[爆卦]ฟัง เพลง เม จิ是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇ฟัง เพลง เม จิ鄉民發文沒有被收入到精華區:在ฟัง เพลง เม จิ這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 ฟัง產品中有2241篇Facebook貼文,粉絲數超過178萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Facebook貼文中提到, รู้จักเรื่องราวของ Kildall ที่เสียโอกาสทองให้ Bill Gates ไปอย่างน่าเสียดาย /โดย ลงทุนแมน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “Microsoft Windows” เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิ...

 同時也有1448部Youtube影片,追蹤數超過131萬的網紅ืNANAKE555,也在其Youtube影片中提到,ฟัง! สำหรับใครที่ภาคทฤษฎีแน่น แต่ยังไม่เคยลงภาคปฏิบัติ มันไม่เหมือนกัน!...

  • ฟัง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答

    2021-09-30 20:00:08
    有 1,612 人按讚

    รู้จักเรื่องราวของ Kildall ที่เสียโอกาสทองให้ Bill Gates ไปอย่างน่าเสียดาย /โดย ลงทุนแมน
    คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “Microsoft Windows” เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
    ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก โดยมีส่วนแบ่งการตลาด ที่มากถึง 83%

    นวัตกรรมดังกล่าว กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft อย่าง “Bill Gates” กลายเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐี ที่รวยที่สุดในโลกมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินมากถึง 4.4 ล้านล้านบาท

    โดยจุดเริ่มต้นของ Microsoft Windows เกิดจากการที่บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่สุดในโลกขณะนั้นอย่าง IBM เริ่มผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ PC และกำลังตามหาบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบปฏิบัติการ ซึ่ง IBM ก็ได้เลือกทำสัญญากับบริษัท Microsoft ที่ในตอนนั้นเพิ่งก่อตั้งมาได้ 5 ปี

    แต่รู้หรือไม่ว่านอกจาก Bill Gates แล้ว ยังมีนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์อัจฉริยะอีกคน ที่เกือบได้เป็นผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ให้กับ IBM และอาจจะกลายมาเป็นแบบ Bill Gates ในทุกวันนี้

    แล้วเขาคนนั้น คือใคร ?
    ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
    ╔═══════════╗
    Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
    ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
    แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
    Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    อัจฉริยะที่เกือบได้เป็น Bill Gates คนนั้น มีชื่อว่า “Gary Kildall”

    Kildall เกิดในปี 1942 ที่เมืองซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา

    แต่เดิม Kildall ตั้งใจว่าเมื่อเรียนจบมาจะเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ แต่ระหว่างเรียนระดับปริญญาตรีเขาเริ่มสนใจเรื่องเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ Kildall จึงเรียนต่อจนถึงระดับปริญญาเอกในสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์

    ในปี 1971 ช่วงที่ Kildall กำลังเรียนปริญญาเอก เขาได้ยินมาว่า Intel จะเปิดตัว ไมโครโพรเซสเซอร์ตัวแรกของโลกที่ชื่อว่า “Intel 4004”

    ไมโครโพรเซสเซอร์ ก็คือชิปขนาดเล็กที่มีแผงวงจรรวมจำนวนมหาศาล

    ซึ่งนวัตกรรมนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คอมพิวเตอร์ ซึ่งแต่เดิมมีขนาดใหญ่ นิยมใช้กันแต่ในองค์กร มีขนาดเล็กลง จนเป็นไมโครคอมพิวเตอร์และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในเวลาต่อมา

    ด้วยความที่ Kildall สนใจเรื่องราวของไมโครโพรเซสเซอร์เป็นอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจเข้าไปทำงานพาร์ตไทม์เป็นที่ปรึกษาให้กับ Intel ซึ่งหลัก ๆ แล้ว Kildall จะพัฒนาและเขียนโปรแกรมที่ใช้งานร่วมกับไมโครโพรเซสเซอร์ของ Intel ได้

    จากจุดเริ่มต้นนี้ Kildall ก็ได้ต่อยอดจนสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์
    ที่ชื่อว่า “CP/M” ที่นับว่าเป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์แรกของโลก

    โดยก่อนหน้าที่จะมี CP/M คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องบนโลกจะต้องใช้ซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นมาของใครของมัน แต่ Kildall ได้พัฒนา CP/M ให้เป็นระบบปฏิบัติการกลาง ซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง

