雖然這篇นินทาคนอื่น鄉民發文沒有被收入到精華區:在นินทาคนอื่น這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章
在 นินทาคนอื่น產品中有7篇Facebook貼文,粉絲數超過0的網紅,也在其Facebook貼文中提到, ❤#อย่าไปให้ราคากับคนไร้ค่า อย่าเก็บคำพูด อย่าเก็บคำวิจารณ์ ของพวกขยะสังคม มาทำให้เรากลุ้มใจ ... หมามีปากมันก็เห่า คนมีปากมันก็พูด แต่คนเหี้ยๆมันมักจะช...
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過83萬的網紅เทพลีลา,也在其Youtube影片中提到,ไอ้เติ๊ดไม่อยู่ เดี๋ยวพวกเราที่เหลือจะเล่าให้ฟังว่ามันเป็นคนยังไง น้องๆในทีมเทพลีลาคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับไอ้เติ๊ดคนนี้ กด Subscribe กดกระดิ่ง เพื่อที่...
นินทาคนอื่น 在 Nattha Sirirumpaivong Instagram 的最讚貼文
2020-05-10 03:19:32
เวลาหัวมันคิดเรื่องอะไรที่ไม่ดี ต่อตัวเอง หรือคนอื่น คิดร้าย คิดไม่ดี คิดอิจฉาริษยา มีสติรู้ตัวให้เร็ว ดึงสติกลับมา อย่าไหลไปตามความคิดปรุงแต่ง เปลี่...
-
นินทาคนอื่น 在 เทพลีลา Youtube 的最佳解答
2018-04-23 19:00:03ไอ้เติ๊ดไม่อยู่ เดี๋ยวพวกเราที่เหลือจะเล่าให้ฟังว่ามันเป็นคนยังไง น้องๆในทีมเทพลีลาคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับไอ้เติ๊ดคนนี้
กด Subscribe กดกระดิ่ง เพื่อที่จะได้ไม่พลาดคลิปใหม่ๆจากเทพลีลา
► https://goo.gl/Gc8CtG
เทพลีลา Facebook page:
► https://goo.gl/crXeF6
นินทาคนอื่น 在 Facebook 的最佳解答
❤#อย่าไปให้ราคากับคนไร้ค่า อย่าเก็บคำพูด อย่าเก็บคำวิจารณ์ ของพวกขยะสังคม มาทำให้เรากลุ้มใจ ...
หมามีปากมันก็เห่า คนมีปากมันก็พูด แต่คนเหี้ยๆมันมักจะชอบพูดถึงเรื่องคนอื่น " เพราะมันคิดว่าตัวเองดีที่สุด "
❌แต่จริงๆเปล่าเลยนะ !! #อย่าได้สนใจน้ำลายบูดของหมา ชีวิตเป็นของเรา ไม่ต้องแคร์อะไรค่ะ อยากทำอะไรก็ทำ ถ้าเราไม่ได้ไปขี้รดเสาบ้านใคร ถ้าใครมันจะเดือดร้อน ก็ปล่อยมันค่ะ เรามีหน้าที่ทำมาหากิน ทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุด คนมีปากยังไงมันก็พูดค่ะ #มันจะไปหยุดพูดตอนที่มันตายแล้วค่ะ !!
ไม่มีคนดีๆที่ไหนชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน หรือ นินทาคนอื่น
ถ้าคุณอยู่ใกล้คนประเภทนี้จงระวังค่ะ ถ้าเขามาพูดเรื่องคนอื่นให้เราฟัง นินทาใครให้เราฟัง #ฟันทงได้เลยค่ะ !!!
" เขาก็เอาเรื่องของเราไปพูดให้คนอื่นฟังเช่นกัน "
CR..แม่หมอไอซ์แมรี่เจน
นินทาคนอื่น 在 สมองไหล Facebook 的精選貼文
มีคำถามมากมายส่งเข้ามาหาผมทาง อินบ็อกซ์ ว่า…
.
