กว่า 55 ปีที่ “ป๊อกกี้ (Pocky)” ขนมแท่งเคลือบช็อกโกแลตสัญชาติญี่ปุ่นของกูลิโกะ ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้บริโภคตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นขนมสามัญประจำบ้านที่หากพูดถึงขนม ชื่อของ “ป๊อกกี้” จะเป็นชื่อแรกๆ ที่ถูกกล่าวถึง จนได้รับการบันทึกลง Guinness World Record ว่า เป็นขนมบิสกิตช็อกโกแลตที่ขายดีที่สุดในโลก ด้วยยอดขายกว่า 590 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 17,700 ล้านบาทในปี 2019 และวางจำหน่ายกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
.
แต่ก่อนที่ป๊อกกี้จะประสบความสำเร็จขนาดนี้ ป๊อกกี้ได้เปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อปี 1966 หลังจากกูลิโกะพยายามคิดค้น ดัดแปลงมาจากขนมปังแท่งแบรนด์ Pretz ของเยอรมนี ซึ่งชื่อแรกเริ่มของขนมแท่งช็อกโกแลตนี้ คือ “ช็อกโกเท็ค (Chocoteck)” ก่อนเปลี่ยนมาเป็นชื่อที่คุ้นเคยอย่าง “ป๊อกกี้” ตามเสียงเวลาหักกินดัง “ป๊อก” โดยปี 1972 ไทยเป็นประเทศแรกที่กูลิโกะนำป๊อกกี้ไปวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ ก่อนจะขยายไปทั่วโลก พร้อมๆ กับการพัฒนาสินค้าให้มีหลากหลายรสชาติมากขึ้น
.
แม้ป๊อกกี้จะไม่ใช่สินค้าชิ้นแรกของกูลิโกะ แต่ก็เป็นสินค้าที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กูลิโกะโด่งดังไปทั่วโลก จนถึงขนาดที่ว่า เป็นสัญลักษณ์ของขนมแท่งเคลือบช็อกโกแลตไม่ว่ายี่ห้อใด แต่คนจะเรียกติดปากว่า “ป๊อกกี้” เช่นเดียวกับที่คนเรียกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่า “มาม่า” โดยความสำเร็จของป๊อกกี้ ต้องยอมรับว่าการตลาดของเขานั้นมีส่วนสำคัญมาก ซึ่งเราจะพาไปย้อนดูว่า กูลิโกะเขาใช้กลยุทธ์การตลาดอย่างไรถึงทำให้ป๊อกกี้ เป็นขนมที่ขายดีที่สุดในระดับตำนาน
.
1.จัดกิจกรรมให้ลูกค้ามีส่วนร่วม โดยใช้วัน “Pocky Day 11.11” เป็นสื่อกลาง
“Pocky Day 11.11” วันที่กูลิโกะต้องการกำหนดให้เป็นวันสำคัญเทียบเท่ากับวันสำคัญของโลกเช่นวันวาเลนไทน์ เนื่องจากอยากให้ผู้คนรู้สึกสนุกและรอคอยการมาถึงของวันนี้ ซึ่งเหตุผลที่ใช้วันที่ 11 เดือน 11 เพราะมีเลข 1 ทั้ง 4 ตัว เป็นการสื่อถึงแท่งของขนมป๊อกกี้ โดยวันป๊อกกี้เดย์เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อปี 1999 ที่ตรงกับปีที่ 11 ของการครองราชย์ขององค์สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ในตอนนั้นไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ป๊อกกี้ กับเลข 11 ส่งผลให้ผู้คนเกิดความรู้สึกแห่งการเฉลิมฉลอง และมอบป๊อกกี้ให้เป็นของขวัญแก่กัน ทำให้ยอดขายของป๊อกกี้ในปีนั้นเพิ่มขึ้นและถูกพูดถึงมากขึ้น
.
นั่นจึงทำให้กูลิโกะเริ่มจัดกิจกรรมวันป๊อกกี้เดย์เพื่อเอาใจลูกค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เช่น “Pocky Rocket” สร้างจรวดรูปทรงป๊อกกี้ พร้อมกับให้ผู้คนมีส่วนร่วมสร้างจรวดแบบของตัวเองผ่านเว็บไซต์ โดยจรวดทั้งหมดจะถูกปล่อยในวันที่ 11 เดือน 11 เวลา 11 นาฬิกาพร้อมกัน ที่ความสูง 1,111 เมตรก่อนตกลงสู่พื้น โดยมีทั้งสิ้น 1,453,652 ลำ
.
2.แจกสินค้าให้ทดลองทานฟรีก่อนจำหน่าย
ช่วงแรกของการออกสินค้าใหม่ หรือแม้แต่ช่วงที่กูลิโกะต้องการไปบุกตลาดต่างประเทศ เพื่อให้ผู้บริโภครู้จักสินค้ามากขึ้น กูลิโกะจึงใช้กลยุทธ์การแจกสินค้าให้คนทั่วไปทดลองทานฟรีก่อนกว่าล้านชิ้น รวมถึงยังแจกให้เด็กๆ ทานฟรีโดยเฉพาะ ซึ่งกลยุทธ์นี้ทำให้ผู้คนเปิดใจบริโภคและซื้อขนม “ป๊อกกี้” มากขึ้น
.
3.รับฟังความคิดเห็นของลูกค้า และนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ
ข้อดีของกูลิโกะอีกหนึ่งข้อคือ รับฟังความคิดเห็นของผู้บริโภคเสมอ โดยเชื่อว่า การพูดคุยซื้อขายกับลูกค้าโดยตรงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อนำความคิดเห็นและความต้องการเหล่านั้นมาพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นและมีความหลากหลายมากขึ้น
.
4.กระตุ้นยอดขายด้วยการจับมือกับพันธมิตรอื่นๆ ออก “สินค้าพิเศษ”
แม้สินค้าเดิมจะดีและเป็นที่นิยมอยู่แล้ว แต่เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆให้หันมาสนใจซื้อสินค้ามากขึ้น ป๊อกกี้ได้เพิ่มกลยุทธ์การออก ”สินค้าพิเศษ” จากการร่วมมือกับพันธมิตรอื่น ๆ เช่น ร่วมมือกับ Lucus Film ออกผลิตภัณฑ์ “Star Wars Lightsaber Giant Pocky” นำดาบลำแสงเอกลักษณ์ของ Star Wars ที่คล้ายกับแท่งป๊อกกี้มาอยู่บนกล่อง หรือแม้แต่เอาใจแฟนคลับ NMB48 นำภาพสมาชิก 44 คน มาไว้บนกล่องให้เก็บสะสมกัน ซึ่งสินค้าพิเศษแต่ละคอลเลกชันของป๊อกกี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจนบางคอลเลกชันหายากกันเลยทีเดียว
.
5. .ชูสัญลักษณ์ด้วย “ป้ายไฟนีออน กูลิโกะแมน”
ถ้าพูดถึงป๊อกกี้ หรือกูลิโกะ เชื่อว่าอีกหนึ่งอย่างที่ทุกคนนึกถึงคือ “กูลิโกะแมน” ป้ายไฟนีออนที่ติดตั้งอยู่ที่เมืองโอซาก้า โดยเหตุผลที่ทำป้ายไฟนีออนขนาดใหญ่นี้ไปที่โอซาก้า เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติจำนวนมาก ถ้าเปิดไฟนีออนในเวลากลางคืนจะยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้คน ซึ่งมันก็เป็นที่สนใจจากผู้คนและนักท่องเที่ยวในโอซาก้าจริงๆ จนกลายเป็นว่ากูลิโกะแมนไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ของกูลิโกะเพียงอย่างเดียว แต่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้า ที่ใครแวะเวียนผ่านไปต้องถ่ายรูปกลับมาด้วย
.
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 5 ข้อคือกลยุทธ์การตลาดของกูลิโกะ ที่ไม่ใช่แค่ทำให้ป๊อกกี้ได้รับความนิยมอย่างเดียว แต่ยังทำให้สินค้าอื่น ๆ ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคทั่วโลกไปด้วย ซึ่งเราจะเห็นว่า ความสำเร็จของกูลิโกะ อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ “ความคิดสร้างสรรค์” ทั้งจากการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ กำหนดวันสำคัญ และจัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นมาเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีร่วมกับผู้บริโภค
.
ที่สำคัญคือ “ไม่มองข้ามความคิดเห็นของผู้บริโภค รับฟัง และนำมาพัฒนาต่อยอดสินค้า” จนทำให้ทั้งป๊อกกี้ และแบรนด์กูลิโกะ เป็นแบรนด์ขนมที่ครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนานได้ ซึ่งใครที่กำลังคิดหากลยุทธ์การตลาดเพื่อนำไปต่อยอดในธุรกิจของตัวเอง ก็สามารถนำเอากลยุทธ์ของป๊อกกี้ไปเป็นแบบอย่างได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรคุณก็ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า คุณต้องการขายอะไร และต้องการให้แบรนด์ไปในทิศทางไหน จะทำให้คุณคิดกลยุทธ์การตลาดได้ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
.
ที่มา : https://prtimes.jp/main/html/rd/p/000000001.000067703.html
http://www.marketinginblack.net/uncategorized/pocky-day/
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#ป๊อกกี้ #Pocky #กูลิโกะ #Glico #ขนมแท่งเคลือบช็อกโกแลต #GuinnessWorldRecord #ขนมบิสกิตช็อกโกแลต