雖然這篇พืชไร่ 13 ชนิด鄉民發文沒有被收入到精華區:在พืชไร่ 13 ชนิด這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 พืชไร่產品中有3篇Facebook貼文,粉絲數超過178萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Facebook貼文中提到, ผู้สนับสนุน.. หุ้นกู้ PTT เรทติ้ง AAA (tha) ที่หลายคนรอคอย กรีนบอนด์อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 2.25% และหุ้นกู้อายุ 7 ปี ดอกเบี้ย 2.85% ต่อปี เดินหน้าส่งเสริม...
同時也有3部Youtube影片,追蹤數超過17萬的網紅ฅนบนดอย,也在其Youtube影片中提到,ลุยสวนสับปะรด_ตอน วิธีฟันต้นเก่าแบบสูงกับแบบต่ำให้ผลต่างกันอย่างไร วิธีคัดหน่อ&วิธีริดปลายใบสับปะรดเพื่อให้เข้าไปทำงานได้สะดวกขึ้น อ่านเรื่องราวการปลู...
「พืชไร่」的推薦目錄
- 關於พืชไร่ 在 Alissaya Tsoi Instagram 的最佳解答
- 關於พืชไร่ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於พืชไร่ 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最讚貼文
- 關於พืชไร่ 在 Pinnynoy Travel & Aviation & Beauty & Lifestyle Blogger Facebook 的精選貼文
- 關於พืชไร่ 在 ฅนบนดอย Youtube 的最讚貼文
- 關於พืชไร่ 在 CHANAWAN Youtube 的精選貼文
- 關於พืชไร่ 在 feelthai Youtube 的精選貼文
พืชไร่ 在 Alissaya Tsoi Instagram 的最佳解答
2020-05-09 12:10:34
#ตามรอยพ่อ แวะมาศูนย์พัฒนา "โครงการหลวงขุนวาง" ในหลวงรัชกาลที่เก้า ส่งเสริมให้ปลูกพืชอื่นๆแทนการปลูกฝิ่น ทั้งพืชผัก ไม้ผล ไม้ดอก พืชไร่ ชาจีน กาแฟ ยั...
-
พืชไร่ 在 ฅนบนดอย Youtube 的最讚貼文
2016-10-11 11:23:27ลุยสวนสับปะรด_ตอน วิธีฟันต้นเก่าแบบสูงกับแบบต่ำให้ผลต่างกันอย่างไร
วิธีคัดหน่อ&วิธีริดปลายใบสับปะรดเพื่อให้เข้าไปทำงานได้สะดวกขึ้น
อ่านเรื่องราวการปลูกสับปะรด ตั้งแต่เริ่มปลูกครั้งแรกจนถึงปัจจุบันนี้ได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=118309.0
ขอบคุณที่รับชมครับ ฝากกด Like & Subscribe เพื่อเป็นกำลังใจในการทำคลิปด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/channel/UCtDa9RjYMfExpn03jh_JHaQ -
พืชไร่ 在 CHANAWAN Youtube 的精選貼文
2015-12-17 22:51:00ดูเค้าตัดอ้อยขึ้นอ้อยครับ : กว่าจะมาเป็นน้ำตาลให้เราได้ทาน หวานชื่นใจ มาดูวิธีการตัดแบบบ้านๆ ไม่ได้ใช้รถตัดอ้อย Cane havester คือใช้แรงงานคน ที่เห็นเป็นดำๆ เกิดจากการเผา เพื่อให้ง่ายต่อการตัด อุปกรณ์ก็มีดกับแรงกาย ตัดแล้วก็กองๆ ไว้ เพื่อให้รถแทรกเตอร์คีบอ้อย คีบใส่รถบรรทุกส่งเข้าโรงงานต่อไป
ติดตามคลิปที่รวบรวมความหลากหลาย "จิปาถะ" ได้ที่นี้ครับ
https://www.youtube.com/channel/UCa7TjVBrkvSByYVe3uDoE8w
พืชไร่ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
ผู้สนับสนุน..