    แรงผลักดันในการพัฒนา CP/M และผลงานอื่น ๆ ของ Kildall เกิดขึ้นจากความหลงใหลในคอมพิวเตอร์

    เพราะจริง ๆ แล้ว Kildall ไม่เคยสนใจเรื่องธุรกิจเลย แต่ภรรยาของเขาก็ได้โน้มน้าวให้จัดตั้งบริษัทเพื่อจดสิทธิบัตรระบบปฏิบัติการและทำธุรกิจจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ ทั้งคู่เลยร่วมกันก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Digital Research”

    ลูกค้าที่เลือกใช้ CP/M ของ Digital Research ก็เช่น IMSAI 8080 ไมโครคอมพิวเตอร์ชื่อดัง ที่เปิดตัวในปี 1975 ซึ่งทำออกมาแข่งกับไมโครคอมพิวเตอร์รุ่นตำนานอย่าง Altair 8800 ของบริษัท MITS

    โดย Altair 8800 ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านั้น 1 ปี ยังใช้ซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นมาใช้เฉพาะรุ่น ชื่อว่า BASIC ซึ่งซอฟต์แวร์นี้เองก็เป็นผลิตภัณฑ์แรก ๆ ของบริษัทซอฟต์แวร์น้องใหม่ที่ก่อตั้งโดยชายวัย 20 ปี ที่ชื่อว่า “Bill Gates” ซึ่งเขาได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแล้วชวนเพื่อนมาตั้งบริษัท “Microsoft”

    มาถึงในปี 1976 บริษัท Apple ก็ได้ปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ด้วยการเปิดตัวคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรก ๆ ของโลกที่ชื่อว่า Apple I ก่อนที่ในปีถัดมาจะประสบความสำเร็จจาก Apple II ซึ่งบริษัท Apple เรียกว่าเป็น Home Computer ที่คนทั่วไปใช้งานได้ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์

    นั่นเลยทำให้ Apple II ได้รับความนิยมสูงมากและสามารถลบคำสบประมาทที่คนมักเถียงกันว่าคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เป็นเพียงอุปกรณ์สำหรับคนที่คลั่งไคล้ในคอมพิวเตอร์เท่านั้น คนทั่วไปคงไม่สนใจซื้อมาใช้งาน

    ความสำเร็จของ Apple ก็ทำให้บริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของโลกในขณะนั้นอย่าง IBM อยากเข้ามาร่วมในตลาดคอมพิวเตอร์สำหรับคนทั่วไปบ้าง

    ในปี 1980 IBM จึงได้เริ่มออกแบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเรียกว่า Personal Computer หรือ PC แทน Home Computer แบบ Apple เพราะ IBM ไม่ได้มองว่าคอมพิวเตอร์จะต้องใช้แค่ที่บ้าน แต่จะถูกใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่านั้น อย่างเช่นการนำไปใช้งานตามออฟฟิศ

    IBM ต้องการทำให้ PC เริ่มวางขายได้เร็วที่สุด IBM จึงโฟกัสที่การออกแบบฮาร์ดแวร์โดยใช้ชิปของ Intel ส่วนซอฟต์แวร์อย่างระบบปฏิบัติการ ทางบริษัทจะจ้างบริษัทขนาดเล็กพัฒนาแทน โดยหนึ่งในบริษัทที่ IBM ติดต่อไปก็คือ Microsoft ซึ่งในตอนนั้นเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียง 5 ปี

    IBM เดินทางไปที่ออฟฟิศของ Microsoft ซึ่งเมื่อไปถึง IBM ได้ให้ Gates เซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูล เพราะ IBM ต้องการเก็บเรื่องที่กำลังพัฒนา PC ไว้เป็นความลับ

    หลังจากนั้น IBM ก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ Gates ฟัง
    แต่โชคร้ายที่ตอนนั้น Microsoft ยังไม่ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์

    Gates จึงได้แนะนำกับ IBM ว่าให้ไปหา Kildall แห่งบริษัท Digital Research ที่พัฒนาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ไว้แล้ว IBM ตัดสินใจเดินทางไปพบ Kildall ที่ซีแอตเทิลทันที

