[爆卦]พูดแทรก是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇พูดแทรก鄉民發文沒有被收入到精華區:在พูดแทรก這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 พูดแทรก產品中有4篇Facebook貼文,粉絲數超過12萬的網紅หมอแพมชวนอ่าน,也在其Facebook貼文中提到, #เล็กน้อยมหาศาล . ในช่วงที่สับสนอลหม่าน มองไปทางไหนก็มีความเครียด มีแต่ปัญหา แต่เราก็ต้องเป็นเสาหลักให้ลูกให้ได้ หมอคิดถึงหนังเรื่อง Life is beautifu...

พูดแทรก 在 KRAIPITCH T. Instagram 的最佳貼文

2020-05-14 04:56:55

นัชชา : กินไรดีอ่ะ | ไกรพิชญ์ : อาฟเต้อยูมั้ยพี่อยากกินมะม่วง | นัชชา : พี่ไม่กินขนมหวานอ่ะ ไม่ชอบ ไม่กินขนมหวาน เค้ก ไอติมมานานมากแล้ว || เดินเข้าร้า...

  • พูดแทรก 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的最佳解答

    2021-07-06 22:03:16
    有 151 人按讚

    #เล็กน้อยมหาศาล

    .
    ในช่วงที่สับสนอลหม่าน มองไปทางไหนก็มีความเครียด มีแต่ปัญหา
    แต่เราก็ต้องเป็นเสาหลักให้ลูกให้ได้
    หมอคิดถึงหนังเรื่อง Life is beautiful
    ซึ่งเป็นหนังที่หมอชอบมากๆอีกเรื่องหนึ่ง

    สถานการณ์ตอนนี้
    ลูกของเราจะจดจำชีวิตในช่วงนี้ว่าอย่างไร
    ขึ้นกับพ่อแม่ว่าตอบสนองต่อปัญหาอย่างไร