หุ้นกู้ PTT เรทติ้ง AAA (tha) ที่หลายคนรอคอย
กรีนบอนด์อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 2.25% และหุ้นกู้อายุ 7 ปี ดอกเบี้ย 2.85% ต่อปี
เดินหน้าส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี สร้างประโยชน์แก่สังคม และชุมชน
เห็นบริษัทต่างๆ เสนอขายหุ้นกู้แก่ผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปกันมากมาย นักลงทุนหลายคนก็รอลุ้นว่า บริษัทพลังงานข้ามชาติชั้นนำรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย อย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. (PTT) จะเสนอขายหุ้นกู้เมื่อไร
ล่าสุดหลังจากประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ปตท. ได้เปิดตัวหุ้นกู้ 2 รุ่นสำหรับเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป รุ่นนึงเป็นหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือกรีนบอนด์ อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 2.25% ต่อปี กับอีกรุ่นเป็นหุ้นกู้อายุ 7 ปี ดอกเบี้ย 2.85% ต่อปี ซึ่งรุ่นนี้มีให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นกู้เดิมของ ปตท. (8 รุ่น ที่ครบกำหนดไถ่ถอนไปแล้วระหว่างปี 2559 ถึง 2562) ด้วย โดยทั้ง 2 รุ่น กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน
ในด้านของอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ ปตท. นั้น หายห่วง เพราะบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศอันดับเครดิต หุ้นกู้ ปตท. เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 เป็นตราสารหนี้ที่ออกในประเทศไทยที่มีอันดับเครดิตสูงสุด คือ AAA (tha)
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุไว้ว่า อันดับเครดิตของ ปตท. สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรของกลุ่ม ปตท. และความมีเสถียรภาพจากการที่ ปตท. ได้ถือหุ้นในบริษัทในเครือต่างๆ ตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ (Business Value Chain) ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ ที่มีขนาดใหญ่และมั่นคง อาทิ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจโรงกลั่น และธุรกิจปิโตรเคมี และยังระบุถึงสถานะทางการเงินและสภาพคล่องที่แข็งแกร่งของ ปตท. ด้วยว่า ปตท. ได้รับประโยชน์จากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของธุรกิจตลอดห่วงโซ่ ที่มีความสม่ำเสมอ เนื่องจากอุปสงค์ของธุรกิจพลังงานค่อนข้างมีความมั่นคง
นอกจาก ปตท. จะเป็นบริษัทพลังงานไทยที่เทียบชั้นได้กับบริษัทใหญ่ๆ ระดับโลกแล้ว เรายังเห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจ การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และการพยายามร่วมสร้างสังคมไทยให้แข็งแรง เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานและความมั่งคั่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ โดยในปี 2562 ที่ผ่านมา ปตท. ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ในกลุ่มดัชนีโลก (World Index) และดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการความยั่งยืนขององค์กรที่สามารถเทียบเคียงกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเดียวกันทั่วโลก นำมาซึ่งความภาคภูมิใจสู่องค์กรและประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
และเนื่องจากหุ้นกู้ ปตท. ที่ออกครั้งนี้มี “กรีนบอนด์” หรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย โดยที่ ปตท. ถือเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่เสนอขายกรีนบอนด์ให้กับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป และได้รับประกาศนียบัตรจาก Climate Bonds Initiative (CBI) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งเน้นและให้ความสำคัญเรื่องการลงทุนและการระดมทุนที่สนับสนุนการนำไปสู่สังคมและเศรษฐกิจแบบ Low Carbon หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยโครงการเพื่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของ ปตท. นั้น ถือเป็นโครงการแรกในโลกที่ได้รับประกาศนียบัตรจาก CBI ด้านการอนุรักษ์ป่าไม้ ซึ่งตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำของ ปตท. ในการมุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมที่แท้จริง เราจึงควรทำความรู้จักกับโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมของ ปตท. กันหน่อยว่า ที่บอกว่าเป็นโครงการเพื่อ “ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี สร้างประโยชน์แก่สังคม และชุมชน” นั้นเป็นอย่างไร
เริ่มจากปี 2537 ปตท. ได้รับอาสาภาครัฐปลูกป่า จำนวน 1 ล้านไร่ ในโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกทำลาย โดยมีพื้นที่เป้าหมายกระจายอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ
ปัจจุบัน ผลจากการปลูกป่าดังกล่าวได้เติบโตและสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ โดยการวิจัยของศูนย์วิจัยป่าไม้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่าป่าที่ ปตท. ได้ดำเนินการปลูกและดูแลรักษา สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ย 2.14 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และมีการใช้ประโยชน์ของชุมชนด้านของป่าคิดมูลค่ารวมกว่า 280 ล้านบาทต่อปี (ข้อมูลจากงานวิจัยผลสัมฤทธิ์แปลงปลูกป่า ปตท. โดย ศูนย์วิจัยป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2560 – 2561) และยังคงมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า 82% ด้วยความร่วมใจดูแลรักษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมสร้างการพึ่งพาตัวเอง ส่งเสริมให้เกิดคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจที่ดีแก่ชุมชนโดยรอบพื้นที่แปลงปลูกป่า นอกจากนี้ยังเกิดเครือข่ายความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศมากมาย
จากโครงการปลูกป่าฯ สู่การจัดตั้งเป็นสถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. ได้ทำหน้าที่ขยายผล ต่อยอดจากภารกิจโครงการปลูกป่าฯ 1 ล้านไร่ ผ่านการดำเนินงานศูนย์เรียนรู้ที่สำคัญจำนวน 3 ศูนย์ ซึ่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ประกอบด้วย ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง และ ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์
ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี เป็นพื้นที่ศูนย์เรียนรู้ป่าชายเลน 786 ไร่ ที่ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่แห่งนี้ได้รับการฟื้นฟูจากนากุ้งร้างสู่ความอุดมสมบูรณ์ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนระดับประเทศและภูมิภาค รวมถึงเป็นพื้นที่ต้นแบบการบริหารจัดการพื้นที่ป่าอย่างยั่งยืนร่วมกับชุนชนและหน่วยงานภาครัฐ สร้างรายได้ให้ชุมชนจากการรับรองนักท่องเที่ยว และจากการจับสัตว์น้ำ
ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง เนื้อที่รวม 351 ไร่ มีแนวคิดการออกแบบที่คำนึงถึงระบบนิเวศและการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ซึ่งกระทบต่อธรรมชาติน้อยที่สุด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมองค์ความรู้และนวัตกรรมการฟื้นฟูป่ารูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการฟื้นฟูป่าแบบบูรณาการในรูปแบบ “วนเกษตร” ที่ปลูกไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชสวน รวมถึงการทำนาแบบผสมผสาน ทั้งยังเป็นพื้นที่ปลูกป่าโครงการนำร่องที่เข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand-Voluntary Emission and Reduction: T-VER) สาขาป่าไม้และพื้นที่สีเขียว
ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2558 โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเปิด และพระราชทานชื่อ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 12 ไร่ บนถนนสุขาภิบาล 2 เขตประเวศ กทม. เป็นแหล่งสะสมพันธุ์ไม้พื้นถิ่นต่างๆ ของกรุงเทพฯ ทั้งยังรวบรวมองค์ความรู้การปลูกและอนุรักษ์ป่าของ ปตท. ปัจจุบันเป็นหนึ่งในแหล่งกิจกรรมปลูกฝังเรื่องการอนุรักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อมที่ใกล้ชิดคนเมือง
ซึ่งนอกจากการมุ่งรักษาทรัพยากรควบคู่กับการสร้างความรู้แล้ว ขณะนี้ ปตท. ยังหวังยกระดับคุณภาพชีวิตประชากรในเมืองผ่านแนวคิดแบบ Urban Green มากขึ้น อย่างที่ผ่านมาก็มีโครงการ Our Khung BangKachao ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนความร่วมมือในรูปแบบ social collaboration กับภาคีต่างๆ กว่า 65 หน่วยงาน เพื่อพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า จ.สมุทรปราการ ที่ถือว่าเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการผลิตออกซิเจนให้กับคนเมือง ให้สามารถเติบโตอย่างสมดุล เป็นพื้นที่สีเขียว ร่วมกับพัฒนาเศรษฐกิจ ปากท้อง ความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน
จะเห็นว่าโครงการปลูกป่าของ ปตท. ไม่ใช่แค่ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรม แต่ยังส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว ด้วยการสร้างให้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ ปลูกสร้างจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อมและการเพิ่มพื้นที่สีเขียวควบคู่กันไปด้วย ซึ่งจะตอบโจทย์นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมในระยะยาวต่อไป
กลับมาที่เรื่องหุ้นกู้ว่า ผู้ที่สนใจจะซื้อได้ที่ไหน เมื่อไร?