    Gates โทรไปบอก Kildall ว่าจะมีคนสำคัญมากไปพบ ให้ปฏิบัติกับพวกเขาดี ๆ
    แต่ Gates เล่ารายละเอียดให้ฟังไม่ได้เพราะติดสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลกับ IBM

    Kildall ไม่รู้เลยว่ากลุ่มคนที่กำลังมาพบเขา จะมาจากบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่สุดในโลก
    ซึ่งเขากลับคิดว่าคนที่ Gates เล่าถึงจะเป็นเพียงกลุ่มคนที่มาจากบริษัทขนาดเล็ก

    เขาจึงไม่ได้สนใจมากนักและเขาก็ได้ขับเครื่องบินส่วนตัวไปอีกเมือง ซึ่งจนถึงตอนนี้ ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าเขาไปขับเครื่องบินเล่นเพื่อหลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือไปติดต่องานทางธุรกิจกันแน่

    นั่นจึงทำให้เมื่อ IBM ไปถึงออฟฟิศบริษัท Digital Research ทีมงานจึงได้เจอแต่เพียงภรรยาของ Kildall ซึ่งก่อนที่ทีมงานจาก IBM จะแนะนำตัวและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการให้ฟัง

    ทาง IBM ก็ได้ขอให้ภรรยาของ Kildall เซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลก่อนเหมือนกับที่ให้ Gates เซ็น แต่ภรรยาของ Kildall ยังไม่ยอมเซ็นสัญญา

    ซึ่งสาเหตุที่เธอไม่ได้เซ็นก็เพราะว่าเธอรู้สึกเหมือนโดนบังคับ
    รวมถึงเธอก็อยากรอ Kildall กลับมาพูดคุยเองมากกว่า

    ส่วนทาง IBM ก็เริ่มหัวเสียที่เธอไม่ยอมเซ็นสัญญา ทีมงานจาก IBM ก็รอต่อไปไม่ไหว
    สุดท้ายแล้ว IBM จึงเดินทางกลับไปโดยยังไม่ทันได้เล่ารายละเอียดเรื่องระบบปฏิบัติการให้ฟัง..

    หลังจากนั้น IBM เลยติดต่อไปหา Gates อีกครั้ง

    Gates เห็นว่าโปรเจกต์ PC ของ IBM กำลังจะเปลี่ยนตลาดคอมพิวเตอร์ทั่วโลกครั้งใหญ่ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ของเราให้มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากขึ้นแบบก้าวกระโดด

    Gates เลยบอก IBM ไปว่า Microsoft สามารถทำระบบปฏิบัติการให้ได้
    ทั้งที่ความจริงแล้ว ในตอนนั้น Microsoft ยังไม่มีอะไรเลย

    ทางออกเดียวที่ Microsoft จะมีระบบปฏิบัติการไปเสนอให้ IBM ได้ทันเวลาก็คือ การควานหาผู้ที่พัฒนาระบบปฏิบัติการไว้แล้วและไปซื้อต่อมา

    Microsoft ไปเจอว่ามีโปรแกรมเมอร์ที่ชื่อว่า Tim Paterson ซึ่งทำงานในบริษัทเล็ก ๆ ที่ชื่อ Seattle Computer ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า Q-DOS

    หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft จึงเดินทางไปพบ Paterson เพื่อเจรจาขอซื้อ Q-DOS และดึงตัว Paterson มาเพื่อดัดแปลง Q-DOS ให้เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์เพื่อขายให้ IBM

    โดยใช้ชื่อว่า “MS-DOS” โดยที่ Microsoft ไม่รู้ว่า Q-DOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ Paterson เลียนแบบและดัดแปลงมาจาก CP/M ของ Kildall

    IBM ตกลงซื้อ MS-DOS ของ Microsoft แต่แทนที่ Microsoft จะขายระบบปฏิบัติการแบบครั้งเดียวจบ Gates เสนอกับทาง IBM ว่าให้ Microsoft ได้รับส่วนแบ่งจากทุกเครื่อง PC ที่ทาง IBM ขายได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ Gates เคยใช้มาแล้วตอนเขียนซอฟต์แวร์ให้ไมโครคอมพิวเตอร์ Altair 8800

