[爆卦]นัยนา แปลว่า是什麼?優點缺點精華區懶人包

雖然這篇นัยนา แปลว่า鄉民發文沒有被收入到精華區:在นัยนา แปลว่า這個話題中,我們另外找到其它相關的精選爆讚文章

在 นัยนา產品中有17篇Facebook貼文,粉絲數超過19萬的網紅แซนวิช ปภาดา โชติกวณิชย์,也在其Facebook貼文中提到, Happy Birth​ Day​ ป้าเอ้ ชุติมา​ นัยนา🎉 #10สค64 🍰 #Leon9chanel​ Chutima Everything - ชุติมาขายทุกอย่าง...

นัยนา 在 ปัทมา ปานทอง Instagram 的最讚貼文

2021-05-28 20:50:12

“ฟ้า หิน ดิน ทราย” ตอนทึ่ 23 วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม 2564 เวลา 18.45 น. ช่อง 7HD กด 35 พอรู้ว่า หิน (วิน-ชวินทร์วุฒิ) รัก ทราย (อ้อม-อังคณา) ...

  • นัยนา 在 แซนวิช ปภาดา โชติกวณิชย์ Facebook 的最佳貼文

    2021-08-10 19:53:34
    有 833 人按讚

    Happy Birth​ Day​ ป้าเอ้ ชุติมา​ นัยนา🎉

    #10สค64 🍰
    #Leon9chanel​

    Chutima Everything - ชุติมาขายทุกอย่าง

  • นัยนา 在 เค้าเรียกผมว่าแมว Facebook 的最讚貼文

    2020-09-17 17:50:04
    有 2,376 人按讚

    ห๊า อะไรนะพี่เส้า!!! ช่วงนี้หัดแมวระบาด! ไหนจะหน้าฝน เห็บ หมัด ไรหูเพียบเลย คันๆๆ เกายุกยิกไปหมด ยุง แมลงสาบก็หนีฝนเข้าบ้านมาเพียบเลย จะเป็นอันตรายกับสุขภาพพวกเรามั้ยเนี่ยยย

    มามะ มาถามกันให้หายสงสัยทุกเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพน้องแมว โดยตากล้อง เส้าหลิน กังฟู หยงชุน ซันไช่ และคุณหมอพลอย สพ.ญ.นัยนา กุลชัยกุล จากโรงพยาบาลสัตว์ รัตนาธิเบศร์

    วันอาทิตย์นี้ (20 ก.ย) เวลาบ่าย 3 มาชม LIVE สดจากเพจเค้าเรียกผมว่าแมวกัน

    ใครสงสัยอะไร ฝากคำถามมาได้เลยนะฮะ

    สนับสนุนโดยเพจ Broadforcat

  • นัยนา 在 Roundfinger Facebook 的最佳貼文

    2019-12-30 10:51:08
    有 1,969 人按讚


    จากวันนั้น มนุษย์ก็มองโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
    -\-\-
    1
    บ่ายวันหนึ่ง 600 ปีก่อน, สถาปนิกหนุ่มประกาศในหมู่เพื่อนพ้องว่าจะทำการทดลองที่รอคอยมาเนิ่นนาน เขายืนอยู่หน้าประตูทางเข้าวิหารซานตามารีอา เดล ฟิออเร แห่งเมืองฟลอเรนซ์ที่เขาเป็นผู้ออกแบบ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีโดมยักษ์ห่มอาคาร ต้องรอก่อสร้างนานถึงสิบหกปี เพราะต้องใช้ช่างฝีมือและศิลปินจำนวนมหาศาล

    2
    สิ่งที่ฟิลลิปโป บรูเนลเลสกีจะทำในบ่ายวันนั้นใช้งบประมาณน้อยกว่านั้นมาก เพียงแผ่นไม้สี่เหลี่ยมจตุรัสสิบสองนิ้ว กระจกหนึ่งบาน พู่กันเบอร์เล็ก สี และคนหนึ่งคน ด้วยอุปกรณ์เพียงเท่านี้กับงานสเกลเล็กจิ๋ว แต่ความคิดเบื้องหลังนั้นใหญ่พอที่จะพลิกโลกได้ กระทั่งมีผู้พูดว่านี่คือสิ่งมหัศจรรย์ที่ส่งอิทธิพลยืนยาวยิ่งกว่าวิหารหลังคาโดมของเขาเสียอีก และไม่มีผลงานชิ้นไหนของเขาจะวิเศษไปกว่างานชิ้นนี้

    3
    จากธรณีประตูทางเข้ามหาวิหารแห่งฟลอเรนซ์ เขามองผ่านลานหินไปที่โบสถ์รับศีลของนักบุญจีโอวานนีซึ่งมีอายุสามร้อยปีแล้ว จากนั้นก็วาดรูปโบสถ์หลังนั้นจนเสร็จ และนั่นคือภาพวาดที่เปลี่ยนการมองโลกของมนุษย์ไปตลอดกาล, linear perspective ภาพแรกของโลก