- อยากอ่านหนังสือ แต่ไม่มีเวลา
- อยากทำงานเสริม แต่ไม่มีเวลา
- อยากประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีเวลา
- อยาก…………………….. แต่ไม่มีเวลา
.
จะทำยังไงดี ?
.
อาจารย์คิมรันโด ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ เพราะเป็นวัยรุ่น จึงเจ็บปวด เอาไว้ว่า…
.
คนที่ประสบความสำเร็จ ชีวิตหนึ่งวันจะมีเวลา 25 ชั่วโมง ส่วนคนที่ล้มเหลว ชีวิตหนึ่งวันจะมีเวลา 23 ชั่วโมง
.
ไม่ใช่ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร แต่ปัญหาคือ จะใช้เวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันอย่างไร เพราะประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ “มีหรือไม่มีเวลา” แต่คือ “ใช้หรือไม่ใช้เวลา” ต่างหาก
.
เราจึงควรจัดการเวลาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในชีวิต โดยอาจารย์คิมรันโดได้เสนอเคล็ดลับการจัดเวลาเอาไว้ประมาณ 3 ข้อ
.
1) จัดการเวลาให้สัมพันธ์กับเป้าหมาย
.
สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนจะวางแผนจัดการเวลา คือ เราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนก่อนว่า “ทำไปเพื่ออะไร”
.
การจัดการเวลาที่ดี ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมที่สุด แล้วนำมาเรียงลำดับงานก่อนหลังให้เหมาะสม
.
สิ่งที่จำเป็นในการเรียงลำดับงาน ไม่ใช่แค่คิดว่า “จะทำอะไร” แต่ต้องคิดว่า “จะเลิกทำอะไร” ด้วย
.
การจัดการชีวิตต้องกล้าหาญมากพอที่จะตัดของหลายๆ อย่างออกไป ก่อนที่จะตั้งใจทำอะไรได้เต็มที่ เพราะถ้าเราไม่สามารถตัดของบางอย่างออกไปได้ มันก็ไม่มีใครหรอกที่จะมีเวลา…
.
เปรียบเสมือนต้นไม้ ถ้ามันมีกิ่งมากเกินไป มันก็ไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ การจัดการเวลาก็เช่นกัน ถ้าเราใช้เวลาอย่างสะเปะสะปะ ความฝันที่ยิ่งใหญ่ก็คงไม่มีทางเป็นไปได้
.
ดังนั้นเราก็ควรตัดใจทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิต
.
2) งดงานอดิเรกที่ไม่มีประโยชน์ต่อชีวิต
.
ทุกคนมีโจรขโมยเวลาอยู่ในตัวเอง ถ้าไม่จับโจรขโมยเวลาให้ได้ก่อน มันก็เป็นไปได้ยากที่เราจะสามารถจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
อย่างที่บอกว่าสิ่งแรกที่ต้องทำก่อนจัดการเวลา คือ การตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก ดังนั้น สิ่งที่ควรตัดออกเป็นอันดับแรกก็คืองานอดิเรกที่ไม่มีประโยชน์ต่อชีวิต
.
ซึ่งเป็นการกระทำที่เราคุ้นเคยจนติดเป็นนิสัยและเป็นสิ่งที่แก้ไขยากที่สุด เพราะขนาดว่าเรารู้ทั้งรู้ว่ามันเสียเวลา แต่ก็พยายามหาข้ออ้างมาเข้าข้างตัวเองจนได้
.
สมัยที่ผมยังเป็นนักศึกษา สิ่งที่ผมต้องทำทุกวันคือ การเปิดคอมพิวเตอร์เล่มเกมฟุตบอล Fifa ผมตามเล่นทุกภาค เล่นตั้งเเต่มัธยมจนจบมหาวิทยาลัย
.