    ความนิยมของ PC จาก IBM ก็เป็นไปตามที่ Gates คาด เพราะหลังจากที่ “IBM PC” เปิดตัวในเดือนสิงหาคม ปี 1981 ผ่านไป 2 ปีแรก IBM PC สามารถขายได้กว่า 2 ล้านเครื่อง เกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เกือบ 10 เท่า

    และด้วยความที่ IBM PC มีราคา คิดเป็นเพียง 2 ใน 3 ของ Apple จึงทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้ได้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกนำไปใช้กันทั่วไปในสำนักงาน จน IBM สามารถเอาชนะ Apple และกลายมาเป็นผู้ผลิต PC ที่ใหญ่สุดในโลกได้

    แต่จุดอ่อนของ IBM PC ก็คือตัวเครื่องไม่มีอะไรซับซ้อนและเลียนแบบได้ง่าย

    จึงทำให้ในเวลาต่อมา แบรนด์อื่นอย่างเช่น Compaq และ HP ซึ่งก็เป็นผู้พัฒนาคอมพิวเตอร์เหมือนกันสามารถทำตามได้ ในขณะที่เจ้าของซอฟต์แวร์อย่าง Microsoft ก็ไม่เคยตกลงว่าจะขายระบบปฏิบัติการให้ IBM เจ้าเดียว..

    Microsoft เลยสามารถขาย MS-DOS ให้กับคู่แข่งของ IBM ได้ทั้งหมด
    ซึ่ง Microsoft ก็ยังใช้วิธีเดิมคือคิดส่วนแบ่งจาก PC ทุกเครื่องที่ขายได้

    แต่สุดท้ายแล้ว ของเลียนแบบก็คือของเลียนแบบ
    เพราะในภายหลัง MS-DOS ที่ดัดแปลงมาจาก Q-DOS ถูกพบว่าเป็นของที่เลียนแบบมาจาก CP/M ของ Kildall

    พอ Kildall รู้ เลยจะฟ้องร้อง IBM และ Microsoft ว่าลอกเลียนแบบผลงาน

    IBM ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เลยยอมวางขายระบบปฏิบัติการทั้ง 2 ยี่ห้อไปพร้อมกัน Kildall ดีใจได้เพียงไม่นาน ก็ต้องพบว่าราคาขาย CP/M ของเขา แพงกว่า MS-DOS ถึง 6 เท่า

    ของคล้ายกันที่ใช้ทดแทนกันได้ แต่มีราคาต่างกันถึง 6 เท่า แถมคนส่วนใหญ่ได้รู้จักและลองใช้ MS-DOS มาก่อนจึงเริ่มคุ้นเคยและไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นที่ต้องลองอีกยี่ห้อหนึ่ง สุดท้ายแล้ว CP/M จึงหายไปจากตลาด

    Microsoft จึงกลายเป็นผู้ชนะไป ซึ่งในเวลาต่อมา MS-DOS ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “Microsoft Windows” ที่ได้เปิดตัวในปี 1983 ก่อนที่จะเริ่มวางขายจริงในปี 1985

    หลังจากพลาดโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของ Kildall เขาได้หย่ากับภรรยา และใช้ชีวิตอยู่กับความสิ้นหวัง จนท้ายที่สุด เขาก็ได้จบลงที่กลายเป็นคนติดแอลกอฮอล์ตั้งแต่นั้นมา

    ส่วนบริษัท Digital Research ก็ถูกขายให้กับบริษัท Novell ในปี 1991

    จนกระทั่งในปี 1994 Kildall ในวัย 52 ปี ก็เสียชีวิตลง จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในบาร์ ซึ่งเป็นเวลาเพียง 1 ปีก่อนที่ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows 95 จะเปิดตัวและดังระเบิดไปทั่วโลก

    ซึ่งก็น่าคิดเหมือนกันว่าหากวันนั้น Kildall ใส่ใจในสิ่งที่ Bill Gates พูดสักนิด
    เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ จะมีเส้นทางที่ต่างจากเดิมมากแค่ไหน
    Kildall อาจกลายเป็นมหาเศรษฐีคล้าย Bill Gates
    Bill Gates อาจจะไม่ได้โปรเจกต์นั้น และ Windows คงไม่เกิดขึ้น

    ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
    เส้นทางที่เป็นไปแล้วก็คือ ทุกคนรู้จัก Windows และไม่รู้จัก CP/M..
    ╔═══════════╗
    Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
    ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
    แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
    Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ติดตามลงทุนแมนได้ที่
    Website - longtunman.com
    Blockdit - blockdit.com/longtunman
    Facebook - facebook.com/longtunman
    Twitter - twitter.com/longtunman
    Instagram - instagram.com/longtunman
    Line - page.line.me/longtunman
    YouTube - youtube.com/longtunman
    Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
    Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
    Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
    References
    -https://www.bloomberg.com/news/articles/2004-10-24/the-man-who-could-have-been-bill-gates
    -https://www.forbes.com/forbes/1997/0707/6001336a.html?sh=65404ead140e
    -https://www.theguardian.com/technology/blog/2004/oct/16/themanwhocou
    -https://www.embedded.com/was-dos-copied-from-cp-m/
    -https://medium.com/@Harasees_Singh/gary-kildall-the-inventor-of-operating-system-ccae7bb50e46
    -https://bookjelly.com/the-tragic-story-of-gary-kildall/
    -https://en.wikipedia.org/wiki/Gary_Kildall

  • ฟัง 在 Money Coach Facebook 的精選貼文

    2021-09-29 13:00:00
    有 3,823 人按讚

    คำคม (จมชีวิต)
    .
    ใครจะรู้ว่า การสนทนาเล็กๆ ในวันธรรมดาวันหนึ่ง จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนคนหนึ่งไปได้ตลอดกาล
    .
    “เฮ้ยหนุ่ม เอ็งอยากรวยมั้ย” วิศวกรรุ่นพี่หันมาถามรุ่นน้องที่นั่งทำงานโต๊ะติดกัน
    .
    “อยากสิพี่ … ผมฝันไว้ตั้งแต่ก่อนเรียนจบเลยนะ ว่าวันหนึ่งต้องรวยให้ได้ พ่อแม่และน้องๆ จะได้สบาย” วิศวกรรุ่นน้องตอบด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
    .
    รุ่นพี่หันมาสบตา แสยะยิ้ม …
    “ดี … งั้นเอ็งจำไว้นะ “คนรวยหนะ เขาไม่ทำงานเพื่อเงินกันหรอก”
    .
    “พี่พูดบ้าอะไรวะ ถ้าคนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน แล้วแม่มทำงานเพื่อแมวน้ำอะไรกัน” นายช่างน้อยเอ่ยปากถามรุ่นพี่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
    .
    “คนรวยหนะ เขาทำงานเพื่อเรียนรู้เว้ย” นายช่างใหญ่ยิ้มอย่างผู้มีภูมิ พร้อมส่งหนังสือในตำนานเล่มหนึ่งให้
    .
    “ไม่เข้าใจหวะพี่ คนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน คนรวยทำงานเพื่อเรียนรู้ แต่แม่มฟังแล้วดูคมดีนะ” ผู้อ่อนอาวุโสทวนคำคมประจำวัน
    .
    “คำคมหนะ ถ้าแค่จำเอาไว้อวด เอาไว้โชว์ว่ารู้ เอาไว้พูดให้ดูดี มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะ มึงต้องเอาไว้คอยเตือนใจและคิดตาม เอาไว้ปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองด้วย” รุ่นพี่ปาฐกถาเป็นวิทยาทาน
    .
    “โห ... พี่แม่มโคตรเห้ … เอ๊ย โคตรเท่ เลยหวะ”
    .
    จากกันวันนั้นนายช่างน้อยได้หนังสือติดมือมา 1 เล่ม เขาใช้เวลาไม่ทันข้ามวัน ก็อ่านหนังสือที่รุ่นพี่แนะนำมาจนจบ ด้วยความชอบในเนื้อหา เขาตัดสินใจซื้อหนังสือฉบับภาษาอังกฤษเป็นของตัวเอง 1 เล่ม
    .
    “หนังสือดีมากเลยครับพี่ อ่านแล้วได้หลักคิดดีนะ แต่ผมก็ยังคิดไม่ออกหวะ ว่าจะทำยังไงให้มีทรัพย์สินเหมือนอย่างที่หนังสือบอก” รุ่นน้องพูดขณะยื่นหนังสือคืนรุ่นพี่
    .