    4
    นั่นเป็นครั้งแรกที่มนุษย์วาดภาพ 'สมจริง' ในขนาดที่ถ้ามองจากมุมที่ใช่ในระยะที่เหมาะสมจะรู้สึกเหมือนได้เห็นสถานที่จริงปรากฏอยู่เบื้องหน้า

    5
    การทดลองมองภาพสมจริงที่สุดนี้เกิดขึ้นในวันนั้น, เพื่อนของบรูเนลเลสกีผลัดกันถือรูปเขียน โดยหันด้านที่มีรูปออกข้างนอกตัว แล้วมองลอดรูซึ่งเจาะไว้ตรงกลางรูป เมื่อมองผ่านรู พวกเขาจะเห็นลานหินและภาพโบสถ์ จากนั้นให้เอากระจกที่มีขนาดเท่าภาพเขียนมาถือไว้ในแนวสายตา เมื่อเหยียดแขนออกไป ภาพเขียนโบสถ์จะสะท้อนอยู่เต็มหน้ากระจก ซึ่งรูปภาพที่ปรากฏบนกระจกจะเหมือนเวลาเราดูมันตรงๆ ด้วยตาเปล่าอย่างไม่ผิดเพี้ยน!

    6
    'ของจริง' กับ 'ภาพวาด' คือภาพเดียวกัน, ผู้ทำการทดลองจะเห็นภาพเดียวกันในดวงตาไม่ว่าจะใช้กระจกหรือไม่

    7
    แสบกว่านั้น, บรูเนลเลสกีระบายสีท้องฟ้าด้วยสีเงินวาววับเพื่อส่องสะท้อนเมฆที่ลอยเอื่อยบนฟ้าเบื้องบนลงมาที่ภาพอีก

    8
    นั่นเป็นครั้งแรกที่มนุษย์ได้มองเห็นโลกตามที่ตาเห็น ผ่านภาพเขียน 'สมจริง' ภาพแรกของโลก

    9
    ถามว่า เหตุใดจึงไม่มีใครวาดภาพแบบนี้ก่อนหน้าฟิลลิฟโป บรูเนลเลสกี คำตอบคือ-\-\เพราะไม่มีใครเห็นโลกในแบบที่บรูเนลเลสกีเห็น การวาดภาพเช่นนี้ได้มิได้ใช้เพียงฝีมือทางศิลปะเท่านั้น หากยังต้องการจิตวิญญาณดวงใหม่ในการมองโลก เป็นการมองโลกด้วยท่าทีแบบวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่เคยมีก่อนหน้านี้

    10
    มนุษย์ในยุคก่อนนี้มิได้มองเห็นโลกตามที่ตาเห็น พวกเขามองโลกตามที่จิตวิญญาณรู้สึก ฟาโรห์ กษัตริย์ เทพ เทวี พระแม่ พระเยซู พระเจ้า หรือใครก็ตามที่มีอิทธิพลทางจิตวิญญาณสูงกว่าย่อมมีขนาดใหญ่กว่าผู้รับใช้ของพระองค์ ภาพวาด รูปแกะสลัก ประติมากรรม รวมถึงมหาวิหารจึงมีขนาดมโหฬารอย่างที่เห็นกัน

    11
    สิ่งเหล่านั้นสะท้อนสิ่งที่ 'ตาใน' มองเห็น ซึ่งคนในยุคก่อนรู้สึกและมองเห็นเช่นนั้นจริงๆ ในความรู้สึกของเขาเทพเจ้าและฟาโรห์ใหญ่โตกว่าพวกเขามากมายนัก ภาษาศิลป์จึงถูกใช้ในการบรรยายประสบการณ์ด้านในของมนุษย์ ซึ่งแม้ไม่สอดคล้องกับ 'ความจริง' แต่นั่นคือ 'ความจริง' ที่คนโบราณรู้สึก

    12
    การมองโลก 'ตามจริง' ค่อยๆ ตัดทอนมิติทางจิตวิญญาณลง และแสวงหาความจริงตามมิติของเรขาคณิตและวิทยาศาสตร์ที่ชั่งตวงวัดได้มากขึ้น ยุคสมัยของบรูเนลเลสกีจึงอบอวลไปด้วยความกระหายใคร่เห็นและอยากนำเสนอโลกที่สอดคล้องกับ 'ความจริงที่ปรากฏกับสายตา' และนั่นก็ทำให้ 'สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ยอมรับ' ค่อยๆ เปลี่ยนไปจากเดิม

    13
    ความกระหายในความสมจริงนั้นทำให้เราไม่แปลกใจเมื่อได้ทราบว่า มิเกลันเจโลเคยแอบผ่าศพอย่างลับๆ ด้วยการแอบไปที่ห้องเก็บศพตอนดึกเพื่อผ่าศพไร้ญาติโดยอาศัยแสงสว่างจากเทียนไข เลโอนาร์โด ดา วินชีก็ขึ้นชื่อเรื่องการแอบผ่าศพเช่นกัน ก่อนหน้านั้นการผ่าศพเพื่อการศึกษาเป็นข้อห้ามทางศาสนาและสังคมมาเนิ่นนาน พอมาถึงยุคเรอเนสซองส์กลายเป็นว่าความรู้เรื่องกายวิภาคได้รับความสนใจอย่างสูง

