโนโลยี มาใช้ได้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์
    2. การพัฒนาโมเดลทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
    3. การเปลี่ยนถ่ายจากเทคโนโลยีปัจจุบัน สู่เทคโนโลยีอนาคต ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

    ในปัจจุบัน Mazda มีรถยนต์ไฟฟ้าในไลน์อัพ ที่มีจำหน่ายไปแล้วในหลายประเทศ คือ MX-30 ที่มีทั้งรุ่นไฟฟ้า 100% และรุ่นไฮบริด นั่นทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่า เราจะได้เห็นการทำตลาด MX-30 ที่เมืองไทยในอนาคตอันใกล้ด้วยเช่นกัน ติดตามช่องของเราทาง Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/CarDebuts-891205251089964
    หรือเว็บไซต์ https://cardebuts.com/

你可能也想看看

搜尋相關網站