สำหรับหุ้นกู้ อายุ 7 ปี เสนอขายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 สำหรับผู้ถือหุ้นกู้เดิมของ ปตท. (8 รุ่น ที่ครบกำหนดไถ่ถอนไปแล้วระหว่างปี 2559 ถึง 2562) โดยกำหนดมูลค่าจองซื้อไม่เกิน 1,000,000 บาท/ราย/ธนาคาร และวันที่ 21-23 กรกฎาคม 2563 สำหรับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป
สำหรับกรีนบอนด์ (หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม) อายุ 3 ปี เสนอขายระหว่างวันที่ 21 - 23 กรกฎาคม 2563 สำหรับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป โดยกำหนดมูลค่าจองซื้อกรีนบอนด์ไม่เกิน 1,000,000 บาท/ราย/ธนาคาร
หุ้นกู้ ปตท. จัดการจำหน่ายโดยธนาคารชั้นนำ 4 แห่ง ดังนี้
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 ต่อ 819 และ
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784
สามารถติดตามรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนการเสนอขายได้ที่ www.sec.or.th หรือสอบถามข้อมูลผ่านธนาคารพาณิชย์ ผู้ร่วมจัดการการจำหน่าย
พืชไร่ 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最讚貼文
หลายคนบ่นอยากจะได้ข้อมูลเชิงละเอียดขึ้นอีก ของ "พาราควอต" มากกว่าที่ผมเอาความเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่านมาโพสต์ลงไว้เมื่อวาน ... วันนี้ เลยขอเอารายละเอียดจากสไลด์การบรรยายของ ศ.ดร.รังสิต สุวรรณมรรคา จาก ม.เกษตรศาสตร์ ส่วนพวกเอกสารอ้างอิงนั้น อาจารย์ท่านให้ไว้ในหน้าสุดท้ายแล้ว
สรุปข้อมูลจากสไลด์
- พาราควอต ค้นพบและพัฒนาโดย ICI กว่า 60 ปีก่อน ปัจจุบันขึ้นทะเบียนไว้ในประเทศต่างๆ กว่า 85 ประเทศ เหมาะกับกับการกำจัดวัชพืชในสวนผลไม้ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน พืชไร่ พืชผัก
- คุณสมบัติ เป็นสารที่ไม่ระเหย ละลายน้ำดีมาก สลายตัวโดยแสงยูวี และจุลินทรีย์ในดิน
- องค์การอาหารและเกษตร สหประชาชาติ กำหนดให้พาราควอต มีสีต่างจากเครื่องดื่มทั่วไป มีกลิ่นฉุน มีสารกระตุ้นให้อาเจียนเฉียบพลัน
- เป็นสารกำจัดวัชพืช แบบไม่เลือกทำลาย ชนิดสัมผัส / ใช้ฉีดพ่นให้โดนใบวัชพืช หลังวัชพืชงอก / ซึมเข้าเนื้อเยื่อสีเขียวได้เร็ว ออกฤทธิ์เร็ว ทนทานต่อการชะล้างโดยน้ำฝน / แต่ไม่ทำลายส่วนสีน้ำตาล จึงใช้ฉีดตามโคนต้นได้
- WHO จำแนกความเป็นอันตรายของพาราควอตอยู่ในระดับ "อันตรายปานกลาง" / ความเป็นพิษ ผ่านทางการหายใจ-สูงสุด ทางปาก-ปานกลางถึงสูง และทางผิวหนัง-ต่ำ (ดูรายละเอียดตัวเลขในสไลด์) ระคายเคืองผิวเล็กน้อย ระคายเคืองตาปานกลาง ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ที่ผิวหนัง / US EPA สรุปว่า ไม่เป็นสารก่อมะเร็ง ไม่ก่อการกลายพันธุ์ ไม่ยับยั้งต่อมไร้ท่อ และไม่มีผลต่อระบบประสาท