ครั้งแรกที่เล่นก็คิดว่าแค่เล่นสนุกๆ แต่พอเล่นไปสักพักมันดันสนุกจนหยุดไม่อยู่ แล้วก็ชอบหาข้ออ้างให้กับตัวเองว่าทำงานและเรียนเหนื่อยมาทั้งวัน ขอช่วงเวลาแห่งความสนุกสักนิดนึงเถอะ (นิดนึงจนถึงเช้า)
.
มาถึงวันนี้พอนึกย้อนกลับไปตอนนั้น ก็อดใจหายไม่ได้ ที่เห็นตัวเองใช้เวลาไปอย่างไร้ประโยชน์ เพราะสุดท้ายความสนุกในวันนั้นก็ไม่ได้ให้ความสนุกที่แท้จริง แถมมันยังไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ กับชีวิตผมในวันนี้เลย
.
“เวลา คือ อาหารสำหรับการเติบโต” ยิ่งใช้เวลาไปกับกิจกรรมที่ไร้สาระมากเท่าไหร่ ชีวิตเราก็จะเติบโตได้ช้าลงเท่านั้น
.
เพราะฉะนั้น ให้เลิกทำงานอดิเรกที่ไร้สาระ และ หยุดใช้เวลาไปอย่างสิ้นเปลือง และ ทำกิจกรรมที่มีผลต่อการเติบโตในชีวิตแทน
.
ยกตัวอย่างเช่น
.
- อ่านหนังสือ แทน การเล่มเกม
- ดูภาพยนต์ แทน การดูทีวี เพราะบางทีภาพยนต์ก็ให้ประโยชน์กับเราไม่ต่างจากหนังสือ
- ทบทวนตัวเอง แทน การเพ้อฝัน
- พูดอย่างสร้างสรรค์ แทน การพูดเพ้อเจ้อ นินทาคนอื่น
- ดื่มเหล้าเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศ ไม่ใช่การเมา เพราะถ้าดื่มอย่างมีวิธีคิดมันก็ให้อะไรดีๆ กับเราได้เหมือนกัน
.
3) 15 นาที มีค่ากว่าที่คิด
.
เวลาประมาณ 15 นาที ในช่วงที่รอเพื่อน รอขึ้นรถไฟฟ้า รอประชุม รออาหาร เป็นช่วงเวลาที่ก่ำกึ่งที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี
.
คำถามคือ คุณใช้เวลาเหล่านี้ทำอะไร ?
.
สังคมสมัยนี้เป็นยุคที่รีบเร่งและยุ่งเหยิงมาก การเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งจึงเกิดเศษเวลาเล็กๆ ขึ้นมากมาย
.
ดังนั้น อย่ารอให้มีเวลา แต่ต้องนำเศษเวลาที่พอมีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
.
ส่วนตัวผมมักใช้เวลาระหว่างรอรถไฟฟ้า และ นั่งรถไฟฟ้า ไป-กลับ ที่ทำงานเที่ยวละ 40 นาที/วัน ในการอ่านหนังสือ หรือ บางทีเวลาขับรถก็จะเชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับเครื่องเสียงรถยนต์แล้วฟังพอดแคสต์
.
ผมจะมีหนังสือวางอยู่ทุกที่ เพื่อให้ตัวเองหยิบขึ้นมาอ่านได้ง่ายที่สุด ทั้งโต๊ะทำงาน ในกระเป๋า หัวเตียง ห้องน้ำ ทุกครั้งที่เกิดเศษเวลาผมจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แทนการหยิบมือถือเสมอ
.
การใช้เศษเวลาเหล่านี้ทำให้ผมสามารถอ่านหนังสือได้เฉลี่ยประมาณสัปดาห์ละ 1 เล่ม โดยไม่ต้องหาเวลานั่งอ่านจริงจังที่แทบจะหาไม่ได้เลย
.
เพราะในช่วงที่ว่างเหมือนไม่รู้จะทำอะไร จะมีอะไรให้ทำอยู่เสมอ อาจจะไม่ใช่การอ่านหนังสือทุกครั้งก็ได้ แต่ให้เอางานที่สามารถทำให้เสร็จได้ภายใน 15 นาที ออกมาลงมือทำทันที
.