    เหมือนที่โจชัว แม้จะถูกจับไปที่ค่ายกักกันชาวยิว
    แต่เพราะพ่อทำให้จิตใจของโจชัวไม่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงโหดร้ายในครั้งนั้น
    .
    หมอไม่รู้จะช่วยทุกคนได้อย่างไร
    แต่หมอรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้
    ไม่ได้กระทบแค่เรื่องงาน เศรษฐกิจ
    แต่คนที่รับผลไปเต็มๆคือเด็กน้อยที่บ้านของเรา
    เฉพาะการเสียโอกาสในการเติบโต ในการพัฒนาอย่างที่เค้าควรจะเป็น มันก็ประเมินค่าไม่ได้
    เราที่เป็นพ่อแม่...ทำได้แต่เพียง ตั้งสติ แล้วเรียงลำดับความสำคัญ แล้วหาปมแรกของเชือกให้ได้ก่อน
    .
    อยากจะชวนแม่ๆมาลองอ่าน
    และใช้วิธีพัฒนาตัวเองที่หมอได้ไปอ่านหนังสือมาค่ะ
    ถ้าบ้านไหนกำลังเครียด และรู้สึกว่า
    ความเครียดของเรา บวกกับสถานการณ์ ทำให้ลูกถดถอย
    เหมาะเลยค่ะ
    .
    เดือนที่ผ่านมา
    หมออ่านหนังสือ 2 เล่ม คือเรื่อง Atomic habit โดย Jame Clear
    และเรื่อง การจดบันทึกแบบ Bullet journal โดย Ryder Carroll
    และมีอีก 1 เล่มที่อ่านไปก่อนหน้านี้ คือ The power of output โดย ชิออน คาบาซาวะ
    .
    หมอพบว่า 3 เล่มนี้ มีความเชื่อมโยงกันอย่างมาก
    และสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตได้ดีมากโดยเฉพาะในมุมของคนเป็นแม่นะคะ
    .
    หัวใจของหนังสือทั้ง 3 เล่ม คือ
    #การเปลี่ยนแปลงใดใดล้วนเริ่มต้นจากการกระทำเล็กๆ
    อย่างที่เรารู้กัน อะตอม เป็นหน่วยที่เล็กของสสาร เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงที่เล็กเหมือนอะตอม
    แต่ทำอย่างสม่ำเสมอ ก็ส่งผลที่ยิ่งใหญ่ได้
    1ยกกำลัง 365 = 1 แต่ 1.01 ยกกำลัง 365 = 37.78
    ถ้าลงมือทำในสิ่งเล็กๆติดต่อกันทุกวัน เมื่อครบ 1 ปี
    เราจะพัฒนามากกว่าจุดตั้งต้น 37 เท่า
    เรื่องการพัฒนาความเป็นพ่อแม่ของเราก็เช่นกัน
    .
    ในหนังสือเรื่อง The power of output
    จะมาตอบคำถามเราที่ว่า การหาความรู้เป็นเรื่องดี เหมือนการใส่ input ดีๆให้กับตัวเอง
    แต่การใส่แต่ input โดยที่ไม่เคยมี output เลย
    ก็ไม่เคยเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ
    ดังนั้นจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนแนะนำคือ input/output = 30/70
    นั่นคือ ความรู้ก็สำคัญ แต่การเอาความรู้มาปฏิบัติจะทำให้เกิดวงจรทักษะที่สมบูรณ์
    เพราะในขณะที่เราลงมือทำ เราจะมองเห็นอุปสรรค และแก้ปัญหา เมื่อทำให้ครั้งถัดๆไปก็จะทำได้ดีขึ้น
    .
    และสิ่งที่หนังสือ 3 เล่มนี้ เขียนเหมือนกัน คือ
    #ให้ลงมือเขียนสิ่งที่อยากทำหรือต้องทำลงในกระดาษ
    ความคิดที่ล่องลอย เมื่อเขียนลงไป มันจับต้องได้
    และการลงมือเขียน เหมือนเป็นพันธะสัญญากับตัวเอง
    ❤ลองดูค่ะ มันได้ผลจริงๆนะ❤
    .
    แล้วเกี่ยวอะไรกับการเลี้ยงลูก
    เกี่ยวแน่นอน ถ้าหนึ่งใน passion ของเรา
    คือการเลี้ยงลูก
    เพราะฉะนั้น ทักษะการเลี้ยงลูกก็เป็นทักษะอันดับต้นๆที่เราต้องพัฒนาตัวเองทุกๆวัน
    แล้วสิ่งที่เราพัฒนาตัวเราเองนั้น
    จะเป็น spill over effect ไปยังลูกแน่นอน
    💟💟💟💟💟💟💟💟
    หมอย่อยขั้นตอนดังนี้ค่ะ

    👉1.เขียนความคิดในกระดาษ
    ลองให้เวลากับตัวเอง แล้วเขียนบรรยายออกมา
    ว่าเป้าหมายในการเลี้ยงลูกของเรา
    ณ ปัจจุบัน คืออะไร (แน่นอนเป้าหมายระยะสั้น กลาง เปลี่ยนแปลงได้เสมอ)
    ถ้าคิดยาก เอาทีละเดือน เดือนละ 1 เรื่องที่เราอยากพัฒนาก็ได้ค่ะ
    บรรยายให้มีตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรม วัดผลได้
    เช่น เดือนนี้ อยากให้ลูกเป็นคนที่รับมือกับอุปสรรคต่างๆได้ดี ดังนั้น เมื่อเรียนออนไลน์แล้วเกิดปัญหา
    สามารถคิดแก้ไขด้วยตัวเองได้เหมาะสมกับอายุ หรือ ควบคุมสติตัวเองได้เมื่อเกิดปัญหา ไม่โทรไปร้องไห้ตลอดเวลา etc.
    หรือ เดือนนี้ อยากให้ลูกสนุกกับการอ่านหนังสือด้วยกันให้ได้ (สมมติบ้านที่เพิ่งเข้าสู่วงการอ่านนิทาน)