    14
    บางคนจึงบอกว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของโมนาลิซ่าอันเป็นปริศนาและมีชีวิตชีวานั้นเกิดจากการที่ดา วินชีเข้าใจสรีระของมนุษย์อย่างลึกซึ้ง เช่นกันกับรูปสลักที่แกะเทพ (ในร่างมนุษย์) ให้หลุดออกมาจากหินของมิเกลันเจโลที่ทำได้สมจริงระดับเส้นเลือดนั้นมิใช่เพียงเพราะฝีมือทางประติมากรรม หากโดยลึกแล้วเกิดขึ้นจากจิตวิญญาณใหม่ที่กระหายความจริงใหม่ มองโลกด้วยตาดวงใหม่แล้วอยากสะท้อนความจริงนั้นออกมา (แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ต้องรับแรงผลักดันของค่าจ้างจากผู้ทรงอิทธิพลและกุมเงินทั้งทางสังคมและศาสนาในยุคนั้นที่คอยจ่ายให้ศิลปินทั้งหลายด้วย)

    15
    600 ปีจากวันที่บรูเนลเลสกีชักชวนเพื่อนพ้องและชาวเมืองฟลอเรนซ์มามองโลกด้วยตาดวงใหม่ ผนวกรวมกับปัญญาต่างๆ ที่ถูกนำขึ้นมาถกเถียงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในยุคเกิดใหม่แห่งปัญญาที่ค่อยๆ เปลี่ยน 'ตาใน' ของมนุษย์ไปจากเดิม บทบาทของเทพ เทวดาจึงค่อยๆ ลดน้อยลง ก่อนจะส่งผลไปถึงพระเจ้าในยุคถัดๆ ไป นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากมายในยุคถัดมา และเปลี่ยนวิธีมองโลกของมนุษย์ไปมากมายมหาศาลในปัจจุบัน จะไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าทุกวันนี้เด็กๆ วาดรูปตัวเองตัวใหญ่กว่าภูเขา ก้อนเมฆ หรือกระทั่งพระอาทิตย์

    16
    เพราะมนุษย์สร้างโลกตามที่ 'ตาใน' มองเห็น เมื่อจิตวิญญาณของเราเชื่อเช่นนั้น เราก็สร้างโลกแบบนั้นขึ้นมา โลกที่ฟลอเรนซ์จึงต่างจากกิซ่าหรือทีบส์ที่อียิปต์ โลกที่นิวยอร์กหรือโตเกียวจึงต่างจากเอเธนส์หรือโรมโบราณ

    17
    600 ปีจากนี้อาจมีเหลนๆ ของเราหันกลับมามองแล้วบอกว่า วันที่สตีฟ จ็อบส์ขึ้นเวทีไปแนะนำไอโฟนรุ่นแรกกลายเป็นวันที่ทำให้มนุษย์มองโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปก็เป็นได้ 'วันเปลี่ยนโลก' เกิดขึ้นในยุคสมัยเราแน่นอน แต่กับคนในยุคเดียวกันมันจะหน้าตาเหมือนวันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้น

    18
    สรรพสิ่งที่เกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อยค่อยๆ ประกอบเข้าด้วยกันเป็น 'โลกทัศน์' ใหม่ที่เราใช้มองโลกและจักรวาลนี้ รวมถึงใช้มองตัวเราเองที่มีต่อความสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ เราค่อยๆ เปลี่ยนแปลงมุมมองของตัวเองโดยไม่รู้ตัว

    19
    มนุษย์ทุกยุคทุกสมัยตั้งคำถามกับ 'ความจริง' ที่ตัวเองรับรู้ผ่านจิตวิญญาณดวงเดิมอยู่เสมอ ว่ามันมี 'ความจริงอื่น' นอกไปจากที่เรารับรู้อยู่หรือไม่ คำถามนั้นทำให้บางคนค้นหาคำตอบเพื่อแสดงให้คนร่วมยุคสมัยได้เห็น 'ความจริง' ในแบบที่เขาเห็น

    20
    ซึ่ง, ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกใบนี้หลายครั้งมีจุดเริ่มต้นจากเหตุการณ์เล็กๆ

    บางครั้งก็เล็กระดับภาพวาดขนาดถือได้ด้วยมือเดียว

    แต่พอดีว่า, ภาพนั้นเปลี่ยนวิธีมองโลก

    .
    .
    .
    -\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-
    *ข้อมูลส่วนหนึ่งนำมาจากหนังสือ 'ไล่คว้าแสง' / Catching the Light โดย อาเธอร์ ซายองค์ แปลโดย นัยนา นาควัชระ สนพ.สวนเงินมีมา

你可能也想看看

搜尋相關網站