สิ่งที่ผมชอบทำคือ การตอบอีเมล การตอบแชทลูกค้า การโทรหาคู่ค้า และ การบันทึกรายรับ-รายจ่ายส่วนตัว เป็นต้น
.
เศษเวลาในแต่ละวันมียิบย่อยมาก ต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือ ถ้าไม่รู้ว่าจะทำอะไรจริงๆ ก็ลองใช้เศษเวลา 15 นาที นี้ ถามและทำความเข้าใจกับตัวเองว่า เราต้องการอะไรกันแน่ เพราะบางทีการครุ่นคิดกับตัวเองเงียบๆ อาจทำให้คุณค้นพบความจริงที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองก็ได้
.
เพราะฉะนั้น อย่าพูดจนติดปากว่า “ไม่มีเวลา” เพราะประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ “มีหรือไม่มีเวลา” แต่คือ “ใช้หรือไม่ใช้เวลา” ต่างหาก
.
นอกเหนือจากเวลาแล้ว ชีวิตของมนุษย์จะเหลืออะไรอีก เวลาเป็นวัตถุดิบของวิญญาน เวลาคือทุกสิ่งทุกอย่าง วันพรุ่งนี้ของคุณขึ้นอยู่กับ 24 ชั่วโมงของวันนี้ เวลาของคุณมีคุณค่ามากกว่าที่คิด !
.
.
.
"เพราะเป็นวัยรุ่น จึงเจ็บปวด" หนังสือที่เขียนมาเพื่อวัยรุ่นที่กำลังสับสนในช่วงเวลาค้นหาตัวเอง เเละเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้ทบทวนชีวิตในช่วงเวลาที่ผ่านมา...
.
.
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
.
เเต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
.
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ
ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล
นินทาคนอื่น 在 สมองไหล Facebook 的精選貼文
มีคำถามมากมายส่งเข้ามาหาผมทาง อินบ็อกซ์ ว่า…
.
- อยากอ่านหนังสือ แต่ไม่มีเวลา
- อยากทำงานเสริม แต่ไม่มีเวลา
- อยากประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีเวลา
- อยาก…………………….. แต่ไม่มีเวลา
.
จะทำยังไงดี ?
.
อาจารย์คิมรันโด ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ เพราะเป็นวัยรุ่น จึงเจ็บปวด เอาไว้ว่า…
.
คนที่ประสบความสำเร็จ ชีวิตหนึ่งวันจะมีเวลา 25 ชั่วโมง ส่วนคนที่ล้มเหลว ชีวิตหนึ่งวันจะมีเวลา 23 ชั่วโมง
.
ไม่ใช่ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร แต่ปัญหาคือ จะใช้เวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันอย่างไร เพราะประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ “มีหรือไม่มีเวลา” แต่คือ “ใช้หรือไม่ใช้เวลา” ต่างหาก
.
เราจึงควรจัดการเวลาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในชีวิต โดยอาจารย์คิมรันโดได้เสนอเคล็ดลับการจัดเวลาเอาไว้ประมาณ 3 ข้อ
.
1) จัดการเวลาให้สัมพันธ์กับเป้าหมาย
.
สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนจะวางแผนจัดการเวลา คือ เราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนก่อนว่า “ทำไปเพื่ออะไร”
.
การจัดการเวลาที่ดี ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมที่สุด แล้วนำมาเรียงลำดับงานก่อนหลังให้เหมาะสม
.
สิ่งที่จำเป็นในการเรียงลำดับงาน ไม่ใช่แค่คิดว่า “จะทำอะไร” แต่ต้องคิดว่า “จะเลิกทำอะไร” ด้วย
.