- เวลาใช้ จะเจือจางผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย ให้เจือจางลง 200 เท่า หรือเข้มข้น 1 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร ถ้าใช้ที่ความเข้มข้นสูง จะอันตรายต่อผู้ใช้ได้
- พาราควอตจะยึดจับกับดินอย่างเหนียวแน่น และเสื่อมฤทธิ์ทันที ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในดิน และจะไม่สามารถดูดซึมเข้ารากพืชได้
- พาราควอตโดยจะยึดกับดินเหนียว ได้ดีกว่าดินทราย / ในสภาพพืชไร่ จะเคลื่อนย้ายลงดินได้ลึกไม่เกิน 5 เซนติเมตร (หรือนับว่าไม่เคลื่อนย้ายในดิน) / พาราควอตที่สะสมในดิน จะสลายตัวด้วยจุลินทรีย์ และแสงสว่าง / อัตราการสลายตัว ที่ศึกษาในประเทศไทย พบว่าจะสลายไป 50% ในเวลา 1 -1.5 เดือน และสลายไป 90% ในเวลา 4-5 เดือน (จะเห็นเร็วกว่าในต่างประเทศ)
- WHO สรุปว่า ถ้าใช้พาราควอตตามคำแนะนำปรกติ ระดับของสารพาราควอตตกค้างในพืช อาหาร และน้ำดื่ม จะไม่เกิดอันตรายต่อสุขภาพของเด็กและประชาชน
- US EPA สรุปว่า ถ้าใช้ตามคำแนะนำ จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อนกและสิ่งมีชีวิตอื่น เนื่องจาก มีค่าระดับความเป็นพิษต่อผึ้ง-ต่ำ ต่อปลา-เล็กน้อย ต่อนก-ปานกลาง ต่อไส้เดือน-ไม่มีผล
งานวิจัยเรื่องพาราควอต ที่บอกว่าไม่ได้เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
ขนาดที่เหล่าบรรดาพวก NGO มาโหมกระพือตีข่าวว่าทั้งตกค้างในผัก ในขี้เด็ก ในดิน
ในนี้สรุปมาค่อนข้างครบถ้วนลองค่อยๆไล่อ่านไปทีละภาพนะ
อันนี้คือส่ิงที่กูว่าชัดเจนที่สุด ใครแชร์ได้ก็แชร์นะ อยากให้รู้กันในวงกว้าง เพราะเอาจริงๆเพจกูเป็นแค่เพจเล็กๆไม่ได้มีพาวเวอร์อะไรไปต่อสู้กับพวกนั้นได้
พืชไร่ 在 Pinnynoy Travel & Aviation & Beauty & Lifestyle Blogger Facebook 的精選貼文
In trend กันหน่อย กับวันพืชมงคลแบบ Digital ๆ ที่ทำเสี่ยงทายพระโคกินอะไรผลออกมาเป็นยังไง เป็น infographic สวยๆ เลยทีเดียวเกร๋ๆ
พระโคแรกนาขวัญกับวันฝนตก
ทุกๆต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปีก็จะมีวันพืชมงคล ซึ่งเป็นวันที่คนไทยหลายๆคนชื่นชอบเพราะจะได้หยุดเรียนและหยุดทำงาน แต่นอกจากนี้วันพืชมงคลยังคงเป็นวันเกษตรประจำปีและการประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญอีกด้วย และสิ่งหนึ่งที่หลายๆคนมักจะได้ยินเสมอพร้อมกับพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญก็คือการเสี่ยงผ้านุ่ง และการบริโภคพระกระยาหารและเครื่องดื่ม 7 ชนิดของพระโค เพื่อเป็นมงคลและการเสี่ยงทาย
การเสี่ยงผ้านุ่งนั้น ทำโดยพระยาแรกนาโดยการเลือกผ้านุ่ง 3 ผืนที่มีความยาวต่างกันตามชอบใจ ถ้าเสี่ยงได้ผืนที่ยาวที่สุด ก็แสดงว่าปีนี้หน้าฝนน้ำจะน้อย ถ้าเลือกผืนที่สั้นที่สุดก็เป็นการทำนายว่าปีนี้น้ำจะมาก ส่วนการเสี่ยงทายของกิน 7 สิ่งของพระโค ในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญนั้น ถ้าพระโคกินข้าว หรือข้าวโพด พยากรณ์ว่าธัญญาหาร(ข้าว เมล็ดธัญพืช) ผลาหาร(ไม้ผล)จะบริบูรณ์ดี ถ้าพระโคกินถั่วหรืองา พยากรณ์ว่าผลาหาร(ไม้ผล) ภักษาหาร(พืชไร่) มังสาหาร (เนื้อ) จะอุดมสมบูรณ์ดี ถ้าพระโคกินน้ำ หรือหญ้า พยากรณ์ว่าน้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี และถ้าพระโคกินเหล้า พยากรณ์ว่าการคมนาคมจะสะดวกขึ้น การค้าขายกับต่างประเทศจะดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง
ทีมงานประเทศไทยอยู่ที่ไหน ได้ทำการเรียบเรียงผลการเสี่ยงผ้านุ่งและพระโค[1] เพื่อมาเปรียบเทียบกันกับปริมาณน้ำฝนที่ตกในฤดูฝนของแต่ละปี[2] (เดือนห้าถึงเดือนสิบ ยกเว้นภาคใต้ฝั่งตะวันออก เดือนสิบถึงเดือนสิบสอง) ได้ผลดังนี้
2546 – เสี่ยงผ้านุ่ง 4 คืบ น้ำมาก พระโคกินข้าว หญ้า เหล้า -> ฝนตก 7914.3 มม.
2547 – เสี่ยงผ้านุ่ง 4 คืบ น้ำมาก พระโคกินข้าวโพด หญ้า -> ฝนตก 7188.4 มม.
2548 – เสี่ยงผ้านุ่ง 4 คืบ น้ำมาก พระโคกินข้าวโพด ถั่วงา หญ้า -> ฝนตก 7708.5 มม.
2549 – เสี่ยงผ้านุ่ง 6 คืบ น้ำน้อย พระโคกินหญ้า -> ฝนตก 8233.6 มม.
2550 – เสี่ยงผ้านุ่ง 5 คืบ น้ำพอดี พระโคกินข้าว หญ้า -> ฝนตก 8041.3 มม.
2551 – เสี่ยงผ้านุ่ง 5 คืบ น้ำพอดี พระโคกินข้าว หญ้า -> ฝนตก 8355.1 มม.
2552 – เสี่ยงผ้านุ่ง 5 คืบ น้ำพอดี พระโคกินถั่วงา หญ้า -> ฝนตก 7700.8 มม.
2553 – เสี่ยงผ้านุ่ง 6 คืบ น้ำน้อย พระโคกินหญ้า -> ฝนตก 8458.3 มม.
2554 – เสี่ยงผ้านุ่ง 5 คืบ น้ำพอดี พระโคกินเหล้า -> ฝนตก 8854.5 มม.
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งของวันพืชมงคลก็คือประเพณีไทยที่สืบทอดกันมา ลำพังการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีคงจะไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดอะไร และหากใครสักคนจะชื่นชอบในการฟังคำทำนาย เพื่อความบันเทิงหรือเหตุผลอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นไปด้วยแหล่งที่มาเช่นไรก็คงจะเป็นเรื่องส่วนบุคคล ซึ่งก็เป็นเรื่องนานาจิตตัง ตามแต่คนจะคิดจะเชื่อ อย่างไรก็ตาม หากเรากำลังที่จะเลือกที่จะลงทุน หรืออ้างอิงการตัดสินใจสำคัญในชีวิตจากการทำนายสักอันหนึ่ง การที่ได้รู้ความแม่นยำหรือเหตุผลที่มาของการทำนายนั้น ก็น่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์
หากใครสักคนต้องการที่จะเชื่อหมึกพอลในการทำนายผลของฟุตบอลโลก ก็คงจะไม่เป็นเรื่องที่ผิดเท่าใดนัก แต่หากว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มที่จะเอาการตัดสินใจสำคัญในชีวิตหรือทรัพย์สินของเราไปอิงกับเพียง “คำทำนาย” สักอันหนึ่ง เราพร้อมแค่ไหนที่จะ “เสี่ยง” กับมัน?