    👉2. ใส่ input ที่จำเป็นให้กับตัวเอง เช่น อยากให้ลูกรับมือกับปัญหาได้ดี มีบทความดีๆเขียนถึง?
    หรือ อยากให้ลูกสนุกกับการอ่าน เราเลือกหนังสือยังไงดี หรือหนังสือนิทานแบบไหนที่ลูกน่าจะชอบ เป็นต้น
    ที่เราจำเป็นต้องใส่ input ในเรื่องที่เราอยากพัฒนา เป็นเพราะเมื่อสมองของเรามีความรู้ มีมุมมองต่อเรื่องนั้นๆกว้างมากขึ้น ก็จะสามารถวิเคราะห์ ประมวลเมื่อเกิดปัญหาและอุปสรรคได้ดีกว่า....และอย่างที่บอก อย่าเสียเวลาไปกับ input มากเกินไป เอาแค่หลักการ ถ้าใครคิดว่าตัวเองมีความรู้ในเรื่องนั้นๆอยู่แล้ว ข้ามข้อนี้ไปเลย

    👉3. เขียนลงกระดาษว่าตัวเราเอง จะมีการปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้ลูกเกิดการพัฒนาทักษะที่เราต้องการในข้อ 1
    ซึ่งพฤติกรรมใดๆ
    ที่เราต้องการให้เกิดขึ้น มีหลักการ 4 ข้อ
    ❤#ทำให้เห็นได้ชัดเจน อยากให้อ่านหนังสือนิทานต้องเตรียมนิทานไว้ที่หยิบง่าย
    อยากให้ทำการบ้าน ตารางงานชัดเจน อุปกรณ์ สถานที่ต้องพร้อม
    อยากให้ช่วยงานบ้าน คำสั่งต้องชัดเจน อุปกรณ์เข้าถึงได้ เป็นต้น
    ❤#ทำให้น่าดึงดูดใจ....ในมุมของแม่ เป็นเรื่องที่น่าท้าทาย น่าทดลอง ว่ามันจะได้ผลมั้ย ในมุมเด็ก ความสนุก ความสุข ที่มาพร้อมกับการทำ เป็นการบ้านที่คุณแม่ต้องไปคิด เพื่อให้เกิดการกระทำนั้น
    ❤#ทำให้เป็นเรื่องง่าย...พัฒนาแค่เพียงนิดเดียว แม่ก็มองเห็นแล้ว รับรู้ได้ ชื่นชมแล้ว ไม่ได้ยากอะไรเลย
    ❤#น่าพึงพอใจ.....เมื่อทำสิ่งนั้นดีขึ้น มันดีกับชีวิตอย่างไร ที่แน่ๆแม่มีความสุข แม่ไม่ดุ

    เช่น พัฒนาเรื่องความรับผิดชอบในการส่งงานของลูกสาววัยประถม 2
    (โปรดจำไว้ว่าเด็กแต่ละวัย แม้เป็นปัญหาเดียวกัน แต่เทคนิคจะไม่เหมือนกัน นี่เป็นเหตุผลว่าเราต้องหา input เพื่อให้ตัวเองเข้าใจเสียก่อน)
    □ สร้างแรงจูงใจ หากสามารถทำงานเสร็จเร็ว จะมีเวลาวิ่งเล่นด้วยกันมากขึ้น
    □ สอนให้ทำ to do list และได้ขีดฆ่างานที่ตัวเองทำเสร็จแล้ว เกิดความภูมิใจ
    □ เมื่อลูกทำได้ ต้องชื่นชม ให้แรงเสริมทางบวก
    เป็นต้น

