สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ความงามพิไล แห่งดินแดนสยาม
-----------------------------------------------------------------------
“หญิงผู้มีพระเนตรสีนิล พระเกศาดำขลับ พระหัตถ์ที่โค้งงามได้รูปราวกับดอกบัวพริ้วไหว อีกทั้งกิริยากอปรกับความอ่อนหวานในแบบสตรีชาวสยาม ผู้ซึ่งทรงเปรียบเสมือนแจ็กกี้ เคนเนดี้ แห่งเอเชีย ความงามที่กล่าวอ้างมาทั้งหมดนี้ สร้างเสน่ห์แก่ผู้คนที่ได้พบเห็นในฐานะ “สุภาพสตรีผู้ทรงความงามและแต่งกายเหมาะสมที่สุดของโลกในปี 1965” นิตยสารนิวส์วีก ฉบับวันที่ 5 กันยายน พุทธศักราช 2509 บรรยายถึงพระราชินีของปวงชนชาวไทย
ในขณะที่พระองค์ทรงตามเสด็จฯ เยือนต่างประเทศ พระองค์ได้รับสั่งแก่ผู้ใกล้ชิดอีกทั้งทรงเตือนพระองค์ว่า การตามเสด็จฯเยือนต่างประเทศครานี้ “ไม่ใช่ความสนุกหรือเพื่อความสุขของข้าพเจ้า แต่ภารกิจหลักคือการเผยแพร่ผ้าไหมไทยที่สร้างเสน่ห์ด้วยการถักทอลวดลายงานหัตถศิลป์และความประณีตสู่สายตาคนทั้งโลก” แม้พระองค์ได้รับคำชมเชยถึงพระสิริโฉมและฉลองพระองค์อันงดงามในด้านแฟชั่น ทั้งฉลองพระองค์ พระมาลา กระเป๋าทรง อีกทั้งเครื่องประดับ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ตรงหนักพระทัยอยู่มิน้อย ว่าเครื่องแต่งพระองค์ต้องเหมาะสมยศที่ทรงดำรงอยู่คู่ประมุขของประเทศ เหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวงต้องถูกกาลเทศะและแสดงถึงเอกลักษณ์ความงามแบบไทยอีกด้วย
พระองค์สนพระทัยในการฉลองพระองค์แบบสมัยนิยมเฉกเช่นกับที่โปรดอ่านเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคมโลก จากนิตยสารไทม์หรือหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ในระหว่างวันที่เสด็จเยือนต่างประเทศเคียงคู่พระเจ้าอยู่หัว เมื่อใดที่หมดภารกิจหลักที่สำคัญ จะทรงฉลองพระองค์ลำลองด้วยเสื้อผ้าเนื้อเรียบ การตัดเย็บประณีตแบบห้องเสื้อสากล อาทิ แบรนด์ Carven, Dior, Lanvin, Guy Laroche, Nina Ricci และ Michel Goma พร้อมปล่อยพระเกศาแบบธรรมชาติ หนึ่งในห้องเสื้อชื่อดังของโลกอย่าง ปิแอร์ บัลแมง ที่ถวายงานตัดชุดฉลองพระองค์ตั้งแต่ปี 1960 ได้ให้นิยามพระองค์ว่า “นอกจากทรงเป็นพระราชินีสิริโสภาที่สุดของโลกแล้ว พระองค์ยังมีรสนิยมที่เป็นเลิศอีกด้วย” ในบรรดาฉลองพระองค์สำหรับสำหรับเยือนต่างประเทศประมาณ 50 ชุด พระองค์โปรดเกล้าฯให้บัลแมงเข้าเฝ้าฯขณะที่เขาเดินทางกลับจากพักร้อนที่ออสเตรเลียและพำนักอยู่ที่ประเทศไทย “พระองค์มีพระประสงค์ฉลองพระองค์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและสถานที่โดยสื่อเอกลักษณ์ความงามแบบไทยวิจิตร” นั่นคือจุดเริ่มต้นและเป็นที่มาของชุดไทยในปัจจุบัน อาทิ ไทยเรือนต้น, ไทยจิตรลดา หรือแม้แต่ ไทยบรมพิมาน ที่ตัดเย็บโดยห้องเสื้อ ปิแอร์ บัลแมง สร้างสรรค์งานปักชั้นสูงระดับโอกูตูร์ของโลกอย่าง เมซง เลอซาจ" (Maison Lesage) และรองเท้าเข้าชุดอีกจำนวนนึงที่ออกแบบให้คงเอกลักษณ์ด้วยผ้าไหมไทยจากแบรนด์ เรเน่ มันซินี (René Mancini) ในขณะที่มงกุฏกนกมาศประดับเพชรสามารถปรับเปลี่ยนเป็น สร้อยพระศอ และ สร้อยข้อพระหัตถ์ เข้าชุด นับเป็นการดีไซน์ที่ชาญฉลาดยิ่ง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้สร้างคำชมเชยถึงพระสิริโฉมอันงดงามและฉลองพระองค์อันวิจิตรในทุกประเทศที่เสด็จฯ รวมถึงรัศมีอันเปล่งประกายของพระองค์ ทำให้นิตยสารอีกหลายฉบับในต่างประเทศลงพระฉายาลักษณ์พระองค์บนปกนำ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียม สวีเดน ออสเตรเลีย เป็นต้น