การจัดการชีวิตต้องกล้าหาญมากพอที่จะตัดของหลายๆ อย่างออกไป ก่อนที่จะตั้งใจทำอะไรได้เต็มที่ เพราะถ้าเราไม่สามารถตัดของบางอย่างออกไปได้ มันก็ไม่มีใครหรอกที่จะมีเวลา…
.
เปรียบเสมือนต้นไม้ ถ้ามันมีกิ่งมากเกินไป มันก็ไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ การจัดการเวลาก็เช่นกัน ถ้าเราใช้เวลาอย่างสะเปะสะปะ ความฝันที่ยิ่งใหญ่ก็คงไม่มีทางเป็นไปได้
.
ดังนั้นเราก็ควรตัดใจทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิต
.
2) งดงานอดิเรกที่ไม่มีประโยชน์ต่อชีวิต
.
ทุกคนมีโจรขโมยเวลาอยู่ในตัวเอง ถ้าไม่จับโจรขโมยเวลาให้ได้ก่อน มันก็เป็นไปได้ยากที่เราจะสามารถจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
อย่างที่บอกว่าสิ่งแรกที่ต้องทำก่อนจัดการเวลา คือ การตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก ดังนั้น สิ่งที่ควรตัดออกเป็นอันดับแรกก็คืองานอดิเรกที่ไม่มีประโยชน์ต่อชีวิต
.
ซึ่งเป็นการกระทำที่เราคุ้นเคยจนติดเป็นนิสัยและเป็นสิ่งที่แก้ไขยากที่สุด เพราะขนาดว่าเรารู้ทั้งรู้ว่ามันเสียเวลา แต่ก็พยายามหาข้ออ้างมาเข้าข้างตัวเองจนได้
.
สมัยที่ผมยังเป็นนักศึกษา สิ่งที่ผมต้องทำทุกวันคือ การเปิดคอมพิวเตอร์เล่มเกมฟุตบอล Fifa ผมตามเล่นทุกภาค เล่นตั้งเเต่มัธยมจนจบมหาวิทยาลัย
.
ครั้งแรกที่เล่นก็คิดว่าแค่เล่นสนุกๆ แต่พอเล่นไปสักพักมันดันสนุกจนหยุดไม่อยู่ แล้วก็ชอบหาข้ออ้างให้กับตัวเองว่าทำงานและเรียนเหนื่อยมาทั้งวัน ขอช่วงเวลาแห่งความสนุกสักนิดนึงเถอะ (นิดนึงจนถึงเช้า)
.
มาถึงวันนี้พอนึกย้อนกลับไปตอนนั้น ก็อดใจหายไม่ได้ ที่เห็นตัวเองใช้เวลาไปอย่างไร้ประโยชน์ เพราะสุดท้ายความสนุกในวันนั้นก็ไม่ได้ให้ความสนุกที่แท้จริง แถมมันยังไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ กับชีวิตผมในวันนี้เลย
.
“เวลา คือ อาหารสำหรับการเติบโต” ยิ่งใช้เวลาไปกับกิจกรรมที่ไร้สาระมากเท่าไหร่ ชีวิตเราก็จะเติบโตได้ช้าลงเท่านั้น
.
เพราะฉะนั้น ให้เลิกทำงานอดิเรกที่ไร้สาระ และ หยุดใช้เวลาไปอย่างสิ้นเปลือง และ ทำกิจกรรมที่มีผลต่อการเติบโตในชีวิตแทน
.
ยกตัวอย่างเช่น
.
- อ่านหนังสือ แทน การเล่มเกม
- ดูภาพยนต์ แทน การดูทีวี เพราะบางทีภาพยนต์ก็ให้ประโยชน์กับเราไม่ต่างจากหนังสือ
- ทบทวนตัวเอง แทน การเพ้อฝัน
- พูดอย่างสร้างสรรค์ แทน การพูดเพ้อเจ้อ นินทาคนอื่น
- ดื่มเหล้าเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศ ไม่ใช่การเมา เพราะถ้าดื่มอย่างมีวิธีคิดมันก็ให้อะไรดีๆ กับเราได้เหมือนกัน
.