    👉4. วางแผนเสร็จแล้ว ก็เป็น habit tracking รายวัน เราอาจทำให้ตัวเราเองเห็นชัดๆ หรือจะทำเป็นสมุดบันทึก แล้วแต่ที่ตัวเองสะดวก
    เช่น
    – บันทึกว่าสามารถมองเห็นและชื่นชมการพัฒนาของลูกได้ วันนี้นั่งเรียนได้ทั้งคาบโดยไม่วิ่งจากจอเลย วันนี้ตอบคำถามครูได้ วันนี้ยกมือตอบคุณครูด้วย เป็นต้น
    - บันทึกว่าอ่านหนังสือให้ลูกฟังอย่างสนุกสนานได้อย่างน้อย 30 นาที ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม (เดินหนี แย่งไปอม พูดแทรก ก็ไม่หยุดอ่าน และไม่หงุดหงิด)
    - บันทึกว่า วันนี้เรากดดันเรื่องการกินอาหารของลูกลดลง
    ** สามารถติดตามพฤติกรรมที่เราสนใจได้ทุกอย่าง แล้วแต่เราจะ design**
    ข้อควรจำ ตอนนี้ คนที่ต้องเปลี่ยนแปลงหลักคือตัวเราเอง แต่เราเฝ้ามองผลที่จะเกิดขึ้นทีละเล็กละน้อย ผ่านการพัฒนาทักษะที่เราต้องการของลูก อย่าลืมว่า เราต้องมองเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนั้น เราต้องการแค่วันละ +0.1 วันไหนได้มากกว่านั้นคือกำไร ในทางกลับกัน ถ้าวันนี้ขาดทุน พรุ่งนี้ก็เริ่มใหม่ได้เสมอ

    เดินไปข้างหน้า ช้าหรือหยุดไม่เป็นไร
    ขออย่างเดียว อย่าถอยหลัง
    แล้วเราจะพบว่า ไม่ทันรู้ตัว เราก็มาไกลกว่าจุดตั้งต้นมากทีเดียว
    ...
    หมอแพม

  • พูดแทรก 在 BeamSensei Facebook 的最佳解答

    2019-09-30 14:30:00
    有 533 人按讚

    แกอย่าพูดแทรกช้านนนนนนนนนนนนน
    口を挟まないでよ!!!

    ภาษาญี่ปุ่นวันนี้ 今日のタイ語

    พูดแทรก ภาษาญี่ปุ่นใช้สำนวนการพูดว่า 口を挟む kuchi o hasamu ค่ะ

    ประโยคตัวอย่าง

    今私話してるから、口を挟まないで欲しいんだけど・・・
    やめてくれない?
    ima watashi hanashiteru kara, kuchi o hasamanaide hoshiin dakedo ... yamete kurenai ?
    ตอนนี้ฉันกำลังพูดอยู่ ไม่อยากให้พูดแทรกอะ ช่วยหยุดพูดได้มะ ?

    他の人が話してるときに、割り込んで話すのはタイ語では「พูดแทรก」phuud saekと言います。

    พูด phuudは 話すという意味で
    แทรก saek は 割り込む という意味です。

    BeamSensei

  • พูดแทรก 在 Obeoom X Lifestyle Facebook 的最讚貼文

    2018-10-05 14:36:16
    有 224 人按讚

    เมื่อลุงๆป้าๆได้เจอเบบี๋อ.อ.เป็นครั้งแรก 🤪
    แม่โอบอุ้ม : อุ้มท้อง 5เดือนละนะ
    ลุงโป๊ป : ขอให้ลูกหล่อเหมือนพี่...
    ป้าม่านฟ้า : (พูดแทรก) ต้องสวยเหมือนม่าน...
    แม่โอบอุ้ม : !?!??!?!?!? ขอหล่อกว่าลุงโป๊ป และสวยกว่าป้าม่านนะ 😜
    3คน : 555 😆😆😁
    #popezaap #hisomarnfha
    ความหวังของอิแม่เล็กๆ คือ ขอให้ลูกเกิดมาหน้าตาดี... สาธุ! 🙏🏻

你可能也想看看

搜尋相關網站