    “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ … ถ้าแค่อ่านหนังสือแล้วประสบความสำเร็จ ป่านนี้พวกหนอนหนังสือก็ประสบความสำเร็จกันหมดแล้วสิวะ”
    .
    “เชี้ย … โคตรจริง!!” นายช่างน้อยสบถเบาๆ กลัวรุ่นใหญ่ได้ยิน
    .
    สามปีหลังจากค้นพบเคล็ดวิชาร่ำรวย นายช่างน้อยตัดสินใจลาออกจากบริษัท ด้วยเชื่อว่าการออกไปทำธุรกิจส่วนตัว น่าจะเป็นหนทางสู่ความมั่งคั่งที่เหมาะกับตัวเอง
    .
    “ผมไปก่อนนะพี่ ผมคิดว่าผมเจอทางของตัวเองแล้ว ต้องขอบคุณพี่มากๆ เลย สำหรับหนังสือและคำแนะนำดีดี ยอมรับว่ากลัวอยู่เหมือนกันครับ แต่ถ้าไม่ก้าวขา ชีวิตก็คงไม่ก้าวหน้า” นายช่างน้อยกล่าวคำอำลาในวันลาออก
    .
    “เยี่ยม!! … ชีวิต คือ การเดินทาง … นักเดินเรือที่เก่งล้วนเคยเมาคลื่นลมในทะเล … จงออกไปแตะขอบฟ้า … สุดท้ายแม้โชคชะตาไม่เข้าใจ” (สองประโยคหลังนี้รุ่นพี่ไม่ได้พูด นายช่างน้อยเติมเอง 555) รุ่นพี่มอบคำคมเป็นคำอวยพร
    .
    ในชีวิตประจำวันของคนเรานั้น มีคมความคิดดีดี วิ่งผ่านโสตให้เราได้ยิน ได้ฟัง ได้เห็น กันอยู่ตลอด สุดแท้แต่ว่า แต่ละคนจะจัดการกับ “คำคม” สวยๆ เหล่านั้นอย่างไร
    .
    บางคนเลือกที่จะทำแค่ ฟัง … แล้วรู้สึกดีได้ฟังอยู่ 3 วินาที ก่อนกด LIKE แล้วปล่อยคำคมนั้นปลิดปลิวลอยไปกับสายลม
    .
    บางคนเลือกที่จะทำแค่ “จด” … ลงสมุดสวยๆ แล้วยกระดับเรียกสมุดโน้ตเล่มนั้นว่า “คลังปัญญา” เพื่อเก็บไว้เปิดอ่าน ในวันที่เจอสมุดเล่มนั้นอีกครั้งตอนจัดห้องใหม่
    .
    บางคนเลือกที่จะทำแค่ “พูด” … คำคมที่จำ แต่ทำไม่เคยได้ เพื่อยกตนให้สูงกว่าคนอื่น แต่ชีวิตไม่มีอะไรดีขึ้น
    .
    ในขณะที่บางคนเลือกจะ “ฟัง” “จดจำ” แล้วเอามา “เตือนใจ” หรือ “ปรับใช้” ให้เกิดผลลัพธ์ทางบวกกับตัวเอง
    .
    5 ปีผ่านไป นายช่างน้อยพบอิสรภาพทางการเงินได้จริงในแบบที่ตัวเขาต้องการ หลังจากล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายปี ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จจริงๆ
    .
    นายช่างน้อยหวนนึกถึงจุดเริ่มต้นของตัวเอง เขายอมรับแต่โดยดีว่า จุดเริ่มต้นที่พาให้เขามาถึงวันนี้ได้ เป็นเพราะคำถามของวิศวกรรุ่นพี่ในวันอันแสนธรรมดาวันนั้นโดยแท้ ด้วยสำนึกรู้คุณ เขาเดินทางกลับไปเยี่ยมนายช่างใหญ่อีกครั้ง หลังไม่ได้พบกับนานร่วม 5 ปี
    .
    “เอ็งเก่งมาก เอ็งทำได้ตามที่เคยพูดไว้ ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา” นายช่างใหญ่ยิ้มชื่นชม
    .
    “ต้องขอบคุณพี่เลยครับ ถ้าพี่ไม่ถามให้ฉุกคิดวันนั้น ผมก็คงไม่มีวันนี้ … ผมมีวันนี้เพราะพี่ให้จริงๆครับ” (ประโยคสุดท้าย นายช่างน้อยไม่ได้พูด ผมพูดเองอีก 555)
    .
    นายช่างใหญ่ยิ้มดูภาคภูมิใจกับตัวเอง
    .
    “เออ … ว่าแต่พี่ครับ ผมสงสัยอยู่เรื่องนึง”
    .
    “ว่าไป” นายช่างใหญ่พร้อม และเปิดโอกาสให้ผู้อ่อนอาวุโสได้เรียนรู้
    .
    “พี่เก่งขนาดนี้ สอนผมให้คิดออกด้วยคำพูดไม่กี่คำ แล้วทำไมพี่ยังทำงานอยู่อีกละครับ ไหนเมื่อแปดปีก่อนพี่เคยบอกว่า พี่เองเคยอยากเปิด Software House ของตัวเอง ไม่อยากทำงานประจำเป็นลูกจ้างเขาแบบนี้” รุ่นน้องยิงคำถามตรงไปตรงมา
    .
    รุ่นพี่ยิ้มนิดนึง ก่อนสบตานายช่างน้อย แววตาของรุ่นพี่ในตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับตอนที่เคยเอ่ยปากสอนเคล็ดวิชาสำคัญให้เมื่อ 8 ปีที่แล้ว
    .
    “เป็นคำถามที่ดี พี่จะตอบเอ็งยังไงดีน้า” รุ่นพี่ทำท่าครุ่นคิด
    .
    “เอาแบบคมๆ เหมือนเดิมก็ได้ครับพี่ ชีวิตผมได้ดีเพราะคำคมพี่มาเยอะแล้ว” รุ่นน้องยิ้มรอคำตอบด้วยดวงตาเปิดกว้าง
    .
    “หึหึหึ คำคมอย่างนั่นรึ! … รู้แล้วไม่ทำ มีค่าเท่ากับยังไม่รู้ ยังไงหละ 555”
    .
    การสนทนาอันทรงคุณค่าของสองนายช่าง จบลงด้วยคำคมอันทรงพลังอีกเช่นเคย
    .
    วันนี้สบาย
    ฟังเรื่องสบายๆ แก้เครียดกันครับ
    #โค้ชหนุ่ม #TheMoneyCoachTh