3) 15 นาที มีค่ากว่าที่คิด
.
เวลาประมาณ 15 นาที ในช่วงที่รอเพื่อน รอขึ้นรถไฟฟ้า รอประชุม รออาหาร เป็นช่วงเวลาที่ก่ำกึ่งที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี
.
คำถามคือ คุณใช้เวลาเหล่านี้ทำอะไร ?
.
สังคมสมัยนี้เป็นยุคที่รีบเร่งและยุ่งเหยิงมาก การเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งจึงเกิดเศษเวลาเล็กๆ ขึ้นมากมาย
.
ดังนั้น อย่ารอให้มีเวลา แต่ต้องนำเศษเวลาที่พอมีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
.
ส่วนตัวผมมักใช้เวลาระหว่างรอรถไฟฟ้า และ นั่งรถไฟฟ้า ไป-กลับ ที่ทำงานเที่ยวละ 40 นาที/วัน ในการอ่านหนังสือ หรือ บางทีเวลาขับรถก็จะเชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับเครื่องเสียงรถยนต์แล้วฟังพอดแคสต์
.
ผมจะมีหนังสือวางอยู่ทุกที่ เพื่อให้ตัวเองหยิบขึ้นมาอ่านได้ง่ายที่สุด ทั้งโต๊ะทำงาน ในกระเป๋า หัวเตียง ห้องน้ำ ทุกครั้งที่เกิดเศษเวลาผมจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แทนการหยิบมือถือเสมอ
.
การใช้เศษเวลาเหล่านี้ทำให้ผมสามารถอ่านหนังสือได้เฉลี่ยประมาณสัปดาห์ละ 1 เล่ม โดยไม่ต้องหาเวลานั่งอ่านจริงจังที่แทบจะหาไม่ได้เลย
.
เพราะในช่วงที่ว่างเหมือนไม่รู้จะทำอะไร จะมีอะไรให้ทำอยู่เสมอ อาจจะไม่ใช่การอ่านหนังสือทุกครั้งก็ได้ แต่ให้เอางานที่สามารถทำให้เสร็จได้ภายใน 15 นาที ออกมาลงมือทำทันที
.
สิ่งที่ผมชอบทำคือ การตอบอีเมล การตอบแชทลูกค้า การโทรหาคู่ค้า และ การบันทึกรายรับ-รายจ่ายส่วนตัว เป็นต้น
.
เศษเวลาในแต่ละวันมียิบย่อยมาก ต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือ ถ้าไม่รู้ว่าจะทำอะไรจริงๆ ก็ลองใช้เศษเวลา 15 นาที นี้ ถามและทำความเข้าใจกับตัวเองว่า เราต้องการอะไรกันแน่ เพราะบางทีการครุ่นคิดกับตัวเองเงียบๆ อาจทำให้คุณค้นพบความจริงที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองก็ได้
.
เพราะฉะนั้น อย่าพูดจนติดปากว่า “ไม่มีเวลา” เพราะประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ “มีหรือไม่มีเวลา” แต่คือ “ใช้หรือไม่ใช้เวลา” ต่างหาก
.
นอกเหนือจากเวลาแล้ว ชีวิตของมนุษย์จะเหลืออะไรอีก เวลาเป็นวัตถุดิบของวิญญาน เวลาคือทุกสิ่งทุกอย่าง วันพรุ่งนี้ของคุณขึ้นอยู่กับ 24 ชั่วโมงของวันนี้ เวลาของคุณมีคุณค่ามากกว่าที่คิด !
.
.
.
"เพราะเป็นวัยรุ่น จึงเจ็บปวด" หนังสือที่เขียนมาเพื่อวัยรุ่นที่กำลังสับสนในช่วงเวลาค้นหาตัวเอง เเละเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้ทบทวนชีวิตในช่วงเวลาที่ผ่านมา...
.
.
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
.
เเต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
.
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ
ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล