[爆卦]ยชุรเวท是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇ยชุรเวท鄉民發文沒有被收入到精華區:在ยชุรเวท這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 ยชุรเวท產品中有1篇Facebook貼文,粉絲數超過292萬的網紅โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ,也在其Facebook貼文中提到, ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีชาวอินเดียจำนวนไม่น้อยย้ายครอบครัวมาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองไทย ในจำนวนนี้มีเพียงไม่กี่ตระกูลที่สืบวรรณะมาจากวรรณะ "พราหมณ์" อ...

  • ยชุรเวท 在 โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ Facebook 的最讚貼文

    2020-06-30 15:01:32
    有 6,147 人按讚


    ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีชาวอินเดียจำนวนไม่น้อยย้ายครอบครัวมาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองไทย ในจำนวนนี้มีเพียงไม่กี่ตระกูลที่สืบวรรณะมาจากวรรณะ "พราหมณ์" อันเป็นวรรณะสูงสุดในสังคมพราหมณ์-ฮินดู และมีทายาทสืบตระกูลดำรงตนเป็นพราหมณ์ ทำหน้าที่ติดต่อกับทวยเทพและประกอบพิธีกรรมต่างๆ จนถึงปัจจุบัน

    เกือบ 30 ปี ที่ พระราชครูวามเทพมุนี (ชวิน รังสิพราหมณกุล) สืบตำแหน่ง หัวหน้าพราหมณ์ ถวายงานพระราชพิธี สังกัดกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ต่อจากบิดา ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่นี้สืบต่อกันมาตั้งแต่รุ่นคุณทวดผู้เป็นต้นตระกูลรังสิพราหมณกุล (สว่าง รังสิพราหมณกุล) ในสมัยรัชกาลที่ 6

    พระราชครูวามเทพมุนีในโบสถ์พราหมณ์
    ต้นตระกูลฤษีสู่พราหมณ์หลวง

    ในอินเดียพราหมณ์มีฐานะเป็นอาจารย์ของคนวรรณะอื่น (กษัตริย์ แพศย์ ศูทร) ทำหน้าที่ศึกษาพระเวทเพื่อให้ความรู้แก่แต่ละวรรณะได้นำจิตวิญญาณกลับไปสู่พรหมมันต์ ซึ่งเป็นภาวะสมบูรณ์ของพระพรหมที่หลุดพ้นจากกิเลสแล้วตามหลักศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ทั้งยังมีหน้าที่ประกอบพระราชพิธีกรรมต่างๆ ให้แก่กษัตริย์ในฐานะที่กษัตริย์เป็นผู้ปกครองที่ปฏิบัติธรรมตามรอย พระพรหม พระอิศวร และพระนารายณ์ จนได้รับการยกย่องให้เป็นสมมติเทพ และเมื่อพราหมณ์เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่สมัยทวารวดีก็มิได้ละทิ้งหน้าที่

    ต้นตระกูลของพระราชครูวามเทพมุนี เป็นพราหมณ์ที่สืบเชื้อสายมาจากฤษีวศิษย์มุนีในประเทศอินเดีย เดินทางเข้ามาในประเทศไทยทาง จ.พัทลุง-นครศรีธรรมราช โดยในยุคแรกเดินทางมาพร้อมพ่อค้า เพื่อทำหน้าที่ให้ความรู้สำหรับนำจิตวิญญาณของพวกเขากลับสู่พรหมมันต์ แล้วจึงขยับเป็นที่ปรึกษาให้เจ้าครองนคร ก่อนจะสังกัดเป็นพราหมณ์หลวงในปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นต้นมา

    "ตระกูลของผมเป็นพราหมณ์หลวงเรื่อยมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 พอรัชกาลที่ 6 พระราชครูคนเก่าไม่มีทายาทผู้ชายสืบตำแหน่ง จึงแต่งตั้งให้คุณทวดของผมเป็นหัวหน้าพราหมณ์แทน รั้งตำแหน่งพระราชครูวามเทพมุนี และพระราชทานนามสกุลรังสิพราหมณกุลให้ใช้ จากนั้นคุณปู่ คุณพ่อ และตัวผมก็สืบทอดตำแหน่งนี้มาตลอด" พระราชครูวามเทพมุนี เล่า

    สืบวรรณะตามสายโลหิต

    เมื่อบิดาซึ่งรั้งตำแหน่งพระราชครูวามเทพมุนีคนก่อนเสียชีวิตในปี 2521 ชวิน (พระราชครูวามเทพมุนี) และพี่ชาย น้องชาย รวม 5 คน ก็เข้าพิธีบวชพร้อมกัน ตามกำหนดในสายสกุลพราหมณ์ที่ว่า บุตรชาย (อย่างน้อย 1 คน) ในสกุลพราหมณ์จะต้องปฏิบัติต่อเทพเจ้าสืบต่อจากผู้เป็นบิดา ต่อมาพี่ชาย 2 คน สึกออกมาทำธุรกิจ จึงเหลือพราหมณ์ตระกูลรังสิพราหมณกุล 3 คน และเมื่อพราหมณ์ชวินถึงพร้อมด้วยวัยวุฒิ 34 ปี ในปี 2530 จึงเข้ารับตำแหน่งพระราชครูสืบต่อจากผู้เป็นบิดา