  • ฟัง 在 horrorclub.net Facebook 的最讚貼文

    2021-09-21 18:18:12
    有 921 人按讚

    ฟัง The Ghost Radio เมื่อคืน เรื่อง โร้ดทริป
    ไหว้ล่ะ เลิกตัดจบแบบ cliffhanger ค้างกลางอากาศแบบนี้เหอะ ไม่เข้าใจว่าคนเล่าช่องนี้ ทำไมชอบยืดเรื่อง ขยายจักรวาลซีรีส์กันจัง
    จริง ๆ เข้าใจว่าบางเรื่องมันยาวจริง อาจจะต้องซอยออกเป็นหลายพาร์ต แต่ถ้าใครได้ฟังเรื่องโร้ดทริปเมื่อคืน จะรู้เลยว่านี่คือการตัดจบแบบเสียอารมณ์ที่สุด
    .
    คนเล่า เล่าว่า "หลังจากทุกคนออกจากที่เกิดเหตุไปแล้ว จู่ ๆ ก็มีโทรศัพท์ติดต่อมาว่า
    "เกิดเรื่องใหญ่แล้ว..." " ตึง! จบ!
    .
    เอิ่อออออมมมม คือจังหวะนรกมากกกก คนเล่าดู The Walking Dead, Game of Thrones เยอะไปปะ
    .
    คือถ้าคุณแคร์คนฟังบ้าง คุณสามารถสรุปจบได้ตั้งแต่ ตอนที่สถานการณ์มันคลี่คลาย แล้วค่อยหยอดว่า "แต่จริง ๆ เรื่องนี้ยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่อีกเยอะ ซึ่งผมจะมาเล่าต่อในคราวหน้านะครับ" คนฟังก็จะรู้สึกว่ามันเต็มอิ่มในตัว ไม่รู้สึกเหมือนถูกหลอกให้อารมณ์ค้างอย่างที่เห็น

    ป.ล. ไม่แนะนำให้หาฟังครับ

  • ฟัง 在 ืNANAKE555 Youtube 的最佳貼文

    2021-06-10 21:00:17

    ฟัง! สำหรับใครที่ภาคทฤษฎีแน่น แต่ยังไม่เคยลงภาคปฏิบัติ มันไม่เหมือนกัน!