    "ตั้งแต่เด็กมีความรู้สึกภาคภูมิใจที่บิดาเป็นพระราชครู ทำหน้าที่ปฏิบัติพระราชพิธีต่างๆ และบูชาเทพเจ้าเสมอ บิดาบอกว่าควรจะมีลูกชายสักคนที่เป็นพราหมณ์สืบต่อจากท่าน ซึ่งขึ้นอยู่กับความสมัครใจของพวกเรา แต่ท่านจะให้ความใกล้ชิดกับผมมากเป็นพิเศษ เวลาที่มีพิธีสำคัญก็จะให้ผมลาโรงเรียนเพื่อพาไปร่วมพิธีและถ่ายทอดความรู้ให้เสมอ เพราะท่านเห็นว่าผมมีอัธยาศัยปฏิบัติและสนใจในทางนี้มากกว่าพี่น้องคนอื่น" พระราชครูวามเทพมุนี กล่าว

    ในการบวชเป็นพราหมณ์หลวง จะต้องได้รับความยินยอมจากที่ประชุมพราหมณ์ ในทำเนียบพราหมณ์หลวง โดยผู้บวชจะนำของมาถวายพราหมณ์ผู้ใหญ่ แล้วพราหมณ์ผู้ใหญ่จะมอบสายสิญจน์รับพราหมณ์ใหม่ หรือทวิชาติ ซึ่งหมายถึงการเกิดครั้งที่ 2 ซึ่งการบวชพราหมณ์ไม่ได้มีกฎปฏิบัติจำนวนมากเหมือนกับการบวชพระ โดยถือศีล 5 เป็นศีลปฏิบัติ สามารถแต่งกายสุภาพเหมือนผู้ชายทั่วไปในเวลาปกติ และสวมเครื่องแบบเป็นเสื้อราชปะแตนและโจงกระเบนสีขาวในยามประกอบพิธีกรรม รวมถึงสามารถมีภรรยาเพื่อมีทายาทสืบตระกูลพราหมณ์ต่อไปได้

    กระนั้นก็ยังมีข้อห้ามบางประการที่พราหมณ์ไม่สามารถทำได้ อาทิ ห้ามรับประทานเนื้อวัว ปลาไหล และงูต่างๆ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นบริวารของเทพในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และห้ามตัดแต่งผม ต้องไว้ผมยาวแล้วมุ่นเป็นมวยไว้ที่ท้ายทอย เพราะตามหลักศาสนาเชื่อว่าบริเวณดังกล่าวเป็นที่อยู่ของเทวดา

    สำหรับกิจประจำวันที่พราหมณ์ต้องทำ คือนมัสการพระอาทิตย์ตามเวลาเช้า กลางวัน เย็น เพื่อเป็นการนำจิตวิญญาณกลับไปสู่พรหม กล่าวคือ การไหว้พระอาทิตย์จะนำแสงสว่างให้เกิดในปัญญานำไปสู่การหลุดพ้น และจะมีการสาธยายพระเวท ซึ่งถือเป็นคัมภีร์หลักในศาสนาพราหมณ์ ประกอบด้วย ฤคเวท ใช้สวดสรรเสริญเทพเจ้า สามเวท ใช้สำหรับสวดในพิธีกรรมถวายน้ำโสมแก่พระอินทร์และขับกล่อมเทพเจ้า ยชุรเวท ว่าด้วยระเบียบวิธีในการประกอบพิธีบูชายันต์และบวงสรวงต่างๆ และ อาถรรพเวท ใช้เป็นที่รวบรวมคาถาอาคมหรือเวทมนตร์

    ปฏิบัติต่อเทพด้วยความศรัทธา

    ปัจจุบันพราหมณ์หลวงจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับ พระราชพิธีต่างๆ ของพระมหากษัตริย์ ในการอัญเชิญพระผู้เป็นเจ้าและทวยเทพตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มาเป็นสักขีในการกระทำพิธีนั้นๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลแด่องค์พระมหากษัตริย์ ราชบัลลังก์ และบ้านเมือง โดยงานพระราชพิธีจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ งานประจำปี ได้แก่ งานเฉลิมพระชนมพรรษา วันฉัตรมงคล วันพืชมงคล การเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต เป็นต้น และงานตามวาระ อาทิ พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อปีที่แล้ว เป็นต้น

    หน้าที่ของพราหมณ์หลวงคือการรักษาวัฒนธรรมในการประกอบพระราชพิธีถวายตามโอกาสต่างๆ แต่ก็สามารถรับประกอบพิธีอื่นๆ ที่นอกเหนือจากงานพระราชพิธีได้ เรียกว่า รัฐพิธี เป็นงานที่ถูกเชิญมาจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น วางศิลาฤกษ์ ยกเสาเอก งานวันเกิด งานตัดจุก ตั้งศาลพระภูมิ ซึ่งจะมีเงินทักษิณามอบให้พราหมณ์ตามศรัทธา

    ทั้งนี้ ปัจจุบันมีตระกูลพราหมณ์ที่ปฏิบัติหน้าที่ถวายงานพระราชพิธี หรือที่เรียกกันว่า พราหมณ์หลวง ซึ่งสืบสายมาจากบรรพบุรุษทั้งสิ้น 7 ตระกูล ได้แก่ สยมภพ โกมลเวทิน นาคะเวทิน วุฒิพราหมณ์ ภวังคนันท์ รัตนพราหมณ์ และรังสิพราหมณกุล
    ขอบคุณข้อมูลจาก สยามคเณศดอทคอม
    ลักษณ์ ราชสีห์
    30 มิถุนายน 2563
    ปล.พราหมณ์ ผู้ทำหน้าที่ บวงสรวง และ ออกเเว่นเวียนเทียนสมโภช พิธีพุทธาภิเษก สมโภชพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ สมเด็จธงชัย ณ พระอุโบสถวัดไตรมิตรวิทยาราม เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2563

你可能也想看看

搜尋相關網站