  • ฟัง 在 Go Went Gone ไปไม่เว้น Youtube 的最佳貼文

    2021-06-10 20:00:15

    10 ข้อผิดพลาดของน้ำ ดำน้ำ มือใหม่

    ?หน้ากากขึ้นฝ้าเวลาดำน้ำ ใครๆก็เป็นรึเปล่า
    ?ทำไมแท้งค์ถึงหลุดจาก BCD เวลาดำน้ำได้
    ?นอนซมบนเตียงเพราะเมาเรือ อดดำน้ำเบย!!
    ?ท้ายไดฟ์ลอย เอ๊ะ!! แล้วทำไมคนอื่นไม่เห็นลอย

    และอีกหลายปัญหาซ้ำซาก ที่เกิดขึ้นจริงในการดำน้ำของพวกเรา อย่ารอช้า ฟัง LIVE นี้แล้วรีบแก้ไข เพื่อการดำน้ำที่สนุกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น จะได้ไม่ต้องนอนซมเพราะเมาเรือ ฝ้าจะได้ไม่ขึ้นหน้ากาก และจะไม่ลอยตอนดำน้ำอีกต่อไปนะจ๊ะ

    โดยครูแสน Sanya Lohitnavy
    ครูสอนดำน้ำระดับ Course Director
    จากเพจ Ocean Blue Wave
    และเต้ย Sunchai Sutjarit
    Youtuber สายท่องเที่ยวแนว Adventure
    จากเพจ Go Went Gone ไปไม่เว้น
    จะมาชี้แจงแถลงไขให้ทุกคนได้เข้าใจ และช่วยให้เพื่อนๆทุกคนที่อยากเริ่มต้นเรียนดำน้ำ ตัดสินใจได้เร็วยิ่งขึ้น อย่าลืมติดตามชมกันนะครับ??
    "เริ่มต้นเรียนดำน้ำ ไม่ยากอย่างที่คิด"

    อย่าปล่อยความฝันของเราทิ้งไว้ โดยไม่มีใครดูแลนะครับ

    ---------------
    พูดคุยทักทายกันได้เลย

    ►Facebook : Go Went Gone ไปไม่เว้น - https://bit.ly/2UR4Im8
    ►Instragam : gowentgonetrip - https://bit.ly/3bOUlX3
    ►TIKTOK : gowentgonetrip - https://bit.ly/39tZF0k
    www.gowentgonetrip.com
    ►Tel : 063-5979-141

    ติดต่องานได้ที่
    gowentgonetrip@gmail.com

  • ฟัง 在 kangg Youtube 的最讚貼文

    2021-06-10 10:15:01

    แอปเปิ้ลเปิดให้เราฟังเพลง Apple Music Dolby Atmos แล้วนะครับ การฟังเพลงที่จะเปลี่ยนความรู้สึกของเราไปตลอดกาล ใครฟังบ้างแล้วชอบไม่ชอบมาบอกกันบ้างนะครับ

    สำหรับวิดีโอนี้มาอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเสียงเพลงแบบ Dolby Atmos ว่าเวลาที่ฟังเราได้ยินประมาณไหนแล้วมันสามารถแยกเสียงเป็นชั้น ๆ ได้จริง ๆ เหรอ แล้วงี้ฟังทุกเพลงเป็น Dolby Atmos ดีกว่าฟังแบบสเตอริโอมั้ย

    สำหรับ Dolby Atmos ที่ได้ฟังกันอยู่ มันคือแค่ครึ่งทางของ Dolby Atmos แบบฟูลเวอร์ชั่นที่จะมาปลายปีนี้ครับ ใครว้าวกับ Dolby Atmos ตอนนี้เชื่อว่าปลายปีโคตรว้าวกว่านี้อีก และที่สำคัญ iOS 15 มีฟีเจอร์เพิ่มขึ้นด้วย

    อั้ยย่ะ..ใช่ ๆ
    -------------------------------------------------
    อธิบาย Apple Music Lossless https://www.youtube.com/watch?v=JId3AxHd19U
    -------------------------------------------------
    คุยเรื่อง Dolby Atmos กับ Kantana Sound Studio

    EP 1 https://www.youtube.com/watch?v=J2txEgxRF44

    EP 2 https://www.youtube.com/watch?v=BGFl7d_aKiY